ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



ตุรกี ดุลการค้าค:--
ค: --
ค: --
เยอรมนี ดัชนี PMI การก่อสร้าง (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน PMI อุตสาหกรรมการก่อสร้าง IHS Markit (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี PMI อุตสาหกรรมการก่อสร้าง IHS Markit (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร PMI อุตสาหกรรมการก่อสร้าง Markit/CIPS (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยการประมูลหนี้ OAT 10-ปีค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน ดัชนียอดค้าปลีก MoM (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน ดัชนียอดค้าปลีก YoY (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
บราซิล GDP YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนการปลดพนักงานบริษัทชาเลนเจอร์ เกรย์ และคริสต์มาส YoY (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเลิกจ้างพนักงานบริษัทชาเลนเจอร์ เกรย์ และคริสต์มาส MoM (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเลิกจ้างพนักงานบริษัทชาเลนเจอร์ เกรย์ และคริสต์มาส YoY (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าเฉลี่ยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก4 สัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (Not SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อสินค้าคงทนนอกกระทรวงกลาโหมที่ได้แก้ไข MoM (ไม่รวมเครื่องบิน)(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นการขนส่ง) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นภาคกลาโหม) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงสต็อกก๊าซธรรมชาติประจำสัปดาห์ของ EIAค:--
ค: --
ค: --
ซาอุดิอาระเบีย การผลิตน้ำมันดิบค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การถือครองธนารักษ์สหรัฐฯของธนาคารกลางต่างประเทศรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย ดอกเบี้ยอ้างอิงค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราเงินสดสำรองค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น อินดิเคเตอร์ชั้นนำเบื้องต้น (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax YoY (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax MoM (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล





โตเกียว--29 พ.ย.--รอยเตอร์
เยนพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 6 สัปดาห์ในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ที่ตลาดเอเชีย หลังจากญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานของกรุงโตเกียว ซึ่งเป็นดัชนีที่ไม่รวมราคาอาหารสด พุ่งขึ้น 2.2% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในตลาดที่ +2.1% และเร่งตัวขึ้นจาก +1.8% ในเดือนต.ค. โดยรายงานนี้แสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของกรุงโตเกียวอยู่สูงกว่าเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ตั้งไว้ที่ 2% และบ่งชี้ว่าภาวะเงินเฟ้อขยายวงกว้างยิ่งขึ้น โดยปัจจัยนี้ช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ของนักลงทุนที่ว่า บีโอเจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ด้วย ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาส 40% ที่บีโอเจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% ในการประชุมวันที่ 18-19 ธ.ค. และมีโอกาส 60% ที่บีโอเจอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 0.50% ในการประชุมวันที่ 18-19 ธ.ค. โดยโอกาสดังกล่าวปรับขึ้นจากระดับราว 50% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน
ดอลลาร์/เยนดิ่งลง 0.81% สู่ 150.31 เยนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากรูดลงแตะ 149.83 เยนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. หรือจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 6 สัปดาห์ ส่วนยูโร/ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.13% สู่ 1.0567 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากดิ่งลงแตะ 1.0333 ดอลลาร์ในวันศุกร์ที่ 22 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 2022 หรือจุดต่ำสุดรอบ 2 ปี ทางด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอ่อนค่าลง 0.16% สู่ 105.92 ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากร่วงลงแตะ 105.84 ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย. หรือจุดต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ และออกห่างจากจุดสูงสุดรอบ 2 ปีที่ 108.09 ที่เคยทำไว้ในวันศุกร์ที่ 22 พ.ย. ทั้งนี้ ปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.16% สู่ 1.2707 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 1.2712 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย. ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น 0.21% สู่ 0.6513 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ทางด้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ปรับขึ้น 0.21% สู่ 0.5901 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้
ยูโรปรับขึ้นในวันนี้ หลังจากอ่อนค่าลงเมื่อวานนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากปัญหาขัดแย้งด้านงบประมาณในฝรั่งเศส และจากถ้อยแถลงแบบสายพิราบของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) โดยนายฟรองซัวส์ วิลเลอรอย เดอ กาโย ผู้ว่าการธนาคารกลางฝรั่งเศสกล่าวในวันพฤหัสบดีว่า อีซีบีควรจะเปิดทางเลือกสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในเดือนธ.ค. และเขากล่าวเสริมว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจจะร่วงลงสู่ระดับที่สามารถกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูรัฐบาลผสมของฝรั่งเศสที่อยู่ในภาวะเปราะบาง และกำลังประสบปัญหาในการผ่านงบประมาณในช่วงนี้ด้วย ในขณะที่แหล่งข่าวกล่าวว่า รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีมิเชล บาร์เนียร์ของฝรั่งเศสอาจจะล่มลงในสัปดาห์หน้า ถ้าหากนักการเมืองฝ่ายขวาจัดและฝ่ายซ้ายผลักดันญัตติไม่ไว้วางใจ
ดัชนีดอลลาร์มีแนวโน้มว่าอาจจะปิดตลาดเดือนพ.ย.ด้วยการพุ่งขึ้นกว่า 2% จากเดือนต.ค. หลังจากดัชนีดอลลาร์เพิ่งทะยานขึ้นกว่า 3% ในเดือนต.ค. โดยดัชนีดอลลาร์ได้รับแรงหนุนในช่วงที่ผ่านมาจากการคาดการณ์ที่ว่า นโยบายต่าง ๆ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะช่วยกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ ซึ่งรวมถึงนโยบายการใช้จ่ายขนาดใหญ่, นโยบายปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้า และนโยบายคุมเข้มพรมแดน อย่างไรก็ดี ดัชนีดอลลาร์มีแนวโน้มว่าอาจจะปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลงราว 1.5% จากสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรูดลงในช่วงนี้
เยนมีแนวโน้มว่าอาจจะปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้นราว 3% จากสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่เยนได้รับแรงหนุนในฐานะสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางความกังวลเรื่องมาตรการเก็บภาษีนำเข้าของนายทรัมป์ และเยนก็ได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของบีโอเจด้วย อย่างไรก็ดี นายโชกิ โอโมริ นักยุทธศาสตร์การลงทุนของบล.มิสุโฮคาดว่า บีโอเจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% ตามเดิมในเดือนธ.ค. โดยเขากล่าวว่า "การบริโภคที่แท้จริงในภาคบริการ ซึ่งครองน้ำหนักมากในดัชนีราคาผู้บริโภคที่กรุงโตเกียว กำลังปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ผมมองว่าปัจจัยนี้ยังไม่มากพอที่จะส่งผลให้บีโอเจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่การใช้จ่ายในสินค้าไม่คงทนปรับลดลง" และเขากล่าวเสริมว่า "เราสามารถสรุปได้ว่า ภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากอุปสงค์ยังไม่ได้เกิดขึ้นอย่างชัดเจน และเนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นมุ่งความสนใจไปยัง 'การเอาชนะภาวะเงินฝืด' และเตรียมที่จะจัดทำงบประมาณเพิ่มเติม ดังนั้นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.จึงยังคงเป็นสิ่งที่มีความเป็นไปได้ต่ำ" นอกจากนี้ นายโอโมริยังกล่าวอีกด้วยว่า หากมองจากปัจจัยทางเทคนิคแล้ว ดอลลาร์/เยนก็อยู่ในระดับที่มี "คำสั่งขายเข้ามามากเกินไป" และดอลลาร์มีแนวโน้มที่จะดีดขึ้นสู่ระดับสูงกว่า 152 เยนได้ก่อนสิ้นปีนี้--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;





หยวนแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในวันนี้ ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงจากที่แข็งค่าในช่วงที่ผ่านมาเนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับความเสี่ยงที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐจะเริ่มสงครามการค้าที่จะไม่มีผู้ใดชนะ และความสนใจในการเข้าซื้อดอลลาร์ยังเบาบางลงเนื่องในวันหยุดขอบคุณพระเจ้าของสหรัฐ
ก่อนตลาดเปิดทำการ ธนาคารกลางจีนได้กำหนดค่ากลางหยวนที่ 7.1894 ต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. และสูงกว่าที่รอยเตอร์คาดการณ์ไว้อยู่ 0.0333 หยวน
หยวนในตลาดสปอตอยู่ที่ 7.2380 ต่อดอลลาร์ในช่วงเปิดตลาด และปิดเที่ยงวันบวก 0.0015 หยวนจากระดับปิดครั้งก่อน
ยูบีเอส โกลบอล เวลธ์คาดว่า หยวนจะอ่อนค่าลงสู่ระดับ 7.5 ต่อดอลลาร์ภายในสิ้นปีหน้า ขณะที่สงครามการค้ารุนแรงขึ้น แม้ธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มที่จะสกัดกั้นการอ่อนค่าของหยวนด้วยการสร้างเสถียรภาพให้แก่การกำหนดค่ากลางรายวันเมื่อเทียบกับดอลลาร์ก็ตาม
นักเศรษฐศาสตร์จากเจ.พี.มอร์แกนกล่าวว่า หยวนอาจร่วงลง 10-15% ท่ามกลางแรงกดดันด้านภาษีนำเข้าในปีหน้า และอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนอาจถูกฉุดลง 1%--จบ--
Eikon source text





ลอนดอน--27 พ.ย.--รอยเตอร์
ยูโร/ดอลลาร์ดิ่งลงมาแล้วราว 3.8% จากช่วงต้นเดือนพ.ย. และอาจจะปิดตลาดเดือนพ.ย.ด้วยการดิ่งลงรายเดือนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2022 ในขณะที่นักวิเคราะห์เตือนว่า การแกว่งตัวผันผวนของยูโรอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตลาดการเงินโลกแกว่งตัวผันผวนได้ในอนาคต หลังจากที่การแกว่งตัวของค่าเงินเยนเคยส่งผลให้เกิดภาวะปั่นป่วนวุ่นวายในตลาดสินทรัพย์หลายประเภทมาแล้วในเดือนส.ค. โดยยูโรอยู่ที่ 1.0488 ดอลลาร์ในวันนี้ และอาจจะร่วงลงเข้าใกล้ระดับสำคัญที่ 1.0000 ดอลลาร์ โดยยูโรได้รับแรงกดดันในช่วงที่ผ่านมาจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงนโยบายด้านภาษีศุลกากรของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ, ความอ่อนแอทางเศรษฐกิจในยูโรโซน ซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิก 20 ประเทศ และสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เทรดเดอร์และนักลงทุนมีความเห็นที่แตกต่างกันไปต่อประเด็นที่ว่า ยูโร/ดอลลาร์จะมีทิศทางอย่างไรต่อไปในอนาคต ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐอาจจะได้รับผลกระทบจากมาตรการด้านภาษีศุลกากร และจากยอดหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐที่พุ่งสูงขึ้น โดยความไม่แน่นอนนี้อาจจะส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อการลงทุนแบบ Trump trades ที่ได้รับความนิยมสูง โดยการลงทุนดังกล่าวครอบคลุมถึงการลงทุนตามการคาดการณ์ที่ว่า ยูโรจะร่วงลงในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งสูงขึ้น
นายคิท จัคส์ หัวหน้าฝ่ายแผนยุทธศาสตร์การลงทุนสกุลเงินของธนาคารโซซิเอเต เจเนอราลกล่าวว่า "ตลาดจะแกว่งตัวผันผวน เพราะนักลงทุนจะเริ่มคิดว่า ยูโรจะดิ่งลงผ่านระดับ 1.0000 ดอลลาร์ลงไปหรือไม่ หรือว่ายูโรจะดีดกลับขึ้นมา โดยอย่างน้อยที่สุดเราก็จะพบว่ามีการอภิปรายกันมากยิ่งขึ้นในเรื่องการปรับตัวของยูโรในทั้งสองทิศทาง และผมก็ไม่มั่นใจว่าการที่สินทรัพย์ต่างประเภทปรับตัวสอดคล้องกันเป็นอย่างมากแบบนี้จะยังคงดำเนินต่อไปหรือไม่" ทั้งนี้ ดอลลาร์/เยนเคยแกว่งตัวผันผวนเป็นอย่างมากในช่วงต้นเดือนส.ค. ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้แก่กองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่เคยลงทุนตามการคาดการณ์ในทางลบต่อค่าเงินเยน และปัจจัยดังกล่าวก็ส่งผลให้มีการเทขายหุ้นออกมาเป็นจำนวนมากเพื่อนำเงินไปใช้ในการวางหลักประกันเพิ่ม ทางด้านผู้ควบคุมกฎระเบียบประกาศเตือนว่า ตลาดการเงินอาจจะเผชิญกับเหตุการณ์แบบนี้ได้อีก เมื่อใดก็ตามที่การลงทุนที่ได้รับความนิยมสูงปรับเปลี่ยนทิศทางไปอย่างรวดเร็ว เพราะว่ามีการใช้เงินกู้ในการลงทุนเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ นายจัคส์ยังระบุอีกด้วยว่า "ถ้าหากยูโรร่วงผ่านระดับ 1.0000 ดอลลาร์ลงไป ก็จะมีการพูดกันถึงประเด็นนี้อีกครั้ง"
ยูโร/ดอลลาร์ถือเป็นคู่สกุลเงินที่ได้รับการซื้อขายมากที่สุดในโลก ในขณะที่ดอลลาร์/เยนครองอันดับสอง, ปอนด์/ดอลลาร์ครองอันดับสาม, ดอลลาร์/หยวนครองอันดับสี่ และดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์แคนาดาครองอันดับห้า ทางด้านนักวิเคราะห์มองว่า ถ้าหากอัตราแลกเปลี่ยนยูโร/ดอลลาร์เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว สิ่งนี้ก็จะส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อผลกำไรของบริษัทข้ามชาติ และต่อแนวโน้มเศรษฐกิจกับอัตราเงินเฟ้อของประเทศต่าง ๆ ถ้าหากประเทศนั้นนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์และส่งออกสินค้าที่ตั้งราคาในรูปสกุลเงินดอลลาร์ ทั้งนี้ นายเธมอส ฟิโอทาคิส หัวหน้าฝ่ายแผนยุทธศาสตร์การลงทุนสกุลเงินของธนาคารบาร์เคลย์สระบุว่า "ยูโรถือเป็นเกณฑ์อ้างอิง" เพราะว่าประเทศที่มีความอ่อนไหวทางการค้า อย่างเช่นจีน, เกาหลีใต้ และสวิตเซอร์แลนด์ อาจจะปล่อยให้สกุลเงินของประเทศตนเองดิ่งลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ถ้าหากยูโรรูดลงต่อไป เพื่อที่ว่าสินค้าส่งออกของประเทศของตนเองจะได้สามารถแข่งขันกับสินค้าส่งออกของยูโรโซนได้ต่อไป นอกจากนี้ เขายังกล่าวเสริมว่า ปอนด์ก็มีความอ่อนไหวเป็นอย่างมากต่อยูโรด้วยเช่นกัน โดยปอนด์/ดอลลาร์ดิ่งลงมาแล้วกว่า 2% จากช่วงต้นเดือนนี้
ตลาดมีความอ่อนไหวต่ออัตราแลกเปลี่ยนยูโร/ดอลลาร์มากยิ่งขึ้น หลังจากเทรดเดอร์รีบเร่งทำสัญญาออปชั่นที่ครอบคลุมการลงทุนแบบข้ามสินทรัพย์ โดยเป็นผลจากนโยบายต่าง ๆ ของนายทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการลงทุนตามการคาดการณ์ที่ว่า ยูโรจะดิ่งลงและดัชนี S&P ของตลาดหุ้นสหรัฐจะพุ่งสูงขึ้น ทั้งนี้ นายแอลวิส มาริโน นักยุทธศาสตร์การลงทุนของธนาคารยูบีเอสระบุว่า นักลงทุนกำลังประเมินความเสี่ยงในเรื่องการแกว่งตัวของยูโร/ดอลลาร์ในระดับที่ต่ำเกินไป โดยมาตรวัดอุปสงค์ของนักลงทุนสำหรับความคุ้มครองจากการแกว่งตัวของยูโร/ดอลลาร์ในระยะใกล้ อยู่ที่ระดับราว 8% ในปัจจุบัน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับระดับใกล้ 14% ที่เคยทำไว้ในช่วงที่ยูโรดิ่งลงสู่ระดับต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ครั้งล่าสุดในเดือนต.ค. 2022 นอกจากนี้ นายมาริโนยังกล่าวเสริมว่า "ความผันผวนที่เกิดขึ้นจริงในตลาดปริวรรตเงินตราจะอยู่สูงกว่าระดับที่นักลงทุนคาดการณ์กันไว้ในปัจจุบัน" และเขาแนะนำให้ลูกค้าทำประกันความเสี่ยงต่อสกุลเงินโดยผ่านทางการทำสัญญาตราสารอนุพันธ์ที่จะจ่ายเงิน ถ้าหากความผันผวนของยูโรในอีกหนึ่งปีข้างหน้าอยู่สูงกว่าระดับปัจจุบัน
นักลงทุนในสินทรัพย์ระยะยาวคาดการณ์แตกต่างกันไปในเรื่องทิศทางของยูโร/ดอลลาร์ และความแตกต่างกันนี้บ่งชี้ว่า ยูโร/ดอลลาร์อาจจะแกว่งตัวผันผวนในช่วงหลายเดือนข้างหน้า โดยนายวิลเลม เซลส์ จากธนาคาร HSBC ระบุว่า "เราคาดว่ายูโรจะดิ่งลงสู่ระดับ 99 เซนต์สหรัฐภายในช่วงกลางปีหน้า" แต่นายแวงซองต์ มอร์ติเยร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทอามุนดี ซึ่งถือเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของยุโรประบุว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในยูโรโซนอาจจะช่วยกระตุ้นธุรกิจและปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในยูโรโซน และอาจจะช่วยหนุนยูโรให้พุ่งขึ้นสู่ 1.16 ดอลลาร์ภายในช่วงปลายปี 2025 ทั้งนี้ เทรดเดอร์ในตลาดออปชั่นคาดการณ์ว่า มีโอกาส 56% ที่ยูโรจะอยู่สูงกว่าระดับ 1.047 ดอลลาร์ในช่วงสิ้นปี แต่ธนาคารเจพี มอร์แกนกับธนาคารดอยช์ แบงก์คาดว่า ยูโรอาจจะดิ่งลงสู่ 1 ดอลลาร์ได้ โดยขึ้นอยู่กับมาตรการภาษีนำเข้า นอกจากนี้ ยูโรก็ได้รับแรงกดดันในช่วงที่ผ่านมาจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 2.75% ในการประชุมวันที่ 12 ธ.ค.--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;





นิวยอร์ค--27 พ.ย.--รอยเตอร์
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศในวันจันทร์ว่า เขาจะเก็บภาษีนำเข้า 25% จากสินค้าทั้งหมดที่มาจากเม็กซิโกและแคนาดาในวันแรกที่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี และจะเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมอีก 10% จากสินค้าจีน โดยเขาอ้างว่ามาตรการนี้เป็นการตอบโต้การค้ายาผิดกฎหมายและการปล่อยให้ผู้อพยพเข้าสหรัฐอย่างผิดกฎหมาย และเขายังระบุอีกด้วยว่า รัฐบาลจีนไม่ได้ดำเนินมาตรการอย่างเข้มแข็งมากพอในการสกัดกั้นยาผิดกฎหมายที่เข้าสู่สหรัฐโดยผ่านทางเม็กซิโก โดยนายทรัมป์ระบุว่า "จนกว่าเรื่องนี้จะสิ้นสุดลง เราก็จะเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมอีก 10% จากจีน โดยไม่รวมกับภาษีนำเข้าเพิ่มเติมอื่น ๆ โดยจะเก็บจากสินค้าหลายอย่างของจีนที่เข้าสู่สหรัฐอเมริกา" ทั้งนี้ ประกาศของนายทรัมป์ส่งผลให้ดอลลาร์แคนาดา, เปโซเม็กซิโก และหยวนของจีนร่วงลง แต่ประกาศดังกล่าวช่วยหนุนเยนในฐานะสกุลเงินปลอดภัย โดยดอลลาร์สหรัฐ/เปโซเม็กซิโกพุ่งขึ้น 1.71% สู่ 20.626 เปโซในช่วงท้ายวันอังคาร หลังจากทะยานขึ้นกว่า 2.5% ในระหว่างวัน จนแตะระดับ 20.835 เปโซได้ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2022 หรือจุดสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี โดยสามารถทำลายจุดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ที่ 20.8038 เปโซในวันที่ 6 พ.ย. ทางด้านคลอเดีย ไชน์บอม ประธานาธิบดีเม็กซิโกประกาศเตือนในวันอังคารเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เม็กซิโกและสหรัฐจะได้รับจากภาษีนำเข้า และเธอส่งสัญญาณว่าเม็กซิโกอาจจะดำเนินมาตรการตอบโต้สหรัฐ
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 106.90 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยขยับขึ้นจาก 106.86 ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 2 ปีที่ 108.09 ในวันศุกร์ที่ 22 พ.ย.
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 153.10 เยนในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยดิ่งลงจากระดับปิดตลาดวันจันทร์ที่ 154.21 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0486 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร โดยขยับลงจาก 1.0494 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์ หลังจากดิ่งลงแตะ 1.0333 ดอลลาร์ในวันศุกร์ที่ 22 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 2022
ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์แคนาดาแข็งค่าขึ้น 0.49% สู่ 1.4055 ดอลลาร์แคนาดาในช่วงท้ายวันอังคาร หลังจากพุ่งขึ้นกว่า 1.5% จนแตะระดับ 1.4178 ดอลลาร์แคนาดาในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2020 หรือจุดสูงสุดรอบ 4 ปีครึ่ง ทางด้านดอลลาร์สหรัฐ/หยวนแข็งค่าขึ้น 0.16% สู่ 7.2563 หยวนในช่วงท้ายวันอังคาร หลังจากทะยานขึ้นแตะ 7.2726 หยวนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค. ทั้งนี้ เจน โฟลีย์ หัวหน้าฝ่ายแผนยุทธศาสตร์การลงทุนสกุลเงินของธนาคารราโบแบงก์กล่าวว่า "ดิฉันคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้คือตัวอย่างอันดีที่แสดงให้เห็นว่า ตลาดมีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวนมากยิ่งขึ้นในยุคของทรัมป์ เพราะว่านายทรัมป์สามารถแสดงความคิดเห็นแบบนี้ได้นอกเวลาทำการของตลาดสหรัฐ ซึ่งเป็นความคิดเห็นที่จะสร้างความประหลาดใจต่อคนหลายคน และส่งผลให้นักลงทุนจำนวนมากพยายายามปรับตัวรับความเห็นดังกล่าว"
นายฮวน เปเรซ ผู้อำนวยการฝ่ายเทรดดิงของบริษัทโมเน็กซ์ ยูเอสเอระบุว่า ข่าวเรื่องภาษีศุลกากรของนายทรัมป์ช่วยหนุนเยนในฐานะสกุลเงินปลอดภัย และเขากล่าวเสริมว่า "ภาวะปั่นป่วนวุ่นวายใด ๆ ก็ตามในจีนอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ส่งผลดีต่อญี่ปุ่นเสมอไป แต่ก็ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ญี่ปุ่นสามารถก้าวขึ้นมาครองตำแหน่งผู้นำของเอเชียได้อีกครั้ง" ทั้งนี้ นักลงทุนรอดูผลการประเมินครั้งที่สองสำหรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาสสามของสหรัฐ ซึ่งจะได้รับการรายงานออกมาในวันพุธนี้ และรอดูดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนต.ค.ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันพุธนี้ด้วย โดยธนาคารกลางสหรัฐมักใช้ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดภาวะเงินเฟ้อ และนักลงทุนก็คาดว่าดัชนี PCE อาจปรับขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายเดือน และอาจปรับขึ้น 2.3% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายปี โดยรายงานตัวเลขดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อการประชุมกำหนดนโยบายของเฟดในวันที่ 17-18 ธ.ค.
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมกำหนดนโยบายประจำวันที่ 6-7 พ.ย.ในวันอังคาร โดยเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ 4.50%-4.75% ในการประชุมครั้งนั้น โดยรายงานการประชุมดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ผู้กำหนดนโยบายหลายคนมีความเห็นตรงกันว่า สิ่งที่เหมาะสมคือการปรับลดความเข้มงวดทางนโยบายลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้ รายงานการประชุมระบุว่า "ผู้เข้าร่วมการประชุมตั้งข้อสังเกตว่า การตัดสินใจกำหนดนโยบายการเงินไม่ได้มีการกำหนดแนวทางไว้ล่วงหน้า และการตัดสินใจดังกล่าวขึ้นอยู่กับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ และผลกระทบที่จะมีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ...ผู้เข้าร่วมการประชุมย้ำว่า สิ่งที่สำคัญสำหรับคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) ก็คือการสร้างความชัดเจนในเรื่องนี้ เมื่อ FOMC ปรับจุดยืนของนโยบาย"--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;





หยวนปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนครึ่งเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในวันนี้ แต่การอ่อนค่าถูกสกัดไว้จากแรงหนุนต่อเนื่องด้วยการกำหนดค่ากลางของธนาคารกลางจีน
เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางจีนรายหนึ่งย้ำว่า ธนาคารกลางจะป้องกันการเคลื่อนไหวด้านเดียวต่อค่าเงินหยวน และจะยังคงให้ความสนใจกับการทำให้หยวนมีเสถียรภาพ
ก่อนตลาดเปิดทำการ ธนาคารกลางจีนได้กำหนดค่ากลางหยวนที่ 7.1942 ต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. แต่สูงกว่าที่รอยเตอร์คาดการณ์ไว้อยู่ 0.0560 หยวน โดยธนาคารกลางจีนกำหนดค่ากลางสูงเกินคาดมาตั้งแต่วันพุธที่แล้ว ซึ่งเทรดเดอร์ และนักวิเคราะห์ตีความว่าเป็นความพยายามของทางการที่จะหนุนการคาดการณ์ของตลาด และสกัดการอ่อนค่าของหยวน
หยวนในตลาดสปอตอยู่ที่ 7.2431 ต่อดอลลาร์ในช่วงเปิดตลาด และปิดเที่ยงวันลดลง 0.0056 หยวนจากระดับปิดครั้งก่อน หลังจากที่ร่วงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนครึ่งที่ 7.2487 ต่อดอลลาร์ในช่วงเช้า--จบ--
Eikon source text





โตเกียว--22 พ.ย.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินเคลื่อนตัวอยู่ใกล้จุดสูงสุดรอบ 13 เดือนในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ที่ตลาดเอเชีย ในขณะที่นักลงทุนพยายามประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และยูโรได้รับแรงกดดันจากปัจจัยต่าง ๆ ที่สร้างความไม่แน่นอนในยุโรป ซึ่งรวมถึงสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และภาวะไม่แน่นอนทางการเมืองในเยอรมนี ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐร่วงลง 6,000 ราย สู่ 213,000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. หรือจุดต่ำสุดรอบ 7 เดือน และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 220,000 ราย โดยรายงานนี้บ่งชี้ว่า การจ้างงานดีดขึ้นหลังจากที่เคยได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนและจากการผละงานประท้วงในเดือนต.ค. อย่างไรก็ดี รายงานฉบับนี้บ่งชี้ว่า ผู้ว่างงานอาจจะใช้เวลานานยิ่งขึ้นในการหางานทำใหม่ เพราะว่าตัวเลขคนว่างงานทะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบ 3 ปี และปัจจัยนี้อาจจะช่วยสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนธ.ค. โดยกระทรวงแรงงานระบุว่า ยอดผู้ได้รับสวัสดิการว่างงานอย่างต่อเนื่องพุ่งขึ้น 36,000 ราย สู่ 1.908 ล้านรายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 9 พ.ย.
ดอลลาร์/เยนอ่อนค่าลง 0.08% สู่ 154.38 เยนในช่วงเช้าวันนี้ ส่วนยูโร/ดอลลาร์ขยับลง 0.02% สู่ 1.0471 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากดิ่งลงแตะ 1.0461 ดอลลาร์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพฤหัสบดี ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดรอบ 13 เดือน ทางด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินขยับลง 0.01% สู่ 107.05 ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 107.15 ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพฤหัสบดี ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. 2023 หรือจุดสูงสุดรอบ 13 เดือน ทั้งนี้ ปอนด์ขยับลง 0.02% สู่ 1.2586 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น 0.09% สู่ 0.6517 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ทางด้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.36% สู่ 0.5840 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้
เยนเพิ่งแข็งค่าขึ้น 0.59% ในวันพฤหัสบดี และเยนปรับขึ้นต่อไปในวันนี้ หลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสด แต่ครอบคลุมราคาผลิตภัณฑ์น้ำมัน พุ่งขึ้น 2.3% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในตลาดที่ +2.2% และสูงกว่าเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ตั้งไว้ที่ 2% โดยรายงานตัวเลขนี้บ่งชี้ว่า เงื่อนไขต่าง ๆ กำลังจะเปิดโอกาสให้บีโอเจสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ต่อไป ทั้งนี้ นายมาร์เซล ธีเลียนท์ หัวหน้าฝ่ายภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกในบริษัทแคปิตัล อิโคโนมิคส์กล่าวว่า ปัจจัยหลายประการสนับสนุนให้บีโอเจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. โดยปัจจัยเหล่านี้รวมถึงอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่แข็งแกร่ง, ปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่ดีดขึ้นในระยะนี้ และการอ่อนค่าของเยนในระยะนี้ ทางด้านนายคาสุโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น กล่าวเมื่อวานนี้ว่า บีโอเจจะพิจารณา "อย่างจริงจัง" เรื่องความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน เมื่อบีโอเจจัดทำตัวเลขคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อและตัวเลขคาดการณ์ทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ เขายังกล่าวเสริมว่า บีโอเจจะตัดสินใจกำหนดนโยบายการเงิน "ในการประชุมแต่ละครั้งไป" โดยการตัดสินใจดังกล่าวจะตั้งอยู่บนข้อมูลที่ได้รับมา
จะมีการรายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของหลายประเทศออกมาในช่วงต่อไปในวันนี้ แต่นายโทนี ซีคามอร์ นักวิเคราะห์ตลาดของบริษัท IG ระบุว่า ตัวเลขเหล่านี้อาจจะไม่ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในตลาดมากนัก ในขณะที่นักลงทุนยังคงมุ่งความสนใจไปยังประเด็นที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหรือไม่ในเดือนธ.ค. โดยนักลงทุนคาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาส 57.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. โดยโอกาสดังกล่าวปรับลดลงจากระดับ 72.2% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน และนักลงทุนคาดการณ์อีกด้วยว่า มีโอกาส 42.5% ที่เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50-4.75% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนก็คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันเพียง 0.70% ตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงสิ้นปี 2025 ทั้งนี้ นักลงทุนจะรอดูรายงานดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนต.ค.ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันศุกร์ที่ 29 พ.ย. เพราะว่าเฟดมักใช้ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดภาวะเงินเฟ้อ
บิทคอยน์พุ่งขึ้น 1.09% สู่ 99,151 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากทะยานขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ที่ 99,388 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ในขณะที่นักลงทุนจับตาดูว่า บิทคอยน์จะสามารถพุ่งขึ้นแตะระดับ 100,000 ดอลลาร์ได้หรือไม่ โดยบิทคอยน์ทะยานขึ้นมาแล้วกว่า 40% นับตั้งแต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า นายทรัมป์จะผ่อนคลายกฎระเบียบสำหรับสกุลเงินคริปโต--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;





โตเกียว--21 พ.ย.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินขยับลงเล็กน้อยในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ที่ตลาดเอเชีย ในขณะที่นักลงทุนพยายามประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และรอดูนโยบายต่าง ๆ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยในตอนนี้นักลงทุนคาดว่า มีโอกาส 53.3% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. โดยปรับลดลงจากโอกาส 82.5% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน และนักลงทุนยังคาดการณ์ในตอนนี้อีกด้วยว่า มีโอกาส 46.7% ที่เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50-4.75% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. และนักลงทุนคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันเพียง 0.73% ตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงสิ้นปี 2025 ทั้งนี้ รอยเตอร์ได้สำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ในวันที่ 12-20 พ.ย. และได้เปิดเผยผลสำรวจออกมาในวันพุธ โดยผลสำรวจระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์ 94 จาก 106 ราย หรือนักเศรษฐศาสตร์ 89% ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.25%-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. ส่วนนักเศรษฐศาสตร์ที่เหลืออีก 12 รายคาดว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50-4.75% ตามเดิมในการประชุมเดือนธ.ค. นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ยังคาดการณ์ในตอนนี้ว่า อัตราดอกเบี้ย fed funds จะอยู่ที่ 3.50%-3.75% ในช่วงสิ้นปี 2025 หากวัดจากค่ากลางของโพลล์ ซึ่งสูงกว่าระดับ 3.00%-3.25% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งเดือนก่อน โดยเป็นผลจากความเสี่ยงที่นโยบายของนายทรัมป์อาจจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้น
ดอลลาร์/เยนร่วงลง 0.30% สู่ 154.96 เยนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 156.74 เยนในวันศุกร์ที่ 15 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค. และเทียบกับระดับ 161.96 เยนที่เคยทำไว้ในวันที่ 3 ก.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1986 หรือจุดสูงสุดในรอบ 38 ปี ส่วนยูโร/ดอลลาร์ขยับขึ้น 0.06% สู่ 1.0549 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากดิ่งลงแตะ 1.0496 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2023 หรือจุดต่ำสุดรอบ 1 ปี ทางด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินขยับลง 0.06% สู่ 106.55 ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 1 ปีที่ 107.07 ในวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย. ทั้งนี้ ปอนด์ขยับขึ้น 0.07% สู่ 1.2656 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น 0.14% สู่ 0.6515 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ทางด้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับขึ้น 0.03% สู่ 0.5879 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 2% นับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. โดยดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะชะลอความเร็วในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพราะว่านโยบายของนายทรัมป์จะกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการคาดการณ์ที่ว่า มาตรการด้านภาษีศุลกากรของนายทรัมป์จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจยุโรปและเศรษฐกิจจีนด้วย ทั้งนี้ นายแมทท์ ซิมป์สัน นักวิเคราะห์ตลาดของบริษัทซิตี้ อินเด็กซ์ระบุว่า "เป็นเรื่องยากที่จะขายดอลลาร์สหรัฐในตอนนี้" ในขณะที่นักลงทุนพิจารณาความเป็นไปได้ที่เฟดจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนหน้า และเขากล่าวเสริมว่า "ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และปัจจัยนี้ก็ส่งผลลบต่อยูโร ในขณะที่ยูโรได้รับแรงกดดันอยู่แล้วจากแนวโน้มที่สหรัฐจะปรับขึ้นภาษีนำเข้า"
มีข่าวว่า ยูเครนได้ยิงขีปนาวุธ ATACMS ที่ผลิตในสหรัฐเข้าไปในรัสเซียในวันอังคาร และยูเครนได้ยิงขีปนาวุธพิสัยไกล "บริติช สตอร์ม ชาโดว์" เข้าไปในรัสเซียในวันพุธด้วย ทางด้านรัฐบาลรัสเซียได้ประกาศปรับลดเงื่อนไขในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ อย่างไรก็ดี นายเซอร์ไก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซียกล่าวในเวลาต่อมาว่า รัสเซียจะ "ทำทุกสิ่งที่ทำได้" เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามนิวเคลียร์ ทั้งนี้ มิเชลล์ โบว์แมน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการเฟด และลิซา คุก ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการเฟด แสดงความเห็นที่ขัดแย้งกันเองในวันพุธในเรื่องแนวโน้มนโยบายการเงินในสหรัฐ โดยโบว์แมนแสดงความกังวลต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% และเธอเรียกร้องให้เฟดใช้ความระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป ทางด้านลิซา คุก กล่าวในวันพุธว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงชะลอตัวลงต่อไป, ค่าแรงชะลอตัวลง และตลาดแรงงานชะลอตัวลง ส่วนการเพิ่มขึ้นของราคาในระดับที่มากเกินไปส่วนใหญ่แล้วจำกัดวงอยู่แค่ภายในภาคที่อยู่อาศัย ดังนั้นสถานการณ์ในตอนนี้จึงมีแนวโน้มว่าจะยังคงอยู่ในภาวะที่เหมาะสมสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป
ดอลลาร์/เยนเพิ่งพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ในสัปดาห์ที่แล้ว และปัจจัยดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่า ทางการญี่ปุ่นอาจจะเข้ามาแทรกแซงตลาดเพื่อหนุนค่าเงินเยนในอนาคต โดยนักลงทุนกำลังรอฟังถ้อยแถลงของนายคาสุโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ในงานประชุมทางการเงินที่กรุงปารีสในช่วงต่อไปในวันนี้ หลังจากที่ถ้อยแถลงของเขาในช่วงต้นสัปดาห์นี้เปิดโอกาสสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์อีกด้วยว่า มีโอกาส 52% ที่บีโอเจอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 19 ธ.ค. และมีโอกาส 48% ที่บีโอเจอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 0.50% ในการประชุมวันที่ 19 ธ.ค. ทั้งนี้ บิทคอยน์พุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ที่ 95,050.28 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากที่เพิ่งทะยานขึ้น 2.41% สู่ 94,461 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยบิทคอยน์ได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังที่ว่า รัฐบาลใหม่ของสหรัฐจะผ่อนคลายกฎระเบียบด้านสกุลเงินคริปโต และได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า บริษัทด้านสื่อสังคมของนายทรัมป์กำลังเจรจาเพื่อเข้าซื้อบริษัท Bakkt ที่ทำธุรกิจซื้อขายสกุลเงินคริปโต--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน