ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ดุลการค้า (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น GDP Nominal แก้ไขQoQ (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า YoY (USD) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การส่งออก (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า (CNH) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (CNH) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้าYoY (USD) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
เยอรมนี การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ยูโรโซน ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน Sentix (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจแห่งชาติ--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนียอดค้าปลีก Like-For-Like BRC YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนียอดค้าปลีกรวม BRC YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
ออสเตรเลีย อัตราหลัก(ดอกเบี้ยเงินกู้)O/N--
ค: --
ค: --
คำแถลงอัตราของธนาคารกลางออสเตรเลีย
ประธานธนาคารกลางออสเตรเลีย Bullock จัดงานแถลงข่าวนโยบายการเงิน
เยอรมนี อัตราการส่งออก MoM (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็ก NFIB (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก อัตราเงินเฟ้อ 12-เดือน (CPI) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก CPI หลัก YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก PPI YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา Redbook ประจำปีการขายปลีกเชิงพาณิชย์รายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ตำแหน่งงานว่างJOLTS (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ Money Supply ปริมาณเงิน M1 YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ Money Supply ปริมาณเงิน M0 YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ Money Supply ปริมาณเงิน M2 YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การพยากรณ์การผลิตระยะสั้นประจำปีน้ำมัน EIA (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การพยากรณ์การผลิตในปีหน้าก๊าซธรรมชาติ EIA (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การพยากรณ์การผลิตระยะสั้นในปีหน้าน้ำมัน EIA (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
แนวโน้มพลังงานระยะสั้นรายเดือน EIA
สหรัฐอเมริกา สต็อกน้ำมันเบนซินรายสัปดาห์ API--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่งรายสัปดาห์ API--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ API--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สต็อกน้ำมันสำเร็จรูปรายสัปดาห์ API--
ค: --
ค: --
เกาหลีใต้ อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ดัชนีนอกภาคการผลิต Reuters Tankan (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ดัชนีภาคการผลิต Reuters Tankan (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ดัชนีราคาสินค้าของวิสาหกิจในประเทศ MoM (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ดัชนีราคาสินค้าของวิสาหกิจในประเทศ YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ PPI YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ CPI MoM (พ.ย.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล










นิวยอร์ค--30 ต.ค.--รอยเตอร์
ดอลลาร์สหรัฐทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินหลายสกุลในวันอังคาร ในขณะที่เทรดเดอร์รอดูผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. และรอดูตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวที่จะได้รับการรายงานออกมาในช่วงนี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของยุโรปและออสเตรเลีย, ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของจีน, ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพุธ, ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพฤหัสบดี โดยดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นิยมใช้ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานออกมาในวันศุกร์ที่ 1 พ.ย. ทั้งนี้ เยนเคลื่อนตัวใกล้จุดต่ำสุดรอบ 3 เดือนในช่วงนี้ หลังจากพรรคร่วมรัฐบาลของญี่ปุ่นไม่สามารถครองเสียงข้างมากในสภาล่างในการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนกังวลกับความไม่แน่นอนทางการเมืองและความไม่แน่นอนในนโยบายการเงินของญี่ปุ่น
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 104.25 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร ซึ่งใกล้เคียงกับระดับปิดตลาดวันจันทร์ที่ 104.26 โดยดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นมาแล้ว 3.6% จากช่วงต้นเดือนนี้ และอาจจะปิดตลาดเดือนต.ค.ด้วยการพุ่งขึ้นรายเดือนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2022 หรือครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 153.35 เยนในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดวันจันทร์ที่ 153.28 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0818 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร โดยปรับขึ้นจาก 1.0812 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะจัดการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 30-31 ต.ค. และจะเปิดเผยผลการประชุมออกมาในวันพฤหัสบดีที่ 31 ต.ค.ในเวลาราว 10.30-11.30 น.ตามเวลาไทย โดยนายคาสุโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการบีโอเจ จะจัดงานแถลงข่าวในเวลา 13.30 น.ในวันที่ 31 ต.ค.ตามเวลาไทย นอกจากนี้ บีโอเจก็จะเปิดเผยรายงานคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจรายไตรมาสในวันที่ 31 ต.ค.ด้วย ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่า บีโอเจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ 0.25% ตามเดิมในการประชุมครั้งนี้ และบีโอเจจะไม่ปรับเปลี่ยนการคาดการณ์เงินเฟ้อไปจากเดิมมากนัก โดยบีโอเจคาดการณ์ในตอนนี้ว่า อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นจะเคลื่อนตัวอยู่ที่ระดับราว 2% จนถึงต้นปี 2027
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจตำแหน่งงานว่างและการเข้า-ออกงาน (JOLTS) ในวันองคาร โดยรายงานระบุว่า ยอดการเปิดรับสมัครงานในสหรัฐดิ่งลง 418,000 ตำแหน่ง สู่ 7.443 ล้านตำแหน่งในวันสุดท้ายของเดือนก.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2021 หรือจุดต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปีครึ่ง และทางกระทรวงได้ปรับทบทวนตัวเลขยอดเปิดรับสมัครงานในเดือนส.ค.ลงสู่ 7.861 ล้านตำแหน่ง จากเดิมที่เคยรายงานว่าอยู่ที่ 8.040 ล้านตำแหน่ง ทางด้านสัดส่วนตำแหน่งงานว่างต่อคนว่างงานในสหรัฐอยู่ที่ 1.09 ตำแหน่งต่อคนว่างงานหนึ่งคนในเดือนก.ย. โดยขยับลงจาก 1.10 ตำแหน่งต่อคนว่างงานหนึ่งคนในเดือนส.ค. โดยรายงานนี้บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ สำนักงาน Conference Board รายงานในวันอังคารว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นจาก 99.2 ในเดือนก.ย. สู่ 108.7 ในเดือนต.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดรอบ 9 เดือน ในขณะที่มุมมองของผู้บริโภคต่อตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้น
เฮเลน กิฟเวน จากบริษัทโมเน็กซ์ ยูเอสเอกล่าวว่า ดอลลาร์ยังคงมีโอกาสปรับลงได้เพียงในวงจำกัดเท่านั้น เนื่องจากดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. และจากการประชุมกำหนดนโยบายของเฟดในวันที่ 6-7 พ.ย. โดยดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลสำคัญทุกสกุลในปีนี้ยกเว้นปอนด์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้น 2.24% ในปีนี้เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ทั้งนี้ ปอนด์ปรับขึ้นจาก 1.2972 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงท้ายวันจันทร์ สู่ 1.3015 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร ในขณะที่นักลงทุนรอดูงบประมาณฉบับแรกที่รัฐบาลพรรคแรงงานของอังกฤษจะประกาศออกมาในวันที่ 30 ต.ค. ทางด้านยูโร/ปอนด์อ่อนค่าลง 0.27% สู่ 0.8313 ปอนด์ในวันอังคาร--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;










โตเกียว--28 ต.ค.--รอยเตอร์
เยนดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 3 เดือนในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ที่ตลาดเอเชีย ในขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลของญี่ปุ่นไม่สามารถครองเสียงข้างมากในการเลือกตั้งสมาชิกสภาล่างของญี่ปุ่นในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และนักลงทุนมองว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจจะส่งผลให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ไม่สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ พรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะของญี่ปุ่น และพรรคโคเมอิโตะซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลนาดเล็ก ครองที่นั่งได้รวมกันเพียง 215 ที่นั่งในสภาล่างของญี่ปุ่น โดยลดลงอย่างมากจาก 279 ที่นั่งที่มีอยู่เดิม ในขณะที่ประชาชนแสดงความไม่พอใจต่อข่าวอื้อฉาวเรื่องการระดมทุนของพรรค LDP และต่อปัญหาด้านค่าครองชีพในช่วงที่ผ่านมา และปัญหาทางการเมืองในครั้งนี้ก็อาจจะสร้างความยากลำบากให้แก่ธนาคารกลางญี่ปุ่น และอาจจะส่งผลกระทบต่อค่าเงินเยนด้วย ถ้าหากนายกรัฐมนตรีอิชิบะเลือกพรรคการเมืองขนาดเล็กที่สนับสนุนการใช้อัตราดอกเบี้ยใกล้ 0% ให้เข้าร่วมในรัฐบาลชุดใหม่ ทางด้านยูโร/เยนทะยานขึ้น 0.78% สู่ 165.71 เยนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 166.06 เยนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.
ดอลลาร์/เยนพุ่งขึ้น 1.00% สู่ 153.82 เยนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากทะยานขึ้นแตะ 153.87 เยนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค. หรือจุดสูงสุดรอบ 3 เดือน ส่วนยูโร/ดอลลาร์ขยับลง 0.06% สู่ 1.0787 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ และยูโรดิ่งลงมาแล้วกว่า 3% จากช่วงต้นเดือนนี้ ทางด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินแข็งค่าขึ้น 0.20% สู่ 104.52 ในช่วงเช้าวันนี้ โดยดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นมาแล้ว 3.6% จากช่วงต้นเดือนนี้ และอาจจะปิดตลาดเดือนต.ค.ด้วยการพุ่งขึ้นรายเดือนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2022 ทั้งนี้ ปอนด์อ่อนค่าลง 0.08% สู่ 1.2949 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ โดยปอนด์รูดลงมาแล้ว 3.1% จากช่วงต้นเดือนนี้ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.20% สู่ 0.6591 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ทางด้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ปรับลง 0.18% สู่ 0.5966 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้
เทรดเดอร์กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งของญี่ปุ่นในครั้งนี้อาจจะส่งผลให้ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนตัวผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีบ่อยครั้ง หลังจากญี่ปุ่นมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 4 คนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และเทรดเดอร์คาดว่าภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองในครั้งนี้จะส่งผลให้บีโอเจใช้ความระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงิน ในขณะที่บีโอเจกำลังจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 30-31 ต.ค.นี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์อีกด้วยว่า บีโอเจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ 0.25% ตามเดิมในการประชุมครั้งนี้ และบีโอเจจะไม่ปรับเปลี่ยนการคาดการณ์เงินเฟ้อไปจากเดิมมากนัก โดยบีโอเจคาดการณ์ในตอนนี้ว่า อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นจะเคลื่อนตัวอยู่ที่ระดับราว 2% จนถึงต้นปี 2027 ทั้งนี้ นายบาร์ท วากาบายาชิ ผู้จัดการสาขาโตเกียวของธนาคารสเตท สตรีทกล่าวว่า "ถ้าหากญี่ปุ่นจะมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ทุก 10-12 เดือนในช่วงต่อจากนี้ ปัจจัยดังกล่าวก็จะไม่ส่งผลดีต่อค่าเงินเยน" ทางด้านนักวิเคราะห์ของธนาคารแบงก์ ออฟ นิวยอร์คระบุว่า ดอลลาร์/เยนมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 155 เยน และมีแนวโน้มว่ากระทรวงการคลังญี่ปุ่นอาจจะเข้ามาแทรกแซงตลาดถ้าหากดอลลาร์พุ่งขึ้นแตะ 160 เยน
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มว่าอาจจะปิดตลาดเดือนต.ค.ด้วยการพุ่งขึ้นรายเดือนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ในขณะที่ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และจากการคาดการณ์ที่ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์อาจจะชนะการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. โดยปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีปรับขึ้นจาก 4.202% ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี สู่ 4.232% ในช่วงท้ายวันศุกร์ หลังจากเพิ่งพุ่งขึ้นแตะ 4.260% ในวันพุธที่ 23 ต.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค. หรือจุดสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือน ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้ว 0.40% จากช่วงต้นเดือนต.ค. ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีอายุ 10 ปีปรับขึ้นเพียง 0.16% จากช่วงต้นเดือนนี้ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษอายุ 10 ปีปรับขึ้นเพียง 0.23% จากช่วงต้นเดือนนี้
ดอลลาร์ออสเตรเลียและดอลลาร์นิวซีแลนด์ได้รับแรงกดดันจากความผิดหวังของนักลงทุนที่มีต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน โดยดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลงมาแล้วเกือบ 6% จากช่วงต้นเดือนนี้ ในขณะที่ดอลลาร์ออสเตรเลียรูดลงมาแล้ว 4.5% จากช่วงต้นเดือนนี้ ทั้งนี้ นักลงทุนรอดูตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของยุโรปและออสเตรเลีย, ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของจีน, ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพุธ, ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพฤหัสบดี โดยดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นิยมใช้ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานออกมาในวันศุกร์ที่ 1 พ.ย.--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;










โตเกียว--11 ต.ค.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินทรงตัวในวันนี้ หลังจากร่วงลงจากจุดสูงสุดในรอบเกือบ 2 เดือนเมื่อวานนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากสัญญาณบ่งชี้ถึงความอ่อนแอในตลาดแรงงานสหรัฐ ในขณะที่สัญญาณดังกล่าวช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนคาดการณ์กันว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างรวดเร็วต่อไป ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐในแบบที่ปรับตามปัจจัยด้านฤดูกาลพุ่งขึ้น 33,000 ราย สู่ 258,000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ต.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนส.ค. 2023 หรือจุดสูงสุดในรอบกว่าหนึ่งปี และอยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 230,000 ราย โดยการพุ่งขึ้น 33,000 รายในครั้งนี้ถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2021 หรือครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 3 ปีด้วย โดยตัวเลขยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานได้รับแรงหนุนบางส่วนมาจากพายุเฮอริเคนเฮลีนและการพักงานในบริษัทโบอิ้ง
ดอลลาร์/เยนขยับขึ้น 0.02% สู่ 148.59 เยนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 149.58 เยนในวันพฤหัสบดี ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค. ส่วนยูโร/ดอลลาร์ขยับขึ้น 0.02% สู่ 1.0937 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากดิ่งลงแตะ 1.0898 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค. ทางด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินขยับลง 0.02% สู่ 102.87 ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 103.17 ในวันพฤหัสบดี ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค. ทั้งนี้ ปอนด์อ่อนค่าลง 0.06% สู่ 1.3052 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้น 0.06% สู่ 0.6746 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ทางด้านดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งค่าขึ้น 0.09% สู่ 0.6100 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้
ดัชนีดอลลาร์ยังคงปรับขึ้นมาแล้ว 0.38% จากสัปดาห์ที่แล้ว และอาจจะปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากดัชนีดอลลาร์เพิ่งพุ่งขึ้น 2.06% ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยดัชนีดอลลาร์ได้รับแรงหนุนในสัปดาห์นี้จากรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ที่แข็งแกร่งเกินคาดที่รัฐบาลสหรัฐรายงานออกมาในวันที่ 4 ต.ค. เพราะรายงานตัวเลขดังกล่าวส่งผลให้เทรดเดอร์ยุติการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในเดือนพ.ย. ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ในตอนนี้ว่า เฟดไม่มีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 4.25-4.50% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 6-7 พ.ย. โดยโอกาสที่ 0% ดังกล่าวปรับลดลงจากระดับ 32.1% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน และนักลงทุนก็คาดการณ์ในตอนนี้ว่ามีโอกาส 85.4% ที่เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.50-4.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 6-7 พ.ย. และมีโอกาส 14.6% ที่เฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.75-5.00% ตามเดิมในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 6-7 พ.ย. โดยนักลงทุนยังคาดการณ์อีกด้วยว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันราว 0.46% ในช่วงต่อไปในปีนี้
สำนักงานสถิติแรงงาน (BLS) ในกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐปรับขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ส่วนดัชนี CPI ทั่วไปแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 2.4% ในเดือนก.ย. ซึ่งถือเป็นอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2021 หรือต่ำที่สุดในรอบ 3 ปีครึ่ง หลังจากปรับขึ้น 2.5% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายปี นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานยังรายงานอีกด้วยว่า ดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานปรับขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 3.3% ในเดือนก.ย. หลังจากปรับขึ้น 3.2% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายปี ทั้งนี้ ดอลลาร์ได้รับแรงกดดัน ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 2 ปี ซึ่งมักจะปรับตัวสอดคล้องกับการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย ปรับลงจาก 4.017% ในช่วงท้ายวันพุธ สู่ 3.999% ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี และปรับลงต่อไปสู่ 3.961% ในช่วงเช้าวันนี้
นายทาปัส สตริคแลนด์ หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์ตลาดของธนาคารเนชันแนล ออสเตรเลีย แบงก์กล่าวว่า "รายงาน CPI ของสหรัฐไม่ได้ส่งผลให้มีการปรับเปลี่ยนการคาดการณ์ที่ว่า อัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงต่อไป และปัจจัยนี้น่าจะยังคงส่งผลให้เฟดปรับอัตราดอกเบี้ยให้กลับคืนสู่ระดับที่เป็นกลางต่อไป ไม่ว่าอัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลางจะอยู่ที่ระดับใดก็ตาม" ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นที่แตกต่างกันไปในวันพฤหัสบดี โดยนายออสตัน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า ผู้กำหนดนโยบายส่วนใหญ่ของเฟดคาดว่า อัตราดอกเบี้ย "จะปรับลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนลงไปแตะระดับที่ต่ำกว่าระดับปัจจุบันเป็นอย่างมาก" อย่างไรก็ดี นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวในการให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลในวันพฤหัสบดีว่า เขายอมรับได้อย่างเต็มที่กับการที่เฟดจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือนพ.ย. และเขากล่าวเสริมว่า ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อและการจ้างงานที่แกว่งตัวผันผวนในระยะนี้อาจจะสนับสนุนให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในเดือนพ.ย.--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;










นิวยอร์ค--11 ต.ค.--รอยเตอร์
ดอลลาร์/เยนร่วงลงในวันพฤหัสบดี ในขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับตัวเลขเศรษฐกิจที่ได้รับการรายงานออกมาในวันพฤหัสบดี ซึ่งรวมถึงตัวเลขที่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอในตลาดแรงงานสหรัฐ และราคาผู้บริโภคที่ปรับขึ้นเล็กน้อย โดยตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะยังคงปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐปรับขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ส่วนดัชนี CPI ทั่วไปแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 2.4% ในเดือนก.ย. ซึ่งถือเป็นอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2021 หรือต่ำที่สุดในรอบ 3 ปีครึ่ง หลังจากปรับขึ้น 2.5% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายปี โดยก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไปอาจขยับขึ้น 0.1% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายเดือน และอาจปรับขึ้น 2.3% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายปี นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานยังรายงานอีกด้วยว่า ดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานปรับขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 3.3% ในเดือนก.ย. หลังจากปรับขึ้น 3.2% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายปี
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 102.89 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ 102.88 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 103.17 ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 148.56 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยร่วงลงจากระดับปิดตลาดวันพุธที่ 149.29 เยน หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 149.58 เยนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0935 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี โดยขยับลงจาก 1.0939 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากดิ่งลงแตะ 1.0898 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค.
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐพุ่งขึ้น 33,000 ราย สู่ 258,000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ต.ค. และอยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 230,000 ราย โดยตัวเลขยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานได้รับแรงหนุนบางส่วนมาจากพายุเฮอริเคนเฮลีนและการพักงานในบริษัทโบอิ้ง ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาส 85.4% ที่เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.50-4.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 6-7 พ.ย. และมีโอกาส 14.6% ที่เฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.75-5.00% ตามเดิมในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 6-7 พ.ย. โดยนักลงทุนยังคาดการณ์อีกด้วยว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันราว 0.46% ในช่วงต่อไปในปีนี้
ดอลลาร์/เยนร่วงลงในวันพฤหัสบดี ในขณะที่นายเรียวโซ ฮิมิโนะ รองผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) กล่าวสนับสนุนให้บีโอเจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ถ้าหากเศรษฐกิจญี่ปุ่นปรับตัวไปตามที่บีโอเจคาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ ดอลลาร์สหรัฐ/ฟรังก์สวิสร่วงลง 0.45% สู่ 0.856 ฟรังก์สวิสในวันพฤหัสบดี
นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวในการให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลในวันพฤหัสบดีว่า เขายอมรับได้อย่างเต็มที่กับการที่เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมเดือนพ.ย. และเขากล่าวเสริมว่า ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อและการจ้างงานที่แกว่งตัวผันผวนในระยะนี้อาจจะสนับสนุนให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในเดือนพ.ย.--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;










นิวยอร์ค--19 ก.ย.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินแข็งค่าขึ้นในวันพุธ หลังจากแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 4.75-5.00% โดยให้เหตุผลว่าเฟดมีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นว่า อัตราเงินเฟ้อจะยังคงชะลอตัวลงสู่ระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% เมื่อเทียบรายปี นอกจากนี้ ผู้กำหนดนโยบายของเฟดยังคาดการณ์อีกด้วยว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% สู่ 4.25-4.50% ในช่วงปลายปีนี้, จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 1% ในปี 2025 สู่ 3.25-3.50% ในช่วงปลายปี 2025 และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% ในปี 2026 สู่ 2.75-3.00% ในช่วงปลายปี 2026 ซึ่งจะถือเป็นจุดต่ำสุดของวัฏจักร ทั้งนี้ ดอลลาร์ร่วงลงในช่วงแรกหลังจากเฟดเผยผลการประชุม แต่ดอลลาร์ลดช่วงติดลบกลับขึ้นมาได้หลังจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดจัดงานแถลงข่าว โดยนายพาวเวลล์กล่าวว่า "ผมมองไม่เห็นสัญญาณใด ๆ ในเศรษฐกิจสหรัฐในตอนนี้ที่บ่งชี้ว่า มีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย คุณเห็นได้ว่าเศรษฐกิจกำลังเติบโตในอัตราที่แข็งแกร่ง, อัตราเงินเฟ้อกำลังชะลอตัวลง และตลาดแรงงานก็ยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมาก"
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 101.02 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 100.91 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร หลังจากดิ่งลงแตะ 100.21 ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2023
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 142.27 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยอ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดวันอังคารที่ 142.40 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.1118 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยขยับขึ้นจาก 1.1113 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร
หลังจากเฟดประกาศผลการประชุม นักลงทุนในตลาดสัญญาล่วงหน้าก็คาดว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกราว 0.70% ในช่วงต่อไปในปีนี้ ทั้งนี้ เส้นอัตราผลตอบแทนระหว่างพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 2 ปีกับ 10 ปี ซึ่งถือเป็นมาตรวัดการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจ พุ่งขึ้นแตะ 0.1018% ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพุธ ซึ่งถือเป็นระดับที่ลาดชันที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2022 หรือลาดชันที่สุดในรอบ 2 ปี และอยู่ที่ 0.0837% ในช่วงท้ายวันพุธ ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีปรับขึ้นจาก 3.642% ในช่วงท้ายวันอังคาร สู่ 3.687% ในช่วงท้ายวันพุธ
ปอนด์แข็งค่าขึ้นจาก 1.3163 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร สู่ 1.3214 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยปอนด์ถือเป็นสกุลเงินที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในบรรดาสกุลเงินกลุ่มจี-10 นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ทั้งนี้ หยวนพุ่งขึ้นแตะ 7.0708 หยวนต่อดอลลาร์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพุธ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2023 --จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;










โตเกียว--18 ก.ย.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินปรับลงในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ที่ตลาดเอเชีย หลังจากที่เพิ่งแข็งค่าขึ้นเมื่อวานนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด ในขณะที่เทรดเดอร์รอดูผลการประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะได้รับการประกาศออกมาในเวลา 01.00 น.ของวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย และรอดูงานแถลงข่าวของเฟดในเวลา 01.30 น.ตามเวลาไทยด้วย ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาส 65% ที่เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. โดยโอกาสดังกล่าวพุ่งขึ้นจากระดับราว 30% ที่เคยคาดไว้ในสัปดาห์ที่แล้ว และนักลงทุนก็คาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาส 35% ที่เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้จะถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์อีกด้วยว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันราว 1.17% ในปีนี้
ดอลลาร์/เยนดิ่งลง 0.73% สู่ 141.36 เยนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากดิ่งลงแตะ 139.58 เยนในวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2023 ส่วนยูโร/ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.13% สู่ 1.1127 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ และเทียบกับจุดสูงสุดของปีนี้ที่ 1.1201 ดอลลาร์ที่เคยทำไว้ในวันที่ 26 ส.ค. ทางด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอ่อนค่าลง 0.10% สู่ 100.81 ในช่วงเช้าวันนี้ ทั้งนี้ ปอนด์ขยับขึ้น 0.03% สู่ 1.3165 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น 0.17% สู่ 0.6766 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ทางด้านดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.27% สู่ 0.6205 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของราคานม
สำนักงานสำมะโนประชากรในกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันอังคารว่า ยอดค้าปลีกสหรัฐปรับขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากพุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนก.ค. และสวนทางกับตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่คาดว่า ยอดค้าปลีกอาจปรับลดลง 0.2% ในเดือนส.ค. ส่วนยอดค้าปลีกแบบเทียบรายปีพุ่งขึ้น 2.1% ในเดือนส.ค. โดยรายงานนี้บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสสาม ในขณะที่ยอดสั่งซื้อสินค้าออนไลน์อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง และปัจจัยบวกนี้ช่วยบดบังยอดขายที่ลดลงในบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ทั้งนี้ เฟดสาขาแอตแลนตาปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐประจำไตรมาสสามหลังจากมีการรายงานตัวเลขยอดค้าปลีก โดยเฟดสาขาแอตแลนตาคาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐอาจจะเติบโต 3.0% ในไตรมาสสามเมื่อเทียบเป็นตัวเลขเต็มปี (annualized) โดยปรับขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 2.5% และเทียบกับอัตราการเติบโตที่ 3.0% ในไตรมาสสอง
เทรดเดอร์ระบุว่า การแสดงความเห็นของเฟดและขนาดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันพุธจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นความเคลื่อนไหวในตลาดปริวรรตเงินตรา โดยนายนาธาน สวามี หัวหน้าฝ่ายการค้าสกุลเงินของธนาคารซิตี้กรุ๊ประบุว่า "ถ้าหากเฟดส่งสัญญาณแบบสายพิราบว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมากในอนาคต ปัจจัยดังกล่าวก็น่าจะส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง" อย่างไรก็ดี ถ้าหากเฟดส่งสัญญาณแบบสายพิราบเป็นอย่างมาก นักลงทุนก็อาจจะกังวลว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะตกต่ำลงอย่างรุนแรงเกินคาดในอนาคต และปัจจัยดังกล่าวอาจจะส่งผลลบต่อสกุลเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่ และสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูง ทั้งนี้ นักลงทุนรอดูตัวเลขอัตราเงินเฟ้อขั้นสุดท้ายประจำเดือนส.ค.ของยูโรโซนที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันนี้ แต่นักลงทุนคาดว่า ตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ใกล้เคียงกับตัวเลขอัตราเงินเฟ้อขั้นต้น
ปอนด์ยังคงพุ่งขึ้นมาแล้วราว 3.46% จากช่วงต้นปีนี้ และส่งผลให้ปอนด์ถือเป็นสกุลเงินที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในบรรดาสกุลเงินกลุ่มจี-10 ในปีนี้ โดยปอนด์ได้รับแรงหนุนจากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของอังกฤษ และจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงได้ยากในอังกฤษ ในขณะที่นักลงทุนรอดูตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษที่จะได้รับการรายงานออกมาในช่วงต่อไปในวันนี้ ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่า มีโอกาส 65% ที่ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.00% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 19 ก.ย. หลังจากบีโออีเริ่มต้นวัฏจักรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้วในเดือนส.ค. และนักลงทุนก็คาดว่า มีโอกาส 35% ที่บีโออีอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.75% ในการประชุมวันที่ 19 ก.ย.--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;










นิวยอร์ค--18 ก.ย.--รอยเตอร์
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ในวันอังคาร หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกที่ดีเกินคาด และตัวเลขดังกล่าวช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพียง 0.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. ซึ่งจะถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครังแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2020 เป็นต้นมา หรือการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันอังคารว่า ยอดค้าปลีกสหรัฐปรับขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนก.ค. และสวนทางกับตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่คาดว่า ยอดค้าปลีกอาจปรับลดลง 0.2% ในเดือนส.ค. โดยรายงานนี้บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสสาม ในขณะที่ยอดสั่งซื้อสินค้าออนไลน์อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง และปัจจัยบวกนี้ช่วยบดบังยอดขายที่ลดลงในบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถยนต์
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 100.91 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยแข็งค่าขึ้นจาก 100.70 ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 142.40 เยนในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยพุ่งขึ้นจากระดับปิดตลาดวันจันทร์ที่ 140.60 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.1113 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร โดยอ่อนค่าลงจาก 1.1132 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์ แต่ยังคงอยู่ใกล้กับจุดสูงสุดของปีนี้ที่ 1.1201 ดอลลาร์
นักลงทุนคาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาส 65% ที่เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. โดยโอกาสดังกล่าวพุ่งขึ้นจากระดับราว 30% ที่เคยคาดไว้ในสัปดาห์ที่แล้ว และนักลงทุนก็คาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาส 35% ที่เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. ทั้งนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่ออกมาในวันพุธช่วยสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพียง 0.25% เช่นกัน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันพุธว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจปรับขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค. หลังจากปรับขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย. และอยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ +0.3% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายเดือน โดยรายงานนี้บ่งชี้ว่า การลงทุนในสต็อกสินค้าคงคลังอาจจะมีส่วนช่วยหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสสาม ทางด้านเฟดรายงานในวันอังคารว่า ผลผลิตภาคโรงงานของสหรัฐพุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนส.ค. หลังจากร่วงลง 0.7% ในเดือนก.ค. และเทียบกับโพลล์รอยเตอร์ที่คาดว่า ผลผลิตภาคโรงงานอาจปรับขึ้นเพียง 0.3% ในเดือนส.ค.
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีแนวโน้มที่จะตรึงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะสั้นไว้ที่ 0.25% ตามเดิมในการประชุมกำหนดนโยบายในวันศุกร์นี้ หลังจากบีโอเจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 2 ครั้งในปีนี้ แต่บีโอเจมีแนวโน้มที่จะส่งสัญญาณว่า บีโอเจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในอนาคต ซึ่งจะส่งผลให้การประชุมของบีโอเจในวันที่ 30-31 ต.ค.กลายเป็นการประชุมที่มีความสำคัญ
ปอนด์ร่วงลงจาก 1.3216 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์ สู่ 1.3163 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร แต่ปอนด์ยังคงพุ่งขึ้นมาแล้วราว 3.5% จากช่วงต้นปีนี้ และส่งผลให้ปอนด์ถือเป็นสกุลเงินที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในบรรดาสกุลเงินกลุ่มจี-10 ในปีนี้ โดยปอนด์ได้รับแรงหนุนจากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของอังกฤษ และจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงได้ยากในอังกฤษ ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่า มีโอกาส 65% ที่ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.00% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 19 ก.ย. หลังจากบีโออีเริ่มต้นวัฏจักรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้วในเดือนส.ค. และนักลงทุนก็คาดว่า มีโอกาส 35% ที่บีโออีอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.75% ในการประชุมวันที่ 19 ก.ย.--จบ--
--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน