ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



ฝรั่งเศส อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยการประมูลหนี้ OAT 10-ปีค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน ดัชนียอดค้าปลีก YoY (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
บราซิล GDP YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนการปลดพนักงานบริษัทชาเลนเจอร์ เกรย์ และคริสต์มาส YoY (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเลิกจ้างพนักงานบริษัทชาเลนเจอร์ เกรย์ และคริสต์มาส MoM (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเลิกจ้างพนักงานบริษัทชาเลนเจอร์ เกรย์ และคริสต์มาส YoY (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าเฉลี่ยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก4 สัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (Not SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อสินค้าคงทนนอกกระทรวงกลาโหมที่ได้แก้ไข MoM (ไม่รวมเครื่องบิน)(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นการขนส่ง) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นภาคกลาโหม) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงสต็อกก๊าซธรรมชาติประจำสัปดาห์ของ EIAค:--
ค: --
ค: --
ซาอุดิอาระเบีย การผลิตน้ำมันดิบค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การถือครองธนารักษ์สหรัฐฯของธนาคารกลางต่างประเทศรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย ดอกเบี้ยอ้างอิงค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราเงินสดสำรองค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น อินดิเคเตอร์ชั้นนำเบื้องต้น (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax YoY (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax MoM (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล










โตเกียว--29 พ.ย.--รอยเตอร์
เยนพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 6 สัปดาห์ในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ที่ตลาดเอเชีย หลังจากญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานของกรุงโตเกียว ซึ่งเป็นดัชนีที่ไม่รวมราคาอาหารสด พุ่งขึ้น 2.2% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในตลาดที่ +2.1% และเร่งตัวขึ้นจาก +1.8% ในเดือนต.ค. โดยรายงานนี้แสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของกรุงโตเกียวอยู่สูงกว่าเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ตั้งไว้ที่ 2% และบ่งชี้ว่าภาวะเงินเฟ้อขยายวงกว้างยิ่งขึ้น โดยปัจจัยนี้ช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ของนักลงทุนที่ว่า บีโอเจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ด้วย ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาส 40% ที่บีโอเจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% ในการประชุมวันที่ 18-19 ธ.ค. และมีโอกาส 60% ที่บีโอเจอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 0.50% ในการประชุมวันที่ 18-19 ธ.ค. โดยโอกาสดังกล่าวปรับขึ้นจากระดับราว 50% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน
ดอลลาร์/เยนดิ่งลง 0.81% สู่ 150.31 เยนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากรูดลงแตะ 149.83 เยนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. หรือจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 6 สัปดาห์ ส่วนยูโร/ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.13% สู่ 1.0567 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากดิ่งลงแตะ 1.0333 ดอลลาร์ในวันศุกร์ที่ 22 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 2022 หรือจุดต่ำสุดรอบ 2 ปี ทางด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอ่อนค่าลง 0.16% สู่ 105.92 ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากร่วงลงแตะ 105.84 ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย. หรือจุดต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ และออกห่างจากจุดสูงสุดรอบ 2 ปีที่ 108.09 ที่เคยทำไว้ในวันศุกร์ที่ 22 พ.ย. ทั้งนี้ ปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.16% สู่ 1.2707 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 1.2712 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย. ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น 0.21% สู่ 0.6513 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ทางด้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ปรับขึ้น 0.21% สู่ 0.5901 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้
ยูโรปรับขึ้นในวันนี้ หลังจากอ่อนค่าลงเมื่อวานนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากปัญหาขัดแย้งด้านงบประมาณในฝรั่งเศส และจากถ้อยแถลงแบบสายพิราบของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) โดยนายฟรองซัวส์ วิลเลอรอย เดอ กาโย ผู้ว่าการธนาคารกลางฝรั่งเศสกล่าวในวันพฤหัสบดีว่า อีซีบีควรจะเปิดทางเลือกสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในเดือนธ.ค. และเขากล่าวเสริมว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจจะร่วงลงสู่ระดับที่สามารถกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูรัฐบาลผสมของฝรั่งเศสที่อยู่ในภาวะเปราะบาง และกำลังประสบปัญหาในการผ่านงบประมาณในช่วงนี้ด้วย ในขณะที่แหล่งข่าวกล่าวว่า รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีมิเชล บาร์เนียร์ของฝรั่งเศสอาจจะล่มลงในสัปดาห์หน้า ถ้าหากนักการเมืองฝ่ายขวาจัดและฝ่ายซ้ายผลักดันญัตติไม่ไว้วางใจ
ดัชนีดอลลาร์มีแนวโน้มว่าอาจจะปิดตลาดเดือนพ.ย.ด้วยการพุ่งขึ้นกว่า 2% จากเดือนต.ค. หลังจากดัชนีดอลลาร์เพิ่งทะยานขึ้นกว่า 3% ในเดือนต.ค. โดยดัชนีดอลลาร์ได้รับแรงหนุนในช่วงที่ผ่านมาจากการคาดการณ์ที่ว่า นโยบายต่าง ๆ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะช่วยกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ ซึ่งรวมถึงนโยบายการใช้จ่ายขนาดใหญ่, นโยบายปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้า และนโยบายคุมเข้มพรมแดน อย่างไรก็ดี ดัชนีดอลลาร์มีแนวโน้มว่าอาจจะปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลงราว 1.5% จากสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรูดลงในช่วงนี้
เยนมีแนวโน้มว่าอาจจะปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้นราว 3% จากสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่เยนได้รับแรงหนุนในฐานะสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางความกังวลเรื่องมาตรการเก็บภาษีนำเข้าของนายทรัมป์ และเยนก็ได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของบีโอเจด้วย อย่างไรก็ดี นายโชกิ โอโมริ นักยุทธศาสตร์การลงทุนของบล.มิสุโฮคาดว่า บีโอเจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% ตามเดิมในเดือนธ.ค. โดยเขากล่าวว่า "การบริโภคที่แท้จริงในภาคบริการ ซึ่งครองน้ำหนักมากในดัชนีราคาผู้บริโภคที่กรุงโตเกียว กำลังปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ผมมองว่าปัจจัยนี้ยังไม่มากพอที่จะส่งผลให้บีโอเจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่การใช้จ่ายในสินค้าไม่คงทนปรับลดลง" และเขากล่าวเสริมว่า "เราสามารถสรุปได้ว่า ภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากอุปสงค์ยังไม่ได้เกิดขึ้นอย่างชัดเจน และเนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นมุ่งความสนใจไปยัง 'การเอาชนะภาวะเงินฝืด' และเตรียมที่จะจัดทำงบประมาณเพิ่มเติม ดังนั้นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.จึงยังคงเป็นสิ่งที่มีความเป็นไปได้ต่ำ" นอกจากนี้ นายโอโมริยังกล่าวอีกด้วยว่า หากมองจากปัจจัยทางเทคนิคแล้ว ดอลลาร์/เยนก็อยู่ในระดับที่มี "คำสั่งขายเข้ามามากเกินไป" และดอลลาร์มีแนวโน้มที่จะดีดขึ้นสู่ระดับสูงกว่า 152 เยนได้ก่อนสิ้นปีนี้--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;










29 พ.ย.--รอยเตอร์
ตลาดเงินนิวยอร์คปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 28 พ.ย.เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ในขณะที่ยูโร/ดอลลาร์อ่อนค่าลงในช่วงการซื้อขายที่ตลาดอื่น ๆ ในวันพฤหัสบดี หลังจากที่ยูโรเพิ่งพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันพุธ โดยได้รับแรงหนุนจากการที่เทรดเดอร์ปรับลดการคาดการณ์เรื่องแนวโน้มในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ทั้งนี้ สำนักงานสถิติของรัฐบาลกลางเยอรมนีรายงานในวันพฤหัสบดีว่า อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีทรงตัวที่ 2.4% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเท่ากับระดับ 2.4% ในเดือนต.ค. และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 2.6% ในขณะที่นักลงทุนรอดูตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันศุกร์ โดยในตอนนี้นักลงทุนในตลาดเงินคาดว่า มีโอกาส 100% เต็มที่อีซีบีจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมวันที่ 12 ธ.ค. และมีโอกาสเพียง 13% ที่อีซีบีจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมวันที่ 12 ธ.ค. โดยโอกาสดังกล่าวปรับลดลงจากระดับราว 50% ในวันศุกร์ที่แล้ว
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 106.09 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ 106.07 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ หลังจากดิ่งลงแตะ 105.85 ในวันพุธ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ และเทียบกับจุดสูงสุดรอบ 2 ปีที่ 108.09 ที่ทำไว้ในวันศุกร์ที่ 22 พ.ย.
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 151.54 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดวันพุธที่ 151.10 เยน และเทียบกับระดับ 150.44 เยนที่ทำไว้ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพุธ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดในรอบราว 5 สัปดาห์
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0553 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี โดยอ่อนค่าลงจาก 1.0564 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยยูโรมีแนวโน้มว่าอาจจะปิดตลาดเดือนพ.ย.ด้วยการดิ่งลงรายเดือนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง
นายคาร์สเตน เบรสกี จากบริษัท ING กล่าวว่า "ตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคในยูโรโซนที่ได้รับการรายงานออกมาในวันพฤหัสบดี น่าจะช่วยกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่สายเหยี่ยวในอีซีบีคัดค้านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในเดือนธ.ค." ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูรัฐบาลผสมของฝรั่งเศสที่อยู่ในภาวะเปราะบาง และกำลังประสบปัญหาในการผ่านงบประมาณในช่วงนี้ด้วย ในขณะที่แหล่งข่าวกล่าวว่า รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีมิเชล บาร์เนียร์ของฝรั่งเศสอาจจะล่มลงในสัปดาห์หน้า ถ้าหากนักการเมืองฝ่ายขวาจัดและฝ่ายซ้ายผลักดันญัตติไม่ไว้วางใจ
เยนพุ่งขึ้นมาแล้ว 2.1% ในสัปดาห์นี้ และอาจจะปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้นรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 3 เดือน ในขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาส 40% ที่บีโอเจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% ในการประชุมวันที่ 18-19 ธ.ค. และมีโอกาส 60% ที่บีโอเจอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 0.50% ในการประชุมวันที่ 18-19 ธ.ค. โดยโอกาสดังกล่าวปรับขึ้นจากระดับราว 50% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ นายไมเคิล บราวน์ นักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทเพพเพอร์สโตนกล่าวว่า "ผมคาดว่าดัชนีดอลลาร์จะดีดขึ้นในช่วงต่อไปในเดือนธ.ค." และเขากล่าวเสริมว่า "เศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะที่ดีกว่าประเทศอื่น ๆ ในขณะที่ยูโรโซนประสบปัญหามากมายหลายอย่าง และก็มีความกังวลเรื่องงบประมาณฝรั่งเศสในช่วงนี้ด้วย" นอกจากนี้ เขายังระบุอีกด้วยว่า การที่ดัชนีดอลลาร์ร่วงผ่านระดับ 106 ลงไปในวันพุธดูเหมือนว่าเป็น "สิ่งที่ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน"
รูเบิลของรัสเซียพุ่งขึ้น 4.55% สู่ 108.00 รูเบิลต่อดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี จาก 113.15 รูเบิลต่อดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากรูเบิลเคยดิ่งลงอย่างรุนแรงนับตั้งแต่เดือนส.ค.เป็นต้นมา โดยรูเบิลดิ่งลงราว 33% จากระดับ 86.15 รูเบิลต่อดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนก.ค. สู่ 114.50 รูเบิลต่อดอลลาร์ในวันที่ 27 พ.ย. ทั้งนี้ รูเบิลได้รับแรงหนุนในช่วงนี้ หลังจากธนาคารกลางรัสเซียประกาศว่า ทางธนาคารกลางจะยุติการซื้อสกุลเงินต่างชาติจนถึงสิ้นปีนี้เพื่อหนุนค่าเงินรูเบิล--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;










สิงคโปร์--28 พ.ย.--รอยเตอร์
ยูโรขยับลงในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ที่ตลาดเอเชีย หลังจากพุ่งขึ้น 0.74% เมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นรายวันครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 4 เดือน หลังจากอิซาเบล ชนาเบล สมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) แสดงความเห็นแบบสายเหยี่ยวเมื่อวานนี้ โดยเธอกล่าวต่อสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า อีซีบีควรจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป และควรจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับที่เป็นกลาง แทนที่จะปรับลดลงสู่ระดับที่ผ่อนคลาย โดยถ้อยแถลงของเธอส่งผลให้นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์เรื่องแนวโน้มในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของอีซีบี ทั้งนี้ ยูโรเผชิญกับแนวต้านที่ระดับราว 1.06 ดอลลาร์ในช่วงนี้ และยูโรอาจจะพุ่งขึ้นทดสอบระดับดังกล่าว ถ้าหากเยอรมนีรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินคาดในช่วงต่อไปในวันนี้
ดอลลาร์/เยนแข็งค่าขึ้น 0.26% สู่ 151.49 เยนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากรูดลงแตะ 150.44 เยนในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพุธ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดในรอบราว 5 สัปดาห์ ส่วนยูโร/ดอลลาร์ขยับลง 0.09% สู่ 1.0554 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ทางด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินขยับขึ้น 0.10% สู่ 106.18 ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากดิ่งลงแตะ 105.85 ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพุธ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย. และเทียบกับจุดสูงสุดรอบ 2 ปีที่ 108.09 ที่ทำไว้ในวันศุกร์ที่ 22 พ.ย. ทั้งนี้ ปอนด์ขยับลง 0.07% สู่ 1.2667 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้น 0.89% ในวันพุธ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียขยับลง 0.04% สู่ 0.6495 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากแข็งค่าขึ้น 0.36% ในวันพุธ ทางด้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับลง 0.05% สู่ 0.5892 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้น 1.04% ในวันพุธ
เยนมีแนวโน้มว่าอาจจะปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้นรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 3 เดือน โดยเยนได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. โดยนักลงทุนคาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาส 44% ที่บีโอเจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% ในการประชุมวันที่ 18-19 ธ.ค. และมีโอกาส 56% ที่บีโอเจอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 0.50% ในการประชุมวันที่ 18-19 ธ.ค. โดยโอกาสดังกล่าวปรับขึ้นจากระดับราว 50% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ ดอลลาร์/เยนเพิ่งดิ่งลงผ่านค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วันที่ 151.99 เยนในวันพุธ และรูดลง 1.31% ในวันพุธ ส่วนยูโร/เยนแข็งค่าขึ้น 0.16% สู่ 159.91 เยนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากร่วงลง 0.58% เมื่อวานนี้ โดยยูโรได้ดิ่งลงแตะ 159.09 เยนในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพุธ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค.เป็นต้นมา
เจน โฟลีย์ นักยุทธศาสตร์การลงทุนสกุลเงินของธนาคารราโบแบงก์ระบุว่า "ดอลลาร์/เยนได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่แข็งแกร่งเกินคาดในญี่ปุ่น และจากความเสี่ยงที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้งในเดือนธ.ค." นอกจากนี้ ดอลลาร์ก็ร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินหลายสกุลด้วย ในขณะที่ภาคเอกชนลดความต้องการซื้อดอลลาร์ลง หลังจากภาคเอกชนได้เข้าซื้อดอลลาร์สำหรับใช้ในช่วงสิ้นเดือนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ในสหรัฐ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีดิ่งลงจาก 4.302% ในช่วงท้ายวันอังคาร สู่ 4.242% ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากสำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจ (BEA) ในกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันพุธว่า ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐปรับขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. ส่วนดัชนี PCE แบบเทียบรายปีปรับขึ้น 2.3% ในเดือนต.ค. หลังจากปรับขึ้น 2.1% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายปี โดยธนาคารกลางสหรัฐมักใช้ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดภาวะเงินเฟ้อ
เรียลของบราซิลดิ่งลงกว่า 2% สู่สถิติต่ำสุดใหม่ที่ 5.9389 เรียลต่อดอลลาร์สหรัฐในวันพุธ ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลบราซิลประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้น 0.385% โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลที่ว่า มาตรการปรับลดภาษีเงินได้ของบราซิลจะส่งผลกระทบต่องบประมาณของบราซิล--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;










นิวยอร์ค--27 พ.ย.--รอยเตอร์
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศในวันจันทร์ว่า เขาจะเก็บภาษีนำเข้า 25% จากสินค้าทั้งหมดที่มาจากเม็กซิโกและแคนาดาในวันแรกที่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี และจะเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมอีก 10% จากสินค้าจีน โดยเขาอ้างว่ามาตรการนี้เป็นการตอบโต้การค้ายาผิดกฎหมายและการปล่อยให้ผู้อพยพเข้าสหรัฐอย่างผิดกฎหมาย และเขายังระบุอีกด้วยว่า รัฐบาลจีนไม่ได้ดำเนินมาตรการอย่างเข้มแข็งมากพอในการสกัดกั้นยาผิดกฎหมายที่เข้าสู่สหรัฐโดยผ่านทางเม็กซิโก โดยนายทรัมป์ระบุว่า "จนกว่าเรื่องนี้จะสิ้นสุดลง เราก็จะเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมอีก 10% จากจีน โดยไม่รวมกับภาษีนำเข้าเพิ่มเติมอื่น ๆ โดยจะเก็บจากสินค้าหลายอย่างของจีนที่เข้าสู่สหรัฐอเมริกา" ทั้งนี้ ประกาศของนายทรัมป์ส่งผลให้ดอลลาร์แคนาดา, เปโซเม็กซิโก และหยวนของจีนร่วงลง แต่ประกาศดังกล่าวช่วยหนุนเยนในฐานะสกุลเงินปลอดภัย โดยดอลลาร์สหรัฐ/เปโซเม็กซิโกพุ่งขึ้น 1.71% สู่ 20.626 เปโซในช่วงท้ายวันอังคาร หลังจากทะยานขึ้นกว่า 2.5% ในระหว่างวัน จนแตะระดับ 20.835 เปโซได้ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2022 หรือจุดสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี โดยสามารถทำลายจุดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ที่ 20.8038 เปโซในวันที่ 6 พ.ย. ทางด้านคลอเดีย ไชน์บอม ประธานาธิบดีเม็กซิโกประกาศเตือนในวันอังคารเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เม็กซิโกและสหรัฐจะได้รับจากภาษีนำเข้า และเธอส่งสัญญาณว่าเม็กซิโกอาจจะดำเนินมาตรการตอบโต้สหรัฐ
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 106.90 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยขยับขึ้นจาก 106.86 ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 2 ปีที่ 108.09 ในวันศุกร์ที่ 22 พ.ย.
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 153.10 เยนในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยดิ่งลงจากระดับปิดตลาดวันจันทร์ที่ 154.21 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0486 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร โดยขยับลงจาก 1.0494 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์ หลังจากดิ่งลงแตะ 1.0333 ดอลลาร์ในวันศุกร์ที่ 22 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 2022
ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์แคนาดาแข็งค่าขึ้น 0.49% สู่ 1.4055 ดอลลาร์แคนาดาในช่วงท้ายวันอังคาร หลังจากพุ่งขึ้นกว่า 1.5% จนแตะระดับ 1.4178 ดอลลาร์แคนาดาในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2020 หรือจุดสูงสุดรอบ 4 ปีครึ่ง ทางด้านดอลลาร์สหรัฐ/หยวนแข็งค่าขึ้น 0.16% สู่ 7.2563 หยวนในช่วงท้ายวันอังคาร หลังจากทะยานขึ้นแตะ 7.2726 หยวนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค. ทั้งนี้ เจน โฟลีย์ หัวหน้าฝ่ายแผนยุทธศาสตร์การลงทุนสกุลเงินของธนาคารราโบแบงก์กล่าวว่า "ดิฉันคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้คือตัวอย่างอันดีที่แสดงให้เห็นว่า ตลาดมีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวนมากยิ่งขึ้นในยุคของทรัมป์ เพราะว่านายทรัมป์สามารถแสดงความคิดเห็นแบบนี้ได้นอกเวลาทำการของตลาดสหรัฐ ซึ่งเป็นความคิดเห็นที่จะสร้างความประหลาดใจต่อคนหลายคน และส่งผลให้นักลงทุนจำนวนมากพยายายามปรับตัวรับความเห็นดังกล่าว"
นายฮวน เปเรซ ผู้อำนวยการฝ่ายเทรดดิงของบริษัทโมเน็กซ์ ยูเอสเอระบุว่า ข่าวเรื่องภาษีศุลกากรของนายทรัมป์ช่วยหนุนเยนในฐานะสกุลเงินปลอดภัย และเขากล่าวเสริมว่า "ภาวะปั่นป่วนวุ่นวายใด ๆ ก็ตามในจีนอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ส่งผลดีต่อญี่ปุ่นเสมอไป แต่ก็ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ญี่ปุ่นสามารถก้าวขึ้นมาครองตำแหน่งผู้นำของเอเชียได้อีกครั้ง" ทั้งนี้ นักลงทุนรอดูผลการประเมินครั้งที่สองสำหรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาสสามของสหรัฐ ซึ่งจะได้รับการรายงานออกมาในวันพุธนี้ และรอดูดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนต.ค.ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันพุธนี้ด้วย โดยธนาคารกลางสหรัฐมักใช้ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดภาวะเงินเฟ้อ และนักลงทุนก็คาดว่าดัชนี PCE อาจปรับขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายเดือน และอาจปรับขึ้น 2.3% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายปี โดยรายงานตัวเลขดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อการประชุมกำหนดนโยบายของเฟดในวันที่ 17-18 ธ.ค.
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมกำหนดนโยบายประจำวันที่ 6-7 พ.ย.ในวันอังคาร โดยเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ 4.50%-4.75% ในการประชุมครั้งนั้น โดยรายงานการประชุมดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ผู้กำหนดนโยบายหลายคนมีความเห็นตรงกันว่า สิ่งที่เหมาะสมคือการปรับลดความเข้มงวดทางนโยบายลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้ รายงานการประชุมระบุว่า "ผู้เข้าร่วมการประชุมตั้งข้อสังเกตว่า การตัดสินใจกำหนดนโยบายการเงินไม่ได้มีการกำหนดแนวทางไว้ล่วงหน้า และการตัดสินใจดังกล่าวขึ้นอยู่กับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ และผลกระทบที่จะมีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ...ผู้เข้าร่วมการประชุมย้ำว่า สิ่งที่สำคัญสำหรับคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) ก็คือการสร้างความชัดเจนในเรื่องนี้ เมื่อ FOMC ปรับจุดยืนของนโยบาย"--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;










นิวยอร์ค--22 พ.ย.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 13 เดือนในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพฤหัสบดี ในขณะที่นักลงทุนพิจารณาตัวเลขการจ้างงานและถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อใช้ในการประเมินแนวโน้มในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐร่วงลง 6,000 ราย สู่ 213,000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. หรือจุดต่ำสุดรอบ 7 เดือน และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 220,000 ราย โดยรายงานนี้บ่งชี้ว่า การจ้างงานดีดขึ้นหลังจากที่เคยได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนและจากการผละงานประท้วงในเดือนต.ค. อย่างไรก็ดี รายงานฉบับนี้บ่งชี้ว่า ผู้ว่างงานอาจจะใช้เวลานานยิ่งขึ้นในการหางานทำใหม่ เพราะว่าตัวเลขคนว่างงานทะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบ 3 ปี และปัจจัยนี้อาจจะช่วยสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนธ.ค. โดยกระทรวงแรงงานระบุว่า ยอดผู้ได้รับสวัสดิการว่างงานอย่างต่อเนื่องพุ่งขึ้น 36,000 ราย สู่ 1.908 ล้านรายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 9 พ.ย.
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 107.06 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยแข็งค่าขึ้นจาก 106.61 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 107.15 ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. 2023 หรือจุดสูงสุดรอบ 13 เดือน
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 154.51 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยดิ่งลงจากระดับปิดตลาดวันพุธที่ 155.43 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0473 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี โดยร่วงลงจาก 1.0543 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากดิ่งลงแตะ 1.0461 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดรอบ 13 เดือน
บิทคอยน์พุ่งขึ้น 3.83% สู่ 98,081 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี หลังจากทะยานขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ที่ 99,057 ดอลลาร์ในระหว่างวัน โดยบิทคอยน์ทะยานขึ้นมาแล้วกว่า 40% นับตั้งแต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า นายทรัมป์จะผ่อนคลายกฎระเบียบสำหรับสกุลเงินคริปโต นอกจากนี้ ยังมีข่าว่า นายแกรี เจนส์เลอร์ ซึ่งเป็นผู้ที่เคยท้าทายอุตสาหกรรมสกุลเงินคริปโต จะลงจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้าด้วย
นายฟิลิป เลน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ยุโรปกล่าวว่า ผลผลิตทางเศรษฐกิจทั่วโลกจะได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ถ้าหากการค้าโลกมีการแบ่งขั้วกันมากยิ่งขึ้น โดยการแบ่งขั้วดังกล่าวจะส่งผลกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อในทันที และผลกระทบดังกล่าวจะจางหายไปก็ต่อเมื่อเวลาผ่านไปแล้วหลายปี ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาส 57.6% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. โดยโอกาสดังกล่าวปรับลดลงจากระดับ 72.2% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน และนักลงทุนคาดการณ์อีกด้วยว่า มีโอกาส 42.4% ที่เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50-4.75% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนก็คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันเพียง 0.70% ตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงสิ้นปี 2025
นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์คกล่าวว่า เขาคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง และอัตราดอกเบี้ยจะปรับลดลงต่อไป ส่วนนายทอม บาร์คิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์กล่าวว่า สหรัฐมีความอ่อนไหวต่อเหตุร้ายแรงด้านเงินเฟ้อมากกว่าในอดีต ทางด้านนายออสตัน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวย้ำว่า เขาสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป และเขาเปิดโอกาสสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างเชื่องช้ากว่าเดิม--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;








โตเกียว--21 พ.ย.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินขยับลงเล็กน้อยในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ที่ตลาดเอเชีย ในขณะที่นักลงทุนพยายามประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และรอดูนโยบายต่าง ๆ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยในตอนนี้นักลงทุนคาดว่า มีโอกาส 53.3% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. โดยปรับลดลงจากโอกาส 82.5% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน และนักลงทุนยังคาดการณ์ในตอนนี้อีกด้วยว่า มีโอกาส 46.7% ที่เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50-4.75% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. และนักลงทุนคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันเพียง 0.73% ตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงสิ้นปี 2025 ทั้งนี้ รอยเตอร์ได้สำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ในวันที่ 12-20 พ.ย. และได้เปิดเผยผลสำรวจออกมาในวันพุธ โดยผลสำรวจระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์ 94 จาก 106 ราย หรือนักเศรษฐศาสตร์ 89% ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.25%-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. ส่วนนักเศรษฐศาสตร์ที่เหลืออีก 12 รายคาดว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50-4.75% ตามเดิมในการประชุมเดือนธ.ค. นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ยังคาดการณ์ในตอนนี้ว่า อัตราดอกเบี้ย fed funds จะอยู่ที่ 3.50%-3.75% ในช่วงสิ้นปี 2025 หากวัดจากค่ากลางของโพลล์ ซึ่งสูงกว่าระดับ 3.00%-3.25% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งเดือนก่อน โดยเป็นผลจากความเสี่ยงที่นโยบายของนายทรัมป์อาจจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้น
ดอลลาร์/เยนร่วงลง 0.30% สู่ 154.96 เยนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 156.74 เยนในวันศุกร์ที่ 15 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค. และเทียบกับระดับ 161.96 เยนที่เคยทำไว้ในวันที่ 3 ก.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1986 หรือจุดสูงสุดในรอบ 38 ปี ส่วนยูโร/ดอลลาร์ขยับขึ้น 0.06% สู่ 1.0549 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากดิ่งลงแตะ 1.0496 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2023 หรือจุดต่ำสุดรอบ 1 ปี ทางด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินขยับลง 0.06% สู่ 106.55 ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 1 ปีที่ 107.07 ในวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย. ทั้งนี้ ปอนด์ขยับขึ้น 0.07% สู่ 1.2656 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น 0.14% สู่ 0.6515 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ทางด้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับขึ้น 0.03% สู่ 0.5879 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 2% นับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. โดยดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะชะลอความเร็วในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพราะว่านโยบายของนายทรัมป์จะกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการคาดการณ์ที่ว่า มาตรการด้านภาษีศุลกากรของนายทรัมป์จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจยุโรปและเศรษฐกิจจีนด้วย ทั้งนี้ นายแมทท์ ซิมป์สัน นักวิเคราะห์ตลาดของบริษัทซิตี้ อินเด็กซ์ระบุว่า "เป็นเรื่องยากที่จะขายดอลลาร์สหรัฐในตอนนี้" ในขณะที่นักลงทุนพิจารณาความเป็นไปได้ที่เฟดจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนหน้า และเขากล่าวเสริมว่า "ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และปัจจัยนี้ก็ส่งผลลบต่อยูโร ในขณะที่ยูโรได้รับแรงกดดันอยู่แล้วจากแนวโน้มที่สหรัฐจะปรับขึ้นภาษีนำเข้า"
มีข่าวว่า ยูเครนได้ยิงขีปนาวุธ ATACMS ที่ผลิตในสหรัฐเข้าไปในรัสเซียในวันอังคาร และยูเครนได้ยิงขีปนาวุธพิสัยไกล "บริติช สตอร์ม ชาโดว์" เข้าไปในรัสเซียในวันพุธด้วย ทางด้านรัฐบาลรัสเซียได้ประกาศปรับลดเงื่อนไขในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ อย่างไรก็ดี นายเซอร์ไก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซียกล่าวในเวลาต่อมาว่า รัสเซียจะ "ทำทุกสิ่งที่ทำได้" เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามนิวเคลียร์ ทั้งนี้ มิเชลล์ โบว์แมน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการเฟด และลิซา คุก ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการเฟด แสดงความเห็นที่ขัดแย้งกันเองในวันพุธในเรื่องแนวโน้มนโยบายการเงินในสหรัฐ โดยโบว์แมนแสดงความกังวลต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% และเธอเรียกร้องให้เฟดใช้ความระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป ทางด้านลิซา คุก กล่าวในวันพุธว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงชะลอตัวลงต่อไป, ค่าแรงชะลอตัวลง และตลาดแรงงานชะลอตัวลง ส่วนการเพิ่มขึ้นของราคาในระดับที่มากเกินไปส่วนใหญ่แล้วจำกัดวงอยู่แค่ภายในภาคที่อยู่อาศัย ดังนั้นสถานการณ์ในตอนนี้จึงมีแนวโน้มว่าจะยังคงอยู่ในภาวะที่เหมาะสมสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป
ดอลลาร์/เยนเพิ่งพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ในสัปดาห์ที่แล้ว และปัจจัยดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่า ทางการญี่ปุ่นอาจจะเข้ามาแทรกแซงตลาดเพื่อหนุนค่าเงินเยนในอนาคต โดยนักลงทุนกำลังรอฟังถ้อยแถลงของนายคาสุโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ในงานประชุมทางการเงินที่กรุงปารีสในช่วงต่อไปในวันนี้ หลังจากที่ถ้อยแถลงของเขาในช่วงต้นสัปดาห์นี้เปิดโอกาสสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์อีกด้วยว่า มีโอกาส 52% ที่บีโอเจอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 19 ธ.ค. และมีโอกาส 48% ที่บีโอเจอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 0.50% ในการประชุมวันที่ 19 ธ.ค. ทั้งนี้ บิทคอยน์พุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ที่ 95,050.28 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากที่เพิ่งทะยานขึ้น 2.41% สู่ 94,461 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยบิทคอยน์ได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังที่ว่า รัฐบาลใหม่ของสหรัฐจะผ่อนคลายกฎระเบียบด้านสกุลเงินคริปโต และได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า บริษัทด้านสื่อสังคมของนายทรัมป์กำลังเจรจาเพื่อเข้าซื้อบริษัท Bakkt ที่ทำธุรกิจซื้อขายสกุลเงินคริปโต--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;








นิวยอร์ค--21 พ.ย.--รอยเตอร์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในวันพุธ หลังจากปิดตลาดในแดนลบมานานติดต่อกัน 3 วัน ในขณะที่นักลงทุนพยายามประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และรอดูนโยบายต่าง ๆ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยในตอนนี้นักลงทุนคาดว่า มีโอกาส 53.2% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. โดยปรับลดลงจากโอกาส 82.5% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน และนักลงทุนยังคาดการณ์ในตอนนี้อีกด้วยว่า มีโอกาส 46.8% ที่เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50-4.75% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. และนักลงทุนคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันเพียง 0.73% ตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงสิ้นปี 2025 ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนธ.ค. แต่นักเศรษฐศาสตร์ปรับลดการคาดการณ์เรื่องแนวโน้มในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าเมื่อเทียบกับที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งเดือนก่อน โดยเป็นผลจากความเสี่ยงที่นโยบายของนายทรัมป์อาจจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้น โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ในตอนนี้ว่า อัตราดอกเบี้ย fed funds จะอยู่ที่ 3.50%-3.75% ในช่วงสิ้นปี 2025 ซึ่งสูงกว่าระดับ 3.00%-3.25% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งเดือนก่อน
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 106.61 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 106.13 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 155.43 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยพุ่งขึ้นจากระดับปิดตลาดวันอังคารที่ 154.65 เยน หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 156.74 เยนในวันศุกร์ที่ 15 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0543 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยร่วงลงจาก 1.0595 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร
เยน, ฟรังก์สวิส และดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นสามสกุลเงินปลอดภัย ได้รับแรงหนุนเป็นเวลาสั้น ๆ ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพุธ หลังจากรัฐบาลรัสเซียประกาศปรับลดเงื่อนไขในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ อย่างไรก็ดี คำสั่งซื้อสกุลเงินปลอดภัยจางหายไปในเวลาต่อมา หลังจากนายเซอร์ไก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียจะ "ทำทุกสิ่งที่ทำได้" เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามนิวเคลียร์ ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้วราว 3% นับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. โดยดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะชะลอความเร็วในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพราะว่านโยบายของนายทรัมป์จะกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ
มิเชลล์ โบว์แมน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการเฟด และลิซา คุก ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการเฟด แสดงความเห็นที่ขัดแย้งกันเองในวันพุธในเรื่องแนวโน้มนโยบายการเงินในสหรัฐ โดยโบว์แมนแสดงความกังวลต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% และเธอเรียกร้องให้เฟดใช้ความระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป ทางด้านลิซา คุก กล่าวในวันพุธว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงชะลอตัวลงต่อไป, ค่าแรงชะลอตัวลง และตลาดแรงงานชะลอตัวลง ส่วนการเพิ่มขึ้นของราคาในระดับที่มากเกินไปส่วนใหญ่แล้วจำกัดวงอยู่แค่ภายในภาคที่อยู่อาศัย ดังนั้นสถานการณ์ในตอนนี้จึงมีแนวโน้มว่าจะยังคงอยู่ในภาวะที่เหมาะสมสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป
ปอนด์อ่อนค่าลงจาก 1.2682 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร สู่ 1.2647 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ ถึงแม้อังกฤษรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงเกินคาดในเดือนต.ค. ทางด้านเทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาส 82.8% ที่ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมวันที่ 19 ธ.ค. ทั้งนี้ บิทคอยน์พุ่งขึ้น 2.41% สู่ 94,461 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากทะยานขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ที่ 94,982.37 ดอลลาร์ได้ในระหว่างวัน โดยบิทคอยน์ได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังที่ว่า รัฐบาลใหม่ของสหรัฐจะผ่อนคลายกฎระเบียบด้านสกุลเงินคริปโต และได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า บริษัทด้านสื่อสังคมของนายทรัมป์กำลังเจรจาเพื่อเข้าซื้อบริษัท Bakkt ที่ทำธุรกิจซื้อขายสกุลเงินคริปโต--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน