ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



ฝรั่งเศส อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยการประมูลหนี้ OAT 10-ปีค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน ดัชนียอดค้าปลีก MoM (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน ดัชนียอดค้าปลีก YoY (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
บราซิล GDP YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนการปลดพนักงานบริษัทชาเลนเจอร์ เกรย์ และคริสต์มาส YoY (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเลิกจ้างพนักงานบริษัทชาเลนเจอร์ เกรย์ และคริสต์มาส MoM (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเลิกจ้างพนักงานบริษัทชาเลนเจอร์ เกรย์ และคริสต์มาส YoY (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าเฉลี่ยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก4 สัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (Not SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อสินค้าคงทนนอกกระทรวงกลาโหมที่ได้แก้ไข MoM (ไม่รวมเครื่องบิน)(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นการขนส่ง) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นภาคกลาโหม) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงสต็อกก๊าซธรรมชาติประจำสัปดาห์ของ EIAค:--
ค: --
ค: --
ซาอุดิอาระเบีย การผลิตน้ำมันดิบค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การถือครองธนารักษ์สหรัฐฯของธนาคารกลางต่างประเทศรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย ดอกเบี้ยอ้างอิงค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราเงินสดสำรองค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น อินดิเคเตอร์ชั้นนำเบื้องต้น (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax YoY (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax MoM (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล








นิวยอร์ค--27 พ.ย.--รอยเตอร์
บริษัทข้ามชาติหลายแห่งกำลังปรับเพิ่มการทำประกันความเสี่ยง (เฮดจ์) ด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในช่วงนี้ เพื่อปกป้องผลกำไรในต่างประเทศไม่ให้ได้รับความเสียหายจากการแกว่งตัวผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ในขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์กำลังจะเริ่มดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเป็นสมัยที่สองในช่วงต้นปีหน้า และนโยบายต่าง ๆ ของเขาอาจจะส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนแกว่งตัวผันผวนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ นับตั้งแต่สหรัฐจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พ.ย. หรือเมื่อราว 3 สัปดาห์ก่อน นักยุทธศาสตร์การลงทุนและผู้บริหารธนาคารก็ระบุว่า บริษัทต่าง ๆ แสดงความสนใจมากยิ่งขึ้นในออปชั่นและการทำสัญญาสว็อปข้ามสกุลเงิน เพราะว่าบริษัทเหล่านี้มุ่งความสนใจไปยังประเด็นที่ว่า สกุลเงินอาจจะแกว่งตัวผันผวนเป็นอย่างมากในยุคของปธน.ทรัมป์ โดยเฉพาะบริษัทในกลุ่มการแพทย์และกลุ่มอุตสาหกรรม
นายคาร์ล ชามอททา หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดของบริษัทคอร์เพย์ระบุว่า "การเลือกตั้งในสหรัฐถือเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้ผู้ทำประกันความเสี่ยงคิดถึงความเสี่ยงด้านสกุลเงิน" และเขากล่าวเสริมว่า "ธุรกิจหลายแห่งเคยพึงพอใจกับทิศทางของอัตราแลกเปลี่ยนและขนาดความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนมาเป็นเวลานาน ก่อนที่ผลการเลือกตั้งจะส่งผลให้ธุรกิจเหล่านี้เลิกชะล่าใจ" ทั้งนี้ ชัยชนะของนายทรัมป์ในการเลือกตั้งจะเปิดโอกาสให้เขาสามารถดำเนินมาตรการด้านภาษีศุลกากรและมาตรการกีดกันทางการค้า และมาตรการเหล่านี้อาจจะส่งผลให้สกุลเงินแกว่งตัวผันผวน โดยนายทรัมป์เพิ่งประกาศในวันจันทร์ว่า เขาจะเก็บภาษีนำเข้า 25% จากสินค้าทั้งหมดที่มาจากเม็กซิโกและแคนาดาในวันแรกที่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี และจะเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมอีก 10% จากสินค้าจีน โดยเขาอ้างว่ามาตรการนี้เป็นการตอบโต้การค้ายาผิดกฎหมายและการปล่อยให้ผู้อพยพเข้าสหรัฐอย่างผิดกฎหมาย ทางด้านดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์แคนาดาขยับลง 0.03% สู่ 1.4051 ดอลลาร์แคนาดาในวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นกว่า 1.5% จนแตะระดับ 1.4178 ดอลลาร์แคนาดาในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2020 หรือจุดสูงสุดรอบ 4 ปีครึ่ง ส่วนดอลลาร์สหรัฐ/เปโซเม็กซิโกพุ่งขึ้น 0.33% สู่ 20.695 เปโซในวันนี้ หลังจากทะยานขึ้นกว่า 2.5% ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคาร จนแตะระดับ 20.835 เปโซได้ในวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2022 หรือจุดสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐ/หยวนก็แข็งค่าขึ้น 0.13% สู่ 7.2657 หยวนในวันนี้ หลังจากทะยานขึ้นแตะ 7.2726 หยวนในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค.
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินพุ่งขึ้นมาแล้วราว 3.5% นับตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า นโยบายด้านการค้าและภาษีศุลกากรของนายทรัมป์จะส่งผลบวกต่อดอลลาร์ โดยนายทรัมป์เคยประกาศอีกด้วยว่า เขาตั้งใจที่จะปรับปรุงข้อตกลงการค้าสหรัฐ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) ให้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการปรับเปลี่ยนข้อตกลงนี้จะมีรายละเอียดอย่างไร ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า สกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับการค้าเคยแกว่งตัวอย่างรุนแรงในช่วงที่นายทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยแรกในปี 2017-2020 และสิ่งนี้ก็ตอกย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นในการทำประกันความเสี่ยงในช่วงนี้ นอกจากนี้ ธนาคารกลางในอีกหลายประเทศทั่วโลกก็กำลังปรับนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติในช่วงนี้ และพยายามรักษาสมดุลระหว่างความกังวลเรื่องความอ่อนแอทางเศรษฐกิจกับความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อ และปัจจัยดังกล่าวก็อาจจะกระตุ้นให้สกุลเงินแกว่งตัวผันผวนได้ด้วยเช่นกันในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
ผลสำรวจโดยบริษัทมิลล์เทคเอฟเอ็กซ์ที่จัดทำในวันที่ 7-18 พ.ย.ระบุว่า เจ้าหน้าที่ผู้ตัดสินใจทางการเงินราว 94% ในบริษัทสหรัฐและอังกฤษระบุว่า ผลการเลือกตั้งในสหรัฐกระตุ้นให้พวกเขาปรับเปลี่ยนแผนยุทธศาสตร์การทำประกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน โดยเจ้าหน้าที่บางคนพยายามขยายระยะเวลาการทำประกันความเสี่ยงออกไป และเจ้าหน้าที่บางคนก็ปรับเพิ่มสัดส่วนการทำประกันความเสี่ยง นอกจากนี้ ผลสำรวจก็ระบุอีกด้วยว่า บริษัทหลายแห่งคาดว่าความไม่แน่นอนทางการค้าจะส่งผลลบเป็นอย่างมากต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกและทวีปยุโรปด้วย ทั้งนี้ บริษัทในดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐมีรายได้ราว 41% มาจากนอกสหรัฐ และบริษัทหลายแห่งก็พยายามทำประกันความเสี่ยงสำหรับยูโรและเปโซเม็กซิโกในช่วงนี้ โดยเปโซเม็กซิโกดิ่งลงมาแล้วราว 2% นับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และรูดลงมาแล้วเกือบ 17% จากช่วงต้นปีนี้ ทางด้านพอลา คัมมิงส์ จากธนาคารยูเอสแบงก์ระบุว่า ถึงแม้ว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐกับเม็กซิโกตึงตัวมากยิ่งขึ้นนับตั้งแต่การเลือกตั้ง ต้นทุนในการทำประกันความเสี่ยงสำหรับสถานะซื้อเปโซก็เพิ่มสูงขึ้น โดยเป็นผลจากการดิ่งลงของเปโซ และเธอกล่าวเสริมว่า "ผู้ที่ขายเปโซเม็กซิโกและเข้าซื้อดอลลาร์ในตอนนี้อาจลังเลที่จะปรับเพิ่มวอลุ่มการทำประกันความเสี่ยงสัญญาฟอร์เวิร์ด แต่อาจจะพิจารณาออปชั่นในฐานะทางเลือกหนึ่ง"
ยูโร/ดอลลาร์ดิ่งลงมาแล้วราว 4% นับตั้งแต่การเลือกตั้งในสหรัฐ ในขณะที่คัมมิงส์กล่าวว่า นักลงทุนไม่ได้ปรับตัวรับผลกระทบที่ยูโรจะได้รับในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งสิ่งนี้แตกต่างจากเปโซเม็กซิโกและหยวนของจีนที่ปรับตัวรับผลกระทบไปแล้วตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยยูโรได้รับแรงกดดันในช่วงนี้จากข่าวเรื่องภาษีศุลกากร, จากปัญหาทางเศรษฐกิจในเยอรมนี และจากความอ่อนแอในภาคโรงงานในหลายประเทศในยุโรป ทั้งนี้ คัมมิงส์ระบุว่า บริษัทบางแห่งในกลุ่มการแพทย์และกลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐแสดงความสนใจที่จะใช้สัญญาสว็อปข้ามสกุลเงินยูโรเพื่อบริหารความเสี่ยง และเพื่อลดการจ่ายดอกเบี้ย ทางด้านนายฮวน เปเรซ จากบริษัทโมเน็กซ์ ยูเอสเอระบุว่า "ผลการเลือกตั้งส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ มีความจำเป็นมากยิ่งขึ้นที่จะต้องทำความเข้าใจว่า อัตราแลกเปลี่ยนที่ระดับใดที่จะส่งผลให้บริษัทบางแห่งไม่สามารถดำเนินธุรกิจในต่างประเทศได้ ถ้าหากต้องรับมือกับอัตราภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นหรือรับมือกับกฎระเบียบที่เปลี่ยนไป"--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;








โตเกียว--21 พ.ย.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินขยับลงเล็กน้อยในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ที่ตลาดเอเชีย ในขณะที่นักลงทุนพยายามประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และรอดูนโยบายต่าง ๆ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยในตอนนี้นักลงทุนคาดว่า มีโอกาส 53.3% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. โดยปรับลดลงจากโอกาส 82.5% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน และนักลงทุนยังคาดการณ์ในตอนนี้อีกด้วยว่า มีโอกาส 46.7% ที่เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50-4.75% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. และนักลงทุนคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันเพียง 0.73% ตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงสิ้นปี 2025 ทั้งนี้ รอยเตอร์ได้สำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ในวันที่ 12-20 พ.ย. และได้เปิดเผยผลสำรวจออกมาในวันพุธ โดยผลสำรวจระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์ 94 จาก 106 ราย หรือนักเศรษฐศาสตร์ 89% ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.25%-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. ส่วนนักเศรษฐศาสตร์ที่เหลืออีก 12 รายคาดว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50-4.75% ตามเดิมในการประชุมเดือนธ.ค. นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ยังคาดการณ์ในตอนนี้ว่า อัตราดอกเบี้ย fed funds จะอยู่ที่ 3.50%-3.75% ในช่วงสิ้นปี 2025 หากวัดจากค่ากลางของโพลล์ ซึ่งสูงกว่าระดับ 3.00%-3.25% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งเดือนก่อน โดยเป็นผลจากความเสี่ยงที่นโยบายของนายทรัมป์อาจจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้น
ดอลลาร์/เยนร่วงลง 0.30% สู่ 154.96 เยนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 156.74 เยนในวันศุกร์ที่ 15 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค. และเทียบกับระดับ 161.96 เยนที่เคยทำไว้ในวันที่ 3 ก.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1986 หรือจุดสูงสุดในรอบ 38 ปี ส่วนยูโร/ดอลลาร์ขยับขึ้น 0.06% สู่ 1.0549 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากดิ่งลงแตะ 1.0496 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2023 หรือจุดต่ำสุดรอบ 1 ปี ทางด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินขยับลง 0.06% สู่ 106.55 ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 1 ปีที่ 107.07 ในวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย. ทั้งนี้ ปอนด์ขยับขึ้น 0.07% สู่ 1.2656 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น 0.14% สู่ 0.6515 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ทางด้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับขึ้น 0.03% สู่ 0.5879 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 2% นับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. โดยดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะชะลอความเร็วในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพราะว่านโยบายของนายทรัมป์จะกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการคาดการณ์ที่ว่า มาตรการด้านภาษีศุลกากรของนายทรัมป์จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจยุโรปและเศรษฐกิจจีนด้วย ทั้งนี้ นายแมทท์ ซิมป์สัน นักวิเคราะห์ตลาดของบริษัทซิตี้ อินเด็กซ์ระบุว่า "เป็นเรื่องยากที่จะขายดอลลาร์สหรัฐในตอนนี้" ในขณะที่นักลงทุนพิจารณาความเป็นไปได้ที่เฟดจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนหน้า และเขากล่าวเสริมว่า "ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และปัจจัยนี้ก็ส่งผลลบต่อยูโร ในขณะที่ยูโรได้รับแรงกดดันอยู่แล้วจากแนวโน้มที่สหรัฐจะปรับขึ้นภาษีนำเข้า"
มีข่าวว่า ยูเครนได้ยิงขีปนาวุธ ATACMS ที่ผลิตในสหรัฐเข้าไปในรัสเซียในวันอังคาร และยูเครนได้ยิงขีปนาวุธพิสัยไกล "บริติช สตอร์ม ชาโดว์" เข้าไปในรัสเซียในวันพุธด้วย ทางด้านรัฐบาลรัสเซียได้ประกาศปรับลดเงื่อนไขในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ อย่างไรก็ดี นายเซอร์ไก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซียกล่าวในเวลาต่อมาว่า รัสเซียจะ "ทำทุกสิ่งที่ทำได้" เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามนิวเคลียร์ ทั้งนี้ มิเชลล์ โบว์แมน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการเฟด และลิซา คุก ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการเฟด แสดงความเห็นที่ขัดแย้งกันเองในวันพุธในเรื่องแนวโน้มนโยบายการเงินในสหรัฐ โดยโบว์แมนแสดงความกังวลต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% และเธอเรียกร้องให้เฟดใช้ความระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป ทางด้านลิซา คุก กล่าวในวันพุธว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงชะลอตัวลงต่อไป, ค่าแรงชะลอตัวลง และตลาดแรงงานชะลอตัวลง ส่วนการเพิ่มขึ้นของราคาในระดับที่มากเกินไปส่วนใหญ่แล้วจำกัดวงอยู่แค่ภายในภาคที่อยู่อาศัย ดังนั้นสถานการณ์ในตอนนี้จึงมีแนวโน้มว่าจะยังคงอยู่ในภาวะที่เหมาะสมสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป
ดอลลาร์/เยนเพิ่งพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ในสัปดาห์ที่แล้ว และปัจจัยดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่า ทางการญี่ปุ่นอาจจะเข้ามาแทรกแซงตลาดเพื่อหนุนค่าเงินเยนในอนาคต โดยนักลงทุนกำลังรอฟังถ้อยแถลงของนายคาสุโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ในงานประชุมทางการเงินที่กรุงปารีสในช่วงต่อไปในวันนี้ หลังจากที่ถ้อยแถลงของเขาในช่วงต้นสัปดาห์นี้เปิดโอกาสสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์อีกด้วยว่า มีโอกาส 52% ที่บีโอเจอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 19 ธ.ค. และมีโอกาส 48% ที่บีโอเจอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 0.50% ในการประชุมวันที่ 19 ธ.ค. ทั้งนี้ บิทคอยน์พุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ที่ 95,050.28 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากที่เพิ่งทะยานขึ้น 2.41% สู่ 94,461 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยบิทคอยน์ได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังที่ว่า รัฐบาลใหม่ของสหรัฐจะผ่อนคลายกฎระเบียบด้านสกุลเงินคริปโต และได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า บริษัทด้านสื่อสังคมของนายทรัมป์กำลังเจรจาเพื่อเข้าซื้อบริษัท Bakkt ที่ทำธุรกิจซื้อขายสกุลเงินคริปโต--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;








นิวยอร์ค--21 พ.ย.--รอยเตอร์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในวันพุธ หลังจากปิดตลาดในแดนลบมานานติดต่อกัน 3 วัน ในขณะที่นักลงทุนพยายามประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และรอดูนโยบายต่าง ๆ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยในตอนนี้นักลงทุนคาดว่า มีโอกาส 53.2% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. โดยปรับลดลงจากโอกาส 82.5% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน และนักลงทุนยังคาดการณ์ในตอนนี้อีกด้วยว่า มีโอกาส 46.8% ที่เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50-4.75% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. และนักลงทุนคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันเพียง 0.73% ตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงสิ้นปี 2025 ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนธ.ค. แต่นักเศรษฐศาสตร์ปรับลดการคาดการณ์เรื่องแนวโน้มในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าเมื่อเทียบกับที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งเดือนก่อน โดยเป็นผลจากความเสี่ยงที่นโยบายของนายทรัมป์อาจจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้น โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ในตอนนี้ว่า อัตราดอกเบี้ย fed funds จะอยู่ที่ 3.50%-3.75% ในช่วงสิ้นปี 2025 ซึ่งสูงกว่าระดับ 3.00%-3.25% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งเดือนก่อน
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 106.61 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 106.13 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 155.43 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยพุ่งขึ้นจากระดับปิดตลาดวันอังคารที่ 154.65 เยน หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 156.74 เยนในวันศุกร์ที่ 15 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0543 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยร่วงลงจาก 1.0595 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร
เยน, ฟรังก์สวิส และดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นสามสกุลเงินปลอดภัย ได้รับแรงหนุนเป็นเวลาสั้น ๆ ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพุธ หลังจากรัฐบาลรัสเซียประกาศปรับลดเงื่อนไขในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ อย่างไรก็ดี คำสั่งซื้อสกุลเงินปลอดภัยจางหายไปในเวลาต่อมา หลังจากนายเซอร์ไก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียจะ "ทำทุกสิ่งที่ทำได้" เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามนิวเคลียร์ ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้วราว 3% นับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. โดยดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะชะลอความเร็วในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพราะว่านโยบายของนายทรัมป์จะกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ
มิเชลล์ โบว์แมน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการเฟด และลิซา คุก ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการเฟด แสดงความเห็นที่ขัดแย้งกันเองในวันพุธในเรื่องแนวโน้มนโยบายการเงินในสหรัฐ โดยโบว์แมนแสดงความกังวลต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% และเธอเรียกร้องให้เฟดใช้ความระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป ทางด้านลิซา คุก กล่าวในวันพุธว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงชะลอตัวลงต่อไป, ค่าแรงชะลอตัวลง และตลาดแรงงานชะลอตัวลง ส่วนการเพิ่มขึ้นของราคาในระดับที่มากเกินไปส่วนใหญ่แล้วจำกัดวงอยู่แค่ภายในภาคที่อยู่อาศัย ดังนั้นสถานการณ์ในตอนนี้จึงมีแนวโน้มว่าจะยังคงอยู่ในภาวะที่เหมาะสมสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป
ปอนด์อ่อนค่าลงจาก 1.2682 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร สู่ 1.2647 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ ถึงแม้อังกฤษรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงเกินคาดในเดือนต.ค. ทางด้านเทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาส 82.8% ที่ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมวันที่ 19 ธ.ค. ทั้งนี้ บิทคอยน์พุ่งขึ้น 2.41% สู่ 94,461 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากทะยานขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ที่ 94,982.37 ดอลลาร์ได้ในระหว่างวัน โดยบิทคอยน์ได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังที่ว่า รัฐบาลใหม่ของสหรัฐจะผ่อนคลายกฎระเบียบด้านสกุลเงินคริปโต และได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า บริษัทด้านสื่อสังคมของนายทรัมป์กำลังเจรจาเพื่อเข้าซื้อบริษัท Bakkt ที่ทำธุรกิจซื้อขายสกุลเงินคริปโต--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
หยวนทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากแข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ในช่วงเช้า ขณะที่ธนาคารกลางจีนกำหนดค่ากลางที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน
ก่อนตลาดเปิดทำการ ธนาคารกลางจีนได้กำหนดค่ากลางหยวนที่ 7.1307 ต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นะดับสูงสุดตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค. และต่ำกว่าที่รอยเตอร์คาดไว้เพียง 0.0004 หยวน ซึ่งเป็นส่วนต่างที่น้อยที่สุดตั้งแต่เดือนมิ.ย.2023 และบ่งชี้ว่า กลไกการกำหนดราคาปรับตัวเป็นปกติแล้ว เนื่องจากดอลลาร์กำลังอ่อนค่าลง
หยวนในตลาดสปอตอยู่ที่ 7.1350 ต่อดอลลาร์ในช่วงเปิดตลาด และปรับตัวลง 0.0017 หยวนจากระดับปิดครั้งก่อน และต่ำกว่าค่ากลางอยู่ 0.01%
ดอลลาร์ร่วงลงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญๆเนื่องจากผลตอบแทนที่ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ ขณะที่ผู้เล่นในตลาดกำลังรอการเปิดเผการแก้ไขเบื้องต้นข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐในวันนี้ และการแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมที่เมืองแจ็คสัน โฮลในวันศุกร์นี้
นักวิเคราะห์จากเมย์แบงก์ยังคงมองเห็นช่วงขาลงสำหรับหยวนในเกณฑ์ที่มีการถ่วงน้ำหนักการค้า เนื่องจากธนาคารกลางจีนไม่ถูกกดดันอีกต่อไปให้ต้องปกป้องค่าเงินหยวน/ดอลลาร์ ในขณะที่เฟดกำลังจะปรับเปลี่ยนไปสู่การลดดอกเบี้ย และจากการคำนวณของรอยเตอร์พบว่า หยวนเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินของประเทศคุ่ค้า ลดลงสู่ระดับ 97.65 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนธ.ค.2023--จบ--
Eikon source text
นิวยอร์ค--25 เม.ย.--รอยเตอร์
ข้อมูลที่ออกมาในระยะนี้บ่งชี้ว่า ลูกหนี้รายได้ต่ำในสหรัฐกำลังประสบปัญหาในการชำระหนี้ และปัญหานี้ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นในการปล่อยสินเชื่อรถยนต์และสินเชื่อบัตรเครดิต นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ยังระบุอีกด้วยว่า ชาวสหรัฐจำนวนมากยิ่งขึ้นมีเงินออมร่อยหรอลงในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่การพุ่งขึ้นของราคาสินค้าและบริการส่งผลลบต่องบประมาณ และอัตราดอกเบี้ยก็ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้สร้างความเสียหายต่อชาวสหรัฐที่มีรายได้ต่ำกว่า 45,000 ดอลลาร์ต่อปี แต่ชาวสหรัฐที่มีรายได้สูงยังคงมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง ทั้งนี้ นายออสตัน กูลส์บี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกเพิ่งกล่าวในวันศุกร์ที่ 19 เม.ย.ว่า การค้างชำระหนี้ของผู้บริโภคถือเป็นหนึ่งในตัวเลขเศรษฐกิจที่น่ากังวลมากที่สุดในตอนนี้ และเขากล่าวเสริมว่า "ถ้าหากอัตราการค้างชำระหนี้ของผู้บริโภคเริ่มปรับสูงขึ้น นั่นก็มักจะถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ล่วงหน้าว่า สถานการณ์กำลังจะย่ำแย่ลง"
นายอาริจิต รอย ผู้บริหารแผนกธุรกิจผู้บริโภคในธนาคารยู.เอส. แบงคอร์ปกล่าวว่า ลูกหนี้ครั้งแรกและลูกหนี้รายได้ต่ำมีอัตราการผิดนัดชำระหนี้สูงกว่าลูกหนี้ที่มีรายได้สูง ส่วนธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริการะบุในวันอังคารว่า ยอดการตัดบัญชีหนี้สูญพุ่งขึ้นสู่ 1.5 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีนี้ จาก 807 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 1/2023 โดยได้รับแรงหนุนส่วนใหญ่จากหนี้บัตรเครดิต ทางด้านธนาคารเจพีมอร์แกน เชสระบุว่า ยอดการตัดบัญชีหนี้สูญพุ่งขึ้นเกือบ 2 เท่า สู่ 2 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก นอกจากนี้ ยอดการตัดบัญชีหนี้สูญก็ทะยานขึ้นด้วยเช่นกันในธนาคารซิตี้กรุ๊ปและธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ทั้งนี้ นายแอลิสเตอร์ บอร์ธวิค หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของแบงก์ ออฟ อเมริการะบุว่า ลูกหนี้ที่มีคะแนนความน่าเชื่อถือต่ำเริ่มมีฐานะการเงินเปราะบาง ในขณะที่รายจ่ายของลูกหนี้กลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อและจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ลูกหนี้ส่วนใหญ่ของแบงก์ ออฟ อเมริกามีคะแนนเครดิตสูงและมีฐานะการเงินแข็งแกรง
ธนาคารบางแห่งในสหรัฐให้บริการแก่ลูกหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำจำนวนมาก หรือลูกหนี้ที่มีคะแนนเครดิตราว 300-600 คะแนน โดยธนาคารในกลุ่มนี้รวมถึงธนาคารแคปิตัล วัน, ธนาคารโอลด์ เนชันนัล แบงก์ และธนาคารเฟิร์สท์ มอร์ทเกจ ไดเรคท์ อย่างไรก็ดี ธนาคารทั้ง 3 แห่งนี้ไม่ได้แสดงความเห็นต่อประเด็นนี้ ทั้งนี้ ถึงแม้ธนาคารพาณิชย์มีรายได้จากดอกเบี้ย ธนาคารก็มักจะหลีกเลี่ยงจากสถานการณ์ที่ส่งผลให้ทางธนาคารต้องตัดบัญชีหนี้สูญ โดยนายทอม เดนท์ รองประธานสมาคมผู้บริหารกิจการสายบุคคลธนกิจกล่าวว่า "ธนาคารพาณิชย์มักจะส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าต่อลูกค้าเกี่ยวกับกำหนดการชำระเงิน, ให้คำปรึกษาด้านหนี้สินแก่ลูกค้า และให้ความรู้แก่ลูกค้าเพื่อจะได้ชำระหนี้ได้ต่อไป"
ปัญหาของลูกหนี้ในสหรัฐส่งผลให้ภาคธนาคารใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น โดยผลสำรวจของเฟดสาขาดัลลัสระบุว่า ปริมาณสินเชื่อของธนาคารในภูมิภาคดังกล่าวลดระดับลง และมีการคุมเข้มมาตรฐานการปล่อยกู้มากยิ่งขึ้น ในขณะที่ธนาคารหลายแห่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในเดือนมี.ค. ทั้งนี้ เฟดได้เปิดเผยผลสำรวจความเห็นเจ้าหน้าที่สินเชื่อในสหรัฐรายไตรมาสในเดือนม.ค. โดยผลสำรวจดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่สินเชื่อได้คุมเข้มมาตรฐานการปล่อยกู้ ซึ่งรวมถึงสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อรถยนต์ และธนาคารหลายแห่งก็คาดการณ์ว่า จะมีการคุมเข้มมาตรฐานการปล่อยกู้บัตรเครดิตให้เข้มงวดขึ้นไปอีกในอนาคตด้วย อย่างไรก็ดี บริษัทมูดี้ส์ระบุในรายงานในเดือนนี้ว่า อัตราการค้างชำระหนี้บัตรเครดิตและหนี้รถยนต์ดูเหมือนว่าได้ผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว ในขณะที่ยอดหนี้สินของภาคครัวเรือนสหรัฐได้พุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดไปแล้ว และยอดหนี้สินบัตรเครดิตก็ทะยานขึ้นเหนือระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกในปี 2023
สำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจของสหรัฐ (BEA) ระบุว่า ชาวสหรัฐออมเงินเพียง 3.6% ของรายได้สุทธิในเดือนก.พ. โดยดิ่งลงจาก 4.7% ในเดือนก.พ.ปีก่อน ทางด้านบริษัทแวนเทจสกอร์ระบุว่า อัตราการค้างชำระหนี้ของผู้บริโภคสหรัฐอยู่ที่ 0.98% สำหรับสินเชื่อโดยรวม ซึ่งครอบคลุมทั้งบัตรเครดิต, สินเชื่อรถยนต์ และสินเชื่อจำนอง แต่อัตราดังกล่าวปรับสูงขึ้นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา โดยแวนเทจสกอร์ระบุอีกด้วยว่า ชาวสหรัฐที่มีอายุน้อยมีแนวโน้มที่จะค้างชำระหนี้สูงกว่าชาวสหรัฐที่มีอายุสูงกว่า 40 ปี ทั้งนี้ นายเบรนดัน คอกลิน หัวหน้าฝ่ายบุคคลธนกิจในธนาคารซิติเซนส์ ไฟแนนเชียลระบุว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เกิดวิกฤติโรคระบาดเคยช่วยหนุนฐานะการเงินของชาวสหรัฐจำนวนมากที่ถือบัตรเครดิต แต่ชาวสหรัฐจำนวนมากได้ใช้เงินจากโครงการดังกล่าวไปหมดแล้ว และโครงการเลื่อนกำหนดชำระหนี้ต่าง ๆ ก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว ดังนั้นผู้บริโภคหลายรายจึงประสบภาวะกู้เงินมากเกินไปในปัจจุบัน และเขากล่าวเสริมว่า "คะแนนเครดิตเคยอยู่สูงเกินจริงในช่วงก่อนหน้านี้ โดยเป็นผลจากยอดเงินออมที่สูงขึ้น และยอดใช้จ่ายเงินที่ลดลง" ในช่วงที่เกิดวิกฤตโรคระบาด และเขากล่าวเสริมว่า ยอดการค้างชำระหนี้บัตรเครดิตถือเป็นตัวเลขสำคัญที่ต้องจับตามอง เพราะตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงประชาชนที่ใช้จ่ายเงินเกินฐานะของตนเอง--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
กรุงเทพฯ-18- เม.ย.--รอยเตอร์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงในวันพุธ ซึ่งถือเป็นการปรับลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 วันทำการ ในขณะที่นักลงทุนพักการเข้าซื้อดอลลาร์ หลังจากดอลลาร์เคยพุ่งขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้โดยได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่บ่งชี้ว่า เฟดจะยังไม่เริ่มต้นวัฏจักรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้จนกว่าจะได้ดูตัวเลขเศรษฐกิจใหม่ ทางด้านธนาคารกลางสำคัญแห่งอื่น ๆ ยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในอนาคตเหมือนเดิม ทั้งนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในระยะนี้แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะแข็งแกร่งเกินคาด และปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ทางด้านเฟดได้เปิดเผยรายงาน Beige Book ออกมาในวันพุธ โดยรายงานระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐขยายตัวเล็กน้อยในช่วงตั้งแต่ปลายเดือนก.พ.จนถึงต้นเดือนเม.ย. และบริษัทสหรัฐคาดการณ์ว่า แรงกดดันเงินเฟ้อจะทรงตัว Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 105.96 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยร่วงลงจาก 106.33 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 106.51 ในวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2023 หรือจุดสูงสุดรอบ 5 เดือนครึ่ง โดยดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นมาแล้วราว 4.7% จากช่วงต้นปีนี้
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 154.38 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยอ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดวันอังคารที่ 154.71 เยน หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 154.79 เยนในวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดรอบ 34 ปี หรือจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1990
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0671 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 1.0617 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร หลังจากร่วงลงแตะ 1.0599 ดอลลาร์ในวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. 2023 หรือจุดต่ำสุดรอบ 5 เดือนครึ่ง
ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงหลังจากแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน ในขณะที่นักลงทุนพยายามประเมินจุดยืนด้านอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และปรับตัวรับผลประกอบการที่อ่อนแอในช่วงต้นของฤดูการรายงานผลประกอบการ โดยหุ้นบริษัทแทรเวเลอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทประกันยักษ์ใหญ่ดิ่งลง 7.41% และถือเป็นหุ้นที่ถ่วงดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลงมากที่สุดในวันพุธ หลังจากแทรเวเลอร์สเปิดเผยผลกำไรไตรมาสแรกที่ต่ำเกินคาด ส่วนหุ้นบริษัทโพรโลจิส ซึ่งเป็นทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) กลุ่มโกดังสินค้ารูดลง 7.19% หลังจากทางบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาส ทางด้านหุ้นบริษัทแอบบอทท์ แลบอราทอรีส์ซึ่งทำธุรกิจเวชภัณฑ์ดิ่งลง 3.03% หลังจากแอบบอทท์คาดการณ์แนวโน้มรายปีที่น่าผิดหวัง ทั้งนี้ ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยในตอนนี้นักลงทุนคาดว่า มีโอกาสเพียง 16.8% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมวันที่ 11-12 มิ.ย. และมีโอกาสเพียง 46% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 30-31 ก.ค. อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นลดช่วงติดลบกลับขึ้นมาได้บ้าง ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีดิ่งลงจาก 4.657% ในช่วงท้ายวันอังคาร สู่ 4.585% ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากสหรัฐเปิดประมูลพันธบัตรอายุ 20 ปีและได้รับการตอบรับอย่างแข็งแก่ง Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับลง 0.12% สู่ 37,753.31
ดัชนี S&P 500 ปิดร่วงลง 0.58% สู่ 5,022.21 ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดในแดนลบเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดในรอบกว่า 4 เดือน และมีแนวโน้มว่าดัชนีอาจจะปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนลบเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันด้วย
ดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 1.15% สู่ 15,683.37
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ดิ่งลงอย่างรุนแรงในวันพุธ โดยได้รับแรงกดดันจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงการพุ่งขึ้นของสต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐ, ตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอในจีน และความคืบหน้าของสหรัฐในการผลักดันร่างกฎหมายให้ความช่วยเหลือแก่อิสราเอลและยูเครน โดยนายไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐกล่าวว่า จะมีการเปิดเผยเนื้อหาในร่างกฎหมาย 4 ฉบับในวันพุธ ซึ่งได้แก่ร่างกฎหมายเรื่องการให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครน, อิสราเอล และภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และร่างกฎหมายเรื่องมาตรการรับมือกับรัสเซีย, จีน และอิหร่าน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ได้รับแรงกดดันจากการที่อิสราเอลยังไม่ได้ตอบโต้อิหร่านด้วย หลังจากอิหร่านใช้โดรนและขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลโดยตรงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ได้เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันในคลังสหรัฐออกมาในวันพุธ โดยระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐพุ่งขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรล สู่ 460 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 เม.ย. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในโพลล์รอยเตอร์ที่คาดว่าอาจเพิ่มขึ้นเพียง 1.4 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินในคลังสหรัฐดิ่งลง 1.2 ล้านบาร์เรล สู่ 227.4 ล้านบาร์เรล ทางด้านสต็อกน้ำมัน Distillate ในคลังสหรัฐ ซึ่งครอบคลุมน้ำมันดีเซลและน้ำมัน heating oil รูดลง 2.8 ล้านบาร์เรล สู่ 115 ล้านบาร์เรล Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนพ.ค.รูดลง 2.67 ดอลลาร์ หรือ 3.1% มาปิดตลาดที่ 82.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนดิ่งลง 2.73 ดอลลาร์ หรือ 3% มาปิดตลาดที่ 87.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐดิ่งลง 22.02 ดอลลาร์ สู่ 2,360.81 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ แต่ยังคงเคลื่อนตัวอยู่ใกล้สถิติสูงสุดที่ 2,431.29 ดอลลาร์ที่เคยทำไว้ในวันศุกร์ที่ 12 เม.ย. ในขณะที่ราคาทองได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และปัจจัยลบดังกล่าวบดบังแรงหนุนที่ราคาทองได้รับจากคำสั่งซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com ; โทร 08-7689-6043;
17 ต.ค.--รอยเตอร์
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 5.25% นับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2022 เป็นต้นมา และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวก็ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐชะลอการปล่อยสินเชื่อ และปรับเพิ่มระดับการถือครองเงินสด หลังจากเกิดวิกฤติภาคธนาคารในเดือนมี.ค.ปีนี้เมื่อมีการสั่งปิดกิจการธนาคารซิลิคอน แวลลีย์ (SVB) ในสหรัฐ ทั้งนี้ ถึงแม้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดสู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. ระบบการเงินในสหรัฐก็ยังคงได้รับผลกระทบจากวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2022 เป็นต้นมา และได้รับผลกระทบจากการคาดการณ์ที่ว่า อัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปจนถึงปี 2024
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาวพุ่งขึ้นมาแล้วราว 1% นับตั้งแต่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในวันที่ 26 ก.ค. และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ซึ่งเป็นสิ่งที่ปรับตัวสวนทางกับราคาพันธบัตร ก็มีอิทธิพลต่อการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ และต่อความต้องการกู้เงินของลูกค้าธนาคาร ทั้งนี้ เฟดรายงานว่า สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์โดยรวมในสหรัฐหดตัวลงในไตรมาส 3 เมื่อเทียบรายปี ซึ่งถือเป็นการหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี โดยได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของมูลค่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ เพราะว่าการดิ่งลงของมูลค่าพันธบัตรรัฐบาลสร้างความเสียหายต่อมูลค่าของหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) ที่ธนาคารพาณิชย์ถือครองไว้ในวงกว้าง
สินเชื่อธนาคารโดยรวมในสหรัฐอยู่ที่ 17.26 ล้านล้านดอลลาร์ในวันที่ 27 ก.ย. ซึ่งถือเป็นวันพุธสุดท้ายของเดือนก.ย. โดยร่วงลงจาก 17.30 ล้านล้านดอลลาร์ในวันพุธสุดท้ายของเดือนมิ.ย. และร่วงลงจาก 17.33 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อ 1 ปีก่อน ทั้งนี้ สินเชื่อสำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยและสินเชื่อสำหรับอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ยังคงพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3 แต่ปรับขึ้นในอัตราไม่ถึง 8% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน หลังจากที่เคยพุ่งขึ้นสูงกว่า 10% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายปี ทางด้านสินเชื่อเชิงพาณิชย์และสินเชื่ออุตสาหกรรมร่วงลงในไตรมาส 3/2023 เป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน โดยสินเชื่อกลุ่มนี้เคยพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในวันที่ 15 มี.ค.หลังจากธนาคาร SVB ล้ม และยอดสินเชื่อนี้อยู่ที่ระดับ 2.78 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนมิ.ย. ก่อนจะร่วงลงสู่ 2.75 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนก.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดรอบ 11 เดือน
ธนาคารพาณิชย์ได้ปรับเพิ่มการถือครองเงินสดในช่วงที่ผ่านมา โดยธนาคารที่ใหญ่ที่สุด 25 แห่งของสหรัฐได้ปรับเพิ่มปริมาณการถือครองเงินสดขึ้นสูงมากในไตรมาส 3 ทางด้านปริมาณเงินฝากในธนาคารพาณิชย์ได้เข้าสู่เสถียรภาพในไตรมาสล่าสุด และอยู่ที่ระดับ 17.29 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงนี้ หลังจากปริมาณเงินฝากเคยดิ่งลงอย่างรุนแรงหลังจากธนาคาร SVB ล้มในวันที่ 10 มี.ค.และเกิดวิกฤติภาคธนาคารในช่วงนั้น
ปริมาณเงินฝากในธนาคารสหรัฐโดยรวมดิ่งลงมาแล้วราว 7% จากจุดสูงสุดของเดือนเม.ย. 2022 โดยปริมาณเงินฝากในธนาคารขนาดใหญ่ที่สุด 25 แห่งของสหรัฐรูดลงมาแล้วกว่า 8% จากจุดสูงสุดของเดือนเม.ย. 2022 แต่ปริมาณเงินฝากในธนาคารขนาดเล็กปรับลดลงเพียงราว 2% จากเดือนเม.ย. 2022 หลังจากปริมาณเงินฝากในธนาคารขนาดเล็กเคยดิ่งลงอย่างรุนแรงเมื่อเกิดวิกฤติภาคธนาคารในเดือนมี.ค.ปีนี้ แต่ฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วในช่วงหลังจากนั้น ทางด้านปริมาณเงินฝากในธนาคารต่างชาติในสหรัฐฟื้นตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน