• การซื้อขาย
  • ตลาด
  • คัดลอก
  • การแข่งขัน
  • ข่าวสาร
  • 24x7
  • ปฏิทิน
  • Q&A
  • แชท
ยอดนิยม
ตัวกรอง
สินทรัพย์
ล่าสุด
ราคาขาย
ราคาซื้อ
สูงสุด
ต่ำสุด
เปลี่ยน
% เปลี่ยน
สเปรด
SPX
S&P 500 Index
6857.13
6857.13
6857.13
6865.94
6827.13
+7.41
+ 0.11%
--
DJI
Dow Jones Industrial Average
47850.93
47850.93
47850.93
48049.72
47692.96
-31.96
-0.07%
--
IXIC
NASDAQ Composite Index
23505.13
23505.13
23505.13
23528.53
23372.33
+51.04
+ 0.22%
--
USDX
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ
98.800
98.880
98.800
98.980
98.740
-0.180
-0.18%
--
EURUSD
ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ
1.16647
1.16654
1.16647
1.16715
1.16408
+0.00202
+ 0.17%
--
GBPUSD
ปอนด์สเตอร์ลิง/ดอลลาร์สหรัฐ
1.33508
1.33517
1.33508
1.33622
1.33165
+0.00237
+ 0.18%
--
XAUUSD
Gold / US Dollar
4223.58
4223.92
4223.58
4230.62
4194.54
+16.41
+ 0.39%
--
WTI
Light Sweet Crude Oil
59.339
59.376
59.339
59.469
59.187
-0.044
-0.07%
--

บัญชีชุมชน

บัญชีสัญญาณ (อัน)
--
บัญชีกำไร (อัน)
--
บัญชีขาดทุน (อัน)
--
ดูเพิ่มเติม

มาเป็นผู้ให้สัญญาณ

ขายสัญญาณและรับรายได้

ดูเพิ่มเติม

คู่มือการคัดลอกการซื้อขาย

เริ่มต้นง่ายๆ

ดูเพิ่มเติม

สัญญาณ VIP

ทั้งหมด

ผลตอบแทนที่ดีที่สุด
  • ผลตอบแทนที่ดีที่สุด
  • กำไร/ขาดทุนที่ดีที่สุด
  • MDD ที่ดีที่สุด
1 สัปดาห์ที่ผ่านมา
  • 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา
  • 1 เดือนที่ผ่านมา
  • 1 ปีที่ผ่านมา

ทั้งหมด

  • ทั้งหมด
  • อัปเดตทรัมป์
  • แนะนำ
  • หุ้น
  • สกุลเงินดิจิทัล
  • ธนาคารกลาง
  • ข่าวเด่น
ดูข่าวเด่นเท่านั้น
แชร์

ดัชนีธนาคารหลักของตุรกีเพิ่มขึ้น 2%

แชร์

ดุลการค้าของฝรั่งเศสเดือนตุลาคมอยู่ที่ -3.92 พันล้านยูโร เทียบกับที่แก้ไขแล้วที่ -6.35 พันล้านยูโรในเดือนกันยายน

แชร์

ผู้ช่วยเครมลินกล่าวว่ารัสเซียพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทีมสหรัฐฯ ชุดปัจจุบันต่อไป

แชร์

ผู้ช่วยเครมลินกล่าวว่ารัสเซียและสหรัฐฯ กำลังเดินหน้าเจรจาเรื่องยูเครน

แชร์

สต็อกคลังสินค้ายางเซี่ยงไฮ้เพิ่มขึ้น 7,336 ตัน

แชร์

คลังสินค้าดีบุกเซี่ยงไฮ้มีสต๊อกเพิ่มขึ้น 506 ตัน

แชร์

มัลโฮตรา ประธานธนาคารกลางอินเดีย กล่าวว่า เป้าหมายคือให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ประมาณ 4%

แชร์

Ukmto เผยกัปตันเรือยืนยันว่าเรือขนาดเล็กได้ออกจากที่เกิดเหตุแล้ว เรือกำลังมุ่งหน้าไปยังท่าเรือถัดไป

แชร์

สต็อกนิกเกิลในคลังสินค้าเซี่ยงไฮ้เพิ่มขึ้น 1,726 ตัน

แชร์

สต๊อกสินค้าในคลังสินค้าเซี่ยงไฮ้ลดลง 3,064 ตัน

แชร์

สต๊อกสังกะสีในคลังสินค้าเซี่ยงไฮ้ลดลง 4,000 ตัน

แชร์

สต๊อกอลูมิเนียมในคลังสินค้าเซี่ยงไฮ้เพิ่มขึ้น 8,353 ตัน

แชร์

สต็อกทองแดงในคลังสินค้าเซี่ยงไฮ้ลดลง 9,025 ตัน

แชร์

Equinor: การประมาณการเบื้องต้นบ่งชี้ว่าอ่างเก็บน้ำอาจมีปริมาณน้ำมันดิบเทียบเท่าที่กู้คืนได้ระหว่าง 5-18 ล้านลูกบาศก์เมตรมาตรฐาน

แชร์

เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น คิฮาระ: รัฐบาลจะต้องดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อรับมือกับความเคลื่อนไหวที่มากเกินไปและไร้ระเบียบในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หากจำเป็น

แชร์

[รายงาน: Amazon จ่ายเงิน 180 ล้านยูโรให้อิตาลียุติการสอบสวนภาษีและแรงงาน] Amazon ได้จ่ายเงินชดเชยและรื้อถอนระบบตรวจสอบพนักงานส่งของในอิตาลี ยุติการสอบสวนข้อกล่าวหาการฉ้อโกงภาษีและการปฏิบัติที่ผิดกฎหมายด้านแรงงาน ในเดือนกรกฎาคม 2567 ฝ่ายบริการโลจิสติกส์ของ Amazon ถูกกล่าวหาว่าหลีกเลี่ยงกฎหมายแรงงานและภาษีโดยอาศัยสหกรณ์หรือบริษัทจำกัดในการจัดหาพนักงาน หลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่ม และลดการจ่ายเงินประกันสังคม แหล่งข่าวระบุว่าขณะนี้ Amazon ได้จ่ายเงินประมาณ 180 ล้านยูโรให้กับหน่วยงานภาษีของอิตาลี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการยุติคดีมูลค่า 1 พันล้านยูโรที่เกี่ยวข้องกับบริษัท 33 แห่ง

แชร์

แอร์บัส - มียอดสั่งซื้อเครื่องบิน 797 ลำในช่วงเดือนมกราคม-พฤศจิกายน

แชร์

ประธานธนาคารกลางอินเดีย มัลโฮตรา กล่าวว่า จะมีสภาพคล่องเพียงพอตราบใดที่เราอยู่ในวัฏจักรการผ่อนคลาย

แชร์

หัวหน้าธนาคารกลางอินเดีย มัลโฮตรา กล่าวว่า สภาพคล่องของระบบจะถูกจัดการเพื่อให้แน่ใจว่าการส่งผ่านทางการเงินกำลังเกิดขึ้น

แชร์

กระทรวงต่างประเทศจีน: เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารโลก IMF และ WTO จะเข้าร่วม

เวลา
ค่าจริง
คาดการณ์
ครั้งก่อน
ฝรั่งเศส อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยการประมูลหนี้ OAT 10-ปี

ค:--

ค: --

ค: --

ยูโรโซน ดัชนียอดค้าปลีก MoM (ต.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

ยูโรโซน ดัชนียอดค้าปลีก YoY (ต.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

บราซิล GDP YoY (ไตรมาส 3)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา จำนวนการปลดพนักงานบริษัทชาเลนเจอร์ เกรย์ และคริสต์มาส YoY (พ.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา การเลิกจ้างพนักงานบริษัทชาเลนเจอร์ เกรย์ และคริสต์มาส MoM (พ.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา การเลิกจ้างพนักงานบริษัทชาเลนเจอร์ เกรย์ และคริสต์มาส YoY (พ.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ค่าเฉลี่ยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก4 สัปดาห์ (SA)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ (SA)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อรายสัปดาห์ (SA)

ค:--

ค: --

ค: --

แคนาดา Ivey PMI (SA) (พ.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

แคนาดา Ivey PMI (Not SA) (พ.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อสินค้าคงทนนอกกระทรวงกลาโหมที่ได้แก้ไข MoM (ไม่รวมเครื่องบิน)(SA) (ก.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นการขนส่ง) (ก.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM (ก.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นภาคกลาโหม) (ก.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงสต็อกก๊าซธรรมชาติประจำสัปดาห์ของ EIA

ค:--

ค: --

ค: --

ซาอุดิอาระเบีย การผลิตน้ำมันดิบ

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา การถือครองธนารักษ์สหรัฐฯของธนาคารกลางต่างประเทศรายสัปดาห์

ค:--

ค: --

ค: --

ญี่ปุ่น เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

อินเดีย อัตราขายคืน

ค:--

ค: --

ค: --

อินเดีย ดอกเบี้ยอ้างอิง

ค:--

ค: --

ค: --

อินเดีย อัตราขายคืน

ค:--

ค: --

ค: --

อินเดีย อัตราเงินสดสำรอง

ค:--

ค: --

ค: --

ญี่ปุ่น อินดิเคเตอร์ชั้นนำเบื้องต้น (ต.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax YoY (SA) (พ.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax MoM (SA) (พ.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)

--

ค: --

ค: --

ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)

--

ค: --

ค: --

ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)

--

ค: --

ค: --

ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)

--

ค: --

ค: --

ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)

--

ค: --

ค: --

ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)

--

ค: --

ค: --

ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)

--

ค: --

ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)

--

ค: --

ค: --

เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)

--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)

--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)

--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)

--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)

--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)

--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)

--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)

--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)

--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)

--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)

--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)

--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)

--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)

--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์

--

ค: --

ค: --

Q&A กับผู้เชี่ยวชาญ
    • ทั้งหมด
    • ห้องสนทนา
    • กลุ่ม
    • เพื่อน
    กำลังเชื่อมต่อกับห้องสนทนา
    .
    .
    .
    พิมพ์ที่นี่...
    เพิ่มชื่อสินทรัพย์หรือรหัส

      ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน

      ทั้งหมด
      อัปเดตทรัมป์
      แนะนำ
      หุ้น
      สกุลเงินดิจิทัล
      ธนาคารกลาง
      ข่าวเด่น
      • ทั้งหมด
      • สงครามรัสเซีย–ยูเครน
      • โฟกัสตะวันออกกลาง
      • ทั้งหมด
      • สงครามรัสเซีย–ยูเครน
      • โฟกัสตะวันออกกลาง
      ค้นหา
      ผลิตภัณฑ์

      กราฟ ฟรีตลอดไป

      แชท Q&A กับผู้เชี่ยวชาญ
      ตัวกรอง ปฏิทินเศรษฐกิจ ข้อมูล เครื่องมือ
      สมาชิก ฟีเจอร์
      ศูนย์ข้อมูล แนวโน้มของตลาด ข้อมูลสถาบัน อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง เศรษฐกิจมหภาค

      แนวโน้มของตลาด

      ความเชื่อมั่น รายการคำสั่งซื้อขาย ความสัมพันธ์ในตลาดฟอเร็กซ์

      ตัวชี้วัดยอดนิยม

      กราฟ ฟรีตลอดไป
      ตลาด

      ข่าวสาร

      ข่าวสาร การวิเคราะห์ 24x7 คอลัมน์ แหล่งเรียนรู้
      ทัศนคติสถาบัน ทัศนคตินักวิเคราะห์
      หัวข้อคอลัมน์ คอลัมนิสต์

      ทัศนคติล่าสุด

      ทัศนคติล่าสุด

      หัวข้อยอดนิยม

      คอลัมนิสต์ยอดนิยม

      อัปเดตล่าสุด

      สัญญาณ

      คัดลอก อันดับ สัญญาณล่าสุด มาเป็นผู้ให้สัญญาณ การจัดอันดับ AI
      การแข่งขัน
      Brokers

      ภาพรวม โบรกเกอร์ เรตติ้ง อันดับ หน่วยงานควบคุม ข่าวสาร การเรียกร้อง
      รายชื่อโบรกเกอร์ การเปรียบเทียบโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ การเปรียบเทียบสเปรดสด โบรกเกอร์โกง
      Q&A ร้องเรียน วิดีโอแจ้งเตือนการหลอกลวง เคล็ดลับการตรวจจับการหลอกลวง
      เพิ่มเติม

      สำหรับธุรกิจ
      กิจกรรม
      รับสมัครงาน เกี่ยวกับเรา การลงโฆษณา ศูนย์ช่วยเหลือ

      ไวท์เลเบล

      Data API

      ปลั๊กอินเว็บไซต์

      โครงการพันธมิตร

      รางวัล การประเมินสถาบัน IB Seminar กิจกรรม Salon นิทรรศการ
      เวียดนาม ประเทศไทย สิงคโปร์ ดูไบ
      Fans Party เซสชั่นการแบ่งปันการลงทุน
      การประชุมสุดยอด FastBull นิทรรศการ BrokersView
      การค้นหาเมื่อเร็วๆนี้
        คำศัพท์ที่ยอดนิยม
          ตลาด
          ข่าวสาร
          การวิเคราะห์
          ผู้ใช้
          24x7
          ปฏิทินเศรษฐกิจ
          แหล่งเรียนรู้
          ข้อมูล
          • ชื่อ
          • ค่าล่าสุด
          • ครั้งก่อน

          ดูผลการค้นหาทั้งหมด

          ไม่มีข้อมูล

          สแกน ดาวน์โหลด

          Faster Charts, Chat Faster!

          ดาวน์โหลดแอป
          • English
          • Español
          • العربية
          • Bahasa Indonesia
          • Bahasa Melayu
          • Tiếng Việt
          • ภาษาไทย
          • Français
          • Italiano
          • Türkçe
          • Русский язык
          • 简中
          • 繁中
          เปิดบัญชี
          ค้นหา
          ผลิตภัณฑ์
          กราฟ ฟรีตลอดไป
          ตลาด
          ข่าวสาร
          สัญญาณ

          คัดลอก อันดับ สัญญาณล่าสุด มาเป็นผู้ให้สัญญาณ การจัดอันดับ AI
          การแข่งขัน
          Brokers

          ภาพรวม โบรกเกอร์ เรตติ้ง อันดับ หน่วยงานควบคุม ข่าวสาร การเรียกร้อง
          รายชื่อโบรกเกอร์ การเปรียบเทียบโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ การเปรียบเทียบสเปรดสด โบรกเกอร์โกง
          Q&A ร้องเรียน วิดีโอแจ้งเตือนการหลอกลวง เคล็ดลับการตรวจจับการหลอกลวง
          เพิ่มเติม

          สำหรับธุรกิจ
          กิจกรรม
          รับสมัครงาน เกี่ยวกับเรา การลงโฆษณา ศูนย์ช่วยเหลือ

          ไวท์เลเบล

          Data API

          ปลั๊กอินเว็บไซต์

          โครงการพันธมิตร

          รางวัล การประเมินสถาบัน IB Seminar กิจกรรม Salon นิทรรศการ
          เวียดนาม ประเทศไทย สิงคโปร์ ดูไบ
          Fans Party เซสชั่นการแบ่งปันการลงทุน
          การประชุมสุดยอด FastBull นิทรรศการ BrokersView

          USA:บริษัทหลายแห่งเพิ่มการทำประกันความเสี่ยงค่าเงินเพื่อรับมือทรัมป์

          Reuters
          ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ
          +0.18%
          ดอลลาร์สหรัฐ/หยวนจีนนอกชายฝั่ง
          -0.08%
          ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์แคนาดา
          -0.08%
          ดอลลาร์สหรัฐ/เปโซเม็กซิกัน
          -0.10%
          U.S. Bancorp
          +0.86%

          นิวยอร์ค--27 พ.ย.--รอยเตอร์

          • บริษัทข้ามชาติหลายแห่งกำลังปรับเพิ่มการทำประกันความเสี่ยง (เฮดจ์) ด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในช่วงนี้ เพื่อปกป้องผลกำไรในต่างประเทศไม่ให้ได้รับความเสียหายจากการแกว่งตัวผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ในขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์กำลังจะเริ่มดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเป็นสมัยที่สองในช่วงต้นปีหน้า และนโยบายต่าง ๆ ของเขาอาจจะส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนแกว่งตัวผันผวนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ นับตั้งแต่สหรัฐจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พ.ย. หรือเมื่อราว 3 สัปดาห์ก่อน นักยุทธศาสตร์การลงทุนและผู้บริหารธนาคารก็ระบุว่า บริษัทต่าง ๆ แสดงความสนใจมากยิ่งขึ้นในออปชั่นและการทำสัญญาสว็อปข้ามสกุลเงิน เพราะว่าบริษัทเหล่านี้มุ่งความสนใจไปยังประเด็นที่ว่า สกุลเงินอาจจะแกว่งตัวผันผวนเป็นอย่างมากในยุคของปธน.ทรัมป์ โดยเฉพาะบริษัทในกลุ่มการแพทย์และกลุ่มอุตสาหกรรม

          • นายคาร์ล ชามอททา หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดของบริษัทคอร์เพย์ระบุว่า "การเลือกตั้งในสหรัฐถือเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้ผู้ทำประกันความเสี่ยงคิดถึงความเสี่ยงด้านสกุลเงิน" และเขากล่าวเสริมว่า "ธุรกิจหลายแห่งเคยพึงพอใจกับทิศทางของอัตราแลกเปลี่ยนและขนาดความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนมาเป็นเวลานาน ก่อนที่ผลการเลือกตั้งจะส่งผลให้ธุรกิจเหล่านี้เลิกชะล่าใจ" ทั้งนี้ ชัยชนะของนายทรัมป์ในการเลือกตั้งจะเปิดโอกาสให้เขาสามารถดำเนินมาตรการด้านภาษีศุลกากรและมาตรการกีดกันทางการค้า และมาตรการเหล่านี้อาจจะส่งผลให้สกุลเงินแกว่งตัวผันผวน โดยนายทรัมป์เพิ่งประกาศในวันจันทร์ว่า เขาจะเก็บภาษีนำเข้า 25% จากสินค้าทั้งหมดที่มาจากเม็กซิโกและแคนาดาในวันแรกที่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี และจะเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมอีก 10% จากสินค้าจีน โดยเขาอ้างว่ามาตรการนี้เป็นการตอบโต้การค้ายาผิดกฎหมายและการปล่อยให้ผู้อพยพเข้าสหรัฐอย่างผิดกฎหมาย ทางด้านดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์แคนาดาขยับลง 0.03% สู่ 1.4051 ดอลลาร์แคนาดาในวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นกว่า 1.5% จนแตะระดับ 1.4178 ดอลลาร์แคนาดาในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2020 หรือจุดสูงสุดรอบ 4 ปีครึ่ง ส่วนดอลลาร์สหรัฐ/เปโซเม็กซิโกพุ่งขึ้น 0.33% สู่ 20.695 เปโซในวันนี้ หลังจากทะยานขึ้นกว่า 2.5% ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคาร จนแตะระดับ 20.835 เปโซได้ในวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2022 หรือจุดสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐ/หยวนก็แข็งค่าขึ้น 0.13% สู่ 7.2657 หยวนในวันนี้ หลังจากทะยานขึ้นแตะ 7.2726 หยวนในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค.

          • ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินพุ่งขึ้นมาแล้วราว 3.5% นับตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า นโยบายด้านการค้าและภาษีศุลกากรของนายทรัมป์จะส่งผลบวกต่อดอลลาร์ โดยนายทรัมป์เคยประกาศอีกด้วยว่า เขาตั้งใจที่จะปรับปรุงข้อตกลงการค้าสหรัฐ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) ให้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการปรับเปลี่ยนข้อตกลงนี้จะมีรายละเอียดอย่างไร ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า สกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับการค้าเคยแกว่งตัวอย่างรุนแรงในช่วงที่นายทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยแรกในปี 2017-2020 และสิ่งนี้ก็ตอกย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นในการทำประกันความเสี่ยงในช่วงนี้ นอกจากนี้ ธนาคารกลางในอีกหลายประเทศทั่วโลกก็กำลังปรับนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติในช่วงนี้ และพยายามรักษาสมดุลระหว่างความกังวลเรื่องความอ่อนแอทางเศรษฐกิจกับความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อ และปัจจัยดังกล่าวก็อาจจะกระตุ้นให้สกุลเงินแกว่งตัวผันผวนได้ด้วยเช่นกันในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

          • ผลสำรวจโดยบริษัทมิลล์เทคเอฟเอ็กซ์ที่จัดทำในวันที่ 7-18 พ.ย.ระบุว่า เจ้าหน้าที่ผู้ตัดสินใจทางการเงินราว 94% ในบริษัทสหรัฐและอังกฤษระบุว่า ผลการเลือกตั้งในสหรัฐกระตุ้นให้พวกเขาปรับเปลี่ยนแผนยุทธศาสตร์การทำประกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน โดยเจ้าหน้าที่บางคนพยายามขยายระยะเวลาการทำประกันความเสี่ยงออกไป และเจ้าหน้าที่บางคนก็ปรับเพิ่มสัดส่วนการทำประกันความเสี่ยง นอกจากนี้ ผลสำรวจก็ระบุอีกด้วยว่า บริษัทหลายแห่งคาดว่าความไม่แน่นอนทางการค้าจะส่งผลลบเป็นอย่างมากต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกและทวีปยุโรปด้วย ทั้งนี้ บริษัทในดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐมีรายได้ราว 41% มาจากนอกสหรัฐ และบริษัทหลายแห่งก็พยายามทำประกันความเสี่ยงสำหรับยูโรและเปโซเม็กซิโกในช่วงนี้ โดยเปโซเม็กซิโกดิ่งลงมาแล้วราว 2% นับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และรูดลงมาแล้วเกือบ 17% จากช่วงต้นปีนี้ ทางด้านพอลา คัมมิงส์ จากธนาคารยูเอสแบงก์ระบุว่า ถึงแม้ว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐกับเม็กซิโกตึงตัวมากยิ่งขึ้นนับตั้งแต่การเลือกตั้ง ต้นทุนในการทำประกันความเสี่ยงสำหรับสถานะซื้อเปโซก็เพิ่มสูงขึ้น โดยเป็นผลจากการดิ่งลงของเปโซ และเธอกล่าวเสริมว่า "ผู้ที่ขายเปโซเม็กซิโกและเข้าซื้อดอลลาร์ในตอนนี้อาจลังเลที่จะปรับเพิ่มวอลุ่มการทำประกันความเสี่ยงสัญญาฟอร์เวิร์ด แต่อาจจะพิจารณาออปชั่นในฐานะทางเลือกหนึ่ง"

          • ยูโร/ดอลลาร์ดิ่งลงมาแล้วราว 4% นับตั้งแต่การเลือกตั้งในสหรัฐ ในขณะที่คัมมิงส์กล่าวว่า นักลงทุนไม่ได้ปรับตัวรับผลกระทบที่ยูโรจะได้รับในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งสิ่งนี้แตกต่างจากเปโซเม็กซิโกและหยวนของจีนที่ปรับตัวรับผลกระทบไปแล้วตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยยูโรได้รับแรงกดดันในช่วงนี้จากข่าวเรื่องภาษีศุลกากร, จากปัญหาทางเศรษฐกิจในเยอรมนี และจากความอ่อนแอในภาคโรงงานในหลายประเทศในยุโรป ทั้งนี้ คัมมิงส์ระบุว่า บริษัทบางแห่งในกลุ่มการแพทย์และกลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐแสดงความสนใจที่จะใช้สัญญาสว็อปข้ามสกุลเงินยูโรเพื่อบริหารความเสี่ยง และเพื่อลดการจ่ายดอกเบี้ย ทางด้านนายฮวน เปเรซ จากบริษัทโมเน็กซ์ ยูเอสเอระบุว่า "ผลการเลือกตั้งส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ มีความจำเป็นมากยิ่งขึ้นที่จะต้องทำความเข้าใจว่า อัตราแลกเปลี่ยนที่ระดับใดที่จะส่งผลให้บริษัทบางแห่งไม่สามารถดำเนินธุรกิจในต่างประเทศได้ ถ้าหากต้องรับมือกับอัตราภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นหรือรับมือกับกฎระเบียบที่เปลี่ยนไป"--จบ--

          Eikon source text

          (รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

          ((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

          คำเตือนความเสี่ยงและข้อจำกัดความรับผิดชอบในการลงทุน
          ตลาดมีความเสี่ยง การลงทุนจำเป็นต้องระมัดระวัง เนื้อหาของบทความนี้มีไว้สำหรับอ้างอิงเท่านั้น และไม่ได้ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้คำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนพิเศษ สถานะทางการเงินหรืออื่นๆของบุคคล ลงทุนตามนั้น ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงของคุณเอง
          รายการโปรด
          แชร์

          ตลาดซื้อขายดอลลาร์/เยน:ดอลล์/เยนร่วงลงขณะตลาดจับตาแนวโน้มดบ.เฟด

          Reuters
          Bakkt Holdings
          +6.34%
          ดอลลาร์ออสเตรเลีย/ดอลลาร์สหรัฐ
          +0.24%
          ยูโร/เยนญี่ปุ่น
          -0.17%
          ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ
          +0.18%
          ปอนด์สเตอร์ลิง/ดอลลาร์สหรัฐ
          +0.18%

          โตเกียว--21 พ.ย.--รอยเตอร์

          • ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินขยับลงเล็กน้อยในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ที่ตลาดเอเชีย ในขณะที่นักลงทุนพยายามประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และรอดูนโยบายต่าง ๆ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยในตอนนี้นักลงทุนคาดว่า มีโอกาส 53.3% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. โดยปรับลดลงจากโอกาส 82.5% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน และนักลงทุนยังคาดการณ์ในตอนนี้อีกด้วยว่า มีโอกาส 46.7% ที่เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50-4.75% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. และนักลงทุนคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันเพียง 0.73% ตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงสิ้นปี 2025 ทั้งนี้ รอยเตอร์ได้สำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ในวันที่ 12-20 พ.ย. และได้เปิดเผยผลสำรวจออกมาในวันพุธ โดยผลสำรวจระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์ 94 จาก 106 ราย หรือนักเศรษฐศาสตร์ 89% ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.25%-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. ส่วนนักเศรษฐศาสตร์ที่เหลืออีก 12 รายคาดว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50-4.75% ตามเดิมในการประชุมเดือนธ.ค. นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ยังคาดการณ์ในตอนนี้ว่า อัตราดอกเบี้ย fed funds จะอยู่ที่ 3.50%-3.75% ในช่วงสิ้นปี 2025 หากวัดจากค่ากลางของโพลล์ ซึ่งสูงกว่าระดับ 3.00%-3.25% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งเดือนก่อน โดยเป็นผลจากความเสี่ยงที่นโยบายของนายทรัมป์อาจจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้น

          • ดอลลาร์/เยนร่วงลง 0.30% สู่ 154.96 เยนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 156.74 เยนในวันศุกร์ที่ 15 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค. และเทียบกับระดับ 161.96 เยนที่เคยทำไว้ในวันที่ 3 ก.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1986 หรือจุดสูงสุดในรอบ 38 ปี ส่วนยูโร/ดอลลาร์ขยับขึ้น 0.06% สู่ 1.0549 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากดิ่งลงแตะ 1.0496 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2023 หรือจุดต่ำสุดรอบ 1 ปี ทางด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินขยับลง 0.06% สู่ 106.55 ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 1 ปีที่ 107.07 ในวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย. ทั้งนี้ ปอนด์ขยับขึ้น 0.07% สู่ 1.2656 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น 0.14% สู่ 0.6515 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ทางด้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับขึ้น 0.03% สู่ 0.5879 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้

          • ดัชนีดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 2% นับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. โดยดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะชะลอความเร็วในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพราะว่านโยบายของนายทรัมป์จะกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการคาดการณ์ที่ว่า มาตรการด้านภาษีศุลกากรของนายทรัมป์จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจยุโรปและเศรษฐกิจจีนด้วย ทั้งนี้ นายแมทท์ ซิมป์สัน นักวิเคราะห์ตลาดของบริษัทซิตี้ อินเด็กซ์ระบุว่า "เป็นเรื่องยากที่จะขายดอลลาร์สหรัฐในตอนนี้" ในขณะที่นักลงทุนพิจารณาความเป็นไปได้ที่เฟดจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนหน้า และเขากล่าวเสริมว่า "ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และปัจจัยนี้ก็ส่งผลลบต่อยูโร ในขณะที่ยูโรได้รับแรงกดดันอยู่แล้วจากแนวโน้มที่สหรัฐจะปรับขึ้นภาษีนำเข้า"

          • มีข่าวว่า ยูเครนได้ยิงขีปนาวุธ ATACMS ที่ผลิตในสหรัฐเข้าไปในรัสเซียในวันอังคาร และยูเครนได้ยิงขีปนาวุธพิสัยไกล "บริติช สตอร์ม ชาโดว์" เข้าไปในรัสเซียในวันพุธด้วย ทางด้านรัฐบาลรัสเซียได้ประกาศปรับลดเงื่อนไขในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ อย่างไรก็ดี นายเซอร์ไก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซียกล่าวในเวลาต่อมาว่า รัสเซียจะ "ทำทุกสิ่งที่ทำได้" เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามนิวเคลียร์ ทั้งนี้ มิเชลล์ โบว์แมน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการเฟด และลิซา คุก ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการเฟด แสดงความเห็นที่ขัดแย้งกันเองในวันพุธในเรื่องแนวโน้มนโยบายการเงินในสหรัฐ โดยโบว์แมนแสดงความกังวลต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% และเธอเรียกร้องให้เฟดใช้ความระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป ทางด้านลิซา คุก กล่าวในวันพุธว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงชะลอตัวลงต่อไป, ค่าแรงชะลอตัวลง และตลาดแรงงานชะลอตัวลง ส่วนการเพิ่มขึ้นของราคาในระดับที่มากเกินไปส่วนใหญ่แล้วจำกัดวงอยู่แค่ภายในภาคที่อยู่อาศัย ดังนั้นสถานการณ์ในตอนนี้จึงมีแนวโน้มว่าจะยังคงอยู่ในภาวะที่เหมาะสมสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป

          • ดอลลาร์/เยนเพิ่งพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ในสัปดาห์ที่แล้ว และปัจจัยดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่า ทางการญี่ปุ่นอาจจะเข้ามาแทรกแซงตลาดเพื่อหนุนค่าเงินเยนในอนาคต โดยนักลงทุนกำลังรอฟังถ้อยแถลงของนายคาสุโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ในงานประชุมทางการเงินที่กรุงปารีสในช่วงต่อไปในวันนี้ หลังจากที่ถ้อยแถลงของเขาในช่วงต้นสัปดาห์นี้เปิดโอกาสสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์อีกด้วยว่า มีโอกาส 52% ที่บีโอเจอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 19 ธ.ค. และมีโอกาส 48% ที่บีโอเจอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 0.50% ในการประชุมวันที่ 19 ธ.ค. ทั้งนี้ บิทคอยน์พุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ที่ 95,050.28 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากที่เพิ่งทะยานขึ้น 2.41% สู่ 94,461 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยบิทคอยน์ได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังที่ว่า รัฐบาลใหม่ของสหรัฐจะผ่อนคลายกฎระเบียบด้านสกุลเงินคริปโต และได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า บริษัทด้านสื่อสังคมของนายทรัมป์กำลังเจรจาเพื่อเข้าซื้อบริษัท Bakkt ที่ทำธุรกิจซื้อขายสกุลเงินคริปโต--จบ--

          Eikon source text

          (รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

          ((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

          คำเตือนความเสี่ยงและข้อจำกัดความรับผิดชอบในการลงทุน
          ตลาดมีความเสี่ยง การลงทุนจำเป็นต้องระมัดระวัง เนื้อหาของบทความนี้มีไว้สำหรับอ้างอิงเท่านั้น และไม่ได้ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้คำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนพิเศษ สถานะทางการเงินหรืออื่นๆของบุคคล ลงทุนตามนั้น ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงของคุณเอง
          รายการโปรด
          แชร์

          ตลาดเงินนิวยอร์ค:ดอลล์แข็งค่าขณะนักลงทุนจับตาแนวโน้มดบ.เฟด

          Reuters
          ยูโร/เยนญี่ปุ่น
          -0.17%
          ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ
          +0.18%
          ปอนด์สเตอร์ลิง/ดอลลาร์สหรัฐ
          +0.18%
          ดอลลาร์สหรัฐ/เยนญี่ปุ่น
          -0.36%
          Bakkt Holdings
          +6.34%

          นิวยอร์ค--21 พ.ย.--รอยเตอร์

          • ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในวันพุธ หลังจากปิดตลาดในแดนลบมานานติดต่อกัน 3 วัน ในขณะที่นักลงทุนพยายามประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และรอดูนโยบายต่าง ๆ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยในตอนนี้นักลงทุนคาดว่า มีโอกาส 53.2% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. โดยปรับลดลงจากโอกาส 82.5% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน และนักลงทุนยังคาดการณ์ในตอนนี้อีกด้วยว่า มีโอกาส 46.8% ที่เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50-4.75% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. และนักลงทุนคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันเพียง 0.73% ตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงสิ้นปี 2025 ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนธ.ค. แต่นักเศรษฐศาสตร์ปรับลดการคาดการณ์เรื่องแนวโน้มในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าเมื่อเทียบกับที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งเดือนก่อน โดยเป็นผลจากความเสี่ยงที่นโยบายของนายทรัมป์อาจจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้น โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ในตอนนี้ว่า อัตราดอกเบี้ย fed funds จะอยู่ที่ 3.50%-3.75% ในช่วงสิ้นปี 2025 ซึ่งสูงกว่าระดับ 3.00%-3.25% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งเดือนก่อน

          • ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 106.61 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 106.13 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร

            ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 155.43 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยพุ่งขึ้นจากระดับปิดตลาดวันอังคารที่ 154.65 เยน หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 156.74 เยนในวันศุกร์ที่ 15 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.

            ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0543 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยร่วงลงจาก 1.0595 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร

          • เยน, ฟรังก์สวิส และดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นสามสกุลเงินปลอดภัย ได้รับแรงหนุนเป็นเวลาสั้น ๆ ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพุธ หลังจากรัฐบาลรัสเซียประกาศปรับลดเงื่อนไขในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ อย่างไรก็ดี คำสั่งซื้อสกุลเงินปลอดภัยจางหายไปในเวลาต่อมา หลังจากนายเซอร์ไก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียจะ "ทำทุกสิ่งที่ทำได้" เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามนิวเคลียร์ ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้วราว 3% นับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. โดยดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะชะลอความเร็วในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพราะว่านโยบายของนายทรัมป์จะกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ

          • มิเชลล์ โบว์แมน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการเฟด และลิซา คุก ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการเฟด แสดงความเห็นที่ขัดแย้งกันเองในวันพุธในเรื่องแนวโน้มนโยบายการเงินในสหรัฐ โดยโบว์แมนแสดงความกังวลต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% และเธอเรียกร้องให้เฟดใช้ความระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป ทางด้านลิซา คุก กล่าวในวันพุธว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงชะลอตัวลงต่อไป, ค่าแรงชะลอตัวลง และตลาดแรงงานชะลอตัวลง ส่วนการเพิ่มขึ้นของราคาในระดับที่มากเกินไปส่วนใหญ่แล้วจำกัดวงอยู่แค่ภายในภาคที่อยู่อาศัย ดังนั้นสถานการณ์ในตอนนี้จึงมีแนวโน้มว่าจะยังคงอยู่ในภาวะที่เหมาะสมสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป

          • ปอนด์อ่อนค่าลงจาก 1.2682 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร สู่ 1.2647 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ ถึงแม้อังกฤษรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงเกินคาดในเดือนต.ค. ทางด้านเทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาส 82.8% ที่ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมวันที่ 19 ธ.ค. ทั้งนี้ บิทคอยน์พุ่งขึ้น 2.41% สู่ 94,461 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากทะยานขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ที่ 94,982.37 ดอลลาร์ได้ในระหว่างวัน โดยบิทคอยน์ได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังที่ว่า รัฐบาลใหม่ของสหรัฐจะผ่อนคลายกฎระเบียบด้านสกุลเงินคริปโต และได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า บริษัทด้านสื่อสังคมของนายทรัมป์กำลังเจรจาเพื่อเข้าซื้อบริษัท Bakkt ที่ทำธุรกิจซื้อขายสกุลเงินคริปโต--จบ--

          Eikon source text

          (รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

          ((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

          คำเตือนความเสี่ยงและข้อจำกัดความรับผิดชอบในการลงทุน
          ตลาดมีความเสี่ยง การลงทุนจำเป็นต้องระมัดระวัง เนื้อหาของบทความนี้มีไว้สำหรับอ้างอิงเท่านั้น และไม่ได้ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้คำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนพิเศษ สถานะทางการเงินหรืออื่นๆของบุคคล ลงทุนตามนั้น ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงของคุณเอง
          รายการโปรด
          แชร์

          CHINA:หยวนทรงตัวเทียบดอลล์ ขณะธ.กลางจีนกำหนดค่ากลางสูงสุดในรอบ 1 เดือน

          Reuters
          ดอลลาร์สหรัฐ/หยวนจีนนอกชายฝั่ง
          -0.08%
          CNH Industrial
          -0.32%
          • หยวนทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากแข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ในช่วงเช้า ขณะที่ธนาคารกลางจีนกำหนดค่ากลางที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน

          • ก่อนตลาดเปิดทำการ ธนาคารกลางจีนได้กำหนดค่ากลางหยวนที่ 7.1307 ต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นะดับสูงสุดตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค. และต่ำกว่าที่รอยเตอร์คาดไว้เพียง 0.0004 หยวน ซึ่งเป็นส่วนต่างที่น้อยที่สุดตั้งแต่เดือนมิ.ย.2023 และบ่งชี้ว่า กลไกการกำหนดราคาปรับตัวเป็นปกติแล้ว เนื่องจากดอลลาร์กำลังอ่อนค่าลง

          • หยวนในตลาดสปอตอยู่ที่ 7.1350 ต่อดอลลาร์ในช่วงเปิดตลาด และปรับตัวลง 0.0017 หยวนจากระดับปิดครั้งก่อน และต่ำกว่าค่ากลางอยู่ 0.01%

          • ดอลลาร์ร่วงลงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญๆเนื่องจากผลตอบแทนที่ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ ขณะที่ผู้เล่นในตลาดกำลังรอการเปิดเผการแก้ไขเบื้องต้นข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐในวันนี้ และการแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมที่เมืองแจ็คสัน โฮลในวันศุกร์นี้

          • นักวิเคราะห์จากเมย์แบงก์ยังคงมองเห็นช่วงขาลงสำหรับหยวนในเกณฑ์ที่มีการถ่วงน้ำหนักการค้า เนื่องจากธนาคารกลางจีนไม่ถูกกดดันอีกต่อไปให้ต้องปกป้องค่าเงินหยวน/ดอลลาร์ ในขณะที่เฟดกำลังจะปรับเปลี่ยนไปสู่การลดดอกเบี้ย และจากการคำนวณของรอยเตอร์พบว่า หยวนเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินของประเทศคุ่ค้า ลดลงสู่ระดับ 97.65 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนธ.ค.2023--จบ--

          Eikon source text

          คำเตือนความเสี่ยงและข้อจำกัดความรับผิดชอบในการลงทุน
          ตลาดมีความเสี่ยง การลงทุนจำเป็นต้องระมัดระวัง เนื้อหาของบทความนี้มีไว้สำหรับอ้างอิงเท่านั้น และไม่ได้ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้คำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนพิเศษ สถานะทางการเงินหรืออื่นๆของบุคคล ลงทุนตามนั้น ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงของคุณเอง
          รายการโปรด
          แชร์

          USA:ชี้ชาวสหรัฐรายได้ต่ำมีปัญหาค้างชำระหนี้,กระทบภาคธนาคาร

          Reuters
          U.S. Bancorp
          +0.86%
          Wells Fargo & Co.
          +0.96%
          Bank of America
          +0.13%

          นิวยอร์ค--25 เม.ย.--รอยเตอร์

          • ข้อมูลที่ออกมาในระยะนี้บ่งชี้ว่า ลูกหนี้รายได้ต่ำในสหรัฐกำลังประสบปัญหาในการชำระหนี้ และปัญหานี้ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นในการปล่อยสินเชื่อรถยนต์และสินเชื่อบัตรเครดิต นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ยังระบุอีกด้วยว่า ชาวสหรัฐจำนวนมากยิ่งขึ้นมีเงินออมร่อยหรอลงในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่การพุ่งขึ้นของราคาสินค้าและบริการส่งผลลบต่องบประมาณ และอัตราดอกเบี้ยก็ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้สร้างความเสียหายต่อชาวสหรัฐที่มีรายได้ต่ำกว่า 45,000 ดอลลาร์ต่อปี แต่ชาวสหรัฐที่มีรายได้สูงยังคงมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง ทั้งนี้ นายออสตัน กูลส์บี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกเพิ่งกล่าวในวันศุกร์ที่ 19 เม.ย.ว่า การค้างชำระหนี้ของผู้บริโภคถือเป็นหนึ่งในตัวเลขเศรษฐกิจที่น่ากังวลมากที่สุดในตอนนี้ และเขากล่าวเสริมว่า "ถ้าหากอัตราการค้างชำระหนี้ของผู้บริโภคเริ่มปรับสูงขึ้น นั่นก็มักจะถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ล่วงหน้าว่า สถานการณ์กำลังจะย่ำแย่ลง"

          • นายอาริจิต รอย ผู้บริหารแผนกธุรกิจผู้บริโภคในธนาคารยู.เอส. แบงคอร์ปกล่าวว่า ลูกหนี้ครั้งแรกและลูกหนี้รายได้ต่ำมีอัตราการผิดนัดชำระหนี้สูงกว่าลูกหนี้ที่มีรายได้สูง ส่วนธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริการะบุในวันอังคารว่า ยอดการตัดบัญชีหนี้สูญพุ่งขึ้นสู่ 1.5 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีนี้ จาก 807 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 1/2023 โดยได้รับแรงหนุนส่วนใหญ่จากหนี้บัตรเครดิต ทางด้านธนาคารเจพีมอร์แกน เชสระบุว่า ยอดการตัดบัญชีหนี้สูญพุ่งขึ้นเกือบ 2 เท่า สู่ 2 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก นอกจากนี้ ยอดการตัดบัญชีหนี้สูญก็ทะยานขึ้นด้วยเช่นกันในธนาคารซิตี้กรุ๊ปและธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ทั้งนี้ นายแอลิสเตอร์ บอร์ธวิค หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของแบงก์ ออฟ อเมริการะบุว่า ลูกหนี้ที่มีคะแนนความน่าเชื่อถือต่ำเริ่มมีฐานะการเงินเปราะบาง ในขณะที่รายจ่ายของลูกหนี้กลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อและจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ลูกหนี้ส่วนใหญ่ของแบงก์ ออฟ อเมริกามีคะแนนเครดิตสูงและมีฐานะการเงินแข็งแกรง

          • ธนาคารบางแห่งในสหรัฐให้บริการแก่ลูกหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำจำนวนมาก หรือลูกหนี้ที่มีคะแนนเครดิตราว 300-600 คะแนน โดยธนาคารในกลุ่มนี้รวมถึงธนาคารแคปิตัล วัน, ธนาคารโอลด์ เนชันนัล แบงก์ และธนาคารเฟิร์สท์ มอร์ทเกจ ไดเรคท์ อย่างไรก็ดี ธนาคารทั้ง 3 แห่งนี้ไม่ได้แสดงความเห็นต่อประเด็นนี้ ทั้งนี้ ถึงแม้ธนาคารพาณิชย์มีรายได้จากดอกเบี้ย ธนาคารก็มักจะหลีกเลี่ยงจากสถานการณ์ที่ส่งผลให้ทางธนาคารต้องตัดบัญชีหนี้สูญ โดยนายทอม เดนท์ รองประธานสมาคมผู้บริหารกิจการสายบุคคลธนกิจกล่าวว่า "ธนาคารพาณิชย์มักจะส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าต่อลูกค้าเกี่ยวกับกำหนดการชำระเงิน, ให้คำปรึกษาด้านหนี้สินแก่ลูกค้า และให้ความรู้แก่ลูกค้าเพื่อจะได้ชำระหนี้ได้ต่อไป"

          • ปัญหาของลูกหนี้ในสหรัฐส่งผลให้ภาคธนาคารใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น โดยผลสำรวจของเฟดสาขาดัลลัสระบุว่า ปริมาณสินเชื่อของธนาคารในภูมิภาคดังกล่าวลดระดับลง และมีการคุมเข้มมาตรฐานการปล่อยกู้มากยิ่งขึ้น ในขณะที่ธนาคารหลายแห่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในเดือนมี.ค. ทั้งนี้ เฟดได้เปิดเผยผลสำรวจความเห็นเจ้าหน้าที่สินเชื่อในสหรัฐรายไตรมาสในเดือนม.ค. โดยผลสำรวจดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่สินเชื่อได้คุมเข้มมาตรฐานการปล่อยกู้ ซึ่งรวมถึงสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อรถยนต์ และธนาคารหลายแห่งก็คาดการณ์ว่า จะมีการคุมเข้มมาตรฐานการปล่อยกู้บัตรเครดิตให้เข้มงวดขึ้นไปอีกในอนาคตด้วย อย่างไรก็ดี บริษัทมูดี้ส์ระบุในรายงานในเดือนนี้ว่า อัตราการค้างชำระหนี้บัตรเครดิตและหนี้รถยนต์ดูเหมือนว่าได้ผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว ในขณะที่ยอดหนี้สินของภาคครัวเรือนสหรัฐได้พุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดไปแล้ว และยอดหนี้สินบัตรเครดิตก็ทะยานขึ้นเหนือระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกในปี 2023

          • สำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจของสหรัฐ (BEA) ระบุว่า ชาวสหรัฐออมเงินเพียง 3.6% ของรายได้สุทธิในเดือนก.พ. โดยดิ่งลงจาก 4.7% ในเดือนก.พ.ปีก่อน ทางด้านบริษัทแวนเทจสกอร์ระบุว่า อัตราการค้างชำระหนี้ของผู้บริโภคสหรัฐอยู่ที่ 0.98% สำหรับสินเชื่อโดยรวม ซึ่งครอบคลุมทั้งบัตรเครดิต, สินเชื่อรถยนต์ และสินเชื่อจำนอง แต่อัตราดังกล่าวปรับสูงขึ้นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา โดยแวนเทจสกอร์ระบุอีกด้วยว่า ชาวสหรัฐที่มีอายุน้อยมีแนวโน้มที่จะค้างชำระหนี้สูงกว่าชาวสหรัฐที่มีอายุสูงกว่า 40 ปี ทั้งนี้ นายเบรนดัน คอกลิน หัวหน้าฝ่ายบุคคลธนกิจในธนาคารซิติเซนส์ ไฟแนนเชียลระบุว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เกิดวิกฤติโรคระบาดเคยช่วยหนุนฐานะการเงินของชาวสหรัฐจำนวนมากที่ถือบัตรเครดิต แต่ชาวสหรัฐจำนวนมากได้ใช้เงินจากโครงการดังกล่าวไปหมดแล้ว และโครงการเลื่อนกำหนดชำระหนี้ต่าง ๆ ก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว ดังนั้นผู้บริโภคหลายรายจึงประสบภาวะกู้เงินมากเกินไปในปัจจุบัน และเขากล่าวเสริมว่า "คะแนนเครดิตเคยอยู่สูงเกินจริงในช่วงก่อนหน้านี้ โดยเป็นผลจากยอดเงินออมที่สูงขึ้น และยอดใช้จ่ายเงินที่ลดลง" ในช่วงที่เกิดวิกฤตโรคระบาด และเขากล่าวเสริมว่า ยอดการค้างชำระหนี้บัตรเครดิตถือเป็นตัวเลขสำคัญที่ต้องจับตามอง เพราะตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงประชาชนที่ใช้จ่ายเงินเกินฐานะของตนเอง--จบ--

          Eikon source text

          (รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

          ((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

          คำเตือนความเสี่ยงและข้อจำกัดความรับผิดชอบในการลงทุน
          ตลาดมีความเสี่ยง การลงทุนจำเป็นต้องระมัดระวัง เนื้อหาของบทความนี้มีไว้สำหรับอ้างอิงเท่านั้น และไม่ได้ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้คำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนพิเศษ สถานะทางการเงินหรืออื่นๆของบุคคล ลงทุนตามนั้น ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงของคุณเอง
          รายการโปรด
          แชร์

          MORNING BRIEF:สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ

          Reuters
          Abbott Laboratories
          +0.09%
          U.S. Bancorp
          +0.86%
          JB Hunt Transport Services
          -0.03%
          PROLOGIS, INC.
          -0.78%

          กรุงเทพฯ-18- เม.ย.--รอยเตอร์

          • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงในวันพุธ ซึ่งถือเป็นการปรับลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 วันทำการ ในขณะที่นักลงทุนพักการเข้าซื้อดอลลาร์ หลังจากดอลลาร์เคยพุ่งขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้โดยได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่บ่งชี้ว่า เฟดจะยังไม่เริ่มต้นวัฏจักรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้จนกว่าจะได้ดูตัวเลขเศรษฐกิจใหม่ ทางด้านธนาคารกลางสำคัญแห่งอื่น ๆ ยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในอนาคตเหมือนเดิม ทั้งนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในระยะนี้แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะแข็งแกร่งเกินคาด และปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ทางด้านเฟดได้เปิดเผยรายงาน Beige Book ออกมาในวันพุธ โดยรายงานระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐขยายตัวเล็กน้อยในช่วงตั้งแต่ปลายเดือนก.พ.จนถึงต้นเดือนเม.ย. และบริษัทสหรัฐคาดการณ์ว่า แรงกดดันเงินเฟ้อจะทรงตัว Eikon source text

            ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 105.96 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยร่วงลงจาก 106.33 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 106.51 ในวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2023 หรือจุดสูงสุดรอบ 5 เดือนครึ่ง โดยดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นมาแล้วราว 4.7% จากช่วงต้นปีนี้

            ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 154.38 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยอ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดวันอังคารที่ 154.71 เยน หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 154.79 เยนในวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดรอบ 34 ปี หรือจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1990

            ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0671 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 1.0617 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร หลังจากร่วงลงแตะ 1.0599 ดอลลาร์ในวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. 2023 หรือจุดต่ำสุดรอบ 5 เดือนครึ่ง

          • ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงหลังจากแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน ในขณะที่นักลงทุนพยายามประเมินจุดยืนด้านอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และปรับตัวรับผลประกอบการที่อ่อนแอในช่วงต้นของฤดูการรายงานผลประกอบการ โดยหุ้นบริษัทแทรเวเลอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทประกันยักษ์ใหญ่ดิ่งลง 7.41% และถือเป็นหุ้นที่ถ่วงดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลงมากที่สุดในวันพุธ หลังจากแทรเวเลอร์สเปิดเผยผลกำไรไตรมาสแรกที่ต่ำเกินคาด ส่วนหุ้นบริษัทโพรโลจิส ซึ่งเป็นทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) กลุ่มโกดังสินค้ารูดลง 7.19% หลังจากทางบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาส ทางด้านหุ้นบริษัทแอบบอทท์ แลบอราทอรีส์ซึ่งทำธุรกิจเวชภัณฑ์ดิ่งลง 3.03% หลังจากแอบบอทท์คาดการณ์แนวโน้มรายปีที่น่าผิดหวัง ทั้งนี้ ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยในตอนนี้นักลงทุนคาดว่า มีโอกาสเพียง 16.8% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมวันที่ 11-12 มิ.ย. และมีโอกาสเพียง 46% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 30-31 ก.ค. อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นลดช่วงติดลบกลับขึ้นมาได้บ้าง ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีดิ่งลงจาก 4.657% ในช่วงท้ายวันอังคาร สู่ 4.585% ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากสหรัฐเปิดประมูลพันธบัตรอายุ 20 ปีและได้รับการตอบรับอย่างแข็งแก่ง Eikon source text

            ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับลง 0.12% สู่ 37,753.31

            ดัชนี S&P 500 ปิดร่วงลง 0.58% สู่ 5,022.21 ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดในแดนลบเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดในรอบกว่า 4 เดือน และมีแนวโน้มว่าดัชนีอาจจะปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนลบเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันด้วย

            ดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 1.15% สู่ 15,683.37

          • ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ดิ่งลงอย่างรุนแรงในวันพุธ โดยได้รับแรงกดดันจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงการพุ่งขึ้นของสต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐ, ตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอในจีน และความคืบหน้าของสหรัฐในการผลักดันร่างกฎหมายให้ความช่วยเหลือแก่อิสราเอลและยูเครน โดยนายไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐกล่าวว่า จะมีการเปิดเผยเนื้อหาในร่างกฎหมาย 4 ฉบับในวันพุธ ซึ่งได้แก่ร่างกฎหมายเรื่องการให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครน, อิสราเอล และภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และร่างกฎหมายเรื่องมาตรการรับมือกับรัสเซีย, จีน และอิหร่าน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ได้รับแรงกดดันจากการที่อิสราเอลยังไม่ได้ตอบโต้อิหร่านด้วย หลังจากอิหร่านใช้โดรนและขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลโดยตรงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ได้เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันในคลังสหรัฐออกมาในวันพุธ โดยระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐพุ่งขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรล สู่ 460 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 เม.ย. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในโพลล์รอยเตอร์ที่คาดว่าอาจเพิ่มขึ้นเพียง 1.4 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินในคลังสหรัฐดิ่งลง 1.2 ล้านบาร์เรล สู่ 227.4 ล้านบาร์เรล ทางด้านสต็อกน้ำมัน Distillate ในคลังสหรัฐ ซึ่งครอบคลุมน้ำมันดีเซลและน้ำมัน heating oil รูดลง 2.8 ล้านบาร์เรล สู่ 115 ล้านบาร์เรล Eikon source text

            ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนพ.ค.รูดลง 2.67 ดอลลาร์ หรือ 3.1% มาปิดตลาดที่ 82.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.

            ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนดิ่งลง 2.73 ดอลลาร์ หรือ 3% มาปิดตลาดที่ 87.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

          • ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐดิ่งลง 22.02 ดอลลาร์ สู่ 2,360.81 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ แต่ยังคงเคลื่อนตัวอยู่ใกล้สถิติสูงสุดที่ 2,431.29 ดอลลาร์ที่เคยทำไว้ในวันศุกร์ที่ 12 เม.ย. ในขณะที่ราคาทองได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และปัจจัยลบดังกล่าวบดบังแรงหนุนที่ราคาทองได้รับจากคำสั่งซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง Eikon source text

          --จบ--

          (รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

          ((jit.phokaew@thomsonreuters.com ; โทร 08-7689-6043;

          คำเตือนความเสี่ยงและข้อจำกัดความรับผิดชอบในการลงทุน
          ตลาดมีความเสี่ยง การลงทุนจำเป็นต้องระมัดระวัง เนื้อหาของบทความนี้มีไว้สำหรับอ้างอิงเท่านั้น และไม่ได้ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้คำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนพิเศษ สถานะทางการเงินหรืออื่นๆของบุคคล ลงทุนตามนั้น ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงของคุณเอง
          รายการโปรด
          แชร์

          USA:วิเคราะห์ผลกระทบจากการขึ้นดบ.ของเฟดที่มีต่องบดุลธนาคารสหรัฐ

          Reuters
          Bank of America
          +0.13%
          Goldman Sachs
          +0.15%
          U.S. Bancorp
          +0.86%
          PNC Financial Services
          +0.14%
          JPMorgan
          +1.27%

          17 ต.ค.--รอยเตอร์

          • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 5.25% นับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2022 เป็นต้นมา และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวก็ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐชะลอการปล่อยสินเชื่อ และปรับเพิ่มระดับการถือครองเงินสด หลังจากเกิดวิกฤติภาคธนาคารในเดือนมี.ค.ปีนี้เมื่อมีการสั่งปิดกิจการธนาคารซิลิคอน แวลลีย์ (SVB) ในสหรัฐ ทั้งนี้ ถึงแม้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดสู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. ระบบการเงินในสหรัฐก็ยังคงได้รับผลกระทบจากวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2022 เป็นต้นมา และได้รับผลกระทบจากการคาดการณ์ที่ว่า อัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปจนถึงปี 2024

          • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาวพุ่งขึ้นมาแล้วราว 1% นับตั้งแต่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในวันที่ 26 ก.ค. และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ซึ่งเป็นสิ่งที่ปรับตัวสวนทางกับราคาพันธบัตร ก็มีอิทธิพลต่อการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ และต่อความต้องการกู้เงินของลูกค้าธนาคาร ทั้งนี้ เฟดรายงานว่า สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์โดยรวมในสหรัฐหดตัวลงในไตรมาส 3 เมื่อเทียบรายปี ซึ่งถือเป็นการหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี โดยได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของมูลค่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ เพราะว่าการดิ่งลงของมูลค่าพันธบัตรรัฐบาลสร้างความเสียหายต่อมูลค่าของหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) ที่ธนาคารพาณิชย์ถือครองไว้ในวงกว้าง

          • สินเชื่อธนาคารโดยรวมในสหรัฐอยู่ที่ 17.26 ล้านล้านดอลลาร์ในวันที่ 27 ก.ย. ซึ่งถือเป็นวันพุธสุดท้ายของเดือนก.ย. โดยร่วงลงจาก 17.30 ล้านล้านดอลลาร์ในวันพุธสุดท้ายของเดือนมิ.ย. และร่วงลงจาก 17.33 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อ 1 ปีก่อน ทั้งนี้ สินเชื่อสำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยและสินเชื่อสำหรับอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ยังคงพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3 แต่ปรับขึ้นในอัตราไม่ถึง 8% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน หลังจากที่เคยพุ่งขึ้นสูงกว่า 10% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายปี ทางด้านสินเชื่อเชิงพาณิชย์และสินเชื่ออุตสาหกรรมร่วงลงในไตรมาส 3/2023 เป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน โดยสินเชื่อกลุ่มนี้เคยพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในวันที่ 15 มี.ค.หลังจากธนาคาร SVB ล้ม และยอดสินเชื่อนี้อยู่ที่ระดับ 2.78 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนมิ.ย. ก่อนจะร่วงลงสู่ 2.75 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนก.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดรอบ 11 เดือน

          • ธนาคารพาณิชย์ได้ปรับเพิ่มการถือครองเงินสดในช่วงที่ผ่านมา โดยธนาคารที่ใหญ่ที่สุด 25 แห่งของสหรัฐได้ปรับเพิ่มปริมาณการถือครองเงินสดขึ้นสูงมากในไตรมาส 3 ทางด้านปริมาณเงินฝากในธนาคารพาณิชย์ได้เข้าสู่เสถียรภาพในไตรมาสล่าสุด และอยู่ที่ระดับ 17.29 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงนี้ หลังจากปริมาณเงินฝากเคยดิ่งลงอย่างรุนแรงหลังจากธนาคาร SVB ล้มในวันที่ 10 มี.ค.และเกิดวิกฤติภาคธนาคารในช่วงนั้น

          • ปริมาณเงินฝากในธนาคารสหรัฐโดยรวมดิ่งลงมาแล้วราว 7% จากจุดสูงสุดของเดือนเม.ย. 2022 โดยปริมาณเงินฝากในธนาคารขนาดใหญ่ที่สุด 25 แห่งของสหรัฐรูดลงมาแล้วกว่า 8% จากจุดสูงสุดของเดือนเม.ย. 2022 แต่ปริมาณเงินฝากในธนาคารขนาดเล็กปรับลดลงเพียงราว 2% จากเดือนเม.ย. 2022 หลังจากปริมาณเงินฝากในธนาคารขนาดเล็กเคยดิ่งลงอย่างรุนแรงเมื่อเกิดวิกฤติภาคธนาคารในเดือนมี.ค.ปีนี้ แต่ฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วในช่วงหลังจากนั้น ทางด้านปริมาณเงินฝากในธนาคารต่างชาติในสหรัฐฟื้นตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน--จบ--

          Eikon source text

          (รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

          ((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

          คำเตือนความเสี่ยงและข้อจำกัดความรับผิดชอบในการลงทุน
          ตลาดมีความเสี่ยง การลงทุนจำเป็นต้องระมัดระวัง เนื้อหาของบทความนี้มีไว้สำหรับอ้างอิงเท่านั้น และไม่ได้ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้คำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนพิเศษ สถานะทางการเงินหรืออื่นๆของบุคคล ลงทุนตามนั้น ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงของคุณเอง
          รายการโปรด
          แชร์
          FastBull
          ลิขสิทธิ์ © 2025 FastBull Ltd

          728 RM B 7/F GEE LOK IND BLDG NO 34 HUNG TO RD KWUN TONG KLN HONG KONG

          TelegramInstagramTwitterfacebooklinkedin
          App Store Google Play Google Play
          ผลิตภัณฑ์
          กราฟ

          แชท

          Q&A กับผู้เชี่ยวชาญ
          ตัวกรอง
          ปฏิทินเศรษฐกิจ
          ข้อมูล
          เครื่องมือ
          สมาชิก
          ฟีเจอร์
          ฟังก์ชั่น
          ตลาด
          ธุรกรรมคัดลอก
          สัญญาณล่าสุด
          การแข่งขัน
          ข่าวสาร
          การวิเคราะห์
          24x7
          คอลัมน์
          แหล่งเรียนรู้
          บริษัท
          รับสมัครงาน
          เกี่ยวกับเรา
          ติดต่อเรา
          การลงโฆษณา
          ศูนย์ช่วยเหลือ
          ข้อเสนอแนะ
          ข้อตกลงผู้ใช้
          นโยบายความเป็นส่วนตัว
          สำหรับธุรกิจ

          ไวท์เลเบล

          Data API

          ปลั๊กอินเว็บไซต์

          เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์

          โครงการพันธมิตร

          การเปิดเผยความเสี่ยง

          ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ

          ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ

          หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน

          ไม่ได้ล็อกอิน

          เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

          สมาชิก FastBull

          ยังไม่ได้เปิด

          สมัคร

          มาเป็นผู้ให้สัญญาณ
          ศูนย์ช่วยเหลือ
          บริการลูกค้า
          โหมดมืด
          สีขึ้นและลง

          เข้าสู่ระบบ

          ลงทะเบียน

          แถบข้าง
          เลย์เอาท์
          เต็มหน้าจอ
          ตั้งค่าเริ่มต้นเป็นกราฟ
          หน้ากราฟจะเปิดขึ้นตามค่าเริ่มต้นเมื่อคุณเข้า fastbull.com