ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



สหรัฐอเมริกา ค่าเฉลี่ยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก4 สัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (Not SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อสินค้าคงทนนอกกระทรวงกลาโหมที่ได้แก้ไข MoM (ไม่รวมเครื่องบิน)(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นการขนส่ง) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นภาคกลาโหม) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงสต็อกก๊าซธรรมชาติประจำสัปดาห์ของ EIAค:--
ค: --
ค: --
ซาอุดิอาระเบีย การผลิตน้ำมันดิบค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การถือครองธนารักษ์สหรัฐฯของธนาคารกลางต่างประเทศรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย ดอกเบี้ยอ้างอิงค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราเงินสดสำรองค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น อินดิเคเตอร์ชั้นนำเบื้องต้น (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax YoY (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax MoM (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้าYoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การส่งออก (พ.ย.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล
โตเกียว--11 ต.ค.--รอยเตอร์
รอยเตอร์ได้ให้บริษัทนิกเกอิ รีเสิร์ชสำรวจข้อมูลจากบริษัทญี่ปุ่น 241 แห่งในวันที่ 25 ก.ย.ถึง 4 ต.ค. และได้เปิดเผยผลสำรวจออกมาเมื่อวานนี้ โดยผลสำรวจระบุว่า บริษัทญี่ปุ่น 70% ในโพลล์คาดว่า ดอลลาร์/เยนจะอยู่ที่ระดับระหว่าง 140-150 เยนในช่วงสิ้นปีงบดุลบัญชีปัจจุบันในวันที่ 31 มี.ค. 2025 ในขณะที่บริษัทญี่ปุ่น 21% ในโพลล์คาดว่า ดอลลาร์จะอยู่ที่ 130-140 เยนในช่วงสิ้นเดือนมี.ค.ปีหน้า ทั้งนี้ ดอลลาร์/เยนเพิ่งแกว่งตัวผันผวนในช่วงที่ผ่านมา โดยดอลลาร์/เยนเคยพุ่งขึ้นแตะ 161.96 เยนในวันที่ 3 ก.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1986 หรือจุดสูงสุดในรอบเกือบ 38 ปี ก่อนจะดิ่งลงแตะ 139.58 เยนในวันที่ 16 ก.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2023 หรือจุดต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี และดอลลาร์อยู่ที่ 148.74 เยนในวันนี้ โดยดอลลาร์/เยนได้รับแรงหนุนในช่วงนี้ หลังจากนายชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่นกล่าวในช่วงต้นเดือนต.ค.ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังไม่พร้อมสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
เมื่อได้รับคำถามว่า ญี่ปุนควรทำเช่นใดในการรับมือกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่แกว่งตัวผันผวนมากเกินไป บริษัทญี่ปุ่น 45% ในโพลล์ก็ตอบว่า ญี่ปุ่นควรผ่อนคลายนโยบายการเงิน หรือไม่ก็คุมเข้มนโยบายการเงิน ในขณะที่บริษัท 33% ในโพลล์ระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นควรจะเข้ามาแทรกแซงตลาด ทั้งนี้ ผู้จัดการบริษัทเคมีภัณฑ์แห่งหนึ่งระบุว่า "ความอ่อนแอของเยนเกิดจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างประเทศต่าง ๆ และเกิดจากความอ่อนแอทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นด้วย ดังนั้นญี่ปุ่นจึงจำเป็นที่จะต้องดำเนินนโยบายที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ"
ผลสำรวจพบว่า บริษัทญี่ปุ่น 36% ในโพลล์คาดว่า ทางบริษัทอาจมีผลกำไรอยู่ต่ำเกินคาดสำหรับช่วงครึ่งแรกของปีงบดุลบัญชี หรือสำหรับช่วงเดือนเม.ย.-ก.ย. 2024 โดยเป็นผลจากต้นทุนที่สูงขึ้นและยอดขายที่เฉื่อยชา ในขณะที่บริษัท 18% ในโพลล์คาดว่า ผลกำไรของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปีงบดุลบัญชีอาจอยู่สูงเกินกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้ และบริษัทอีก 45% ที่เหลือของโพลล์คาดว่า ผลกำไรในช่วงครึ่งแรกของปีงบดุลบัญชีอาจตรงตามเป้าหมาย ทั้งนี้ บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งจะรายงานผลประกอบการสำหรับช่วงครึ่งแรกของปีงบดุลบัญชีในช่วงปลายเดือนนี้
ในกลุ่มบริษัทที่ทำธุรกิจอุปกรณ์การขนส่ง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์นั้น บริษัท 50% ในกลุ่มนี้ประเมินว่า ผลกำไรช่วงครึ่งปีแรกอาจอยู่ต่ำเกินคาด แต่บริษัท 14% ในกลุ่มนี้คาดว่าผลกำไรอาจอยู่สูงเกินคาด ทั้งนี้ ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา บริษัทนิสสัน มอเตอร์ได้ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรจากการดำเนินงานตลอดทั้งปีลง 17% และปรับลดตัวเลขคาดการณ์ยอดขายปลีกรถยนต์ลงราว 50,000 คัน สู่ 3.65 ล้านคัน โดยให้เหตุผลว่ายอดขายในสหรัฐและจีนอยู่ในระดับอ่อนแอเกินคาด
สำหรับช่วงครึ่งหลังของปีงบดุลบัญชีที่เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2024 นั้น บริษัท 58% ในโพลล์คาดว่า ผลกำไรของบริษัทจะอยู่ในระดับที่ตรงตามความคาดหมาย แต่มีบริษัท 34% ในโพลล์ที่คาดว่าผลกำไรในช่วงครึ่งปีหลังจะอยู่ต่ำเกินคาด ทั้งนี้ สำหรับคำถามเรื่องมาตรการรับมือกับบริษัทต่างชาติที่ตั้งเป้าหมายในการเข้าซื้อบริษัทญี่ปุ่นนั้น บริษัทญี่ปุ่น 44% ในโพลล์ตอบว่า ทางบริษัทจะพยายามปรับเพิ่มมูลค่าของบริษัท แต่มีบริษัท 21% ในโพลล์ที่ตอบว่า ทางบริษัทจะไม่ดำเนินมาตรการที่เฉพาะเจาะจงใด ๆ และมีบริษัท 32% ที่มองว่า บริษัทของตนเองไม่ได้เป็นเป้าหมายในการควบรวมกิจการ--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
โตเกียว--7 ส.ค.--รอยเตอร์
ดอลลาร์/เยนพุ่งขึ้น 2.00% สู่ 147.19 เยนในวันนี้ หลังจากเพิ่งรูดลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 7 เดือนที่ 141.675 เยนในวันจันทร์ และหลังจากเพิ่งปิดตลาดในแดนลบติดต่อกัน 5 วันในวันที่ 30 ก.ค.-5 ส.ค. โดยดอลลาร์/เยนยังคงดิ่งลงมาแล้วราว 9% จากจุดสูงสุดในรอบเกือบ 38 ปีที่ 161.96 เยนที่เคยทำไว้ในวันที่ 3 ก.ค. ทางด้านนักวิเคราะห์ระบุว่า การพุ่งขึ้นของเยนในช่วงนี้มีส่วนกดดันให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นดิ่งลงอย่างรุนแรงมากในวันจันทร์ หลังจากที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเคยพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนไม่แน่ใจว่า ความผันผวนของเยนในช่วงนี้จะส่งผลกระทบอย่างไรบ้างต่อแนวโน้มผลกำไรของบริษัทญี่ปุ่น ทั้งนี้ ดัชนีนิกเกอิของตลาดหุ้นญี่ปุ่นดิ่งลงราว 20% ในช่วงวันที่ 1-5 ส.ค. โดยดัชนีนิกเกอิรูดลง 12.4% ในวันจันทร์ที่ 5 ส.ค. ซึ่งถือเป็นการทำสถิติดิ่งลงครั้งใหญ่อันดับสอง ส่วนสถิติการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นในเหตุการณ์ Black Monday ในเดือนต.ค. 1987 อย่างไรก็ดี ดัชนีนิกเกอิดีดกลับขึ้นมาได้บ้างในเวลาต่อมา โดยดัชนีพุ่งขึ้น 10.23% ในวันอังคาร และทะยานขึ้นราว 1.19% สู่ 35,089.62 ในวันนี้ แต่ดัชนียังคงดิ่งลงมาแล้วราว 17.3% จากสถิติสูงสุดที่ 42,426.77 ที่เคยทำไว้ในวันที่ 11 ก.ค.
แรงเทขายในตลาดหุ้นญี่ปุ่นในช่วงนี้มีสาเหตุบางส่วนมาจากการแข็งค่าของเยน หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ประกาศผลการประชุมกำหนดนโยบายออกมาในวันที่ 31 ก.ค. โดยระบุว่าบีโอเจปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจาก 0-0.1% สู่ 0.25% ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 โดยดอลลาร์/เยนได้ดิ่งลงจาก 152.76 เยนในช่วงท้ายวันที่ 30 ก.ค. จนลงไปแตะจุดต่ำสุดรอบ 7 เดือนที่ 141.675 เยนในวันจันทร์ ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเยนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเคยช่วยหนุนตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพราะว่าการอ่อนค่าของเยนส่งผลดีต่อบริษัทส่งออกขนาดยักษ์หลายแห่งของญี่ปุ่น อย่างไรก็ดี เนื่องจากเยนแข็งค่าขึ้นในช่วงนี้ ดังนั้นนักลงทุนจึงจำเป็นจะต้องประเมินสถานการณ์ใหม่ว่า บริษัทญี่ปุ่นจะมีสถานะเป็นอย่างใดถ้าหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากการอ่อนค่าของเยน
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเคยพุ่งขึ้นเกือบ 30% ในปีที่แล้ว และเพิ่งพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ในเดือนก.ค.ปีนี้ อย่างไรก็ดี นายอามีร์ อันวาร์ซาเดห์ จากบริษัทอะซิมเมทริก แอดไวเซอร์สกล่าวว่า "แรงหนุนทั้งหมดที่ดัชนีนิกเกอิ 225, หุ้นกลุ่มผู้ส่งออก และหุ้นบริษัทข้ามชาติเคยได้รับจากอัตราแลกเปลี่ยนได้หายไปหมดแล้ว" ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเยนส่งผลให้ต้นทุนของธุรกิจขนาดเล็กและค่าใช้จ่ายของภาคครัวเรือนญี่ปุ่นพุ่งสูงขึ้น แต่การอ่อนค่าของเยนส่งผลดีต่อบริษัทส่งออกขนาดใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ เพราะว่าการอ่อนค่าของเยนส่งผลให้สินค้าญี่ปุ่นมีราคาถูกลงในตลาดต่างประเทศ และการอ่อนค่าของเยนส่งผลให้ผลกำไรของบริษัทข้ามชาติเพิ่มสูงขึ้น เมื่อบริษัทเหล่านี้โอนย้ายผลกำไรจากต่างประเทศกลับเข้ามาในญี่ปุ่น ทางด้านโตโยต้า ซึ่งถือเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลกระบุว่า อัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์/เยนที่เปลี่ยนแปลงไปทุก 1 เยน ส่งผลกระทบต่อผลกำไรของโตโยต้าราว 5.0 หมื่นล้านเยน (350 ล้านดอลลาร์) นอกจากนี้ โตโยต้ายังรายงานในสัปดาห์ที่แล้วอีกด้วยว่า ค่าเงินเยนส่งผลบวกราว 3.70 แสนล้านเยนต่อผลกำไรจากการดำเนินงานของโตโยต้าในไตรมาสล่าสุด
นักวิเคราะห์ระบุว่า ถึงแม้ภาคเอกชนของญี่ปุ่นยังคงมีพื้นฐานส่วนใหญ่ที่แข็งแกร่ง แรงเทขายหุ้นญี่ปุ่นในช่วงนี้ก็แสดงให้เห็นว่า ตลาดไม่ได้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานเสมอไป นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มผู้ส่งออกของญี่ปุ่นก็ได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐด้วย เพราะว่าสหรัฐนำเข้าสินค้าจำนวนมากจากญี่ปุ่น และสหรัฐถือเป็นตลาดที่สำคัญมากสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ของญี่ปุ่น โดยนายทากาโตชิ อิโตชิมะ นักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทพิคเทท แอสเซท แมเนจเมนท์ เจแปนระบุว่า ถ้าหากเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง ยอดขายรถญี่ปุ่นก็จะได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ บริษัทซูบารุระบุในวันจันทร์ว่า ซูบารุยังคงคาดการณ์ว่าอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์/เยนจะอยู่ที่ 142 เยนสำหรับช่วงตลอดทั้งปีนี้ และซูบารุระบุอีกด้วยว่า รายได้เกือบ 80% ของซูบารุในไตรมาสแรกมาจากทวีปอเมริกาเหนือ โดยนายคัทสึยุกิ มิสุมะ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของซูบารุระบุว่า อัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์/เยนที่เปลี่ยนแปลงไปทุก 1 เยนส่งผลกระทบต่อผลกำไรจากการดำเนินงานของซูบารุราว 1.0 หมื่นล้านเยน
การแข็งค่าของเยนในช่วงนี้อาจจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในวงกว้างของญี่ปุ่น หลังจากที่การดิ่งลงอย่างรุนแรงของเยนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาส่งผลให้ราคาผู้บริโภคพุ่งสูงขึ้น และทำให้นักลงทุนกังวลกับแนวโน้มการจับจ่ายใช้สอยของญี่ปุ่น ทั้งนี้ การดิ่งลงของเยนในช่วงที่ผ่านมา เคยส่งผลให้ผู้ก่อตั้งบริษัทฟาสต์ รีเทลลิง ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของยูนิโคลประกาศเตือนว่า การอ่อนค่าของเยนไม่มีข้อดี เพราะว่าญี่ปุ่นนำเข้าวัตถุดิบจากหลายประเทศทั่วโลกเพื่อนำมาใช้ในการผลิตสินค้าก่อนจะส่งออกไปต่างประเทศ--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--11 ส.ค.--รอยเตอร์
นักลงทุนกำลังมองหาหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากการที่รัฐบาลสหรัฐปรับเพิ่มงบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานขนาด 1 ล้านล้านดอลลาร์ในวันอังคารด้วยคะแนนโหวต 69-30 เสียง และร่างกฎหมายดังกล่าวจะเข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในขั้นตอนต่อไป โดยร่างกฎหมายนี้จะส่งผลให้สหรัฐลงทุนเป็นเงินจำนวนมากที่สุดในรอบหลายสิบปีในโครงการด้านถนน, สะพาน, ท่าอากาศยาน และการขนส่งทางน้ำ ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนได้เข้าซื้อหุ้นบริษัทต่าง ๆ ที่จะได้รับประโยชน์จากงบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานในช่วงที่ผ่านมา และปัจจัยนี้ก็มีส่วนช่วยหนุนให้หุ้นกลุ่มวัสดุกับหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้วราว 18% จากช่วงต้นปีนี้ ซึ่งใกล้เคียงกับการทะยานขึ้นของดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐ อย่างไรก็ดี ผู้จัดการกองทุนบางรายพยายามมองหาหุ้นตัวอื่น ๆ ที่มีมูลค่าต่ำเกินไป และมุ่งความสนใจไปยังทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) บางแห่งด้วย
นักลงทุนกำลังกระจายพอร์ตการลงทุนในช่วงนี้ ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และดัชนี S&P 500 เพิ่งพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ในวันอังคาร ถึงแม้ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันจากปัจจัยหลายประการด้วยกันในช่วงนี้ โดยปัจจัยลบเหล่านี้รวมถึงมูลค่าหุ้นที่ระดับสูง, การพุ่งขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา และการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะปรับลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลงในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นมาแล้วราว 2 เท่าจากจุดต่ำสุดของเดือนมี.ค. 2020 โดยพุ่งขึ้นจากระดับ 2,191.86 ในเดือนมี.ค.2020 สู่สถิติสูงสุดใหม่ที่ 4,445.21 ในวันอังคาร ในขณะที่ค่าพีอีเรโชของดัชนี S&P 500 อยู่ที่ 21.3 เท่าของคาดการณ์ผลกำไรช่วง 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 15.4 เท่าเป็นอย่างมาก
นายสก็อตต์ เฮลฟ์สไตน์ หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตามแนวโน้มในบริษัทโพรแชร์สกล่าวว่า บริษัทของเขาได้เพิ่มการลงทุนใน REIT ที่เป็นเจ้าของท่าเรือและหอส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือ อย่างเช่น บริษัทคราวน์ คาสเซิล อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ป เพราะเขาเชื่อว่าบริษัทกลุ่มนี้จะได้รับประโยชน์จากกฎหมายโครงสร้างพื้นฐาน โดยหุ้นคราวน์ คาสเซิลพุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 20% จากช่วงต้นปีนี้ ในขณะที่ดัชนี S&P U.S. Real Estate REIT ทะยานขึ้นมาแล้วราว 25% จากช่วงต้นปีนี้ นอกจากนี้ นายเฮฟสไตน์ได้ซื้อหุ้นในบริษัทก๊าซธรรมชาติด้วย ซึ่งรวมถึงบริษัทวิลเลียมส์ คอมปานีส์ อิงค์
นายจอห์น โมว์รีย์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทเอ็นเอฟเจ อินเวสท์เมนท์ กรุ๊ปได้ปรับเพิ่มการถือหุ้นในบริษัทนอร์โฟล์ค เซาเธิร์น คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ประกอบการทางรถไฟ เนื่องจากเขาคาดว่ารายได้ของนอร์โฟล์คจะได้รับแรงหนุนเป็นอย่างมาก เมื่อมีการขนส่งวัสดุก่อสร้างทั่วสหรัฐในอนาคต โดยหุ้นนอร์โฟล์คปรับขึ้นราว 9% จากช่วงต้นปีนี้ ส่วนค่าพีอีเรโชของหุ้นนอร์โฟล์คเคลื่อนตัวอยู่ใกล้จุดต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ นอกจากนี้ นายโมว์รีย์ก็ได้เข้าซื้อหุ้นบริษัทอเมริกัน วอเตอร์ เวิร์คส์ คอมปานี อิงค์ในกลุ่มสาธารณูปโภคด้วย เนื่องจากเขาคาดว่าบริษัทนี้จะได้รับประโยชน์จากร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ เขากล่าวว่า "บริษัทเหล่านี้มีโอกาสที่จะปรับปรุงระบบของตนเองให้ดีขึ้นโดยใช้เงินจากภาครัฐบาล แทนที่จะต้องใช้เงินจากภายในบริษัทเอง"
นักลงทุนได้เข้าซื้อกองทุน ETF ที่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้วย โดยกองทุน iShares U.S. Infrastructure Exchange Traded Fund มีเงินลงทุนไหลเข้าเป็นจำนวน 5 สัปดาห์ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา และมีเงินไหลเข้าสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 51 ล้านดอลลาร์ในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 ก.ค. ทั้งนี้ นายแบร์รี เจมส์ ผู้จัดการกองทุนเจมส์ แอดเวนเทจ ฟันด์ระบุว่า เขาได้ปรับเพิ่มสถานะการลงทุนในบริษัทเฟดเอ็กซ์ คอร์ป และในบริษัทกลุ่มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ อย่างเช่นอะเมซอนดอทคอม เนื่องจากเขาคาดว่าร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยลดเวลาในการขนส่งสินค้าทางถนนลงได้--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน