ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



สหรัฐอเมริกา การเลิกจ้างพนักงานบริษัทชาเลนเจอร์ เกรย์ และคริสต์มาส MoM (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าเฉลี่ยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก4 สัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (Not SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อสินค้าคงทนนอกกระทรวงกลาโหมที่ได้แก้ไข MoM (ไม่รวมเครื่องบิน)(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นการขนส่ง) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นภาคกลาโหม) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงสต็อกก๊าซธรรมชาติประจำสัปดาห์ของ EIAค:--
ค: --
ค: --
ซาอุดิอาระเบีย การผลิตน้ำมันดิบค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การถือครองธนารักษ์สหรัฐฯของธนาคารกลางต่างประเทศรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย ดอกเบี้ยอ้างอิงค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราเงินสดสำรองค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น อินดิเคเตอร์ชั้นนำเบื้องต้น (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax YoY (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax MoM (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล
3 ก.ย.--รอยเตอร์
หลังจากหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบของสหรัฐอนุมัติให้มีการจัดตั้งกองทุนสปอตบิทคอยน์ ETF จำนวน 10 แห่งในช่วงต้นปีนี้ กองทุนเหล่านี้ก็มีขนาดรวมกันสูงกว่า 5.2 หมื่นล้านดอลลาร์แล้วในช่วงปลายเดือนส.ค. หรือในเวลาราว 8 เดือนนับตั้งแต่เริ่มต้นก่อตั้ง ซึ่งถือเป็นการขยายตัวอย่างรวดเร็วเกินคาดเป็นอย่างมาก เพราะว่านายแมทธิว ฮูแกน ซีอีโอของบริษัทบิทไวส์เคยกล่าวในเดือนต.ค. 2023 ว่า เขาคาดว่ากองทุนสปอตบิทคอยน์ ETF จะดึงดูดเงินลงทุนได้ 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 5 ปีแรก ทั้งนี้ ฮูแกนกล่าวว่า "ผมไม่ได้คาดการณ์ในทางบวกมากพอในตอนนั้น" และเขากล่าวเสริมว่า "เราจะต้องวัดขนาดธุรกิจนี้โดยใช้หน่วยเป็นแสนล้านดอลลาร์"
ถึงแม้กองทุนสปอตบิทคอยน์ ETF เติบโตอย่างรวดเร็วมากในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา การที่ธุรกิจนี้จะได้รับการยอมรับในวงกว้างในฐานะสินทรัพย์กระแสหลักก็อาจจะดำเนินไปอย่างเชื่องช้าและไม่ราบรื่นในช่วงต่อจากนี้ โดยอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ถือเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับธุรกิจนี้เพิ่งเกิดขึ้นในเดือนส.ค. เมื่อธนาคารมอร์แกน สแตนเลย์ตัดสินใจอนุญาตให้ที่ปรึกษาทางการเงินของมอร์แกน สแตนเลย์ ซึ่งมีจำนวนรวมกันราว 15,000 คน สามารถให้คำแนะนำแก่ลูกค้าเรื่องการลงทุนในกองทุนบิทคอยน์ ETF อย่างน้อย 2 กองทุน ซึ่งได้แก่กองทุนไอแชร์ส บิทคอยน์ ทรัสต์ และกองทุนฟิเดลิตี ไวส์ ออริจิน บิทคอยน์ ฟันด์ ทั้งนี้ นายจอห์น ฮอฟฟ์แมน จากกองทุนเกรย์สเกล ฟันด์ระบุว่า "สิ่งที่ไม่อาจจะยอมรับได้ในตอนนี้ ก็คือการไม่ประเมินมูลค่าและไม่ทำความเข้าใจในผลิตภัณฑ์เหล่านี้" และเขากล่าวเสริมว่า "ความเสี่ยงสำหรับธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในตอนนี้ได้พลิกไปเป็นความเสี่ยงที่เกิดจากการไม่เข้าไปลงทุน"
กระแสเงินลงทุนที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF แห่งใหม่เหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนรายย่อย โดยมีนักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่เปิดเผยสถานะการลงทุนในกองทุนเหล่านี้ โดยนักลงทุนสถาบันเหล่านี้รวมถึงกองทุนเฮดจ์ฟันด์ และคณะกรรมการการลงทุนของรัฐวิสคอนซิน ทั้งนี้ การที่มอร์แกน สแตนเลย์ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในประเด็นนี้ บ่งชี้ว่ากองทุนคริปโต ETF อาจจะต้องใช้เวลาอีกนานก่อนที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนกระแสหลัก โดยนายแอนดรูว์ ลอม ทนายความของบริษัทนอร์ตัน โรส ฟุลไบรท์ระบุว่า "มอร์แกน สแตนเลย์ถูกมองว่าล้ำหน้ามากในเรื่องนี้ และนั่นแสดงให้เห็นว่า การที่มอร์แกน สแตนเลย์เคลื่อนไหวก่อนธนาคารแห่งอื่น ๆ ก็ส่งผลให้มอร์แกน สแตนเลย์ถูกมองว่าทำในสิ่งที่เสี่ยงสูงด้วยเหมือนกัน"
นายลอมระบุว่า บททดสอบที่แท้จริงสำหรับประเด็นที่ว่า กองทุนสปอตบิทคอยน์ ETF เหล่านี้จะเป็นการลงทุนกระแสหลักหรือไม่ ขึ้นอยู่กับทั้งขนาดและสภาพคล่องของกองทุนเหล่านี้ และเขากล่าวเสริมว่า "ในอนาคตนั้น นักลงทุนจะเริ่มคิดถึงและพูดถึงกองทุนเหล่านี้ในฐานะของสิ่งหนึ่งที่สามารถลงทุนได้ตามปกติ และเมื่อนั้นผู้จัดทำโมเดลพอร์ตลงทุนสมัยใหม่ก็จะเริ่มพิจารณาว่า จะให้กองทุนเหล่านี้ครองสัดส่วนเท่าใดในพอร์ตลงทุน" ทั้งนี้ บททดสอบขั้นต่อไปสำหรับกองทุนสปอตบิทคอยน์ ETF ก็คือว่า โมเดลพอร์ตลงทุนจะเริ่มบรรจุกองทุนเหล่านี้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตลงทุนเมื่อใด โดยมีการคาดการณ์กันว่า สิ่งนี้จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 6-12 เดือนถึงจะเกิดขึ้นได้
กองทุนสปอตอีเธอเรียม ETF มีอนาคตที่ไม่แน่นอนมากกว่ากองทุนบิทคอยน์ โดยกองทุนสปอตอีเธอเรียม ETF เพิ่งเปิดตัวในวันที่ 23 ก.ค. และกองทุนกลุ่มนี้ก็มีขนาดเกือบถึง 7 พันล้านดอลลาร์ในเวลา 1 เดือนต่อมา โดยหนึ่งในกองทุนขนาดใหญ่ในกลุ่มนี้คือกองทุนไอแชร์ อีเธอเรียม ทรัสต์ของบริษัทแบล็คร็อคที่มีขนาดสินทรัพย์ 900 ล้านดอลลาร์ แต่กองทุนดังกล่าวก็เติบโตช้ากว่ากองทุนบิทคอยน์ของแบล็คร็อคเป็นอย่างมาก เพราะกองทุนบิทคอยน์ของแบล็คร็อคมีขนาดพุ่งขึ้นถึง 1 พันล้านดอลลาร์ได้ใน 4 วันแรกของการเปิดขาย ทั้งนี้ นักลงทุนบางรายคาดการณ์อย่างระมัดระวังต่อแนวโน้มของกองทุนอีเธอเรียม โดยตั้งข้อสังเกตว่าอีเธอร์ถือเป็นสกุลเงินคริปโตที่มีความแตกต่างเป็นอย่างมากจากบิทคอยน์ โดยนายซุย ชุง ซีอีโอของบริษัทซีเอฟ เบนช์มาร์คส์ระบุว่า "ถ้าหากบิทคอยน์ถือเป็นทองคำดิจิทัล อีเธอร์ก็ถือเป็นน้ำมันดิจิทัล โดยสาเหตุที่อาจจะส่งผลให้อีเธอเรียมมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ก็คือการที่ประชาชนอาจจะต้องใช้อีเธอร์ในการเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ไปมาในเครือข่ายดิจิทัล เหมือนกับที่ประชาชนใช้น้ำมันในการทำงานในโลกแห่งความเป็นจริง"--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นายเดวิด โรกัล ผู้จัดการกลุ่มตราสารหนี้พื้นฐานของแบล็คร็อคกล่าวว่า การพุ่งขึ้นของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ผ่านมา ซึ่งเกิดขึ้นจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมีนัยสำคัญนั้น เป็นการพุ่งขึ้นมากเกินไป ขณะที่การฟื้นตัวไวของเศรษฐกิจอาจจะทำให้ไม่จำเป็นที่เฟดจะต้องลดอัตราดอกเบี้ยลงมากเท่ากับที่ตลาดคาดไว้ อย่างไรก็ดี เฟดก็น่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนที่แล้วเพื่อค่อยๆปรับไปสู่นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลง
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดิ่งลง หลังจากข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอ และข้อมูลการจ้างงานในสัปดาห์ที่แล้วทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะถดถอย และมีการปรับคาดการณ์ใหม่เกี่ยวกับนโยบายการเงินสำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้
เขากล่าวว่า การพุ่งขึ้นดังกล่าวทำให้มูลค่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐน่าสนใจลดลง โดยราคาพันธบัตรร่วงลงเมื่อวานนี้ แต่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปียังคงต่ำกว่าสัปดาห์ที่แล้วอยู่ราว 0.50% และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีลดลง 0.40% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า จะมีการลดดอกเบี้ยลงราว 1.14% ในปีนี้ ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในสัปดาห์ที่แล้วเกือบสองเท่า
การพุ่งขึ้นอีกของราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะสะท้อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าเฟดลดดอกเบี้ย เขาก็คาดว่า เศรษฐกิจจะชะลอตัวอย่างนุ่มนวล หรือสถานการณ์ที่เงินเฟ้อลดลงโดยที่ไม่ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวครั้งใหญ่
เขากล่าวว่า เฟดน่าจะเริ่มลดดอกเบี้ย 0.25% ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเฟดมีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25-5.5% "ปฏิกริยาบางส่วนของตลาดก็คือ ดูเหมือนว่าเฟดกำลังขึ้นดอกเบี้ยช้าไปอยู่เล็กน้อย และนั่นเพิ่มโอกาสที่จะมีการลดดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนก.ย. ซึ่งอาจจะดูตื่นตระหนกบ้าง"--จบ--
Eikon source text
31 ก.ค.--รอยเตอร์
บริษัทหลายแห่งทั่วโลกรายงานว่า ผลกำไรเพิ่มขึ้นในไตรมาสล่าสุด แต่ทางบริษัทปรับลดแนวโน้มผลกำไรและยอดขายตลอดทั้งปีลง ในขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั่วโลกได้รับแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงและจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีน ทั้งนี้ บริษัทราว 40% ในสหรัฐและยุโรปได้รายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดออกมาแล้ว และผลกำไรของบริษัทเหล่านี้ก็อยู่ในระดับที่ตรงตามความคาดหมาย อย่างไรก็ดี เนื่องจากตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งขึ้นไปมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา ผลกำไรที่ตรงตามความคาดหมายจึงอาจจะสร้างความผิดหวังต่อนักลงทุนได้ โดยบริษัทชื่อดังที่สร้างความผิดหวังต่อนักลงทุนในช่วงนี้รวมถึงบริษัทแมคโดนัลด์, นิสสันซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์, เทสลาซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า, เนสท์เล่ และดิอาจิโอ ซึ่งเป็นบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่
นักลงทุนจับตาดูผลประกอบการของบริษัทขนาดยักษ์หลายแห่งในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทไมโครซอฟท์ที่เปิดเผยผลประกอบการออกมาในช่วงเย็นวันอังคาร, บริษัทเมตา ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊กที่จะเปิดเผยผลประกอบการออกมาในวันพุธ, บริษัทแอปเปิลกับบริษัทอะเมซอนที่จะเปิดเผยผลประกอบการออกมาในวันพฤหัสบดี, บริษัทซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ของเกาหลีใต้, บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ของญี่ปุ่น, บริษัทเอ็กซอน โมบิลในกลุ่มน้ำมันของสหรัฐ, บริษัทเชลล์ในกลุ่มน้ำมัน, บริษัทลอรีอัลของฝรั่งเศส และบริษัทอาดิดาสของเยอรมนี ทั้งนี้ บริษัทหลายแห่งทั่วโลกระบุว่า ผลกำไรของบริษัทเผชิญกับปัญหาสำคัญ 2 ประการ โดยปัญหาแรกคืออัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูง ซึ่งส่งผลลบต่อปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค และปัญหาที่สองคือความอ่อนแอทางเศรษฐกิจในจีน โดยจีนถือเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
แมคโดนัลด์เพิ่งรายงานว่า ยอดขายทั่วโลกลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ไตรมาส โดยเป็นผลจากความอ่อนแอทางเศรษฐกิจในจีน ส่วนบริษัทยูนิลีเวอร์, วีซ่า และแอสตัน มาร์ตินก็ตั้งข้อสังเกตถึงความอ่อนแอทางเศรษฐกิจในจีนด้วยเช่นกัน ทางด้านนักวิเคราะห์ระบุเตือนว่า อุปสงค์ในจีนไม่มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้นในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากผู้บริโภคจีนได้รับแรงกดดันจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในภาวะตกต่ำมาเป็นเวลานาน และจากความไม่มั่นคงทางการทำงาน ทั้งนี้ ผลกำไรต่อหุ้นของบริษัทสหรัฐพุ่งขึ้นเกือบ 12% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ซึ่งถือเป็นอัตราการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดรอบ 10 ไตรมาส ส่วนผลกำไรของบริษัทยุโรปปรับขึ้น 4% ในไตรมาสล่าสุด ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงเกินคาด และถือเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2022
บริษัทสหรัฐปรับลดคาดการณ์ผลกำไรไตรมาสสามลงในช่วงนี้ โดยบริษัทสหรัฐคาดว่า ผลกำไรไตรมาสสามอาจปรับขึ้นเพียง 7.3% เมื่อเทียบรายปี โดยปรับลดลงจาก +8.6% ที่เคยคาดไว้ในช่วงต้นเดือนก.ค. ทั้งนี้ ทั้งบริษัทเนสท์เล่และยูนิลีเวอร์ต่างก็รายงานยอดขายครึ่งปีแรกที่เติบโตน้อยเกินคาด ในขณะที่บริษัทโดยรวมในเยอรมนีและฝรั่งเศสคาดการณ์ในทางลบมากยิ่งขึ้น และทำให้นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจยูโรโซนอาจจะฟื้นตัวอย่างเฉื่อยชา โดยสำนักงานสถิติฝรั่งเศสรายงานในสัปดาห์ที่แล้วว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจโดยรวมของฝรั่งเศสดิ่งลงจาก 99 ในเดือนมิ.ย. สู่ 94 ในเดือนก.ค. ส่วนสถาบัน Ifo รายงานในสัปดาห์ที่แล้วว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีดิ่งลงจาก 88.6 ในเดือนมิ.ย. สู่ 87.0 ในเดือนก.ค.
บริษัทรถยนต์หลายแห่งกำลังเผชิญปัญหาในสหรัฐ ซึ่งเป็นปัญหาจากสต็อกสินค้าคงคลังที่ระดับสูง และปัญหาด้านโลจิสติกส์ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อผลกำไรของบริษัทฟอร์ด มอเตอร์, สเตลแลนทิส และนิสสัน ทางด้านเทสลาเพิ่งรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังในไตรมาสล่าสุด และนักลงทุนหลายรายก็มองว่า บริษัทเทสลามีมูลค่าสูงเกินไป ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าชะลอตัวลง--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการตรวจสอบภาวะวิกฤติประจำปีพบว่า ธนาคารสหรัฐที่ใหญ่ที่สุดมีเงินทุนเพียงพอที่จะต้านทานภาวะปั่นป่วนทางเศรษฐกิจและตลาดที่ร้ายแรง แต่ธนาคารได้รับผลขาดทุนตามสมมติฐานมากขึ้นในปีนี้เนื่องจากพอร์ทการลงทุนที่มีความเสี่ยงมากขึ้น
รายงานพบว่า ธนาคารขนาดใหญ่ 31 แห่งจะต้านทานอัตราว่างงานที่พุ่งสูง, ภาวะผันผวนรุนแรงของตลาด และการดิ่งลงของตลาดสินเชื่อจำนองเพื่อที่อยู่อาศัย และเพื่อการพาณิชย์ และยังคงมีเงินทุนเพียงพอที่จะปล่อยสินเชื่อต่อไปได้ นอกจากนี้ เฟดยังพบว่า ระดับของเงินทุนที่มีคุณภาพสูงของธนาคารเหล่านี้จะลดลงสู่ระดับ 9.9% มาที่ระดับต่ำสุด ซึ่งยังคงสูงเกินเกณฑ์ขั้นต่ำอยู่กว่าสองเท่า
แต่ธนาคารได้รับผลขาดทุนมากขึ้นในปีนี้ และเฟดระบุว่า ผลขาดทุนที่สูงขึ้นดังกล่าวมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงพอร์ทการลงทุนของธนาคารต่างๆ โดยธนาคารที่ถูกทดสอบจะมีผลขาดทุนรวมกัน 6.85 แสนล้านดอลลาร์ภายใต้ฉากทัศน์ร้ายแรงตามสมมติฐาน และโดยเฉลี่ย ธนาคารมีสัดส่วนเงินทุนลดลง 2.8% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดตั้งแต่ปี 2018
เฟดระบุว่า บัตรเครดิตเป็นสาเหตุที่เฉพาะเจาะจงของผลขาดทุนสำหรับธนาคาร โดยมีสัดส่วนมากกว่า 25% ของผลขาดทุนตามสมมติฐาน และเฟดตั้งข้อสังเกตว่า บัญชีบัตรเครดิตของธนาคารขนาดใหญ่พุ่งขึ้นกว่า 1.00 แสนล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว และอัตราการค้างชำระหนี้พุ่งกว่า 40%--จบ--
Eikon source text
นายไมเคิล วิลสัน ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของมอร์แกน สแตนเลย์กล่าวว่า ตลาดตราสารหนี้อาจจะได้รับประโยชน์ ถ้าหากประธานาธิบดีโจ ไบเดนชนะการเลือกตั้งอีกครั้ง ขณะที่ฝ่ายบริหารของเขาจะพยายามปรับขึ้นภาษีเพื่อชดเชยงบรายจ่ายของรัฐบาลบางส่วน แต่ถ้าหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตปธน.ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พ.ย. "นั่นก็จะเป็นผลดีกว่าสำหรับเศรษฐกิจ แต่เลวร้ายลงสำหรับตราสารหนี้"
ในรอบ 12-18 เดือนที่ผ่านมา นักลงทุนชื่นชอบหุ้นขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพสูง ซึ่งมีการทบทวนผลกำไร ซึ่งก็ทำให้เกิดอัลฟาสำหรับหุ้นเหล่านี้ โดยอัลฟาคือมาตรวัดผลการดำเนินงานของผู้จัดการกองทุนเชิงรุกที่บ่งชี้ความสามารถในการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าดัชนีอ้างอิง
บริษัทและนักวิเคราะห์แก้ไขผลกำไรเพื่อรวมข้อมูลใหม่เกี่ยวกับผลการดำเนินงาน หรือเพื่อรวมการเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจ
เขากล่าวว่า กฎการอพยพเข้าเมืองภายใต้การบริหารของทั้งคู่จะถูกจับตาอย่างใกล้ชิด ขณะที่ชัยชนะของนายไบเดนจะ "เอื้อหนุนมากขึ้นสำหรับอุปทานแรงงานและเงินเฟ้อ" ส่วนชัยชนะของนายทรัมป์จะ "ปิดพรมแดน" ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความวิตกด้านเงินเฟ้อขึ้นมาอีกครั้ง
เขายังคาดว่า ภาคพลังงานและภาคการเงิน รวมทั้งหุ้นขนาดเล็กจะพุ่งขึ้น ถ้านายทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง และบริษัทขนาดใหญ่จะได้รับประโยชน์จากการชนะการเลือกตั้งของนายไบเดน--จบ--
Eikon source text
นิวยอร์ค--9 เม.ย.--รอยเตอร์
นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐระบุว่า มูลค่าหุ้นสหรัฐเคลื่อนตัวอยู่ใกล้ระดับที่สูงที่สุดในรอบราว 2 ปีในช่วงนี้ และมูลค่าหุ้นดังกล่าวอาจจะเผชิญกับบททดสอบในเร็ว ๆ นี้จากฤดูการรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทสหรัฐที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 12 เม.ย. เมื่อธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โคเปิดเผยผลประกอบการออกมา และสายการบินเดลต้า แอร์ไลน์กับบริษัทแบล็คร็อคก็จะเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสออกมาในเร็ว ๆ นี้ด้วย ทั้งนี้ ค่าพีอีเรโชของหุ้นในดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐอยู่ที่ 20.7 เท่าของตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรสำหรับช่วง 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งใกล้เคียงกับจุดสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีที่ 21.2 เท่าที่เคยทำไว้ในช่วงปลายเดือนมี.ค. ในขณะที่ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 9% จากช่วงต้นปีนี้ แต่อาจจะเป็นเรื่องที่ยากมากยิ่งขึ้นที่ตลาดหุ้นสหรัฐจะยังคงทะยานขึ้นในอัตราที่แข็งแกร่งแบบนี้ได้อีกในช่วงหลังจากนี้
ถ้าหากบริษัทสหรัฐเปิดเผยผลกำไรที่ปรับขึ้นน้อยเกินคาด นักลงทุนก็อาจจะเทขายหุ้นออกมา โดยเฉพาะในช่วงที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งส่งผลให้พันธบัตรมีความน่าดึงดูดเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับหุ้น ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 2 ปีพุ่งขึ้นจาก 4.732% ในช่วงท้ายวันศุกร์ สู่ 4.789% ในช่วงท้ายวันจันทร์ และปรับขึ้นต่อไปสู่ 4.801% ในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. 2023 ทางด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นจาก 4.378% ในช่วงท้ายวันศุกร์ สู่ 4.424% ในช่วงท้ายวันจันทร์ หลังจากทะยานขึ้นแตะ 4.464% ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. หรือจุดสูงสุดรอบ 4 เดือน และอยู่ที่ 4.396% ในวันนี้
นักลงทุนจะจับตาดูความเห็นของบริษัทต่าง ๆ ที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและภาวะเงินเฟ้อ เพื่อใช้ในการประเมินว่า ภาวะเศรษฐกิจแบบพอเหมาะพอดีในช่วงนี้จะยังคงดำเนินต่อไปได้หรือไม่ โดยภาวะดังกล่าวคือภาวะที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจยังคงรักษาระดับความแข็งแกร่งเอาไว้ได้ แต่อัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคยังคงชะลอตัวลงต่อไป ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจปรับขึ้น 5% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบรายปี โดยปรับลดลงจากระดับ +7.2% ที่เคยคาดการณ์กันไว้ในช่วงต้นไตรมาสแรก และชะลอตัวลงจากอัตราการเติบโตที่ 10.1% ในไตรมาส 4/2023 โดยอัตรา +5% นี้จะถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2/2023 เป็นต้นมา ในขณะที่อัตราผลกำไรได้รับแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูง, การพุ่งขึ้นของต้นทุนสินค้าโภคภัณฑ์ และการที่ภาคเอกชนมีอำนาจน้อยลงในการกำหนดราคา ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง
นักลงทุนจะจับตาดูผลประกอบการของบริษัทขนาดยักษ์ของสหรัฐในช่วงนี้ด้วย หลังจากราคาหุ้นของบริษัทกลุ่ม "Magnificent 7" หรือบริษัทขนาดยักษ์ 7 แห่งที่ประกอบด้วย บริษัทแอปเปิล, ไมโครซอฟท์, แอลฟาเบท, อะเมซอนดอทคอม, เอ็นวิเดีย, เมตา แพลตฟอร์มส์ และเทสลา ปรับตัวในทิศทางที่แตกต่างกันในช่วงนี้ โดยหุ้นเอ็นวิเดียซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปมีราคาพุ่งขึ้นมาแล้ว 78% จากช่วงต้นปีนี้ แต่หุ้นเทสลามีราคาอยู่ที่ 172.98 ดอลลาร์ในช่วงนี้ โดยดิ่งลงมาแล้วราว 30% จาก 248.48 ดอลลาร์ในช่วงปลายปีที่แล้ว ในขณะที่เทสลายกเลิกแผนการผลิตรถยนต์ราคาถูก
นักลงทุนจะจับตาดูว่า ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของสหรัฐในช่วงนี้จะส่งผลบวกต่อรายได้และผลกำไรของบริษัทที่มักปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจหรือไม่ ซึ่งบริษัทในกลุ่มนี้รวมถึงบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวได้ดีเป็นส่วนใหญ่ในปีนี้ ในขณะที่การพุ่งขึ้นในตลาดหุ้นสหรัฐกระจายออกไปในวงกว้าง แทนที่จะกระจุกตัวอยู่แต่ในหุ้นเติบโตและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com ; โทร 08-7689-6043;
นายริค ไรเดอร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนจากบริษัทแบล็คร็อคคาดว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคจะปรับตัวเพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจจะมีอัตราการขยายตัวแท้จริง 1-2% ในปีนี้--จบ--
Eikon source text
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน