ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



สหรัฐอเมริกา ค่าเฉลี่ยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก4 สัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (Not SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อสินค้าคงทนนอกกระทรวงกลาโหมที่ได้แก้ไข MoM (ไม่รวมเครื่องบิน)(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นการขนส่ง) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นภาคกลาโหม) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงสต็อกก๊าซธรรมชาติประจำสัปดาห์ของ EIAค:--
ค: --
ค: --
ซาอุดิอาระเบีย การผลิตน้ำมันดิบค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การถือครองธนารักษ์สหรัฐฯของธนาคารกลางต่างประเทศรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย ดอกเบี้ยอ้างอิงค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราเงินสดสำรองค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น อินดิเคเตอร์ชั้นนำเบื้องต้น (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax YoY (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax MoM (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้าYoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การส่งออก (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ค่าจ้าง MoM (ต.ค.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล
กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--รอยเตอร์
เยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในวันจันทร์ ในขณะที่บรรยากาศการซื้อขายในตลาดอยู่ในภาวะสงบ และนักลงทุนพยายามประเมินว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากน้อยเพียงใดในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. โดยนักลงทุนรอดูตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันอังคาร และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพุธด้วย ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่ามีโอกาส 50% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. และคาดว่ามีโอกาส 50% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. โดยนักลงทุนคาดการณ์กันอีกด้วยว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกัน 1.00% ในปีนี้ อย่างไรก็ดี ตัวเลขดัชนี PPI และ CPI อาจจะส่งผลให้นักลงทุนปรับเปลี่ยนการคาดการณ์ได้ Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 103.08 ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ โดยอ่อนค่าลงจาก 103.15 ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 147.19 เยนในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดวันศุกร์ที่ 146.61 เยน โดยก่อนหน้านี้ดอลลาร์เพิ่งรูดลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 7 เดือนที่ 141.675 เยนในวันที่ 5 ส.ค. และเทียบกับจุดสูงสุดในรอบเกือบ 38 ปีที่ 161.96 เยนที่เคยทำไว้ในวันที่ 3 ก.ค. โดยดอลลาร์/เยนยังคงแข็งค่าขึ้นมาแล้วราว 4% จากช่วงต้นปีนี้
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0931 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์ โดยปรับขึ้นจาก 1.0916 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันศุกร์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 1.1009 ดอลลาร์ในวันที่ 5 ส.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐปรับลง แต่ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ปรับขึ้นในวันจันทร์ ในขณะที่นักลงทุนรอดูตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหลายตัวในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันอังคาร, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพุธ และยอดค้าปลีกของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพฤหัสบดี โดยนักลงทุนคาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไปของสหรัฐอาจปรับขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายเดือน และอาจปรับขึ้น 3% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเท่ากับระดับในเดือนมิ.ย. และนักลงทุนก็คาดว่ายอดค้าปลีกของสหรัฐอาจปรับขึ้นเล็กน้อยในเดือนก.ค. แต่ถ้าหากสหรัฐรายงานยอดค้าปลีกที่อ่อนแอ ตัวเลขดังกล่าวก็อาจจะกระตุ้นความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย นอกจากนี้ นักลงทุนก็รอดูผลประกอบการของภาคค้าปลีกสหรัฐด้วย ในขณะที่บริษัทวอลมาร์ทกับบริษัทโฮม ดีโปท์จะรายงานผลประกอบการในช่วงต่อไปในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ ดัชนี Russell 2000 สำหรับหุ้นบริษัทขนาดเล็กของสหรัฐร่วงลง 0.9% ในวันจันทร์ ส่วนหุ้นบริษัทสตาร์บัคส์พุ่งขึ้น 2.58% ในวันจันทร์ หลังจากมีข่าวว่าบริษัทสตาร์บอร์ด แวลู ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในสตาร์บัคส์ ต้องการให้สตาร์บัคส์ดำเนินขั้นตอนปรับปรุงราคาหุ้น Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับลง 0.36% สู่ 39,357.01
ดัชนี S&P 500 ปิดขยับขึ้น 0.23 จุด สู่ 5,344.39
ดัชนี Nasdaq ปิดบวกขึ้น 0.21% สู่ 16,780.61
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นในวันจันทร์ และทะยานขึ้นเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สงครามในภูมิภาคตะวันออกกลางอาจจะขยายวงกว้างออกไป ซึ่งอาจจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกตึงตัวมากยิ่งขึ้น โดยกระทรวงกลาโหมของสหรัฐได้ประกาศในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ทางกระทรวงจะส่งเรือดำน้ำติดขีปนาวุธนำวิถีไปยังภูมิภาคตะวันออกกลาง เพื่อรับมือกับการที่อิหร่านและกลุ่มพันธมิตรของอิหร่านอาจจะโจมตีอิสราเอล ทางด้านอิหร่านได้ประกาศว่าจะตอบโต้ต่อการลอบสังหารนายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำกลุ่มฮามาสที่กรุงเตหะราน และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้ประกาศว่าจะตอบโต้ต่อการสังหารนายฟูอัด ชุคร์ ผู้บัญชาการทางทหารของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่กรุงเบรุตในเลบานอน โดยนักลงทุนบางรายกังวลว่า การตอบโต้ดังกล่าวอาจจะส่งผลให้ความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น และอาจจะส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐประกาศคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่าน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันราว 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้ นักลงทุนรอดูตัวเลขดัชนี CPI ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพุธนี้ หลังจากราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากตัวเลขดัชนี CPI ของจีน ซึ่งถือเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยจีนรายงานในวันศุกร์ที่ 9 ส.ค.ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนปรับขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดรอบ 5 เดือน หลังจากปรับขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบรายปี และอยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ +0.3% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายปี Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนก.ย.ทะยานขึ้น 3.22 ดอลลาร์ หรือ 4.2% มาปิดตลาดที่ 80.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันจันทร์ หลังจากราคาน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 4.5% ในสัปดาห์ที่แล้ว
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 2.64 ดอลลาร์ หรือ 3.3% มาปิดตลาดที่ 82.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นรายวันครั้งใหญ่ที่สุดของปีนี้ หลังจากเบรนท์ทะยานขึ้น 3.7% ในสัปดาห์ที่แล้ว
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐพุ่งขึ้น 41.32 ดอลลาร์ หรือ 1.70% สู่ 2,472.25 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ หลังจากทะยานขึ้นแตะ 2,472.96 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค. โดยราคาทองได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ในขณะที่เทรดเดอร์รอดูตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพุธนี้ เพื่อใช้ในการประเมินแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทั้งนี้ กองกำลังของอิสราเอลยังคงดำเนินปฏิบัติการใกล้เมืองคาน ยูนิสในเขตกาซาในวันจันทร์ ในขณะที่นานาชาติพยายามผลักดันให้มีการทำข้อตกลงหยุดยิงในกาซา เพื่อป้องกันไม่ให้สงครามในภูมิภาคตะวันออกกลางขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
กรุงเทพฯ--21 ส.ค.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินทรงตัวในวันศุกร์ และปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดในรอบ 15 เดือน โดยดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ในขณะที่นักลงทุนกังวลกับภาวะเศรษฐกิจจีน และนักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงต่อไป Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 103.45 ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ โดยขยับขึ้นจาก 103.40 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี หลังจากพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 2 เดือนที่ 103.68 ในระหว่างวัน และดัชนีดอลลาร์ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการแข็งค่าขึ้นราว 0.5% จากสัปดาห์ที่แล้ว
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 145.37 เยน ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ โดยอ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดวันพฤหัสบดีที่ 145.83 เยน หลังจากพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 9 เดือนที่ 146.56 เยนในวันพฤหัสบดี
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0873 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันศุกร์ ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ 1.0871 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี หลังจากร่วงลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 6 สัปดาห์ที่ 1.0856 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี
ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดขยับลงเล็กน้อยในวันศุกร์ โดยดัชนี S&P 500 ได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของหุ้นบริษัทขนาดยักษ์ในกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเติบโต แต่ได้รับแรงหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มปลอดภัยและหุ้นกลุ่มพลังงาน ในขณะที่นักลงทุนรอฟังถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมที่แจ็คสัน โฮลในวันศุกร์ที่ 25 ส.ค. และรอดูผลประกอบการของบริษัทเอ็นวิเดีย ซึ่งเป็นบริษัทผู้ออกแบบชิปที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพุธที่ 23 ส.ค. ทางด้านดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดขยับขึ้นเล็กน้อยในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นวอลมาร์ทซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกขนาดยักษ์ที่พุ่งขึ้น 1.44% Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.07% สู่ 34,500.66
ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 0.01% สู่ 4,369.71 ในวันศุกร์ และดิ่งลงมาแล้ว 4.6% ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ดัชนี Nasdaq ปิดปรับลง 0.2% สู่ 13,290.78 และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลง 2.6% จากสัปดาห์ที่แล้ว โดยดัชนี Nasdaq รูดลงมาแล้ว 7.2% ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนธ.ค. 2022
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากสัญญาณบ่งชี้ว่า การผลิตน้ำมันในสหรัฐชะลอตัวลง อย่างไรก็ดี ทั้งราคาน้ำมันดิบสหรัฐและเบรนท์ต่างก็ปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนลบ โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่มีต่อแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกท่ามกลางวิกฤติภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีน ทั้งนี้ ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุน หลังจากบริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์สรายงานในวันศุกร์ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซที่ใช้งานในสหรัฐดิ่งลง 12 แท่น สู 642 แท่นในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 ส.ค. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2022 และถือเป็นการปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน โดยการดิ่งลงของปริมาณการผลิตน้ำมันในสหรัฐอาจจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันตึงตัวมากยิ่งขึ้นในช่วงต่อไปในปีนี้ Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1.1% มาปิดตลาดที่ 81.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับขึ้น 68 เซนต์ หรือ 0.8% มาปิดตลาดที่ 84.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่เบรนท์ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลงราว 2% จากสัปดาห์ที่แล้ว
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐขยับลง 0.70 ดอลลาร์ สู่ 1,888.19 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลง 1.31% จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนลบเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งกระตุ้นให้นักลงทุนคาดการณ์กันว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงต่อไปเป็นเวลานาน ทั้งนี้ เทรดเดอร์คาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25-5.50% ต่อไปจนถึงปี 2024 และนักลงทุนรอดูสัญญาณบ่งชี้ถึงทิศทางนโยบายการเงินจากการประชุมธนาคารกลางที่แจ็คสัน โฮลในวันที่ 24-26 ส.ค. Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--15 ส.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกขึ้นในวันจันทร์ ในขณะที่หุ้นบริษัทเอ็นวิเดียซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปพุ่งขึ้น 7.1% ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. หลังจากธนาคารมอร์แกน สแตนเลย์แสดงความเห็นในทางบวกต่อหุ้นเอ็นวิเดีย และก่อนที่เอ็นวิเดียจะเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสในสัปดาห์หน้า ทางด้านหุ้นบริษัทขนาดยักษ์แห่งอื่น ๆ ในกลุ่มเติบโตทะยานขึ้นด้วยเช่นกัน โดยหุ้นบริษัทแอลฟาเบทพุ่งขึ้น 1.4%, หุ้นอะเมซอนดอทคอมทะยานขึ้น 1.6% และหุ้นไมครอน เทคโนโลยีซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปพุ่งขึ้น 6.1% ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนเลย์ระบุในวันจันทร์ว่า "หุ้นเอ็นวิเดียยังคงเป็น top pick ของเรา ในขณะที่มีการโยกย้ายรายจ่ายจำนวนมากไปยังปัญญาประดิษฐ์ (AI) และภาวะไม่สมดุลอย่างรุนแรงระหว่างอุปสงค์กับอุปทานอาจจะดำเนินต่อไปในช่วง 2-3 ไตรมาสข้างหน้า"
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับขึ้น 0.07% สู่ 35,307.63, ดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 0.58% สู่ 4,489.72 และดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 1.05% สู่ 13,788.33 ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของหุ้นเอ็นวิเดียมีส่วนช่วยหนุนให้ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) พุ่งขึ้น 1.85% ในวันจันทร์ และส่งผลให้หุ้นกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มที่ทะยานขึ้นมากที่สุดในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐ
หุ้นเทสลาซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าดิ่งลง 1.2% หลังจากเทสลาประกาศปรับลดราคารถยนต์โมเดล วาย บางรุ่นในจีน ทางด้านหุ้นเพย์แพล โฮลดิงส์พุ่งขึ้น 2.8% หลังจากเพย์แพลประกาศแต่งตั้งนายอเล็กซ์ คริสส์ให้ดำรงตำแหน่งซีอีโอคนใหม่ของเพย์แพล
นักลงทุนรอดูผลประกอบการรายไตรมาสที่บริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ของสหรัฐจะรายงานออกมาในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทวอลมาร์ทและทาร์เก็ต และนักลงทุนก็รอดูตัวเลขเศรษฐกิจที่จะได้รับการรายงานออกมาในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกประจำเดือนก.ค.ที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันอังคาร และรายงานการประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 25-26 ก.ค.ที่จะออกมาในวันพุธ ทั้งนี้ เทรดเดอร์คาดการณ์ว่า มีโอกาสราว 88.5% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25-5.50% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 19-20 ก.ย. และมีโอกาส 11.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.50-5.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 19-20 ก.ย. ทางด้านธนาคารโกลด์แมน แซคส์คาดว่า เฟดจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงไตรมาส 2/2024
นักลงทุนกังวลกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในตอนนี้ หลังจากแหล่งข่าวกล่าวว่า บริษัทคันทรี การ์เดน ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เอกชนที่ใหญ่ที่สุดในจีน พยายามจะเลื่อนเวลาในการชำระเงินสำหรับหุ้นกู้ภายในประเทศเป็นครั้งแรก และสิ่งนี้ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะตึงเครียดในภาคอสังหาริมทรัพย์จีน--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--23 ธ.ค.--รอยเตอร์
ยูโร, ดอลลาร์ออสเตรเลีย และสกุลเงินอื่น ๆ ฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในวันพุธ ในขณะที่เทรดเดอร์คาดการณ์ในทางบวกมากยิ่งขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ ถึงแม้ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอไมครอนพุ่งสูงขึ้น และนักลงทุนคาดว่าตลาดจะแกว่งตัวผันผวนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ความต้องการซื้อสินทรัพย์เสี่ยงเคยดิ่งลงในวันจันทร์ ในขณะที่นักลงทุนกังวลว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอไมครอนอาจจะเป็นอุปสรรคขัดขวางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และนักลงทุนกังวลกับอุปสรรคครั้งใหญ่ในการผลักดันร่างกฎหมายรายจ่ายด้านสวัสดิการสังคมของประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐด้วย อย่างไรก็ดี ความต้องการซื้อสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวขึ้นหลังจากนั้นเป็นต้นมา
ดอลลาร์อยู่ที่ 114.11 เยน ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ ซึ่งใกล้เคียงกับระดับปิดตลาดวันอังคารที่ 114.08 เยน ส่วนยูโรอยู่ที่ 1.1324 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 1.1283 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร ทางด้านดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 96.110 ในช่วงท้ายวันพุธ โดยร่วงลงจาก 96.442 ในช่วงท้ายวันอังคาร และเทียบกับจุดสูงสุดรอบ 16 เดือนที่ 96.938 ที่ทำไว้ในวันที่ 24 พ.ย. ทั้งนี้ ดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น 0.86% สู่ 0.7214 ดอลลาร์สหรัฐในวันพุธ ส่วนดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.74% สู่ 0.6820 ดอลลาร์สหรัฐ
นักวิเคราะห์ของบริษัทบราวน์ บราเธอร์ส แฮร์รีแมนระบุในวันพุธว่า "ดอลลาร์อ่อนค่าลง ในขณะที่นักลงทุนยังคงเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงต่อไป โดยมีแนวโน้มว่าดอลลาร์อาจจะอยู่ในช่วงของการสร้างฐานในตอนนี้ ในขณะที่ไม่มีปัจจัยใหม่ที่สำคัญใด ๆ เข้ามาชี้นำทิศทางในตลาด"
รายงานที่ออกมาในวันพุธแสดงให้เห็นว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐพุ่งขึ้นต่อไปในเดือนธ.ค. และสิ่งนี้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงขยายตัวต่อไปในปี 2022 ถึงแม้ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาพุ่งสูงขึ้น และมีการปรับลดมาตรการกระตุ้นทางการคลังในสหรัฐ ทั้งนี้ สำนักงาน Conference Board รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ 115.8 ในเดือนธ.ค. จาก 111.9 ในเดือนพ.ย. และอยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 110.8
ดอลลาร์สหรัฐดิ่งลง 0.63% สู่ 8.8800 โครนนอร์เวย์ในวันพุธ ในขณะที่โครนนอร์เวย์ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และได้รับแรงหนุนจากปัจจัยด้านฤดูกาลในช่วงคริสต์มาส ทั้งนี้ ในส่วนของปอนด์นั้น ปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.67% สู่ 1.3358 ดอลลาร์สหรัฐ ถึงแม้สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) ได้ปรับทบทวนตัวเลขอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3 ในวันพุธ โดยระบุว่าจีดีพีอังกฤษเติบโต 1.1% ในไตรมาส 3 ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขในการประเมินขั้นต้นที่ +1.3%
นักวิเคราะห์ของบริษัท ING ระบุว่า โดยปกติแล้วตลาดปริวรรตเงินตราและตลาดสินทรัพย์อื่น ๆ มักจะมีความผันผวนต่ำในช่วง 2-3 สัปดาห์ก่อนและหลังคริสต์มาส แต่ในปีนี้นั้นปัจจัยด้านฤดูกาลเผชิญกับปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงการที่สายพันธุ์โอไมครอนอาจจะส่งผลให้มีการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ และผลการตัดสินใจของธนาคารกลางสำคัญในสัปดาห์ที่แล้ว--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ดัชนีดอลลาร์อยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือนในวันอังคาร หลังจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่สอง ซึ่งตอกย้ำการคาดการณ์ในตลาดที่ว่า สหรัฐจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า ขณะที่ยูโรดีดตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดในรอบ 16 เดือนเนื่องจากการขยายตัวดีเกินคาดของกิจกรรมทางธุรกิจในยูโรโซน
ดอลลาร์อยู่ที่ 115.12 เยนในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดวันจันทร์ที่ 114.86 เยน ส่วนยูโรอยู่ที่ 1.1246 ดอลลาร์ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดวันจันทร์ที่ 1.1234 ดอลลาร์ หลังจากที่ร่วงต่ำสุดในรอบ 16 เดือนที่ 1.1226 ดอลลาร์ในช่วงแรก ทางด้านดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 96.517 เทียบกับระดับปิดตลาดวันจันทร์ที่ 96.467
ยูโรร่วงลงในวันจันทร์ ขณะที่มีความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ในยุโรป ขณะที่ออสเตรียเข้าสู่การล็อคดาวน์ทั้งหมด และเยอรมนีกำลังพิจารณาที่จะดำเนินการตาม
ดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนค่า 0.13% มาที่ 0.6951 ดอลลาร์ ก่อนที่คาดว่าธนาคารกลางนิวซีแลนด์จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมในวันพุธ หลังจากที่ขึ้นดอกเบี้ยในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ส่วนค่าเงินลีราของตุรกีดิ่งลง 15% ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดเป็นวันที่สองในประวัติการณ์ หลังจากประธานาธิบดีเทย์ยิป เออร์โดแกนปกป้องการลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมาก และประกาศว่าจะเอาชนะ 'สงครามเศรษฐกิจแห่งอิสรภาพ' แม้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างและเสียงเรียกร้องให้เปลี่ยนทิศทางก็ตาม
บิทคอยน์อยู่ที่ 57,644 ดอลลาร์ พุ่งขึ้น 2.4% ขณะที่อีเธอเรียมพุ่งขึ้น 6.41% มาที่ 4,357 ดอลลาร์--จบ--
(รอยเตอร์ โดย เสาวณีย์ เอกปัญญาชัย แปลและเรียบเรียง)
นิวยอร์ค--23 พ.ย.--รอยเตอร์
ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 16 เดือนในวันจันทร์ หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐเสนอชื่อนายเจอโรม พาวเวลล์ ให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่ออีก 4 ปีในสมัยที่สอง และเสนอชื่อนางลาเอล เบรนาร์ด ให้ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการเฟด นอกจากนี้ ยูโรก็ได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากความกังวลเรื่องการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ในยุโรปด้วย โดยออสเตรียได้เริ่มดำเนินมาตรการล็อกดาวน์แบบเต็มที่อีกครั้ง ในขณะที่เยอรมนีกำลังพิจารณาที่จะทำแบบเดียวกัน ทั้งนี้ ทั้งนายพาวเวลล์และนางเบรนาร์ดได้ตั้งข้อสังเกตในวันจันทร์ว่า อัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูงกำลังสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐและครัวเรือนในสหรัฐ และถ้อยแถลงของทั้งสองอาจจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า การควบคุมภาวะเงินเฟ้ออาจจะเป็นสิ่งที่เฟดให้ความสำคัญมากที่สุดในตอนนี้
ดอลลาร์อยู่ที่ 114.86 เยน ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดวันศุกร์ที่ 113.98 เยน และเทียบกับจุดสูงสุดรอบ 4 ปีครึ่งที่ 114.97 เยนที่ทำไว้ในวันที่ 17 พ.ย. ส่วนยูโรอยู่ที่ 1.1234 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์ โดยร่วงลงจาก 1.1288 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันศุกร์ และเทียบกับจุดต่ำสุดของวันที่ 1.1229 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2020 ทางด้านดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 96.467 ในช่วงท้ายวันจันทร์ โดยปรับขึ้นจาก 96.020 ในช่วงท้ายวันศุกร์ และเทียบกับจุดสูงสุดของวันที่ 96.551 ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2020
นายโจ มานิมโบ นักวิเคราะห์ตลาดของบริษัทเวสเทิร์น ยูเนียน บิสเนส โซลูชันส์กล่าวว่า "การที่นายพาวเวลล์ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดเป็นสมัยที่สองบ่งชี้ว่า เฟดจะดำเนินนโยบายการเงินในแบบที่ไม่ผ่อนคลายมากเท่ากับเฟดที่อยู่ภายใต้การบริหารของนางเบรนาร์ด โดยการที่นายพาวเวลล์ยังคงดำรงตำแหน่งประธานเฟดต่อไปอาจจะส่งผลให้เฟดมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้มากยิ่งขึ้น และปัจจัยนี้ส่งผลบวกต่อดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมา" ทั้งนี้ นายมานิมโบกล่าวเสริมว่า ยูโรได้รับแรงกดดันจากยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่พุ่งขึ้นทั่วยูโรโซน และปัจจัยดังกล่าวก็ตอกย้ำให้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป ซึ่งสวนทางกับเฟดที่ได้รับแรงกดดันให้ปรับนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
เฟดจะเปิดเผยรายงานการประชุมกำหนดนโยบายประจำวันที่ 2-3 พ.ย.ในวันพุธ และนักลงทุนจะพิจารณารายงานดังกล่าวเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ว่า เฟดอาจจะเร่งความเร็วในการปรับลดขนาดมาตรการเข้าซื้อตราสารหนี้หรือไม่ และเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วเกินคาดหรือไม่ ทั้งนี้ นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในวันศุกร์ว่า เฟดควรจะเร่งความเร็วในการปรับลดขนาดมาตรการเข้าซื้อตราสารหนี้ เพื่อที่เฟดจะได้มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากระดับใกล้ 0% ในเวลาที่เร็วกว่าที่คาดไว้ในตอนนี้ ถ้าหากอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป และถ้าหากการจ้างงานยังคงเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งต่อไป ทางด้านนายริชาร์ด คลาริดา รองประธานกรรมการเฟดกล่าวในวันศุกร์ว่า อาจจะเป็นการเหมาะสมเป็นอย่างมากถ้าหากผู้กำหนดนโยบายของเฟดจะหารือกันเรื่องการเร่งความเร็วในการปรับลดขนาดมาตรการเข้าซื้อตราสารหนี้ เมื่อเฟดจัดการประชุมกันครั้งถัดไปในวันที่ 14-15 ธ.ค.
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.55% สู่ 1.2701 ดอลลาร์แคนาดาในช่วงท้ายวันจันทร์ หลังจากปรับขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 7 สัปดาห์ที่ 1.2705 ดอลลาร์แคนาดาในระหว่างวัน โดยนักวิเคราะห์ของธนาคารสโกเทียแบงก์ระบุในวันศุกร์ว่า "สกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูงอย่างเช่นดอลลาร์แคนาดาอาจจะได้รับแรงกดดัน เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่จะมีการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพิ่มเติมในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า"--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน