ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



สหรัฐอเมริกา การเลิกจ้างพนักงานบริษัทชาเลนเจอร์ เกรย์ และคริสต์มาส MoM (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าเฉลี่ยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก4 สัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (Not SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อสินค้าคงทนนอกกระทรวงกลาโหมที่ได้แก้ไข MoM (ไม่รวมเครื่องบิน)(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นการขนส่ง) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นภาคกลาโหม) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงสต็อกก๊าซธรรมชาติประจำสัปดาห์ของ EIAค:--
ค: --
ค: --
ซาอุดิอาระเบีย การผลิตน้ำมันดิบค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การถือครองธนารักษ์สหรัฐฯของธนาคารกลางต่างประเทศรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย ดอกเบี้ยอ้างอิงค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราเงินสดสำรองค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น อินดิเคเตอร์ชั้นนำเบื้องต้น (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax YoY (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax MoM (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้าYoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การส่งออก (พ.ย.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล
กรุงเทพฯ--9 ส.ค.--รอยเตอร์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐดิ่งลงอย่างรุนแรงเกินคาด โดยยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรูดลง 17,000 ราย สู่ 233,000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 ส.ค. ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบราว 11 เดือน ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานอาจอยู่ที่ 240,000 รายในสัปดาห์ล่าสุด โดยรายงานดังกล่าวช่วยลดความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ ทั้งนี้ ดอลลาร์/เยนพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันพฤหัสบดี หลังจากที่ดอลลาร์/เยนแกว่งตัวผันผวนอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ในขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) และนักลงทุนระบาย carry trade ออกมาเป็นจำนวนมาก โดย carry trade คือการกู้ยืมสกุลเงินดอกเบี้ยต่ำอย่างเช่นเยนและฟรังก์สวิส เพื่อนำไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า อย่างเช่นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี, สกุลเงินคริปโต หรือสินทรัพย์ในรูปดอลลาร์สหรัฐ Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 103.28 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยแข็งค่าขึ้นจาก 103.11 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ หลังจากดิ่งลงแตะ 102.15 ในวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 ม.ค.
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 147.28 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยพุ่งขึ้นจากระดับปิดตลาดวันพุธที่ 146.69 เยน และหลังจากเพิ่งทะยานขึ้น 1.6% ในวันพุธ โดยก่อนหน้านี้ดอลลาร์เพิ่งรูดลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 7 เดือนที่ 141.675 เยนในวันจันทร์ และเทียบกับจุดสูงสุดในรอบเกือบ 38 ปีที่ 161.96 เยนที่เคยทำไว้ในวันที่ 3 ก.ค.
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0918 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี โดยขยับลงจาก 1.0921 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 1.1009 ดอลลาร์ในวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.
ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐดิ่งลงอย่างรุนแรงเกินคาดในสัปดาห์ล่าสุด และรายงานดังกล่าวช่วยลดความกังวลที่ว่า ตลาดแรงงานอาจชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วจนเกินไป ทางด้านดัชนีหุ้นกลุ่มใหญ่ทุกกลุ่มในสหรัฐปิดตลาดวันพฤหัสบดีในแดนบวก โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นกลุ่มบริการการสื่อสารถือเป็นหุ้น 2 กลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด ส่วนดัชนี Russell 2000 สำหรับหุ้นบริษัทขนาดเล็กของสหรัฐทะยานขึ้น 2.4% ทั้งนี้ หุ้นอีไล ลิลลีซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตยาพุ่งขึ้น 9.5% หลังจากอีไล ลิลลีปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรประจำปี และรายงานว่า ยอดขายยาเซปบาวด์ ซึ่งเป็นยาลดความอ้วนพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1 พันล้านดอลลาร์ต่อไตรมาสได้เป็นครั้งแรก ทางด้านหุ้นบริษัทอันเดอร์ อาร์เมอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชุดกีฬาทะยานขึ้น 19.2% หลังจากทางบริษัทเปิดเผยผลกำไรไตรมาสแรกที่สูงเกินคาด โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ทางบริษัทปรับลดสต็อกสินค้าคงคลังและโปรโมชัน Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 1.76% สู่ 39,446.49
ดัชนี S&P 500 ปิดทะยานขึ้น 2.30% สู่ 5,319.31
ดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 2.87% สู่ 16,660.02
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปรับขึ้นในวันพฤหัสบดีเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐที่ดิ่งลงอย่างรุนแรงเกินคาดในสัปดาห์ล่าสุด เพราะตัวเลขนี้ช่วยลดความกังวลเรื่องอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐ และราคาน้ำมันก็ได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากสงครามในภูมิภาคตะวันออกกลางด้วย ในขณะที่นักลงทุนกังวลว่า อิหร่านจะดำเนินการตอบโต้อิสราเอล หลังจากผู้นำกลุ่มฮามาสถูกลอบสังหารในกรุงเตหะราน และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนยืนยันว่า นายฟูอัด ชุคร์ ผู้บัญชาการทางทหารของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ถูกสังหารด้วยการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในย่านชานกรุงเบรุต ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ประบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์อาจจะดีดขึ้นสู่ระดับ 80-85 ดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัวในเดือนส.ค., ความขัดแย้งทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงขึ้นในภูมิภาคแอฟริกาเหนือและภูมิภาคตะวันออกกลาง, ฤดูพายุเฮอริเคนในสหรัฐ และการปรับสถานะการลงทุนของกองทุน Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนก.ย.ทะยานขึ้น 96 เซนต์ หรือ 1.28% มาปิดตลาดที่ 76.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 83 เซนต์ หรือ 1.06% มาปิดตลาดที่ 79.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐพุ่งขึ้น 45.22 ดอลลาร์ หรือ 1.90% สู่ 2,426.75 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี หลังจากปิดตลาดในแดนลบมานาน 5 วันติดต่อกัน โดยราคาทองได้รับแรงหนุนในวันพฤหัสบดีจากคำสั่งซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. ทั้งนี้ บริษัทโบรกเกอร์หลายแห่ง ซึ่งรวมถึงเจ.พี.มอร์แกน, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมเดือนก.ย. หลังจากสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอเกินคาดในวันที่ 2 ส.ค. ทางด้านนักลงทุนคาดว่า มีโอกาสราว 56.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. และมีโอกาส 43.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. โดยนักลงทุนยังคาดการณ์อีกด้วยว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันราว 1.04% ในปีนี้ Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า การใช้ยาลดน้ำหนักตัวใหม่อย่างแพร่หลายในสหรัฐอาจหนุนจีดีพีเพิ่มขึ้น 1% ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ขณะที่ภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวกับโรคอ้วนที่ลดลงอาจจะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
นักวิเคราะห์หลายคนคาดว่า ตลาดยาลดน้ำหนักอาจมีมูลค่า 1.00 แสนล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปลายทศวรรษนี้ โดยโนโว นอร์ดิสค์ ผู้ผลิตยา Ozempic และเอลี ลิลลี่ ผู้ผลิต Mounjaro เป็นผู้นำตลาด และหลายบริษัทกำลังพยายามคิดค้นประเภทของยาดังกล่าว หรือที่เรียกว่ายาในกลุ่ม GLP-1 และมีบริษัทมากขึ้นที่สามารถเข้าสู่ตลาดได้โดยอาศัยการทดลองทางคลินิก
โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า การใช้ยา GLP-1 อาจจะทำให้มีผู้บริโภคยาเพิ่มขึ้น 10-70 ล้านคนภายในปี 2028 และนักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมนกล่าวว่า "การใช้ยา GLP-1 จะเพิ่มจำนวนดังกล่าวขึ้นในที่สุด และนั่นจะส่งผลให้อัตราโรคอ้วนลดลง เรามองเห็นขอบเขตสำหรับผลที่มีนัยสำคัญที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจในวงกว้าง"
โกลด์แมน แซคส์คาดว่า ยาลดน้ำหนักอาจจะหนุนจีดีพีสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในฉากทัศน์ที่มีผู้ใช้ยา 30 ล้านคน และอาจเพิ่มขึ้นเป็น 1% ถ้ามีผู้ใช้ 60 ล้านคน
นวัตกรรมด้านการดูแลสุขภาพที่ออกมาเป็นระลอกในปัจจุบัน อาทิ การคิดค้นยาโดยใช้เอไอควบคู่กับยา GLP-1 อาจเพิ่มระดับของจีดีพีขึ้น 1.3% ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งเทียบเท่ากับ 3.60 แสนล้านดอลลาร์ต่อปีตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน โดยมีโอกาสที่เพิ่มขึ้นในกรอบ 0.6-3.2% "ผลที่เกิดขึ้นในสหรัฐอาจจะมากกว่าในประเทศอื่นๆ ขณะที่ผลลัพธ์ทางสุขภาพในประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆก็จะดีขึ้นโดยรวม"--จบ--
Eikon source text
กรุงเทพฯ--26 ม.ค.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินแข็งค่าขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากสำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจในกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐเติบโต 3.3% ในไตรมาสสี่เมื่อเทียบเป็นตัวเลขเต็มปี (annualized) หลังจากเติบโต 4.9% ในไตรมาสสาม โดยอัตราการเติบโตนี้อยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2% สำหรับไตรมาสสี่ ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐได้รับแรงหนุนจากปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค, จากยอดส่งออก, จากรายจ่ายของรัฐบาล และจากการลงทุนทางธุรกิจในไตรมาสสี่ โดยรายงานตัวเลขนี้บ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ เทรดเดอร์ในตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดการณ์ในวันพฤหัสบดีว่า มีโอกาสราว 51% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. โดยโอกาสดังกล่าวปรับลดลงจากระดับ 80% ที่เคยคาดไว้เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน นอกจากนี้ เทรดเดอร์ยังคาดการณ์อีกด้วยว่า มีโอกาส 94% ที่เฟดจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงภายในต้นเดือนพ.ค. Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 103.50 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยแข็งค่าขึ้นจาก 103.29 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นมาแล้วราว 2% จากช่วงต้นปีนี้
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 147.65 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยปรับขึ้นจากระดับปิดตลาดวันพุธที่ 147.50 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0846 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี โดยอ่อนค่าลงจาก 1.0883 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากปรับลงแตะ 1.0820 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งเท่ากับจุดต่ำสุดรอบ 6 สัปดาห์ที่ทำไว้ในวันอังคารที่ผ่านมา
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากสำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจในกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐเติบโต 3.3% ในไตรมาสสี่เมื่อเทียบเป็นตัวเลขเต็มปี (annualized) หลังจากเติบโต 4.9% ในไตรมาสสาม โดยอัตราการเติบโตนี้อยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2% สำหรับไตรมาสสี่ โดยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาดนี้ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุน อย่างไรก็ดี หุ้นเทสลาซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าดิ่งลง 12% และลงไปแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2023 หลังจากนายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาประกาศเตือนว่า ยอดขายของเทสลาจะชะลอการเติบโตลงในปีนี้ ถึงแม้เทสลาปรับลดราคารถยนต์ลงจนสร้างความเสียหายต่ออัตราผลกำไรของบริษัท โดยการดิ่งลงของหุ้นเทสลาในวันนี้ส่งผลให้มูลค่าของบริษัทเทสลาในตลาดหุ้นดิ่งลง 7.0 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับราว 5.80 แสนล้านดอลลาร์ และส่งผลให้เทสลามีมูลค่าต่ำกว่าบริษัทอีไล ลิลลี ซึ่งมีมูลค่า 5.9 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ การดิ่งลงของหุ้นเทสลาก็ส่งผลให้หุ้นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งอื่น ๆ รูดลงตามไปด้วย ซึ่งรวมถึงหุ้นบริษัทริเวียน ออโตโมทีฟที่ดิ่งลง 2.2% และหุ้นบริษัทลูซิด กรุ๊ปที่รูดลง 6.7% ทั้งนี้ ในบรรดาบริษัทในดัชนี S&P 500 ที่เปิดเผยผลประกอบการออกมาแล้วนั้น บริษัท 82% เปิดเผยผลกำไรที่ดีเกินคาด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 67% โดยบริษัทที่เปิดเผยผลประกอบการออกมาในช่วงนี้รวมถึงบริษัท IBM ที่มีราคาหุ้นพุ่งขึ้น 9.5% ในวันพฤหัสบดี หลังจาก IBM คาดการณ์ว่ารายได้ตลอดทั้งปีจะเติบโตสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในตลาด, บริษัทคอมแคสท์ ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสื่อที่มีราคาหุ้นทะยานขึ้น 3.4% หลังจากคอมแคสท์เปิดเผยรายได้รายไตรมาสที่สูงเกินคาด และสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ที่มีราคาหุ้นพุ่งขึ้น 10.3% หลังจากทางสายการบินคาดการณ์แนวโน้มผลกำไรที่สดใส Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 0.64% สู่ 38,049.13
ดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 0.53% สู่ 4,894.16 ซึ่งถือเป็นการทำสถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ได้เป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน
ดัชนี Nasdaq ปิดปรับขึ้น 0.18% สู่ 15,510.50
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันพฤหัสบดี หลังจากสหรัฐรายงานว่าเศรษฐกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาสสี่ และราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากความขัดแย้งในทะเลแดงด้วย โดยบริษัทเมอส์กของเดนมาร์กประกาศว่า เหตุระเบิดส่งผลให้เรือสองลำที่ดำเนินการโดยบริษัทในเครือของเมอส์กที่กำลังขนส่งยุทธภัณฑ์ของสหรัฐต้องเปลี่ยนทิศทางการเดินเรือ ในขณะที่เรือสองลำนี้กำลังแล่นผ่านช่องแคบบาบุลมันดับนอกชายฝั่งเยเมน ทางด้านผู้นำของกลุ่มฮูตีในเยเมนประกาศในวันพฤหัสบดีว่า ทางกลุ่มจะยังคงโจมตีเรือที่มีความเกี่ยวข้องกับอิสราเอลต่อไป จนกว่าจะมีการส่งความช่วยเหลือไปถึงชาวปาเลสไตน์ในเขตฉนวนกาซา ทั้งนี้ นักลงทุนกังวลกับอุปทานน้ำมันในช่วงนี้ด้วย หลังจากมีข่าวว่ายูเครนใช้โดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันแแห่งหนึ่งในภาคใต้ของรัสเซีย Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนมี.ค.ทะยานขึ้น 2.27 ดอลลาร์ หรือ 3.02% มาปิดตลาดที่ 77.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 77.51 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 2.39 ดอลลาร์ หรือ 2.99% มาปิดตลาดที่ 82.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 82.57 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 7.16 ดอลลาร์ สู่ 2,019.75 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีปรับลงจาก 4.178% ในช่วงท้ายวันพุธ สู่ 4.132% ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี และการปรับลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ก็ส่งผลบวกต่อราคาทอง เพราะทองเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ดอกเบี้ย ทั้งนี้ บอนด์ยิลด์ได้รับแรงกดดันในวันพฤหัสบดี หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาสสี่ และรายงานดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อในเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงสู่ 1.9% ในไตรมาสสี่ จาก 2.9% ในไตรมาสสาม Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--22 พ.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับลงในวันศุกร์ หลังจากการเจรจาต่อรองเรื่องการปรับขึ้นเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐจากระดับ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์หยุดชะงักลงชั่วคราว และปัจจัยดังกล่าวทำให้นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์ในทางบวกที่ว่า อาจจะมีการบรรลุข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทั้งนี้ นายแกร์เรท เกรฟส์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำการเจรจาต่อรองได้เดินออกจากการเจรจาในวันศุกร์ และเขากล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า "จนกว่าพวกเขาจะเต็มใจที่จะหารือกันอย่างยากลำบากเรื่องวิธีการเดินหน้าและทำในสิ่งที่ถูกต้อง เราก็จะไม่มานั่งเจรจากัน" อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวระบุว่า ยังคงมีความเป็นไปได้ที่จะมีการบรรลุข้อตกลงกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับลง 0.33% สู่ 33,426.63, ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 0.14% สู่ 4,191.98 หลังจากดัชนีเพิ่งพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันพุธและวันพฤหัสบดี และดัชนี Nasdaq ปิดปรับลง 0.24% สู่ 12,657.90 ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับระดับปิดสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีดาวโจนส์ก็ปิดตลาดสัปดาห์นี้บวกขึ้น 0.38%, ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดสัปดาห์นี้ทะยานขึ้น 1.65% และดัชนี Nasdaq ปิดตลาดสัปดาห์นี้พุ่งขึ้น 3.04% โดยทั้งดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ต่างก็พุ่งขึ้นในสัปดาห์นี้ในอัตราที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์สุดท้ายของเดือนมี.ค.
นักลงทุนยังคงไม่แน่ใจในแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ในขณะที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงจุดยืนแบบสายพิราบปานกลาง โดยเขากล่าวในวันศุกร์ว่า ภาวะสินเชื่อที่ตึงตัวมากยิ่งขึ้นส่งผลให้ "เฟดอาจจะไม่มีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับที่มากเท่ากับในกรณีที่ไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อจะได้บรรลุเป้าหมายของเรา" และเขากล่าวย้ำว่า ในตอนนี้เฟดจะตัดสินใจกำหนดนโยบายในการประชุมแต่ละครั้งไป และเขากล่าวเสริมว่า หลังจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เฟดก็สามารถประเมินอย่างระมัดระวังได้ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยส่งผลกระทบอย่างไรบ้างต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ
ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากข่าวของ CNN ที่ระบุว่า เจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐได้กล่าวต่อซีอีโอของธนาคารต่าง ๆ ในวันพฤหัสบดีว่า อาจจะมีความจำเป็นที่ธนาคารจะต้องควบรวมกิจการกันมากยิ่งขึ้น หลังจากธนาคารหลายแห่งล้มลงในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ ดัชนี KBW สำหรับหุ้นธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐดิ่งลง 2.17% ในวันศุกร์ แต่ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้น 6.2% จากสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนลบมานาน 3 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยดัชนี KBW ได้รับแรงหนุนในสัปดาห์นี้จากการที่นักลงทุนมองว่า ปัญหาในภาคธนาคารระดับภูมิภาคอยู่ภายใต้การควบคุมเป็นส่วนใหญ่ ทางด้านหุ้นธนาคารมอร์แกน สแตนเลย์ดิ่งลง 2.66% ในวันศุกร์ หลังจากนายเจมส์ กอร์แมน ซีอีโอของมอร์แกน สแตนเลย์ประกาศว่า เขาจะลงจากตำแหน่งในเวลา 12 เดือนข้างหน้า
หุ้นฟูต ล็อกเกอร์ ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกรองเท้าดิ่งลง 27.24% ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงรายวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ. 2022 หลังจากฟูต ล็อกเกอร์ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรและยอดขายประจำปี โดยประกาศเตือนของฟูต ล็อกเกอร์มีส่วนกดดันหุ้นอันเดอร์ อาร์เมอร์ให้รูดลง 4.20% และกดดันหุ้นไนกี้ให้ดิ่งลง 3.46% ด้วย โดยไนกี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของดัชนีดาวโจนส์--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--15 พ.ย.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันจันทร์ ในขณะที่หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยดิ่งลง และนักลงทุนปรับตัวรับความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีต่อแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต นอกจากนี้ นักลงทุนก็รอดูปัจจัยใหม่ ๆ ที่จะเข้ามากระตุ้นตลาดด้วย หลังจากตลาดหุ้นพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ ตลาดหุ้นแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน และร่วงลงอย่างรุนแรงยิ่งขึ้นในช่วงท้ายตลาด ในขณะที่นักลงทุนรอดูดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันอังคาร และรอดูตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐที่จะออกมาในวันพุธ นอกจากนี้ นักลงทุนก็รอดูตัวเลขภาคที่อยู่อาศัยและผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ และรอฟังถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนในสัปดาห์นี้ด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 0.63% สู่ 33,536.7, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.89% สู่ 3,957.25 และดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 1.12% สู่ 11,196.22 ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ดิ่งลง 2.7% ในวันจันทร์ ส่วนหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยรูดลง 1.7% และหุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลง 1.5%
นักลงทุนมุ่งความสนใจไปยังถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดในช่วงนี้ โดยนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในผู้ว่าการเฟดกล่าวในวันอาทิตย์ว่า เฟดอาจจะพิจารณาเรื่องการชะลอความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป แต่นักลงทุนไม่ควรจะมองว่าการทำเช่นนั้นถือเป็นการลดละความพยายามในการทำให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง โดยถ้อยแถลงดังกล่าวของนายวอลเลอร์ส่งผลลบต่อตลาดหุ้น อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นได้รับแรงหนุนเข้ามาบ้าง หลังจากนางลาเอล เบรนาร์ด รองประธานกรรมการเฟดส่งสัญญาณในวันจันทร์ว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะชะลอความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ นายเอริค คูบี หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทนอร์ธ สตาร์ อินเวสท์เมนท์ แมเนจเมนท์ คอร์ปกล่าวว่า "ตลาดยังคงมีความอ่อนไหวต่อถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และเจ้าหน้าที่เฟดคนหนึ่งก็ส่งสัญญาณแบบสายเหยี่ยว ในขณะที่อีกคนส่งสัญญาณแบบสายพิราบ"
นายหยุง-หยู หม่า หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทบีเอ็มโอ เวลธ์ แมเนจเมนท์กล่าวว่า "เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลที่ตลาดจะชะลอตัวลงในช่วงนี้ ในขณะที่นักลงทุนพยายามจะประเมินแนวโน้มนโยบายของเฟด และประเมินว่าปัจจัยสำคัญอันถัดไปที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดจะเป็นปัจจัยใด"
หุ้นบริษัทอะเมซอนรูดลง 2.3% ในขณะที่หนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ไทมส์รายงานในวันจันทร์ว่า อะเมซอนวางแผนจะปลดพนักงานออกราว 10,000 คน ทั้งนี้ ในบรรดาหุ้นกลุ่มผู้ผลิตยานั้น หุ้นบริษัทไบโอเจนพุ่งขึ้น 3.3% และหุ้นอีไล ลิลลีทะยานขึ้น 1.3% หลังจากยารักษาโรคอัลไซเมอร์ของบริษัทโรชของสวิตเซอร์แลนด์ประสบความล้มเหลวในการทดสอบ--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--9 พ.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันศุกร์ ในขณะที่นักลงทุนกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวเกินคาดเพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ โดยเทรดเดอร์ส่วนใหญ่คาดการณ์กันว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. ถึงแม้นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดส่งสัญญาณว่าเฟดจะไม่ทำเช่นนั้น ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรในสหรัฐพุ่งขึ้น 428,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 391,000 ตำแหน่ง และรายงานตัวเลขนี้ตอกย้ำให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ถึงแม้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐหดตัวลงในไตรมาสแรก ทางด้านอัตราการว่างงานในสหรัฐทรงตัวที่ 3.6% ในเดือนเม.ย. ส่วนรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงของคนงานสหรัฐปรับขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ +0.4%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 0.3% สู่ 32,899.37, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.57% สู่ 4,123.34 และดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 1.4% สู่ 12,144.66 ซึ่งถือเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2020 โดยดัชนี Nasdaq ปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนลบเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนลบติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4/2012 ทางด้านดัชนี S&P 500 ปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนลบเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกันเช่นกัน ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนลบติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2/2011 ทั้งนี้ หุ้น 9 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดวันศุกร์ในแดนลบ แต่ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 2.9% เนื่องจากราคาน้ำมันทะยานขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลเรื่องอุปทานน้ำมัน
หุ้นบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มเติบโตดิ่งลงเป็นส่วนใหญ่ในวันศุกร์ แต่หุ้นแอปเปิลปิดบวกขึ้น 0.5% ทางด้านหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ร่วงลงด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะหุ้นเวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โคที่ปรับลง 0.5%
นักลงทุนรอดูดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพุธที่ 11 พ.ค. ในขณะที่นักลงทุนรอดูว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐใกล้จะแตะจุดสูงสุดแล้วหรือไม่
หุ้นอันเดอร์ อาร์เมอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชุดกีฬาดิ่งลง 23.8% หลังจากทางบริษัทคาดการณ์ผลกำไรที่อ่อนแอสำหรับปีงบดุลบัญชี 2023 ส่วนหุ้นไนกี้ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งปิดรูดลง 3.49% ทั้งนี้ หุ้นคอยน์เบส โกลบัล ซึ่งเป็นบริษัทตลาดสกุลเงินคริปโตดิ่งลง 9% ในวันศุกร์ จนมาปิดตลาดที่ระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่หุ้นตัวนี้เริ่มเปิดซื้อขายในตลาดในปี 2021 เป็นต้นมา--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--14 ก.พ.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดดิ่งลงอย่างรุนแรงในวันศุกร์เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ในขณะที่นักลงทุนกังวลกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน หลังจากสหรัฐระบุว่า รัสเซียได้เพิ่มกำลังทหารในบริเวณใกล้พรมแดนยูเครนในระดับที่มากพอที่จะเริ่มดำเนินการโจมตีครั้งใหญ่ได้ โดยนายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวกล่าวในงานแถลงข่าวว่า รัสเซียอาจจะเริ่มการโจมตีในวันใดก็ได้ และมีแนวโน้มที่จะเริ่มด้วยการโจมตีทางอากาศ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นก็ได้รับแรงกดดันในช่วงนี้จากความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อและแนวโน้มในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วย ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 ได้รับแรงกดดันเป็นอย่างมากจากการดิ่งลงของหุ้น 4 ตัว ซึ่งได้แก่หุ้นบริษัทเอ็นวิเดีย คอร์ปที่รูดลง 7.3%, หุ้นอะเมซอนดอทคอมที่ดิ่งลง 3.6%, หุ้นแอปเปิลที่รูดลง 2.02% และหุ้นไมโครซอฟท์ที่ดิ่งลง 2.43% ทางด้านดัชนีฟิลาเดลเฟียสำหรับหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐรูดลง 4.83% ในวันศุกร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดดิ่งลง 1.43% สู่ 34,738.06, ดัชนี S&P 500 ปิดรูดลง 1.90% สู่ 4,418.64 และดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 2.78% สู่ 13,791.15 ในวันศุกร์ โดยดัชนี S&P 500 ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลง 1.8% จากสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการรูดลง 2.2% จากสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ หุ้น 9 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดดิ่งลงในวันศุกร์ โดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรูดลง 3.0% และดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยดิ่งลง 2.8% อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 2.8% ในวันศุกร์ ในขณะที่ราคาสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นกว่า 5% สู่ 94.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2014
นายโธมัส เฮย์ส จากบริษัทเกรท ฮิลล์ แคปิตัลกล่าวว่า "ถ้าหากผู้นำประเทศต่าง ๆ ไม่สามารถคลี่คลายวิกฤติยูเครนได้ สิ่งนี้ก็จะส่งผลกระทบต่อตลาดเป็นอย่างมาก" ทางด้านนายเจย์ แฮทฟิลด์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทอินฟราสตรัคเจอร์ แคปิตัล แมเนจเมนท์กล่าวว่า "ถ้าหากยูเครนถูกโจมตี สิ่งนี้ก็จะสนับสนุนการคาดการณ์ของเราที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์กันไว้ เพราะว่าสงครามยูเครนจะส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนมากยิ่งขึ้น" ทั้งนี้ เทรดเดอร์คาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาสสูงมากที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค. และเฟดอาจจะปรับขึ้นกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยสู่ 1.75-2.00% ก่อนสิ้นปีนี้
มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานในวันศุกร์ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐดิ่งลงจาก 67.2 ในเดือนม.ค. สู่ 61.7 ในช่วงครึ่งแรกของเดือนก.พ. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2011 หรือจุดต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 67.5 ในขณะที่ผู้บริโภคคาดการณ์กันว่า อัตราเงินเฟ้อสหรัฐจะยังคงพุ่งขึ้นต่อไปในระยะใกล้ ทั้งนี้ ดัชนีความผันผวน CBOE หรือดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลของตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้น 14.43% สู่ 27.36 ในช่วงท้ายวันศุกร์ หลังจากทะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ 30.99 ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนม.ค.
หุ้นบริษัทซิลโลว์ กรุ๊ป อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ออนไลน์พุ่งขึ้น 12.7% ในวันศุกร์ หลังจากซิลโลว์รายงานว่ายอดขายรายไตรมาสอยู่ในระดับที่สูงเกินคาด โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้ในภาคบ้านที่พุ่งขึ้น 11 เท่า อย่างไรก็ดี หุ้นอันเดอร์ อาร์เมอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทชุดกีฬาดิ่งลง 12.5% หลังจากทางบริษัทประกาศเตือนว่า อัตราผลกำไรจะได้รับแรงกดดันในไตรมาสปัจจุบัน--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน