ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



สหรัฐอเมริกา การเลิกจ้างพนักงานบริษัทชาเลนเจอร์ เกรย์ และคริสต์มาส MoM (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าเฉลี่ยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก4 สัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (Not SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อสินค้าคงทนนอกกระทรวงกลาโหมที่ได้แก้ไข MoM (ไม่รวมเครื่องบิน)(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นการขนส่ง) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นภาคกลาโหม) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงสต็อกก๊าซธรรมชาติประจำสัปดาห์ของ EIAค:--
ค: --
ค: --
ซาอุดิอาระเบีย การผลิตน้ำมันดิบค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การถือครองธนารักษ์สหรัฐฯของธนาคารกลางต่างประเทศรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย ดอกเบี้ยอ้างอิงค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราเงินสดสำรองค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น อินดิเคเตอร์ชั้นนำเบื้องต้น (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax YoY (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax MoM (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล
31 ก.ค.--รอยเตอร์
บริษัทหลายแห่งทั่วโลกรายงานว่า ผลกำไรเพิ่มขึ้นในไตรมาสล่าสุด แต่ทางบริษัทปรับลดแนวโน้มผลกำไรและยอดขายตลอดทั้งปีลง ในขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั่วโลกได้รับแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงและจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีน ทั้งนี้ บริษัทราว 40% ในสหรัฐและยุโรปได้รายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดออกมาแล้ว และผลกำไรของบริษัทเหล่านี้ก็อยู่ในระดับที่ตรงตามความคาดหมาย อย่างไรก็ดี เนื่องจากตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งขึ้นไปมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา ผลกำไรที่ตรงตามความคาดหมายจึงอาจจะสร้างความผิดหวังต่อนักลงทุนได้ โดยบริษัทชื่อดังที่สร้างความผิดหวังต่อนักลงทุนในช่วงนี้รวมถึงบริษัทแมคโดนัลด์, นิสสันซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์, เทสลาซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า, เนสท์เล่ และดิอาจิโอ ซึ่งเป็นบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่
นักลงทุนจับตาดูผลประกอบการของบริษัทขนาดยักษ์หลายแห่งในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทไมโครซอฟท์ที่เปิดเผยผลประกอบการออกมาในช่วงเย็นวันอังคาร, บริษัทเมตา ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊กที่จะเปิดเผยผลประกอบการออกมาในวันพุธ, บริษัทแอปเปิลกับบริษัทอะเมซอนที่จะเปิดเผยผลประกอบการออกมาในวันพฤหัสบดี, บริษัทซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ของเกาหลีใต้, บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ของญี่ปุ่น, บริษัทเอ็กซอน โมบิลในกลุ่มน้ำมันของสหรัฐ, บริษัทเชลล์ในกลุ่มน้ำมัน, บริษัทลอรีอัลของฝรั่งเศส และบริษัทอาดิดาสของเยอรมนี ทั้งนี้ บริษัทหลายแห่งทั่วโลกระบุว่า ผลกำไรของบริษัทเผชิญกับปัญหาสำคัญ 2 ประการ โดยปัญหาแรกคืออัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูง ซึ่งส่งผลลบต่อปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค และปัญหาที่สองคือความอ่อนแอทางเศรษฐกิจในจีน โดยจีนถือเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
แมคโดนัลด์เพิ่งรายงานว่า ยอดขายทั่วโลกลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ไตรมาส โดยเป็นผลจากความอ่อนแอทางเศรษฐกิจในจีน ส่วนบริษัทยูนิลีเวอร์, วีซ่า และแอสตัน มาร์ตินก็ตั้งข้อสังเกตถึงความอ่อนแอทางเศรษฐกิจในจีนด้วยเช่นกัน ทางด้านนักวิเคราะห์ระบุเตือนว่า อุปสงค์ในจีนไม่มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้นในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากผู้บริโภคจีนได้รับแรงกดดันจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในภาวะตกต่ำมาเป็นเวลานาน และจากความไม่มั่นคงทางการทำงาน ทั้งนี้ ผลกำไรต่อหุ้นของบริษัทสหรัฐพุ่งขึ้นเกือบ 12% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ซึ่งถือเป็นอัตราการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดรอบ 10 ไตรมาส ส่วนผลกำไรของบริษัทยุโรปปรับขึ้น 4% ในไตรมาสล่าสุด ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงเกินคาด และถือเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2022
บริษัทสหรัฐปรับลดคาดการณ์ผลกำไรไตรมาสสามลงในช่วงนี้ โดยบริษัทสหรัฐคาดว่า ผลกำไรไตรมาสสามอาจปรับขึ้นเพียง 7.3% เมื่อเทียบรายปี โดยปรับลดลงจาก +8.6% ที่เคยคาดไว้ในช่วงต้นเดือนก.ค. ทั้งนี้ ทั้งบริษัทเนสท์เล่และยูนิลีเวอร์ต่างก็รายงานยอดขายครึ่งปีแรกที่เติบโตน้อยเกินคาด ในขณะที่บริษัทโดยรวมในเยอรมนีและฝรั่งเศสคาดการณ์ในทางลบมากยิ่งขึ้น และทำให้นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจยูโรโซนอาจจะฟื้นตัวอย่างเฉื่อยชา โดยสำนักงานสถิติฝรั่งเศสรายงานในสัปดาห์ที่แล้วว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจโดยรวมของฝรั่งเศสดิ่งลงจาก 99 ในเดือนมิ.ย. สู่ 94 ในเดือนก.ค. ส่วนสถาบัน Ifo รายงานในสัปดาห์ที่แล้วว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีดิ่งลงจาก 88.6 ในเดือนมิ.ย. สู่ 87.0 ในเดือนก.ค.
บริษัทรถยนต์หลายแห่งกำลังเผชิญปัญหาในสหรัฐ ซึ่งเป็นปัญหาจากสต็อกสินค้าคงคลังที่ระดับสูง และปัญหาด้านโลจิสติกส์ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อผลกำไรของบริษัทฟอร์ด มอเตอร์, สเตลแลนทิส และนิสสัน ทางด้านเทสลาเพิ่งรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังในไตรมาสล่าสุด และนักลงทุนหลายรายก็มองว่า บริษัทเทสลามีมูลค่าสูงเกินไป ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าชะลอตัวลง--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นายเดวิด โซโลมอน ซีอีโอโกลด์แมน แซคส์กล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่า มุมมองการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) 1 หรือ 2 ครั้งในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ดูเหมือนจะเป็นไปได้มากขึ้น
เขากล่าวว่า เขาไม่เห็นว่าจะมีการตัดสินใจลดดอกเบี้ยในการประชุมของเฟดในวันนี้
เขาระบุว่า กิจกรรมการควบและรวมกิจการกำลังต่ำกว่าระดับเฉลี่ยรอบ 10 ปีอยู่ 20%--จบ--
Eikon source text
18 ก.ค.--รอยเตอร์
สกุลเงินเอเชียปรับตัวอย่างไร้ทิศทางชัดเจนในวันนี้ ในขณะที่วอนของเกาหลีใต้ขยับขึ้น 0.04% ในวันนี้ และดอลลาร์สิงคโปร์ปรับขึ้น 0.04% เช่นกัน แต่บาทของไทยร่วงลง 0.21% ในวันนี้, ดอลลาร์ไต้หวันปรับลง 0.09% และริงกิตของมาเลเซียขยับลง 0.06% ในวันนี้ ทั้งนี้ รูเปียห์ของอินโดนีเซียร่วงลง 0.4% ในวันนี้ หลังจากที่เพิ่งพุ่งขึ้น 0.49% เมื่อวานนี้ ในขณะที่ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมเมื่อวานนี้
ดอลลาร์สหรัฐ/เยนขยับขึ้น 0.05% สู่ 156.24 เยนในวันนี้ หลังจากดิ่งลงแตะ 155.36 เยนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. หรือจุดต่ำสุดรอบ 6 สัปดาห์ และออกห่างจากจุดสูงสุดในรอบเกือบ 38 ปีที่ 161.96 เยนที่เคยทำไว้ในวันที่ 3 ก.ค. โดยนักลงทุนตั้งข้อสงสัยในช่วงนี้ว่า ทางการญี่ปุ่นอาจเข้ามาแทรกแซงตลาดด้วยการเข้าซื้อเยนเป็นจำนวนเกือบ 6 ล้านล้านเยนในวันที่ 11-12 ก.ค. ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของธนาคารเมย์แบงก์ระบุว่า "หากพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานแล้ว ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐกับญี่ปุ่นก็ยังคงอยู่ในระดับกว้าง และด้วยเหตุนี้เราจึงคาดว่า ดอลลาร์/เยนอาจจะดีดขึ้นได้ต่อไปในช่วงไตรมาส 3/2024"
ดัชนีตลาดหุ้นญี่ปุ่นดิ่งลง 2.36% ในวันนี้ ในขณะที่หุ้นกลุ่มชิปทั่วโลกเผชิญกับแรงเทขาย ทางด้านดัชนีตลาดหุ้นเกาหลีใต้กับไต้หวันก็รูดลงอย่างรุนแรงในวันนี้ด้วยเช่นกัน หลังจากมีข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาเรื่องการคุมเข้มมาตรการจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงให้แก่จีน ทั้งนี้ ดัชนี MSCI สำหรับหุ้นภูมิภาคแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่นดิ่งลง 1% ในระหว่างวัน และอาจจะปิดตลาดวันนี้ในแดนลบเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ส่วนดัชนีตลาดหุ้นเกาหลีใต้รูดลง 1.5% ในระหว่างวัน และลงไปแตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ ทางด้านดัชนีตลาดหุ้นไต้หวันรูดลง 1.56% ในวันนี้ ในขณะที่หุ้นบริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริง โค (TSMC) ดิ่งลง 2.43%
เจสซิกา อามีร์ นักยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดของบริษัทมูมูกล่าวว่า "มีความเสี่ยงสูงที่จะมีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนหรือสินค้าจากภูมิภาคของจีน และตอนนี้ภาคการผลิตชิปก็ได้รับผลกระทบด้วย ซึ่งนั่นหมายความว่าภาคการผลิตชิปอาจจะเผชิญกับแรงเทขายทำกำไรมากยิ่งขึ้นไปอีก ในขณะที่นักลงทุนกำลังโยกย้ายเงินลงทุนออกจากหุ้นบริษัทเทคโนโลยีขนาดยักษ์อยู่แล้วในช่วงนี้ เพื่อนำเงินไปลงทุนในหุ้นบริษัทขนาดเล็ก โดยการโยกย้ายเงินลงทุนดังกล่าวเป็นผลจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2-3 ครั้งในปีนี้"
ดัชนีตลาดหุ้นอินโดนีเซียพุ่งขึ้น 1.08% ในวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและหุ้นกลุ่มธนาคาร
อัตราแลกเปลี่ยนเทียบดอลลาร์สหรัฐ ณ เวลา 12.06 น. ตามเวลาไทย
COUNTRY |
FX RIC |
FX DAILY % |
FX YTD % |
Japan |
JPY= |
-0.11 |
-9.77 |
China |
CNY=CFXS |
+0.08 |
-2.20 |
India |
INR=IN |
-0.01 |
-0.46 |
Indonesia |
IDR= |
-0.35 |
-4.69 |
Malaysia |
MYR= |
-0.06 |
-1.57 |
Philippines |
PHP= |
+0.07 |
-4.88 |
S.Korea |
KRW=KFTC |
-0.01 |
-6.76 |
Singapore |
SGD= |
+0.03 |
-1.59 |
Taiwan |
TWD=TP |
+0.04 |
-5.73 |
Thailand |
THB=TH |
-0.14 |
-4.98 |
--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
เจ.พี.มอร์แกนระบุว่า รายงานจีดีพีในไตรมาสสองของจีน และข้อมูลกิจกรรมทางเศรษฐกิจในเดือนมิ.ย.แสดงให้เห็นว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในจีนยังคง "เปราะบาง, ไม่มีเสถียรภาพ และไม่ต่อเนื่อง"
เจ.พี.มอร์แกนจึงได้ปรับลดคาดการณ์จีดีพีในปีนี้ลงสู่ระดับ 4.7% เทียบกับ 5.2% ที่คาดไว้ก่อนหน้านี้--จบ--
Eikon source text
ผู้บริหารจากธนาคารสหรัฐยังคงมีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับแนวทางการลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และระบุถึงการถดถอยลงของภาคการอุปโภคบริโภคในการแถลงผลประกอบการที่ออกมาไร้ทิศทาง ขณะที่ธนาคารต่างๆจะต้องจ่ายมากขึ้นเพื่อรักษาลูกค้าที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าไว้ พร้อมๆกับรับมือกับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นนานขึ้นด้วย ขณะที่ผู้ขอกู้ลังเลที่จะขอสินเชื่อใหม่
นายเจมี ไดมอน ซีอีโอเจพีมอร์แกนกล่าวว่า "ขณะที่มูลค่าตลาดและเครดิต สเปรดดูเหมือนจะสะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดี แต่เราก็ยังคงเฝ้าระวังความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น" และความเสี่ยงดังกล่าวได้แก่สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนไป ซึ่งยังคงอันตรายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง และเขาระบุว่า อัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยอาจจะสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เนื่องจากภัยคุกคามต่างๆ อาทิ ยอดขาดดุลทางการคลังจำนวนมาก และการปรับโครงสร้างการค้า "เรายังไม่รู้ผลกระทบทั้งหมดจากการคุมเข้มเชิงปริมาณในขนาดนี้"
นายชาร์ลี ชาร์ฟ ซีอีโอจากเวลส์ ฟาร์โกกล่าวว่า "โดยรวมแล้ว เศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง โดยถูกขับเคลื่อนจากตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจที่ขยายตัวแข็งแกร่ง แต่เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว และมีอุปสรรคจากเงินเฟ้อที่ยังคงเพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่สูงเป็นผู้จัดการสถานการณ์ทางการเงินที่ซับซ้อนขนาดใหญ่นี้"
เจน เฟรเซอร์ ซีอีโอจากซิติแบงก์กล่าวว่า "เมื่อดูสภาวะแวดล้อมระดับมหภาคขณะที่เรากำลังเข้าสู่ช่วงครึ่งปีหลัง สหรัฐก็ยังคงเป็นเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทางโครงสร้างมากที่สุดในโลก หลังจากที่มีความคืบหน้า ดูเหมือนเงินเฟ้อก็กลับไปมีทิศทางที่ลดลง ส่วนการใช้จ่ายในภาคบริการยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น แม้มีสัญญาณชัดเจนแสดงว่าตลาดแรงงานชะลอตัวลง และมีการคุมเข้มงบประมาณของผู้บริโภคก็ตาม"
นายโรบิน วินซ์ ซีอีโอจากบีเอ็นวายกล่าวว่า "เศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวได้ค่อนข้างดี และอาจจะดีมากเกิดคาดอยู่เล็กน้อยเมื่อเทียบกับที่บางคนคาดไว้ แต่ความท้าทายสำหรับเฟดก็คือการพยายามหาเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเพื่อให้สามารถรองรับภาวะอ่อนแอที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต"--จบ--
Eikon source text
สกุลเงินตลาดเกิดใหม่ในเอเชียแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐออกมาชะลอตัวลง ซึ่งเพิ่มคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้
รายงานเงินเฟ้อของสหรัฐที่จะออกมาในวันนี้อาจจะหนุนการคาดการณ์เรื่องการลดดอกเบี้ย ขณะที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะชะลอตัวลง และนักลงทุนจะรอดูการแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดต่อสภาคองเกรสในวันอังคารและพุธนี้เพื่อประเมินจังหวะเวลาในการลดดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์จากบาร์เคลย์สกล่าวว่า "ตลาดกำลังคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยจากธนาคารกลางเกาหลีอย่างเร็วที่สุดในเดือนส.ค.นี้ แต่เราก็เชื่อว่ายังคงเป็นเงื่อนไข เพราะระดับอัตราแลกเปลี่ยนยังคงน่ากังวล และราคาที่อยู่อาศัยเริ่มปรับตัวขึ้นอีกครั้ง"
ธนาคารกลางเกาหลี และธนาคารกลางมาเลเซียจะประชุมนโยบายในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย
ตลาดจะรอดูข้อมูลเงินเฟ้อของจีนในวันพุธนี้ และข้อมูลจีดีพีของมาเลเซียในวันศุกร์นี้ด้วย
อัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลา 12.11 น.ตามเวลาไทย
COUNTRY |
FX RIC |
FX DAILY % |
FX YTD % |
Japan |
JPY= |
+0.12 |
-12.12 |
China |
CNY=CFXS |
-0.01 |
-2.36 |
India |
INR=IN |
+0.05 |
-0.28 |
Indonesia |
IDR= |
+0.18 |
-5.23 |
Malaysia |
MYR= |
- |
-2.49 |
Philippines |
PHP= |
+0.01 |
-5.35 |
S.Korea |
KRW=KFTC |
+0.18 |
-6.59 |
Singapore |
SGD= |
+0.05 |
-2.12 |
Taiwan |
TWD=TP |
+0.23 |
-5.14 |
Thailand |
THB=TH |
+0.12 |
-6.13 |
Eikon source text
3 ก.ค.--รอยเตอร์
บริษัทที่ทำธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะบริษัทผู้ผลิตชิป มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดพุ่งขึ้นสูงมากในเดือนมิ.ย. ซึ่งรวมถึงบริษัทเอ็นวิเดียในสหรัฐที่เคยมีมูลค่าพุ่งขึ้นจนสามารถก้าวขึ้นมาครองตำแหน่งบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกได้เป็นเวลาสั้น ๆ ในระหว่างเดือนมิ.ย. ทั้งนี้ มูลค่าหลักทรัพย์ของเอ็นวิเดียเคยพุ่งขึ้นแตะ 3.34 ล้านล้านดอลลาร์ในระหว่างเดือนมิ.ย. ก่อนที่จะลดช่วงบวกลงในเวลาต่อมา โดยเป็นผลจากคำสั่งเทขายทำกำไรและความกังวลเรื่องมูลค่าหุ้นที่ระดับสูง โดยมูลค่าของเอ็นวิเดียลดลงมาอยู่ที่ 3.0391 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงปลายเดือนมิ.ย. ซึ่งส่งผลให้เอ็นวิเดียครองตำแหน่งที่ 3 ในอันดับบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของไมโครซอฟท์พุ่งขึ้น 7.6% ในเดือนมิ.ย. สู่ 3.3219 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้ไมโครซอฟท์ครองตำแหน่งบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของแอปเปิลทะยานขึ้น 9.6% ในเดือนมิ.ย. สู่ 3.2297 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้แอปเปิลครองตำแหน่งบริษัทที่มีมูลค่ามากเป็นอันดับ 2 ของโลก ทั้งนี้ บริษัทที่มีมูลค่ามากเป็นอันดับ 4 ของโลกคือแอลฟาเบาท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล โดยแอลฟาเบทมีมูลค่า 2.2581 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงปลายเดือนมิ.ย.
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบริษัทอะเมซอนดอทคอม อิงค์พุ่งขึ้นแตะ 2.0111 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงปลายเดือนมิ.ย. ซึ่งส่งผลให้อะเมซอนกลายเป็นบริษัทสหรัฐแห่งที่ 5 ที่มีมูลค่าพุ่งขึ้นเหนือ 2 ล้านล้านดอลลาร์ โดยอะเมซอนได้รับแรงหนุนจากกระแสความนิยมใน AI ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ บริษัทที่มีมูลค่ามากเป็นอันดับ 6 ของโลกในช่วงปลายเดือนมิ.ย.คือซาอุดิ อาราเบียน ออยล์ ที่มีมูลค่า 1.7998 ล้านล้านดอลลาร์, อันดับ 7 คือเมตา แพลตฟอร์มส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก ที่มีมูลค่า 1.279 ล้านล้านดอลลาร์, อันดับ 8 คือเบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ ที่มีมูลค่า 8.779 แสนล้านดอลลาร์, อันดับ 9 คืออีไล ลิลลี แอนด์ โค ที่เป็นผู้ผลิตยา โดยบริษัทนี้มีมูลค่า 8.605 แสนล้านดอลลาร์ และอันดับ 10 คือบริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริง โค (TSMC) ที่มีมูลค่า 7.697 แสนล้านดอลลาร์
อันดับ 11 คือบริษัทบรอดคอม อิงค์ที่มีมูลค่า 7.474 แสนล้านดอลลาร์ โดยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบรอดคอมพุ่งขึ้นราว 20% ในเดือนมิ.ย. หลังจากบรอดคอมปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์รายได้ประจำปีสำหรับชิป AI ราว 10% และประกาศแตกหุ้นเพื่อทำประโยชน์จากการพุ่งขึ้นของราคาหุ้นในปีนี้ ทั้งนี้ อันดับ 12 คือเทสลา ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มีมูลค่า 6.311 แสนล้านดอลลาร์, อันดับ 13 คือธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โคที่มีมูลค่า 5.808 แสนล้านดอลลาร์, อันดับ 14 คือบริษัทวอลมาร์ทในธุรกิจค้าปลีกที่มีมูลค่า 5.446 แสนล้านดอลลาร์ และอันดับ 15 คือบริษัท SPDR S&P 500 ETF Trust ที่มีมูลค่า 5.404 แสนล้านดอลลาร์
อันดับ 16 คือบริษัทวีซ่า อิงค์ที่ทำธุรกิจบัตรเครดิต ซึ่งมีมูลค่า 5.252 แสนล้านดอลลาร์, อันดับ 17 คือบริษัทเอ็กซอน โมบิลที่ทำธุรกิจน้ำมัน ซึ่งมีมูลค่า 5.164 แสนล้านดอลลาร์, อันดับ 18 คือบริษัทโนโว นอร์ดิสก์ของเดนมาร์กที่ทำธุรกิจยา โดยบริษัทนี้มีมูลค่า 4.898 แสนล้านดอลลาร์, อันดับ 19 คือบริษัท iShares Core S&P 500 ETF ที่มีมูลค่า 4.872 แสนล้านดอลลาร์ และอันดับ 20 คือกองทุนแวงการ์ด 500 อินเด็กซ์ ฟันด์ ที่มีมูลค่า 4.717 แสนล้านดอลลาร์--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน