ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



ฝรั่งเศส อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยการประมูลหนี้ OAT 10-ปีค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน ดัชนียอดค้าปลีก YoY (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
บราซิล GDP YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนการปลดพนักงานบริษัทชาเลนเจอร์ เกรย์ และคริสต์มาส YoY (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเลิกจ้างพนักงานบริษัทชาเลนเจอร์ เกรย์ และคริสต์มาส MoM (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเลิกจ้างพนักงานบริษัทชาเลนเจอร์ เกรย์ และคริสต์มาส YoY (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าเฉลี่ยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก4 สัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (Not SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อสินค้าคงทนนอกกระทรวงกลาโหมที่ได้แก้ไข MoM (ไม่รวมเครื่องบิน)(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นการขนส่ง) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นภาคกลาโหม) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงสต็อกก๊าซธรรมชาติประจำสัปดาห์ของ EIAค:--
ค: --
ค: --
ซาอุดิอาระเบีย การผลิตน้ำมันดิบค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การถือครองธนารักษ์สหรัฐฯของธนาคารกลางต่างประเทศรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย ดอกเบี้ยอ้างอิงค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราเงินสดสำรองค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น อินดิเคเตอร์ชั้นนำเบื้องต้น (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax YoY (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax MoM (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล
เบอร์ลิน--18 ก.ค.--รอยเตอร์
นายเจมี ไดมอน ซีอีโอของธนาคารเจพีมอร์แกน เชสระบุในการให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์ NZZ ของสวิตเซอร์แลนด์ฉบับเมื่อวานนี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ควรที่จะใช้ความอดทนกับการปรับอัตราดอกเบี้ยครั้งถัดไป เพื่อจะได้ปรับตัวรับโอกาสที่อัตราเงินเฟ้ออาจจะปรับขึ้นได้อีกท่ามกลางภาวะปั่นป่วนวุ่นวายในตลาดโลก ทั้งนี้ นายไดมอนกล่าวว่า "อัตราเงินเฟ้อกำลังปรับตัวไปในทิศทางที่ถูกต้อง แต่จะเป็นเรื่องดีถ้าหากเฟดรอคอยต่อไปในช่วงนี้"
นายไดมอนกล่าวว่า "ผมคิดว่ามีเหตุผลหลายประการที่อาจจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับขึ้นได้อีกในอนาคต โดยเหตุผลเหล่านี้ประกอบด้วย รายจ่ายภาครัฐที่เพิ่มสูงขึ้น, การเสริมกำลังทางทหารทั่วโลก, การเพิ่มการลงทุนในเศรษฐกิจสีเขียว และการปรับโครงสร้างทางการค้า"
นักลงทุนคาดว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25-5.50% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 30-31 ก.ค. แต่เฟดอาจจะปูทางไปสู่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในอนาคต หลังจากอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแรงงาน (BLS) ในกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในสัปดาห์ที่แล้วว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐขยับลง 0.1% ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากทรงตัวในเดือนพ.ค. โดยการปรับลดลงในเดือนมิ.ย.ถือเป็นการปรับลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2020 หรือครั้งแรกในรอบ 4 ปี
นายไดมอนดำรงตำแหน่งซีอีโอของเจพีมอร์แกน เชสนับตั้งแต่ปี 2006 และเขากล่าวต่อ NZZ ว่า มีแผนการสำหรับการหาซีอีโอคนใหม่ แต่คณะกรรมการบริหารบริษัทจะเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องนี้ ทั้งนี้ เขากล่าวว่า "คณะกรรมการรู้จักผู้สมัครทุกรายอย่างดีมาก ผู้สมัครทุกคนมีความสามารถสูงมาก" และเขากล่าวเสริมว่า "เรากำลังพิจารณาเรื่องการหาคนนอกมาดำรงตำแหน่งนี้ แต่มีแนวโน้มสูงที่จะเป็นคนในที่ได้ตำแหน่งนี้"--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
วอชิงตัน--18 ก.ค.--รอยเตอร์
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกันกล่าวในการให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า เขาจะไม่พยายามปลดนายเจอโรม พาวเวลล์ ออกจากตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก่อนที่วาระการดำรงตำแหน่งของนายพาวเวลล์จะสิ้นสุดลงในปี 2026 และเขาจะพิจารณาให้นายเจมี ไดมอน ซีอีโอของธนาคารเจพีมอร์แกน มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังสหรัฐ ถ้าหากเขาชนะการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พ.ย. ทั้งนี้ นายทรัมป์ได้ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ในช่วงปลายเดือนมิ.ย. ก่อนที่บลูมเบิร์กจะนำบทสัมภาษณ์นี้ออกเผยแพร่ในวันที่ 16 ก.ค.ตามเวลาสหรัฐ
นายพาวเวลล์เพิ่งกล่าวในวันจันทร์ว่า เขาตั้งใจจะดำรงตำแหน่งประธานเฟดจนครบวาระในช่วงต้นปี 2026 แต่เขาปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นว่า เขาจะดำรงตำแหน่งประธานเฟดต่อจากนั้นหรือไม่ ถ้าหากประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่เสนอให้เขาดำรงตำแหน่งต่อ ทั้งนี้ อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาเป็นผู้แต่งตั้งให้นายพาวเวลล์ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด ก่อนที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์จะแต่งตั้งนายพาวเวลล์ให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดตั้งแต่ต้นปี 2018 เป็นต้นมา อย่างไรก็ดี นายทรัมป์ได้กล่าวโจมตีนายพาวเวลล์ในช่วงหลังจากนั้น โดยเฉพาะในเรื่องที่นายพาวเวลล์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีแรกที่เขาดำรงตำแหน่งประธานเฟด
นายทรัมป์กล่าวในการให้สัมภาษณ์ต่อบลูมเบิร์กว่า เฟดควรจะหลีกเลี่ยงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อนการเลือกตั้งในเดือนพ.ย. ทางด้านนายพาวเวลล์กล่าวในวันจันทร์ว่า เขาและผู้กำหนดนโยบายคนอื่น ๆ ในเฟดไม่ได้นำประเด็นทางการเมืองมาใช้ในการตัดสินใจกำหนดนโยบายการเงิน ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้นายทรัมป์เคยกล่าวโจมตีนายไดมอนด้วยเช่นกัน โดยนายทรัมป์เคยระบุในปีที่แล้วว่า นายไดมอนเป็น "นักโลกาภิวัฒน์ที่ได้รับการให้ค่ามากเกินไป" ทางด้านนายไดมอนเคยประณามเหตุการณ์ที่กลุ่มผู้สนับสนุนนายทรัมป์บุกอาคารรัฐสภาสหรัฐในวันที่ 6 ม.ค. 2021
อย่างไรก็ดี นายไดมอนได้หันมาแสดงความเห็นชื่นชมนโยบายและจุดยืนบางอันของนายทรัมป์ในระยะนี้ โดยนายไดมอนกล่าวต่อสถานีโทรทัศน์ CNBC ในช่วงต้นปีนี้ว่า "ถ้าหากให้พูดกันตามจริงแล้ว นายทรัมป์ก็แสดงจุดยืนที่ถูกต้องในเรื่ององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) และถูกต้องในเรื่องผู้อพยพ เขาทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเติบโตได้เป็นอย่างดี และมาตรการปฏิรูปภาษีการค้าของเขาก็ประสบผลสำเร็จ เขาทำถูกต้องในบางประเด็นเกี่ยวกับจีนด้วย เขาไม่ได้ทำผิดในประเด็นที่สำคัญบางประเด็นนี้"
นายทรัมป์กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า เขาจะปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคลลงสู่ 15%, เขาจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนในอัตรา 60-100% และเขาจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่น ๆ ในอัตรา 10% เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนว่าประเทศอื่น ๆ ไม่ได้ซื้อสินค้าสหรัฐในระดับที่มากพอ--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ผู้บริหารจากธนาคารสหรัฐยังคงมีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับแนวทางการลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และระบุถึงการถดถอยลงของภาคการอุปโภคบริโภคในการแถลงผลประกอบการที่ออกมาไร้ทิศทาง ขณะที่ธนาคารต่างๆจะต้องจ่ายมากขึ้นเพื่อรักษาลูกค้าที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าไว้ พร้อมๆกับรับมือกับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นนานขึ้นด้วย ขณะที่ผู้ขอกู้ลังเลที่จะขอสินเชื่อใหม่
นายเจมี ไดมอน ซีอีโอเจพีมอร์แกนกล่าวว่า "ขณะที่มูลค่าตลาดและเครดิต สเปรดดูเหมือนจะสะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดี แต่เราก็ยังคงเฝ้าระวังความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น" และความเสี่ยงดังกล่าวได้แก่สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนไป ซึ่งยังคงอันตรายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง และเขาระบุว่า อัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยอาจจะสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เนื่องจากภัยคุกคามต่างๆ อาทิ ยอดขาดดุลทางการคลังจำนวนมาก และการปรับโครงสร้างการค้า "เรายังไม่รู้ผลกระทบทั้งหมดจากการคุมเข้มเชิงปริมาณในขนาดนี้"
นายชาร์ลี ชาร์ฟ ซีอีโอจากเวลส์ ฟาร์โกกล่าวว่า "โดยรวมแล้ว เศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง โดยถูกขับเคลื่อนจากตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจที่ขยายตัวแข็งแกร่ง แต่เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว และมีอุปสรรคจากเงินเฟ้อที่ยังคงเพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่สูงเป็นผู้จัดการสถานการณ์ทางการเงินที่ซับซ้อนขนาดใหญ่นี้"
เจน เฟรเซอร์ ซีอีโอจากซิติแบงก์กล่าวว่า "เมื่อดูสภาวะแวดล้อมระดับมหภาคขณะที่เรากำลังเข้าสู่ช่วงครึ่งปีหลัง สหรัฐก็ยังคงเป็นเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทางโครงสร้างมากที่สุดในโลก หลังจากที่มีความคืบหน้า ดูเหมือนเงินเฟ้อก็กลับไปมีทิศทางที่ลดลง ส่วนการใช้จ่ายในภาคบริการยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น แม้มีสัญญาณชัดเจนแสดงว่าตลาดแรงงานชะลอตัวลง และมีการคุมเข้มงบประมาณของผู้บริโภคก็ตาม"
นายโรบิน วินซ์ ซีอีโอจากบีเอ็นวายกล่าวว่า "เศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวได้ค่อนข้างดี และอาจจะดีมากเกิดคาดอยู่เล็กน้อยเมื่อเทียบกับที่บางคนคาดไว้ แต่ความท้าทายสำหรับเฟดก็คือการพยายามหาเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเพื่อให้สามารถรองรับภาวะอ่อนแอที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต"--จบ--
Eikon source text
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการตรวจสอบภาวะวิกฤติประจำปีพบว่า ธนาคารสหรัฐที่ใหญ่ที่สุดมีเงินทุนเพียงพอที่จะต้านทานภาวะปั่นป่วนทางเศรษฐกิจและตลาดที่ร้ายแรง แต่ธนาคารได้รับผลขาดทุนตามสมมติฐานมากขึ้นในปีนี้เนื่องจากพอร์ทการลงทุนที่มีความเสี่ยงมากขึ้น
รายงานพบว่า ธนาคารขนาดใหญ่ 31 แห่งจะต้านทานอัตราว่างงานที่พุ่งสูง, ภาวะผันผวนรุนแรงของตลาด และการดิ่งลงของตลาดสินเชื่อจำนองเพื่อที่อยู่อาศัย และเพื่อการพาณิชย์ และยังคงมีเงินทุนเพียงพอที่จะปล่อยสินเชื่อต่อไปได้ นอกจากนี้ เฟดยังพบว่า ระดับของเงินทุนที่มีคุณภาพสูงของธนาคารเหล่านี้จะลดลงสู่ระดับ 9.9% มาที่ระดับต่ำสุด ซึ่งยังคงสูงเกินเกณฑ์ขั้นต่ำอยู่กว่าสองเท่า
แต่ธนาคารได้รับผลขาดทุนมากขึ้นในปีนี้ และเฟดระบุว่า ผลขาดทุนที่สูงขึ้นดังกล่าวมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงพอร์ทการลงทุนของธนาคารต่างๆ โดยธนาคารที่ถูกทดสอบจะมีผลขาดทุนรวมกัน 6.85 แสนล้านดอลลาร์ภายใต้ฉากทัศน์ร้ายแรงตามสมมติฐาน และโดยเฉลี่ย ธนาคารมีสัดส่วนเงินทุนลดลง 2.8% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดตั้งแต่ปี 2018
เฟดระบุว่า บัตรเครดิตเป็นสาเหตุที่เฉพาะเจาะจงของผลขาดทุนสำหรับธนาคาร โดยมีสัดส่วนมากกว่า 25% ของผลขาดทุนตามสมมติฐาน และเฟดตั้งข้อสังเกตว่า บัญชีบัตรเครดิตของธนาคารขนาดใหญ่พุ่งขึ้นกว่า 1.00 แสนล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว และอัตราการค้างชำระหนี้พุ่งกว่า 40%--จบ--
Eikon source text
26 มิ.ย.--รอยเตอร์
นักวิเคราะห์ของธนาคารเจพีมอร์แกนประเมินว่า การที่พันธบัตรรัฐบาลอินเดียจะได้รับการบรรจุรวมไว้ในดัชนีพันธบัตรรัฐบาลตลาดเกิดใหม่ (GBI-EM) ของเจพีมอร์แกนในเร็ว ๆ นี้ จะส่งผลให้มีเงินลงทุน 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ไหลออกจากตลาดพันธบัตรของแอฟริกาใต้, โปแลนด์ และไทยรวมกัน โดยนักวิเคราะห์คาดว่า จะมีเงินลงทุนไหลออกจากไทย 3.2 พันล้านดอลลาร์, ไหลออกจากแอฟริกาใต้ 4.7 พันล้านดอลลาร์, ไหลออกจากโปแลนด์ 3.3 พันล้านดอลลาร์, ไหลออกจากสาธารณรัฐเช็ก 2.9 พันล้านดอลลาร์ และไหลออกจากชิลี 2.5 พันล้านดอลลาร์ โดยเงินลงทุนเหล่านี้จะไหลเข้าสู่พันธบัตรอินเดีย ทั้งนี้ จะเริ่มมีการบรรจุพันธบัตรรัฐบาลอินเดียเข้าไว้ในดัชนี GBI-EM ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 28 มิ.ย. โดยจะมีการปรับเพิ่มน้ำหนักครั้งละ 1% และจะใช้เวลาราว 10 เดือนในการปรับเพิ่มน้ำหนักของพันธบัตรอินเดียในดัชนีนี้จนชนระดับเพดานที่ 10% ในเดือนมี.ค. 2025
น้ำหนักของประเทศอื่น ๆ ในดัชนีนี้จะลดลง โดยน้ำหนักของไทยในดัชนีนี้จะลดลงจาก 9.19% ในปัจจุบัน สู่ 7.59% ในเดือนมี.ค. 2025, น้ำหนักของแอฟริกาใต้ในดัชนีนี้จะลดลงจาก 8.27% ในปัจจุบัน สู่ 6.83% ในเดือนมี.ค. 2025 และน้ำหนักของโปแลนด์ในดัชนีนี้จะลดลงจาก 8.08% ในปัจจุบัน สู่ 6.68% ในเดือนมี.ค. 2025 ทั้งนี้ ทีมนักยุทธศาสตร์การลงทุนของเจพีมอร์แกนที่นำโดยนายไมเคิล แฮร์ริสันกล่าวว่า "ในส่วนของนักลงทุนในตลาดเกิดใหม่นั้น เรามองว่าการรวมอินเดียเข้าไว้ในดัชนีถือเป็นเกมที่มีผู้แพ้และผู้ชนะ และเราก็คาดว่าจะมีเงินลงทุนไหลออกจากตลาดพันธบัตรประเทศตลาดเกิดใหม่ประเทศอื่น ๆ เพื่อไหลเข้าสู่อินเดีย"
คาดกันว่าภูมิภาคยุโรป, ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) จะเป็นภูมิภาคที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดในส่วนของน้ำหนักในดัชนี โดยคาดกันว่าน้ำหนักของ EMEA ในดัชนีตลาดเกิดใหม่อาจดิ่งลงสู่ 26.2% ในเดือนมี.ค. 2025 โดยลดลงจากระดับราว 32% ในช่วงต้นเดือนนี้ และดิ่งลงจาก 40% ในปี 2021 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะมีการปลดรัสเซียออกจากดัชนีนี้หลังจากเกิดสงครามยูเครนในช่วงต้นปี 2022 ทั้งนี้ ดัชนีพันธบัตรของเจพีมอร์แกนและของหน่วยงานอื่น ๆ ถือเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อตลาด เพราะว่ากองทุนต่าง ๆ มักจะใช้ดัชนีเหล่านี้เป็นเกณฑ์อ้างอิงในการทำงาน และใช้เป็นตัวกำหนดว่าทางกองทุนควรจะซื้อหรือขายพันธบัตรใด
หลังจากเจพีมอร์แกนประกาศในเดือนก.ย. 2023 เรื่องแผนการรวมพันธบัตรอินเดียไว้ในดัชนี นักลงทุนต่างชาติก็ได้เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลอินเดียไปแล้วเป็นมูลค่ากว่า 1.0 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา และส่งผลให้การถือครองพันธบัตรอินเดียโดยนักลงทุนต่างชาติพุ่งขึ้นสู่สถิติสูงสุดใหม่ ทั้งนี้ นายแฮร์ริสันกล่าวว่า "มีการประเมินกันว่าจะมีเงินลงทุน 2.0-2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ไหลเข้าสู่อินเดียโดยเป็นผลจากดัชนีนี้ และตัวเลขเงินลงทุนไหลเข้าเพราะดัชนีในช่วงที่ผ่านมาก็บ่งชี้ว่า มีเงินลงทุนไหลเข้าอินเดียไปแล้วราว 32-40% ของปริมาณเงินไหลเข้าทั้งหมดที่คาดไว้"
คาดกันว่าจีน, อินโดนีเซีย และเม็กซิโกจะไม่ถูกปรับลดน้ำหนักในดัชนี GBI-EM ลงจากระดับเพดานที่ 10% โดยน้ำหนักของประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชียในดัชนีนี้มีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น แต่น้ำหนักของภูมิภาคลาตินอเมริกามีแนวโน้มที่จะปรับลดลงเล็กน้อย--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
แมรี่ เออร์โดส ซีอีโอฝ่ายบริหารสินทรัพย์และความมั่งคั่งของเจพีมอร์แกน เชสกล่าวว่า บริษัทกำลังเห็นสัญญาณเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นในจีน ซึ่งจะส่งเสริมธุรกิจของบริษัทในจีน หลังจากที่ซบเซามาระยะหนึ่ง
การใช้จ่ายของผู้บริโภคของจีนกำลังแสดงสัญญาณการฟื้นตัวขึ้น และขณะที่จีนยังคงเผชิญกับปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่รัฐบาลก็กำลังหาทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ซึ่งเป็น "สัญญาณบวกทั้งคู่"
บริษัทสหรัฐกำลังประเมินแนวโน้มของพวกเขาในจีน ขณะที่เศรษฐกิจจีนกำลังฟื้นตัวอย่างไม่ต่อเนื่อง และความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐย่ำแย่ลง สำหรับธนาคารต่างๆ ตลาดทุนที่ซบเซาถ่วงกิจกรรมในจีน และนักลงทุนกำลังจับตาผลของมาตรการหนุนของรัฐบาลต่อเศรษฐกิจ
เธอกล่าวว่า "สิ่งแวดล้อมทางธุรกิจในจีนท้าทายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ความเชื่อมั่นเริ่มเปลี่ยนเป็นสดใสมากขึ้นในเดือนมี.ค." พร้อมทั้งระบุว่า "นักลงทุนระยะยาวรู้และเข้าใจว่า จีนเป็นตลาดที่สำคัญมาก และเราจะยังคงเติบโตและขยายธุรกิจของเราในจีนต่อไป"
เจพีมอร์แกนเป็นบริษัทต่างประเทศแห่งแรกที่ถือครองบริษัทหลักทรัพย์ในจีนในปี 2021 และฝ่ายบริหารสินทรัพย์ในจีนมีพนักงาน 400 คน และเจพีมอร์แกนเป็นหนึ่งในบริษัทที่ลดตำแหน่งงานในจีนในปีนี้--จบ--
Eikon source text
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ร่วมกับบรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลาง และสำนักงานผู้ควบคุมเงินตราของสหรัฐกำลังเดินหน้าวางแผนใหม่ที่จะทำให้การเพิ่มทุนตามเกณฑ์เกือบ 20% สำหรับธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากความพยายามล็อบบี้ของซีอีโอในวงการ อาทิ นายเจมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกน เชส
การเพิ่มทุนตามข้อกำหนดสำหรับธนาคาร อาทิ เจพีมอร์แกน และโกลด์แมน แซคส์ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อรับประกันว่า ธนาคารจะมีเงินทุนเพียงพอที่จะรองรับผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นนั้น จะอยู่ที่ราวครึ่งหนึ่งจากแผนเดิมที่เสนอไป
เจ้าหน้าที่ระดับชั้นนำจาก 3 หน่วยงานดังกล่าวยังคงหารือเรื่องการแก้ไขเนื้อหาสาระ และทางเทคนิค และไม่มีการรับประกันว่า จะบรรลุข้อตกลง
ในเดือนก.ค.ปีที่แล้ว ทั้งสามหน่วยงานได้เปิดเผยข้อเสนอที่จะยกเครื่องวิธีที่ธนาคารที่มีสินทรัพย์เกิน 1.00 แสนล้านดอลลาร์คำนวณเงินสดที่พวกเขาต้องตั้งสำรองไว้เพื่อดูดซับผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น โดยข้อเสนอบาเซิลนี้มีจุดประสงค์เพื่อทำให้ธนาคารฟื้นตัวได้ไวขึ้นจากผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจะลดความเสี่ยงที่จะเกิดการล้มละลายหรือการเข้าช่วยเหลือ แต่ธนาคารต่างๆระบุว่า พวกเขามีเงินทุนเป็นจำนวนมากแล้ว และการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่จำเป็น
ธนาคารขนาดใหญ่ได้ทำการล็อบบี้คัดค้านข้อเสนอบาเซิล ซึ่งพวกเขาระบุว่าจะทำให้พวกเขาต้องยกเครื่องใหม่ หรือปิดผลิตภัณฑ์และธุรกิจต่างๆไป--จบ--
Eikon source text
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน