ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



สหรัฐอเมริกา การเลิกจ้างพนักงานบริษัทชาเลนเจอร์ เกรย์ และคริสต์มาส MoM (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าเฉลี่ยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก4 สัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (Not SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อสินค้าคงทนนอกกระทรวงกลาโหมที่ได้แก้ไข MoM (ไม่รวมเครื่องบิน)(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นการขนส่ง) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นภาคกลาโหม) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงสต็อกก๊าซธรรมชาติประจำสัปดาห์ของ EIAค:--
ค: --
ค: --
ซาอุดิอาระเบีย การผลิตน้ำมันดิบค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การถือครองธนารักษ์สหรัฐฯของธนาคารกลางต่างประเทศรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย ดอกเบี้ยอ้างอิงค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราเงินสดสำรองค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น อินดิเคเตอร์ชั้นนำเบื้องต้น (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax YoY (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax MoM (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล
กรุงเทพฯ-18- เม.ย.--รอยเตอร์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงในวันพุธ ซึ่งถือเป็นการปรับลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 วันทำการ ในขณะที่นักลงทุนพักการเข้าซื้อดอลลาร์ หลังจากดอลลาร์เคยพุ่งขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้โดยได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่บ่งชี้ว่า เฟดจะยังไม่เริ่มต้นวัฏจักรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้จนกว่าจะได้ดูตัวเลขเศรษฐกิจใหม่ ทางด้านธนาคารกลางสำคัญแห่งอื่น ๆ ยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในอนาคตเหมือนเดิม ทั้งนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในระยะนี้แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะแข็งแกร่งเกินคาด และปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ทางด้านเฟดได้เปิดเผยรายงาน Beige Book ออกมาในวันพุธ โดยรายงานระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐขยายตัวเล็กน้อยในช่วงตั้งแต่ปลายเดือนก.พ.จนถึงต้นเดือนเม.ย. และบริษัทสหรัฐคาดการณ์ว่า แรงกดดันเงินเฟ้อจะทรงตัว Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 105.96 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยร่วงลงจาก 106.33 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 106.51 ในวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2023 หรือจุดสูงสุดรอบ 5 เดือนครึ่ง โดยดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นมาแล้วราว 4.7% จากช่วงต้นปีนี้
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 154.38 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยอ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดวันอังคารที่ 154.71 เยน หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 154.79 เยนในวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดรอบ 34 ปี หรือจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1990
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0671 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 1.0617 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร หลังจากร่วงลงแตะ 1.0599 ดอลลาร์ในวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. 2023 หรือจุดต่ำสุดรอบ 5 เดือนครึ่ง
ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงหลังจากแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน ในขณะที่นักลงทุนพยายามประเมินจุดยืนด้านอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และปรับตัวรับผลประกอบการที่อ่อนแอในช่วงต้นของฤดูการรายงานผลประกอบการ โดยหุ้นบริษัทแทรเวเลอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทประกันยักษ์ใหญ่ดิ่งลง 7.41% และถือเป็นหุ้นที่ถ่วงดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลงมากที่สุดในวันพุธ หลังจากแทรเวเลอร์สเปิดเผยผลกำไรไตรมาสแรกที่ต่ำเกินคาด ส่วนหุ้นบริษัทโพรโลจิส ซึ่งเป็นทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) กลุ่มโกดังสินค้ารูดลง 7.19% หลังจากทางบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาส ทางด้านหุ้นบริษัทแอบบอทท์ แลบอราทอรีส์ซึ่งทำธุรกิจเวชภัณฑ์ดิ่งลง 3.03% หลังจากแอบบอทท์คาดการณ์แนวโน้มรายปีที่น่าผิดหวัง ทั้งนี้ ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยในตอนนี้นักลงทุนคาดว่า มีโอกาสเพียง 16.8% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมวันที่ 11-12 มิ.ย. และมีโอกาสเพียง 46% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 30-31 ก.ค. อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นลดช่วงติดลบกลับขึ้นมาได้บ้าง ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีดิ่งลงจาก 4.657% ในช่วงท้ายวันอังคาร สู่ 4.585% ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากสหรัฐเปิดประมูลพันธบัตรอายุ 20 ปีและได้รับการตอบรับอย่างแข็งแก่ง Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับลง 0.12% สู่ 37,753.31
ดัชนี S&P 500 ปิดร่วงลง 0.58% สู่ 5,022.21 ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดในแดนลบเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดในรอบกว่า 4 เดือน และมีแนวโน้มว่าดัชนีอาจจะปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนลบเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันด้วย
ดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 1.15% สู่ 15,683.37
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ดิ่งลงอย่างรุนแรงในวันพุธ โดยได้รับแรงกดดันจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงการพุ่งขึ้นของสต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐ, ตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอในจีน และความคืบหน้าของสหรัฐในการผลักดันร่างกฎหมายให้ความช่วยเหลือแก่อิสราเอลและยูเครน โดยนายไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐกล่าวว่า จะมีการเปิดเผยเนื้อหาในร่างกฎหมาย 4 ฉบับในวันพุธ ซึ่งได้แก่ร่างกฎหมายเรื่องการให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครน, อิสราเอล และภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และร่างกฎหมายเรื่องมาตรการรับมือกับรัสเซีย, จีน และอิหร่าน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ได้รับแรงกดดันจากการที่อิสราเอลยังไม่ได้ตอบโต้อิหร่านด้วย หลังจากอิหร่านใช้โดรนและขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลโดยตรงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ได้เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันในคลังสหรัฐออกมาในวันพุธ โดยระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐพุ่งขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรล สู่ 460 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 เม.ย. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในโพลล์รอยเตอร์ที่คาดว่าอาจเพิ่มขึ้นเพียง 1.4 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินในคลังสหรัฐดิ่งลง 1.2 ล้านบาร์เรล สู่ 227.4 ล้านบาร์เรล ทางด้านสต็อกน้ำมัน Distillate ในคลังสหรัฐ ซึ่งครอบคลุมน้ำมันดีเซลและน้ำมัน heating oil รูดลง 2.8 ล้านบาร์เรล สู่ 115 ล้านบาร์เรล Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนพ.ค.รูดลง 2.67 ดอลลาร์ หรือ 3.1% มาปิดตลาดที่ 82.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนดิ่งลง 2.73 ดอลลาร์ หรือ 3% มาปิดตลาดที่ 87.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐดิ่งลง 22.02 ดอลลาร์ สู่ 2,360.81 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ แต่ยังคงเคลื่อนตัวอยู่ใกล้สถิติสูงสุดที่ 2,431.29 ดอลลาร์ที่เคยทำไว้ในวันศุกร์ที่ 12 เม.ย. ในขณะที่ราคาทองได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และปัจจัยลบดังกล่าวบดบังแรงหนุนที่ราคาทองได้รับจากคำสั่งซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com ; โทร 08-7689-6043;
กรุงเทพฯ--17 เม.ย.--รอยเตอร์
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 5 เดือนเมื่อเทียบกับยูโรในวันอังคาร หลังจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดอาจจะมีความจำเป็นต้องคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงต่อไปเป็นเวลานาน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงลดลงได้ยาก และเขาตั้งข้อสังเกตว่า ไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติมในปีนี้ในการเข้าใกล้เป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ 2% นอกจากนี้ เขายังกล่าวอีกด้วยว่า "ตัวเลขเศรษฐกิจในระยะนี้ไม่ได้ทำให้เรามีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น แต่ตัวเลขเศรษฐกิจในระยะนี้กลับบ่งชี้ว่า มีแนวโน้มที่จะใช้เวลานานเกินคาดในการที่เราจะมีความเชื่อมั่นเช่นนั้น" โดยการกล่าวแถลงของเขาในวันอังคารมีแนวโน้มว่าอาจจะเป็นการแสดงความเห็นต่อสาธารณชนครั้งสุดท้ายของเขา ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 30 เม.ย.-1 พ.ค. ทั้งนี้ ดอลลาร์/เยนพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1990 ในขณะที่เทรดเดอร์จับตาดูว่า ทางการญี่ปุ่นจะเข้ามาแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราเพื่อหนุนค่าเงินเยนหรือไม่ Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 106.33 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยแข็งค่าขึ้นจาก 106.18 ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 106.51 ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2023 หรือจุดสูงสุดรอบ 5 เดือนครึ่ง
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 154.71 เยนในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดวันจันทร์ที่ 154.27 เยน หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 154.79 เยนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดรอบ 34 ปี หรือจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1990
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0617 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร โดยขยับลงจาก 1.0622 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์ หลังจากร่วงลงแตะ 1.0599 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. 2023
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐขยับขึ้น แต่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปรับลงในวันอังคาร ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นจาก 4.628% ในช่วงท้ายวันจันทร์ สู่ 4.657% ในช่วงท้ายวันอังคาร หลังจากทะยานขึ้นแตะ 4.696% ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดรอบ 5 เดือน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ได้รับแรงหนุนจากตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาดที่ได้รับการรายงานออกมาในวันจันทร์ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นก็ได้รับผลกระทบจากถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันอังคารด้วย หลังจากนายพาวเวลล์กล่าวว่า เฟดอาจจะมีความจำเป็นต้องคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงต่อไปเป็นเวลานาน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงลดลงได้ยาก ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป ซึ่งส่งผลให้หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์พุ่งขึ้น 5.22% ในวันอังคาร และตลาดหุ้นสหรัฐก็ได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P 500 ได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค นอกจากนี้ หุ้นบริษัทเทสลาก็ดิ่งลง 2.7% ในวันอังคาร หลังจากรูดลงกว่า 5% ในวันจันทร์โดยได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า เทสลาวางแผนจะปลดพนักงานออกกว่า 10% Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.17% สู่ 37,798.97
ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.21% สู่ 5,051.41
ดัชนี Nasdaq ปิดขยับลง 0.12% สู่ 15,865.25 ในวันอังคาร โดยทั้งดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ต่างก็ดิ่งลงมาแล้วเกือบ 4% จากสถิติสูงสุดที่ทำไว้ในเดือนมี.ค.
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ขยับลงเล็กน้อยในวันอังคาร ในขณะที่นักลงทุนกังวลกับปัญหาทางเศรษฐกิจ หลังจากหลังจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดอาจจะมีความจำเป็นต้องคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงต่อไปเป็นเวลานาน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงลดลงได้ยาก และเขาตั้งข้อสังเกตว่า ไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติมในปีนี้ในการเข้าใกล้เป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ 2% โดยปัจจัยลบนี้บดบังแรงหนุนที่ราคาน้ำมันได้รับจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ ทางด้านนักลงทุนจับตาดูว่า อิสราเอลจะดำเนินมาตรการอย่างไรในการตอบโต้อิหร่าน หลังจากอิหร่านใช้โดรนและขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่การโจมตีดังกล่าวสร้างความเสียหายต่ออิสราเอลในระดับที่น้อยเกินคาด ทั้งนี้ หลังจากตลาด NYMEX ปิดทำการในวันอังคาร การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) ซึ่งเป็นหน่วยงานของเอกชน ได้เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันสหรัฐประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 เม.ย. โดยระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐพุ่งขึ้น 4.089 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมันเบนซินในคลังสหรัฐดิ่งลง 2.509 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมัน distillate ในคลังสหรัฐลดลง 427,000 บาร์เรล Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนพ.ค.ขยับลง 5 เซนต์ หรือ 0.1% มาปิดตลาดที่ 85.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนขยับลง 8 เซนต์ หรือ 0.1% มาปิดตลาดที่ 90.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 92.18 ดอลลาร์ในวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2023
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐขยับขึ้น 0.32 ดอลลาร์ สู่ 2,382.83 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร หลังจากพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2,431.29 ดอลลาร์ในวันศุกร์ที่ 12 เม.ย. โดยราคาทองได้รับแรงหนุนในวันอังคารในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความกังวลเรื่องความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง และปัจจัยบวกดังกล่าวช่วยชดเชยแรงกดดันที่ราคาทองได้รับจากการที่นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้ ทั้งนี้ ธนาคารดอยช์ แบงก์คาดว่า ราคาทองอาจจะอยู่ที่ 2,400 ดอลลาร์ในช่วงสิ้นปีนี้ และอาจจะอยู่ที่ 2,600 ดอลลาร์ในเดือนธ.ค. 2025 โดยดอยช์ แบงก์ระบุเสริมว่า "เราคาดว่าราคาทองมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับแข็งแกร่งต่อไป เพราะว่าคำสั่งเทขายทำกำไรของนักลงทุนจะได้รับการชดเชยด้วยเงินลงทุนจากนักลงทุนกลุ่มที่ยังไม่ได้เข้าร่วมในการพุ่งขึ้นของราคาทองในช่วงที่ผ่านมา" Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com ; โทร 08-7689-6043;
กรุงเทพฯ--10 เม.ย.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินทรงตัวในวันอังคาร ในขณะที่นักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการลงทุน ก่อนที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อออกมาในวันพุธ โดยนักลงทุนคาดการณ์กันว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปของสหรัฐอาจปรับขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ. แต่ดัชนี CPI ทั่วไปแบบเทียบรายปีอาจปรับขึ้น 3.4% ในเดือนมี.ค. โดยเร่งตัวขึ้นจาก 3.2% ในเดือนก.พ. ทางด้านดัชนี CPI พื้นฐานอาจปรับขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ทั้งนี้ นักลงทุนในตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดการณ์ในวันอังคารว่า มีโอกาส 58% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 11-12 มิ.ย. โดยปรับเพิ่มขึ้นจากโอกาส 52% ที่เคยคาดไว้ในช่วงเย็นวันจันทร์ และนักลงทุนคาดการณ์กันว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันราว 0.74% ในปี 2024 หรือเท่ากับว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในปีนี้ Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 104.09 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ 104.11 ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 151.77 เยนในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร ซึ่งใกล้เคียงกับระดับปิดตลาดวันจันทร์ที่ 151.79 เยน และเทียบกับจุดสูงสุดรอบ 34 ปีที่ 151.97 เยนที่เคยทำไว้ในวันที่ 27 มี.ค.
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0855 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ 1.0858 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐขยับลง แต่ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ปิดบวกขึ้นเล็กน้อยในวันอังคาร โดยดัชนี Nasdaq ได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มชิปของสหรัฐ ในขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐปิดบวกขึ้น 0.94% อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐได้รับแรงกดดันจากความอ่อนแอของหุ้นกลุ่มการเงิน ก่อนที่ฤดูการรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทสหรัฐจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 12 เม.ย. เมื่อธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โคเปิดเผยผลประกอบการออกมา โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ในช่วงนี้ว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจปรับขึ้น 5.0% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบรายปี โดยปรับลดลงจากระดับ +7.2% ที่เคยคาดการณ์กันไว้ในช่วงต้นไตรมาสแรก นอกจากนี้ นักลงทุนก็รอดูตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพุธด้วย ทั้งนี้ ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐนั้น หุ้น 9 กลุ่มปิดตลาดวันอังคารในแดนบวก โดยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด ส่วนหุ้นกลุ่มการเงินถือเป็นกลุ่มที่ดิ่งลงมากที่สุด ทางด้านหุ้นกลุ่มสกุลเงินคริปโตรูดลงในวันอังคารด้วยเช่นกัน โดยได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของบิทคอยน์ โดยหุ้นบริษัทคอยน์เบส โกลบัลที่เป็นผู้ประกอบการตลาดดิ่งลง 5.5% และหุ้นบริษัทไมโครสเตรเทจีรูดลง 4.8% Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับลง 0.02% สู่ 38,883.67
ดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 0.14% สู่ 5,209.91
ดัชนี Nasdaq ปิดปรับขึ้น 0.32% สู่ 16,306.64
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ร่วงลงในวันอังคาร ในขณะที่การเจรจาเรื่องการหยุดยิงในเขตกาซายังคงดำเนินต่อไป แต่ราคาน้ำมันร่วงลงไม่มากนัก ในขณะที่ผู้ไกล่เกลี่ยของอียิปต์และกาตาร์เผชิญกับอุปสรรคในการหาทางยุติสงคราม และกลุ่มฮามาสระบุว่า ข้อเสนอของอิสราเอลไม่สอดคล้องกับข้อเรียกร้องของกลุ่มฮามาส อย่างไรก็ดี กลุ่มฮามาสจะศึกษาข้อเสนอต่อไป และจะยื่นส่งคำตอบให้กับผู้ไกล่เกลี่ย ทางด้านผู้บัญชาการกองทัพเรือของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติของอิหร่านระบุว่า อิหร่านอาจจะปิดช่องแคบฮอร์มุซถ้าหากมีความจำเป็น ในขณะที่ปริมาณการขนส่งน้ำมันผ่านช่องแคบฮอร์มุซในแต่ละวันครองสัดส่วนราว 20% ของปริมาณการใช้น้ำมันทั่วโลก นอกจากนี้ ตุรกีก็ประกาศว่า ตุรกีจะจำกัดการส่งออกสินค้าหลายอย่างให้แก่อิสราเอล ซึ่งรวมถึงน้ำมันอากาศยาน จนกว่าจะมีการหยุดยิง ส่วนอิสราเอลประกาศว่าจะตอบโต้ตุรกีด้วยมาตรการของตนเอง ทั้งนี้ หลังจากตลาด NYMEX ปิดทำการในวันอังคาร การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) ซึ่งเป็นหน่วยงานของเอกชน ได้เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันสหรัฐประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 เม.ย. โดยระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐพุ่งขึ้น 3.034 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมันเบนซินในคลังสหรัฐปรับลง 609,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมัน distillate ในคลังสหรัฐปรับขึ้น 120,000 บาร์เรล Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนพ.ค.ดิ่งลง 1.20 ดอลลาร์ หรือ 1.4% มาปิดตลาดที่ 85.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนรูดลง 96 เซนต์ หรือ 1.1% มาปิดตลาดที่ 89.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 13.69 ดอลลาร์ สู่ 2,352.58 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร หลังจากพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ในระหว่างวันที่ 2,365.09 ดอลลาร์ โดยราคาทองได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และจากความเสี่ยงจากความข้ดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ ในขณะที่นักลงทุนรอดูรายงานการประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 19-20 มี.ค. และรอดูตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพุธ ทั้งนี้ นายฟิลลิป สเตรเบิล หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดของบริษัทบลู ไลน์ ฟิวเจอร์สกล่าวว่า "จะยังคงมีคำสั่งซื้อตามปัจจัยทางเทคนิคเข้ามาในตลาดทองต่อไป นอกจากว่าสหรัฐจะรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่สูงเกินคาดเป็นอย่างมาก แต่ถ้าหากสหรัฐรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง ปัจจัยดังกล่าวก็อาจจะช่วยหนุนราคาทองให้พุ่งขึ้นสู่ 2,400 ดอลลาร์" Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com ; โทร 08-7689-6043;
17 ต.ค.--รอยเตอร์
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 5.25% นับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2022 เป็นต้นมา และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวก็ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐชะลอการปล่อยสินเชื่อ และปรับเพิ่มระดับการถือครองเงินสด หลังจากเกิดวิกฤติภาคธนาคารในเดือนมี.ค.ปีนี้เมื่อมีการสั่งปิดกิจการธนาคารซิลิคอน แวลลีย์ (SVB) ในสหรัฐ ทั้งนี้ ถึงแม้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดสู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. ระบบการเงินในสหรัฐก็ยังคงได้รับผลกระทบจากวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2022 เป็นต้นมา และได้รับผลกระทบจากการคาดการณ์ที่ว่า อัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปจนถึงปี 2024
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาวพุ่งขึ้นมาแล้วราว 1% นับตั้งแต่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในวันที่ 26 ก.ค. และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ซึ่งเป็นสิ่งที่ปรับตัวสวนทางกับราคาพันธบัตร ก็มีอิทธิพลต่อการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ และต่อความต้องการกู้เงินของลูกค้าธนาคาร ทั้งนี้ เฟดรายงานว่า สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์โดยรวมในสหรัฐหดตัวลงในไตรมาส 3 เมื่อเทียบรายปี ซึ่งถือเป็นการหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี โดยได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของมูลค่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ เพราะว่าการดิ่งลงของมูลค่าพันธบัตรรัฐบาลสร้างความเสียหายต่อมูลค่าของหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) ที่ธนาคารพาณิชย์ถือครองไว้ในวงกว้าง
สินเชื่อธนาคารโดยรวมในสหรัฐอยู่ที่ 17.26 ล้านล้านดอลลาร์ในวันที่ 27 ก.ย. ซึ่งถือเป็นวันพุธสุดท้ายของเดือนก.ย. โดยร่วงลงจาก 17.30 ล้านล้านดอลลาร์ในวันพุธสุดท้ายของเดือนมิ.ย. และร่วงลงจาก 17.33 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อ 1 ปีก่อน ทั้งนี้ สินเชื่อสำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยและสินเชื่อสำหรับอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ยังคงพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3 แต่ปรับขึ้นในอัตราไม่ถึง 8% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน หลังจากที่เคยพุ่งขึ้นสูงกว่า 10% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายปี ทางด้านสินเชื่อเชิงพาณิชย์และสินเชื่ออุตสาหกรรมร่วงลงในไตรมาส 3/2023 เป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน โดยสินเชื่อกลุ่มนี้เคยพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในวันที่ 15 มี.ค.หลังจากธนาคาร SVB ล้ม และยอดสินเชื่อนี้อยู่ที่ระดับ 2.78 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนมิ.ย. ก่อนจะร่วงลงสู่ 2.75 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนก.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดรอบ 11 เดือน
ธนาคารพาณิชย์ได้ปรับเพิ่มการถือครองเงินสดในช่วงที่ผ่านมา โดยธนาคารที่ใหญ่ที่สุด 25 แห่งของสหรัฐได้ปรับเพิ่มปริมาณการถือครองเงินสดขึ้นสูงมากในไตรมาส 3 ทางด้านปริมาณเงินฝากในธนาคารพาณิชย์ได้เข้าสู่เสถียรภาพในไตรมาสล่าสุด และอยู่ที่ระดับ 17.29 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงนี้ หลังจากปริมาณเงินฝากเคยดิ่งลงอย่างรุนแรงหลังจากธนาคาร SVB ล้มในวันที่ 10 มี.ค.และเกิดวิกฤติภาคธนาคารในช่วงนั้น
ปริมาณเงินฝากในธนาคารสหรัฐโดยรวมดิ่งลงมาแล้วราว 7% จากจุดสูงสุดของเดือนเม.ย. 2022 โดยปริมาณเงินฝากในธนาคารขนาดใหญ่ที่สุด 25 แห่งของสหรัฐรูดลงมาแล้วกว่า 8% จากจุดสูงสุดของเดือนเม.ย. 2022 แต่ปริมาณเงินฝากในธนาคารขนาดเล็กปรับลดลงเพียงราว 2% จากเดือนเม.ย. 2022 หลังจากปริมาณเงินฝากในธนาคารขนาดเล็กเคยดิ่งลงอย่างรุนแรงเมื่อเกิดวิกฤติภาคธนาคารในเดือนมี.ค.ปีนี้ แต่ฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วในช่วงหลังจากนั้น ทางด้านปริมาณเงินฝากในธนาคารต่างชาติในสหรัฐฟื้นตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--28 ส.ค.--รอยเตอร์
นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐระบุว่า ตลาดหุ้นสหรัฐอาจจะแกว่งตัวผันผวนในเดือนก.ย.ขณะเผชิญบททดสอบจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ, การจัดประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 19-20 ก.ย. และความกังวลที่ว่าหน่วยงานราชการสหรัฐอาจจะปิดทำการ หรือ "ชัตดาวน์" นอกจากนี้ สถิติข้อมูลจากในอดีตก็บ่งชี้ว่า เดือนก.ย.ถือเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงโดยเฉลี่ยมากที่สุดในแต่ละปีด้วย โดยดัชนี S&P 500 ร่วงลงเฉลี่ย 0.7% ในเดือนก.ย.ของแต่ละปีนับตั้งแต่ปี 1945 เป็นต้นมา ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 แกว่งตัวผันผวนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนีพุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 15% จากช่วงต้นปีนี้ แต่ดัชนีดิ่งลงมาแล้วกว่า 4% จากจุดสูงสุดของวันที่ 31 ก.ค. ในขณะที่ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีน และจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ เพราะว่าการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ส่งผลให้หุ้นมีความน่าดึงดูดน้อยลง
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ในวันศุกร์ที่ 1 ก.ย. โดยนายแจ็ค จานาซีวิคซ์ ผู้จัดการพอร์ตลงทุนของบริษัทแนติซิส อินเวสท์เมนท์ แมเนเจอร์ส โซลูชันส์กล่าวว่า ถ้าหากสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานเดือนส.ค.ที่แข็งแกร่งเกินคาด ตัวเลขดังกล่าวก็จะกระตุ้นความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อ แต่ถ้าหากสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอเกินคาดเป็นอย่างมาก ตัวเลขดังกล่าวก็จะกระตุ้นความกังวลที่ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วงที่ผ่านมาอาจจะเริ่มสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ทั้งนี้ นักลงทุนจะรอดูดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่จะออกมาในวันที่ 13 ก.ย.ด้วย และจะรอดูผลการประชุมเฟดในวันที่ 20 ก.ย.ด้วยเช่นกัน ในขณะที่นักลงทุนคาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25-5.50% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 20 ก.ย. แต่เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งก่อนสิ้นปีนี้
นายแซนดี วิลเลร์ ผู้จัดการพอร์ตลงทุนของบริษัทวิลเลร์ แอนด์ โคกล่าวว่า ช่วงนี้ดูเหมือนจะเป็นช่วงเวลาสำหรับการเข้าซื้อหุ้นปลอดภัย "ถ้าหากคุณคาดว่าตลาดหุ้นอาจจะแกว่งตัวผันผวนมากกว่าปกติในเดือนก.ย." โดยเขาได้เข้าซื้อหุ้นกลุ่มการแพทย์ ซึ่งรวมถึงหุ้นบริษัทไฟเซอร์และบริษัทแอบบอทท์ แลบอราทอรีส์ในช่วงนี้ ทั้งนี้ นักลงทุนจะจับตาดูสถานการณ์เกี่ยวกับสินเชื่อเพื่อการศึกษาขนาด 8.2 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ลูกหนี้จะเริ่มต้นชำระคืนให้แก่รัฐบาลสหรัฐในเดือนต.ค.ด้วย โดยการชำระหนี้ดังกล่าวอาจจะส่งผลลบต่อปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในช่วงปลายปีนี้
นักลงทุนจับตาดูความขัดแย้งเรื่องการปรับลดงบประมาณรายจ่ายระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกันสายกลางกับสายที่มีแนวคิดแข็งกร้าวด้วย เพราะความขัดแย้งดังกล่าวอาจจะส่งผลให้มีการชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐเป็นรอบที่ 4 ภายในระยะเวลา 10 ปี ถ้าหากสมาชิกสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ก่อนวันที่ 30 ก.ย. ซึ่งเป็นวันที่งบประมาณในส่วนนี้จะหมดลงพร้อมกับการสิ้นสุดของปีงบประมาณปัจจุบัน ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของธนาคารโกลด์แมน แซคส์ประเมินในสัปดาห์ที่แล้วว่า การชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลในแต่ละสัปดาห์ส่งผลลบโดยตรงราว 0.15% ต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
นักลงทุนบางรายคาดว่า ตลาดหุ้นสหรัฐอาจจะปรับขึ้นต่อไป โดยได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจสหรัฐที่รักษาระดับความแข็งแกร่งไว้ได้เป็นอย่างดี และจากกระแสความนิยมในปัญญาประดิษฐ์ (AI) หลังจากบริษัทเอ็นวิเดียซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายงานผลกำไรที่แข็งแกร่งในวันพุธที่ 23 ส.ค. และเอ็นวิเดียประกาศแผนซื้อคืนหุ้นขนาด 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--9 ส.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับลงในวันอังคาร หลังจากมีข่าวว่าบริษัทมูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารขนาดเล็กถึงขนาดกลางหลายแห่งของสหรัฐ และระบุว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือธนาคารที่ใหญ่ที่สุดบางแห่งของสหรัฐลงด้วย โดยมูดี้ส์เตือนว่า ความแข็งแกร่งด้านความน่าเชื่อถือของภาคธนาคารอาจจะถูกทดสอบจากความเสี่ยงด้านการระดมทุน และความสามารถในการทำกำไรที่ลดลง ทั้งนี้ มูดี้ส์ลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคาร 10 แห่งลง 1 ขั้น และประกาศทบทวนโดยมีแนวโน้มปรับลดลงสำหรับธนาคารขนาดใหญ่อีก 6 แห่ง อาทิ แบงก์ ออฟ นิวยอร์ค เมลลอน, ยูเอส แบนคอร์ป, สเตท สตรีท และทรูอิสต์ ไฟแนนเชียล โดยข่าวนี้ทำให้นักลงทุนกังวลกับสถานะของภาคธนาคารสหรัฐและเศรษฐกิจสหรัฐ ทางด้านหุ้นธนาคารโกลด์แมน แซคส์และแบงก์ ออฟ อเมริกาดิ่งลงราว 1.9%, หุ้นแบงก์ ออฟ นิวยอร์ค เมลลอนรูดลง 1.3% และหุ้นทรูอิสต์ร่วงลง 0.6% ในวันอังคาร
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับลง 0.45% สู่ 35,314.49, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.42% สู่ 4,499.38 และดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 0.79% สู่ 13,884.32 ในวันอังคาร โดยดัชนี S&P ดิ่งลงมาแล้ว 2% จากช่วงต้นเดือนส.ค. ส่วน Nasdaq รูดลงมาแล้ว 3.2% จากช่วงต้นเดือนนี้ ในขณะที่ดัชนีทั้งสองตัวนี้ปิดตลาดในแดนลบเป็นจำนวน 5 วันในช่วง 6 วันทำการที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ดัชนีทั้งสองตัวนี้เพิ่งพุ่งขึ้นในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา และอยู่ห่างจากสถิติสูงสุดไม่มากนัก
หุ้น 8 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในแดนลบในวันอังคาร โดยหุ้นกลุ่มที่ดิ่งลงอย่างรุนแรงรวมถึงหุ้นกลุ่มวัสดุ, หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และหุ้นกลุ่มการเงิน ในขณะที่ดัชนี KBW สำหรับหุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐดิ่งลง 1.4% และดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐรูดลง 1.1% ในวันอังคาร โดยดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลงมาแล้ว 2.5% จากช่วงต้นปีนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากวิกฤติภาคธนาคารในช่วงต้นปีนี้ ซึ่งสวนทางกับดัชนี S&P 500 ที่พุ่งขึ้นมาแล้ว 17.2% จากช่วงต้นปีนี้ ทั้งนี้ ข่าวเรื่องการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในภาคธนาคารส่งผลให้ดัชนีความผันผวน CBOE หรือดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 2 เดือนในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคาร
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานของสหรัฐร่วงลงในช่วงแรก โดยได้รับแรงกดดันจากตัวเลขภาคการค้าที่น่าผิดหวังของจีน อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับขึ้นมาปิดตลาดบวกขึ้น 0.5% ในวันอังคาร โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน
หุ้นกลุ่มการแพทย์พุ่งขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นบริษัทอีไล ลิลลีที่ทะยานขึ้น 14.9% สู่สถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ หลังจากทางบริษัทเปิดเผยผลกำไรรายไตรมาสที่สดใส นอกจากนี้ หุ้นบริษัทผู้ผลิตยาทั่วโลกก็ได้รับแรงหนุนจากข่าวเกี่ยวกับบริษัทโนโว นอร์ดิสก์ของเดนมาร์กด้วย หลังจากโนโว นอร์ดิสก์ประกาศว่า ยา Wegovy ที่ใช้รักษาโรคอ้วนของทางบริษัทช่วยลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจ ทั้งนี้ หุ้นยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (UPS) ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งพัสดุ ร่วงลง 0.9% หลังจาก UPS ปรับลดคาดการณ์รายได้ประจำปี--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
บริษัทมูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารขนาดเล็กถึงขนาดกลางหลายแห่งของสหรัฐ และระบุว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือธนาคารที่ใหญ่ที่สุดบางแห่งของสหรัฐ โดยเตือนว่า ความแข็งแกร่งด้านความน่าเชื่อถือของภาคธนาคารอาจจะถูกทดสอบจากความเสี่ยงด้านการระดมทุน และความสามารถในการทำกำไรที่ลดลง
มูดี้ส์ลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคาร 10 แห่งลง 1 ขั้น และประกาศทบทวนโดยมีแนวโน้มปรับลดลงสำหรับธนาคารขนาดใหญ่อีก 6 แห่ง อาทิ แบงก์ ออฟ นิวยอร์ค เมลลอน, ยูเอส แบนคอร์ป, สเตท สตรีท และทรูอิสต์ ไฟแนนเชียล
มูดี้ส์ระบุว่า "ผลประกอบการในไตรมาส 2 ของธนาคารหลายแห่งแสดงถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นด้านความสามารถในการทำกำไร ซึ่งจะลดความสามารถของพวกเขาที่จะสร้างเงินทุนภายใน และสิ่งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยเล็กน้อยในไม่ช้าในช่วงต้นปีหน้า และดูเหมือนว่าคุณภาพสินทรัพย์จะลดลง โดยมีความเสี่ยงเป็นพิเศษในการถือครองอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ของธนาคารบางแห่ง"
ความเสี่ยงด้านอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น, ความต้องการสำนักงานที่ลดลงอันเป็นผลจากการทำงานทางไกล และการลดลงของสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์
มูดี้ส์ยังเตือนว่า ธนาคารที่มีผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงเป็นจำนวนมากซึ่งไม่ถูกสะท้อนในสัดส่วนเงินทุนตามกฎเกณฑ์นั้น มีความเปราะบางต่อการสูญเสียความเชื่อมั่นท่ามกลางสภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงในปัจจุบัน--จบ--
Eikon source text
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน