ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้าYoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การส่งออก (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ค่าจ้าง MoM (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ดุลการค้า (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น GDPที่แท้จริง QoQ (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น GDP Nominal แก้ไขQoQ (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ดุลการค้า (SA)(ข้อมูลศุลกากร) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น GDP ประจำปี (แก้ไข) QoQ (ไตรมาส 3)--
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล
วอชิงตัน/นิวยอร์ค--11 ม.ค.--รอยเตอร์
บิทคอยพุ่งขึ้น 1.21% จาก 46,124 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร สู่ 46,681 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากแกว่งตัวผันผวนระหว่างระดับ 44,304-47,751 ดอลลาร์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพุธ และหลังจากเพิ่งพุ่งขึ้นแตะ 47,897 ดอลลาร์สหรัฐในวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2022 หรือจุดสูงสุดรอบ 21 เดือน โดยบิทคอยน์ได้รับแรงหนุนในวันพุธ หลังจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) อนุมัติให้มีการจัดตั้งกองทุนสปอตบิทคอยน์ ETF 11 แห่ง ซึ่งรวมถึงกองทุนของบริษัทแบล็คร็อค, อาร์ค อินเวสท์เมนท์และ21แชร์ส, ฟิเดลิที, อินเวสโก, วัลคีรี และแวนเอค โดยกองทุนส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้อาจจะเริ่มเปิดซื้อขายในวันนี้ ทั้งนี้ อีเธอร์ซึ่งถือเป็นสกุลเงินคริปโตขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก พุ่งขึ้น 10.22% จาก 2,345.10 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร สู่ 2,584.80 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากทะยานขึ้นแตะ 2,644 ดอลลาร์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพุธ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2022 โดยอีเธอร์อยู่ที่ระดับ 2,577.90 ดอลลาร์ในช่วงเช้าวันนี้ ส่วนบิทคอยน์อยู่ที่ 46,577 ดอลลาร์ในช่วงเช้าวันนี้
การอนุมัติจัดตั้งกองทุน ETF ในครั้งนี้จะส่งผลให้ตลาดการลงทุนในบิทคอยน์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเป็นอย่างมาก เพราะกองทุนเหล่านี้จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้รับผลกำไรหรือขาดทุนจากบิทคอยน์ได้โดยที่นักลงทุนไม่ต้องถือครองบิทคอยน์โดยตรง และการอนุมัติกองทุนเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมสกุลเงินคริปโตเป็นอย่างมากด้วย หลังจากอุตสาหกรรมนี้เผชิญกับข่าวอื้อฉาวหลายข่าวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดระบุในสัปดาห์นี้ว่า กองทุน ETF เหล่านี้อาจจะดึงดูดเงินลงทุนได้ 0.5-1.00 แสนล้านดอลลาร์ในปีนี้ ในขณะที่นักวิเคราะห์รายอื่น ๆ คาดว่า เงินลงทุนที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF เหล่านี้จะอยู่ที่ระดับใกล้กับ 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในเวลา 5 ปีข้างหน้า
บริษัทคอยน์เกคโคระบุว่า มูลค่าตามราคาตลาดของบิทคอยน์อยู่ที่ระดับสูงกว่า 9.13 แสนล้านดอลลาร์หากนับจนถึงวันที่ 10 ม.ค. ส่วนสถาบันบริษัทการลงทุน หรือ Investment Company Institute ระบุว่า สินทรัพย์สุทธิโดยรวมของกองทุน ETF ทั้งหมดในสหรัฐอยู่ที่ 6.5 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. 2022 ทั้งนี้ บิทคอยน์พุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 70% ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า SEC จะอนุมัติให้มีการจัดตั้งกองทุน ETF
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความสำเร็จของกองทุน ETF แต่ละแห่งในการดึงดูดเงินลงทุน จะขึ้นอยู่กับค่าธรรมเนียมและสภาพคล่อง ในขณะที่บริษัทผู้ออกกองทุนบางแห่งได้ปรับลดค่าธรรมเนียมที่เคยวางแผนไว้ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทแบล็คร็อคและกองทุนของอาร์ค/21แชร์ส โดยค่าธรรมเนียมเหล่านี้อยู่ในระดับราว 0.2%-1.5% และบริษัทหลายแห่งก็เสนอที่จะงดเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมเป็นเวลาระยะหนึ่งด้วย นอกจากนี้ บริษัทผู้ออกกองทุนบางแห่ง ซึ่งรวมถึงบิทไวส์และแวนเอค ก็ได้ออกโฆษณาเพื่อดึงดูดการลงทุนในบิทคอยน์แล้ว ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญบางรายคาดว่า การอนุมัติจัดตั้งกองทุนบิทคอยน์ ETF ในครั้งนี้จะปูทางไปสู่การออกผลิตภัณฑ์คริปโตแบบใหม่ ๆ อันอื่น ๆ ในเวลาต่อมา โดยบริษัทบางแห่งได้ยื่นเรื่องเพื่อขอจัดตั้งกองทุน ETF สำหรับอีเธอร์แล้วด้วย
ก่อนหน้านี้ SEC เคยปฏิเสธที่จะอนุมัติให้มีการจัดตั้งกองทุนบิทคอยน์ ETF ในอดีต เนื่องจาก SEC กังวลว่าบิทคอยน์อาจจะถูกปั่นตลาดได้อย่างง่ายดาย โดยนายแกรี เกนส์เลอร์ ประธาน SEC ก็มักจะแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์สกุลเงินคริปโตด้วย อย่างไรก็ดี ในการลงคะแนนเสียงของคณะกรรมการของ SEC ในครั้งนี้นั้น นายเกนส์เลอร์ ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต และกรรมการอีก 2 คนของ SEC ที่มาจากพรรครีพับลิกัน ได้โหวตให้มีการอนุมัติจัดตั้งกองทุนสปอตบิทคอยน์ ETF แต่กรรมการ 2 คนของ SEC ที่มาจากพรรคเดโมแครตโหวตคัดค้าน ซึ่งรวมถึงแคโรไลน์ เครนชอว์ ที่ให้เหตุผลว่ามีปัญหาเรื่องการปกป้องคุ้มครองนักลงทุน--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นายริค ไรเดอร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนตราสารหนี้โลกจากแบล็คร็อค บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก กล่าวว่า การพุ่งขึ้นในช่วงปลายปีของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอาจจำกัดการพุ่งขึ้นอีกของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐบางช่วงอายุ
ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้นจากแรงเทขายรุนแรงในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมาจากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อชะลอตัว และเศรษฐกิจชะลอตัวลง แต่การคาดการณ์ในตลาดที่ว่า เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 1.50% โดยจะเริ่มอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค.นั้น เป็นการคาดการณ์มากเกินไป
เขาเชื่อว่า พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นและระยะยาวอาจจะไม่ปรับตัวขึ้นอย่างมีความหมายอีก หลังจากที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีลดลงจากกว่า 5% ในเดือนต.ค. มาที่ระดับต่ำกว่า 3.9% ในสัปดาห์นี้ และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปีร่วงลงราว 1.00% จากระดับสูงสุดในเดือนต.ค.แล้ว
เขาคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ย 0.75-100% ในปีหน้าโดยเริ่มในเดือนพ.ค. และบางส่วนของเส้นโค้งผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ เช่น พันธบัตรอายุ 5 หรือ 7 ปี จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลดดอกเบี้ย ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปีอาจจะลดลง 0.50% หรือมากกว่านั้น--จบ--
Eikon source text
สถาบันการลงทุนแบล็คร็อคได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นตลาดประเทศพัฒนาแล้วลงสู่ "คงน้ำหนักการลงทุน" (neutral) หลังจากที่เพิ่มน้ำหนักการลงทุน (overweight) นับตั้งแต่สิ้นสุดมาตรการล็อคดาวน์เพื่อควบคุมโรคระบาดในประเทศตะวันตก เนื่องจากมูลค่าหุ้นน่าสนใจ
สถาบันเปลี่ยนมามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มของพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น และระยะกลางของตลาดประเทศพัฒนาแล้ว หลังจากผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่เคยลดน้ำหนักการลงทุน (underweight) พันธบัตรรัฐบาลประเทศพัฒนาแล้วมาตั้งแต่เดือนมี.ค.2020 แต่เนื่องจากผลตอบแทนปรับตัวขึ้น สถาบันจึงได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุน และเปลี่ยนมาเป็น คงน้ำหนักการลงทุน
ขณะที่สถาบันมีมุมมองเชิงบวกต่อพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นและระยะกลาง แต่ก็ยังมีมุมมองเชิงลบต่อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว เนื่องจากคาดว่าผลตอบแทนจะพุ่งขึ้นมากกว่า เมื่อนักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากการถือพันธบัตรระยะยาว
สถาบันยังระบุว่า "เรายังคาดว่าความต้องการพันธบัตรจะลดลงท่ามกลางระดับหนี้ที่เพิ่มขึ้น และธนาคารกลางต่างๆจะไม่นำเงินที่ได้จากพันธบัตรที่ครบกำหนดไถ่ถอนกลับมาลงทุนใหม่ตามมาตรการคุมเข้มเชิงปริมาณ และนักลงทุนจะประสบความยากลำบากในการดูดซับพันธบัตรที่ออกมาใหม่"
"เราคาดว่า ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจะยังคงผันผวนต่อไป แต่ก็จะปรับตัวขึ้นอีกครั้งในระยะยาวในที่สุด" ขณะที่การคาดการณ์ที่ว่า อัตราดอกเบี้ยจะยังคงสูงไปอีกนานนั้นทำให้มีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อพันธบัตรที่ชดเชยเงินเฟ้อ--จบ--
Eikon source text
สิงคโปร์--24 ต.ค.--รอยเตอร์
สกุลเงินคริปโตพุ่งขึ้นต่อไปในวันนี้ โดยบิทคอยน์ทะยานขึ้นกว่า 6% จาก 33,074 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงท้ายวันจันทร์ สู่ 35,198 ดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2022 หรือจุดสูงสุดในรอบเกือบ 18 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สหรัฐอาจจะอนุมัติให้มีการจัดตั้งกองทุน ETF บิทคอยน์ได้ในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้บิทคอยน์เพิ่งทะยานขึ้น 10% ในวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นการทะยานขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี และบิทคอยน์ก็พุ่งขึ้นมาแล้วเป็นสองเท่าจากช่วงต้นปีนี้ด้วย โดยบิทคอยน์เคยอยู่ที่ 16,528 ดอลลาร์ในช่วงสิ้นปีที่แล้ว ทางด้านอีเธอร์พุ่งขึ้นจาก 1,766.7 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์ สู่ 1,850 ดอลลาร์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันนี้ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.
หุ้นบริษัทในธุรกิจคริปโต ซึ่งรวมถึงหุ้นบริษัทคอยน์เบส โกลบัล และบริษัทไมโครสเตรเทจีพุ่งขึ้นในช่วงการซื้อขายหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์คปิดทำการในวันจันทร์ ในขณะที่นักลงทุนคาดว่า ถ้าหากรัฐบาลสหรัฐอนุมัติให้จัดตั้งกองทุน ETF ที่ถือครองบิทคอยน์ในฐานะตัวแทนของนักลงทุน อุปสงค์ในบิทคอยน์ก็จะพุ่งสูงขึ้น เพราะว่านักลงทุนที่เคยลังเลที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดคริปโต ก็จะสามารถลงทุนในบิทคอยน์ได้โดยผ่านทางตลาดหุ้น ทั้งนี้ บริษัทแบล็คร็อคถือเป็นหนึ่งในบริษัทหลายแห่งที่เคยยื่นสมัครขอจัดตั้งกองทุนบิทคอยน์ในสหรัฐ ในขณะที่นักลงทุนคาดว่า มีแนวโน้มว่าใบสมัครของแบล็คร็อคอาจจะได้รับการอนุมัติ หลังจากกองทุน iShares ETF ของแบล็คร็อคมีชื่อปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของสำนักหักบัญชี DTCC
มีข่าวออกมาในเดือนนี้ว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) จะไม่ยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาลที่ระบุว่า SEC กระทำผิดในการปฏิเสธใบสมัครจากบริษัทเกรย์สเกล อินเวสท์เมนท์ในการยื่นขอจัดตั้งกองทุน ETF ทั้งนี้ นายสตีน จาค็อบเสน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของธนาคารแซกโซกล่าวว่า "มูลค่าของสินทรัพย์ใด ๆ ก็ตามขึ้นอยู่กับจำนวนของผู้ใช้สินทรัพย์นั้น ดังนั้นการจัดตั้งกองทุน ETF จะส่งผลให้มีผู้ใช้จำนวนมาก และจะส่งผลให้สภาพคล่องเพิ่มสูงขึ้น"
บริษัทคอยน์กลาสรายงานว่า คำสั่งซื้อชดเชยการทำชอร์ตเซลในบิทคอยน์อยู่ในระดับสูงมากในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งนี้ บิทคอยน์พุ่งขึ้นในช่วงนี้ ในขณะที่นักลงทุนกังวลกับสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสด้วย
นายไคล์ ร็อดดา นักวิเคราะห์ของบริษัทแคปิตัลดอทคอมกล่าวว่า บิทคอยน์อาจได้รับแรงหนุนในช่วงนี้จากสงครามอิสราเอล และจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีอาร์เจนตินารอบแรก หลังจากนายคาเบียร์ มิเลอิ นักการเมืองหัวรุนแรงฝ่ายขวาจัด และนายเซร์จิโอ มาสซา รมว.เศรษฐกิจอาร์เจนตินา จะได้แข่งขันกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบสองในวันที่ 19 พ.ย. ในขณะที่นักลงทุนมองว่าบิทคอยน์ถือเป็นเครื่องมือรักษาความมั่งคั่งในช่วงที่เกิดวิกฤติ--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--17 ต.ค.--รอยเตอร์
สถาบันการลงทุนแบล็คร็อคระบุในวันจันทร์ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาวอาจจะยังคงมีโอกาสปรับขึ้นต่อไป แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ดังกล่าวอาจจะแกว่งตัวได้ในทั้งสองทิศทางในระยะใกล้ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนเกือบแตะจุดสูงสุดของวัฏจักรแล้ว ทั้งนี้ สถาบันการลงทุนแบล็คร็อคเป็นกิจการในเครือแบล็คร็อค ซึ่งถือเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเป็นสิ่งที่ปรับตัวสวนทางกับราคาพันธบัตร
สถาบันการลงทุนแบล็คร็อคระบุว่า ทางสถาบันได้หันมาจัดอันดับความน่าลงทุน "neutral" (คงน้ำหนักการลงทุน) สำหรับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาวในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า โดยเปลี่ยนจากเดิมที่เคยแนะนำให้ "ลดน้ำหนักการลงทุน" โดยทางสถาบันระบุว่า "การปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้บอนด์ยิลด์เคลื่อนไหวในช่วงที่ผ่านมา นับตั้งแต่เฟดเริ่มต้นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2022 โดยเรามองว่าการพุ่งขึ้นของบอนด์ยิลด์ที่ได้รับแรงกระตุ้นมาจากตัวเลขคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายใกล้ที่จะแตะจุดสูงสุดแล้ว"
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีเพิ่งพุ่งขึ้นแตะ 4.877% ในวันที่ 6 ต.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2007 หรือจุดสูงสุดรอบ 16 ปี และอยู่ที่ 4.71% ในช่วงท้ายวันจันทร์ โดยบอนด์ยิลด์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งนับตั้งแต่เฟดเริ่มต้นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2022 และบอนด์ยิลด์ได้รับแรงหนุนในช่วงนี้จากการคาดการณ์ที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐที่อยู่ในภาวะแข็งแกร่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสหรัฐอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานานต่อไป
อย่างไรก็ดี สถาบันการลงทุนแบล็คร็อคยังคงแนะให้ลดน้ำหนักการลงทุนสำหรับการลงทุนระยะยาว เพราะทางสถาบันคาดว่า นักลงทุนจะเรียกร้องค่าตอบแทนมากยิ่งขึ้นสำหรับการถือครองพันธบัตรระยะยาว โดยเป็นผลจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงภาวะเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อ, ยอดขาดดุลงบประมาณที่พุ่งขึ้น และการที่สหรัฐออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลมากยิ่งขึ้น โดยทางสถาบันระบุว่า "การเพิ่มขึ้นของค่า term premium (ส่วนเพิ่มของอัตราผลตอบแทนตามอายุของสินทรัพย์ทางการเงิน) มีแนวโน้มที่จะเป็นปัจจัยอันถัดไปที่กระตุ้นให้บอนด์ยิลด์ปรับสูงขึ้น โดยเราคาดว่าบอนด์ยิลด์อายุ 10 ปีอาจจะพุ่งขึ้นแตะ 5% หรือสูงกว่านั้นได้ในระยะยาว" ทั้งนี้ สถาบันการลงทุนแห่งนี้ลดน้ำหนักการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาวนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2020 เป็นต้นมา เพราะทางสถาบันคาดว่าบอนด์ยิลด์อาจพุ่งสูงขึ้น โดยทางสถาบันระบุว่า "การที่บอนด์ยิลด์อายุ 10 ปีของสหรัฐอยู่ที่จุดสูงสุดรอบ 16 ปีแสดงให้เห็นว่า บอนด์ยิลด์ได้ปรับตัวมามากแล้ว แต่เราไม่คิดว่ากระบวนการนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว"
ถึงแม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงขึ้นนับตั้งแต่เฟดเริ่มต้นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ค่าเครดิตสเปรดเกรดน่าลงทุน (หรือค่าพรีเมียมที่นักลงทุนเรียกร้องเพื่อใช้ในการถือครองหุ้นกู้แทนที่จะถือครองพันธบัตรรัฐบาลที่มีความปลอดภัยสูงกว่า) ก็ได้หดตัวลงในช่วงที่ผ่านมา ทั้้งนี้ สถาบันการลงทุนแบล็คร็อคระบุว่า ทาางสถาบันคาดการณ์ในทางลบมากยิ่งขึ้นต่อตราสารหนี้เกรดน่าลงทุนในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า "เนื่องจากค่าตอบแทนเหนือพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นอยู่ในวงจำกัด"--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
กรุงเทพฯ--16 ต.ค.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินแข็งค่าขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 1 สัปดาห์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันศุกร์ โดยปรับขึ้นต่อเนื่องจากวันพฤหัสบดี หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค. ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 14 เดือน ส่วนดัชนี CPI แบบเทียบรายปีปรับขึ้น 3.7% ในเดือนก.ย. หลังจากปรับขึ้น 3.7% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายปี โดยก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า ดัชนี CPI อาจปรับขึ้นเพียง 0.3% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายเดือน และปรับขึ้น 3.6% เมื่อเทียบรายปี ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้นกระทรวงแรงงานสหรัฐได้รายงานในวันพุธว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ทั่วไปปรับขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ +0.3% หลังจากปรับขึ้น 0.7% ในเดือนส.ค. ส่วนดัชนี PPI ทั่วไปแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 2.2% ในเดือนก.ย. โดยเร่งตัวขึ้นจาก +2.0% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายปี Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 106.65 ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 106.55 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี หลังจากปรับขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 1 สัปดาห์ที่ 106.79 ในระหว่างวัน โดยดัชนีดอลลาร์เพิ่งพุ่งขึ้น 0.8% ในวันพฤหัสบดี ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นรายวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. และดัชนีดอลลาร์ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการปรับขึ้นราว 0.5% จากสัปดาห์ที่แล้ว
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 149.55 เยนในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ โดยอ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดวันพฤหัสบดีที่ 149.80 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0509 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันศุกร์ โดยปรับลงจาก 1.0526 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้นเล็กน้อยในวันศุกร์ แต่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับลงในวันศุกร์ โดยได้รับแรงกดดันจากรายงานของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐอยู่ที่ 63.0 ในเดือนต.ค. โดยดิ่งลงจาก 68.1 ในเดือนก.ย. และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 67.2 สำหรับเดือนต.ค. นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐก็ได้รับแรงกดดันจากความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางด้วย ในขณะที่อิสราเอลประกาศว่า อิสราเอลได้บุกเข้าไปในเขตฉนวนกาซา ซึ่งถือเป็นการประกาศเรื่องปฏิบัติการภาคพื้นดินของอิสราเอลเป็นครั้งแรกหลังจากกลุ่มนักรบฮามาสก่อเหตุรุนแรงในอิสราเอลในวันเสาร์ที่ 7 ต.ค. ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานของสหรัฐพุ่งขึ้น 2.3% ในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของราคาน้ำมัน และส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในบรรดาดัชนีหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ของสหรัฐ ทางด้านดัชนีหุ้นกลุ่มปลอดภัยทะยานขึ้นด้วยเช่นกัน โดยดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคพุ่งขึ้น 1% และดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นบวกขึ้น 0.8% นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐก็ปิดบวกขึ้น 0.6% ในวันศุกร์ หลังจากทะยานขึ้น 3.4% จนแตะจุดสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์ได้ในระหว่างวัน ในขณะที่หุ้นธนาคารเจพีมอร์แกน เชสพุ่งขึ้น 1.5% และหุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โกทะยานขึ้น 3% หลังจากธนาคารทั้งสองแห่งนี้เปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่ดีเกินคาด โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี หุ้นธนาคารซิตี้กรุ๊ปปิดปรับลง 0.2% Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับขึ้น 0.12% สู่ 33,670.29 ในวันศุกร์ และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการบวกขึ้น 0.79% จากสัปดาห์ที่แล้ว
ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.50% สู่ 4,327.78 ในวันศุกร์ แต่ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการบวกขึ้น 0.45% จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน
ดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 1.23% สู่ 13,407.23 ในวันศุกร์ และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการขยับลง 0.18% จากสัปดาห์ที่แล้ว
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นเกือบ 6% ในวันศุกร์ ในขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับการคาดการณ์ที่ว่า ความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางอาจจะขยายวงกว้างออกไป หลังจากอิสราเอลเริ่มต้นการบุกโจมตีภาคพื้นดินในเขตฉนวนกาซา และประกาศให้ประชาชนกว่า 1 ล้านคนอพยพออกจากตอนเหนือของเขตฉนวนกาซาภายในเวลา 24 ชั่วโมง ทางด้านนายจาวาด โอวจิ รมว.น้ำมันอิหร่านกล่าวในวันศุกร์ว่า ราคาน้ำมันอาจจะพุ่งขึ้นแตะ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยเป็นผลจากสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ส่วนนายฮอสเซน อามิราบดอลลาเฮียน รมว.ต่างประเทศของอิหร่านได้หารือกับผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอนในวันศุกร์ โดยเป็นการหารือเรื่องความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส หลังจากกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้โจมตีอิสราเอลด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการที่สหรัฐดำเนินมาตรการคว่ำบาตรครั้งแรกในวันพฤหัสบดีต่อเจ้าของเรือขนส่งน้ำมันที่บรรทุกน้ำมันรัสเซียที่ตั้งราคาสูงกว่าระดับเพดานที่กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั้ง 7 หรือจี-7 กำหนดไว้ที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทางด้านบริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์รายงานในวันศุกร์ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้น 4 แท่น สู่ 501 แท่นในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 ต.ค. ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 4.78 ดอลลาร์ หรือ 5.8% มาปิดตลาดวันศุกร์ที่ 87.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นรายวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. โดยราคาน้ำมันดิบสหรัฐปิดตลาดสัปดาห์ล่าสุดด้วยการทะยานขึ้น 5.9% จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนทะยานขึ้น 4.89 ดอลลาร์ หรือ 5.7% มาปิดตลาดวันศุกร์ที่ 90.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นรายวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดสัปดาห์ล่าสุดด้วยการทะยานขึ้น 7.5% จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐพุ่งขึ้น 63.05 ดอลลาร์ หรือ 3.37% สู่ 1,931.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้น 5.43% จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 7 เดือน ในขณะที่ความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้ ราคาทองก็ได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการคาดการณ์ที่ว่า วัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจสิ้นสุดลงแล้ว ทั้งนี้ นายเอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์ตลาดของบริษัท OANDA กล่าวว่า "ถ้าหากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ก็มีโอกาสสูงที่ราคาทองจะพุ่งขึ้นสู่ 2,000 ดอลลาร์ในปีนี้" Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--6 ก.ย.--รอยเตอร์
สถาบันการลงทุนแบล็คร็อค ซึ่งเป็นกิจการในเครือบริษัทแบล็คร็อค ซึ่งถือเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ระบุในวันอังคารว่า ทางสถาบันได้ปรับลดการคาดการณ์ในทางลบต่อพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น เนื่องจากพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นให้อัตราผลตอบแทน (บอนด์ยิลด์) ที่น่าดึงดูด แต่แบล็คร็อคได้เพิ่มความระมัดระวังต่อแนวโน้มระยะยาวของหุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง เพราะว่าค่าชดเชยที่ได้รับจากการลงทุนในหุ้นกู้ดังกล่าวแทนพันธบัตรรัฐบาลอยู่ในวงจำกัด
สถาบันการลงทุนแบล็คร็อคระบุว่า "เราชื่นชอบพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นมากกว่าหุ้นกู้ (เครดิต) และระบุเสริมว่า "เราปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกู้คุณภาพสูงตามมุมมองเชิงกลยุทธ์ระยะ 5 ปีหรือนานกว่านั้น และเราตัดทอนการลดน้ำหนักการลงทุน (underweight) โดยรวมในพันธบัตรรัฐบาล"
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงเวลาราว 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางหลายแห่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 2 ปีอยู่ที่ 4.966% ในช่วงท้ายวันอังคาร โดยพุ่งขึ้นจากระดับราว 0.222% เมื่อ 2 ปีก่อน ทางด้านอัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้เกรดน่าลงทุนในสหรัฐในดัชนี ICE BofA US Corporate Index อยู่ที่ราว 5.7% ในวันจันทร์ ทั้งนี้ สถาบันการลงทุนแบล็คร็อคระบุว่า "เราคิดว่าหุ้นกู้คุณภาพสูงให้ค่าชดเชยเพียงในวงจำกัดสำหรับความเสียหายใด ๆ ที่ผลตอบแทนอาจได้รับจากส่วนต่างที่ขยายกว้างมากยิ่งขึ้น และจากผลกระทบจากการแกว่งตัวของอัตราดอกเบี้ย"
ถึงแม้สถาบันการลงทุนแบล็คร็อคหันมาคาดการณ์ในทางบวกมากยิ่งขึ้นต่อพันธบัตรรัฐบาล ทางสถาบันก็ยังคงแนะนำให้ "ลดน้ำหนักการลงทุน" ในพันธบัตรรัฐบาล เพราะทางสถาบันคาดว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวอาจจะยังคงปรับขึ้นต่อไป ในขณะที่นักลงทุนอาจจะเรียกร้องเงินชดเชยมากยิ่งขึ้นเพื่อแลกกับการถือครองตราสารหนี้ระยะยาว ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวอาจจะได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงการคาดการณ์เงินเฟ้อที่สูงขึ้น, ปริมาณหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากการที่บริษัทฟิทช์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือหนี้สหรัฐในเดือนส.ค. และการที่นักลงทุนต่างชาติลดความต้องการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาว ซึ่งรวมถึงนักลงทุนญี่ปุ่นที่หันไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGB) แทน ขณะที่อัตราผลตอบแทน JGB ปรับสูงขึ้น
สถาบันการลงทุนแบล็คร็อคระบุว่า "ในการที่เราจะหันมาคาดการณ์ในทางบวกต่อพันธบัตรระยะยาวได้นั้น เราจำเป็นจะต้องได้เห็นส่วนเพิ่มของอัตราผลตอบแทนตามอายุของสินทรัพย์ทางการเงิน (term premium) พุ่งสูงกว่านี้เป็นอย่างมาก หรือเราจำเป็นจะต้องมองว่า ตลาดกำลังคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายในอนาคตในระดับที่สูงเกินไป แต่เรายังไปไม่ถึงจุดนั้นในตอนนี้"--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน