ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



สหรัฐอเมริกา ค่าเฉลี่ยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก4 สัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (Not SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อสินค้าคงทนนอกกระทรวงกลาโหมที่ได้แก้ไข MoM (ไม่รวมเครื่องบิน)(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นการขนส่ง) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นภาคกลาโหม) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงสต็อกก๊าซธรรมชาติประจำสัปดาห์ของ EIAค:--
ค: --
ค: --
ซาอุดิอาระเบีย การผลิตน้ำมันดิบค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การถือครองธนารักษ์สหรัฐฯของธนาคารกลางต่างประเทศรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย ดอกเบี้ยอ้างอิงค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราเงินสดสำรองค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น อินดิเคเตอร์ชั้นนำเบื้องต้น (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax YoY (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax MoM (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้าYoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การส่งออก (พ.ย.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล
นิวยอร์ค--28 ส.ค.--รอยเตอร์
นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐระบุว่า ตลาดหุ้นสหรัฐอาจจะแกว่งตัวผันผวนในเดือนก.ย.ขณะเผชิญบททดสอบจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ, การจัดประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 19-20 ก.ย. และความกังวลที่ว่าหน่วยงานราชการสหรัฐอาจจะปิดทำการ หรือ "ชัตดาวน์" นอกจากนี้ สถิติข้อมูลจากในอดีตก็บ่งชี้ว่า เดือนก.ย.ถือเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงโดยเฉลี่ยมากที่สุดในแต่ละปีด้วย โดยดัชนี S&P 500 ร่วงลงเฉลี่ย 0.7% ในเดือนก.ย.ของแต่ละปีนับตั้งแต่ปี 1945 เป็นต้นมา ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 แกว่งตัวผันผวนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนีพุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 15% จากช่วงต้นปีนี้ แต่ดัชนีดิ่งลงมาแล้วกว่า 4% จากจุดสูงสุดของวันที่ 31 ก.ค. ในขณะที่ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีน และจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ เพราะว่าการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ส่งผลให้หุ้นมีความน่าดึงดูดน้อยลง
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ในวันศุกร์ที่ 1 ก.ย. โดยนายแจ็ค จานาซีวิคซ์ ผู้จัดการพอร์ตลงทุนของบริษัทแนติซิส อินเวสท์เมนท์ แมเนเจอร์ส โซลูชันส์กล่าวว่า ถ้าหากสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานเดือนส.ค.ที่แข็งแกร่งเกินคาด ตัวเลขดังกล่าวก็จะกระตุ้นความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อ แต่ถ้าหากสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอเกินคาดเป็นอย่างมาก ตัวเลขดังกล่าวก็จะกระตุ้นความกังวลที่ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วงที่ผ่านมาอาจจะเริ่มสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ทั้งนี้ นักลงทุนจะรอดูดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่จะออกมาในวันที่ 13 ก.ย.ด้วย และจะรอดูผลการประชุมเฟดในวันที่ 20 ก.ย.ด้วยเช่นกัน ในขณะที่นักลงทุนคาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25-5.50% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 20 ก.ย. แต่เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งก่อนสิ้นปีนี้
นายแซนดี วิลเลร์ ผู้จัดการพอร์ตลงทุนของบริษัทวิลเลร์ แอนด์ โคกล่าวว่า ช่วงนี้ดูเหมือนจะเป็นช่วงเวลาสำหรับการเข้าซื้อหุ้นปลอดภัย "ถ้าหากคุณคาดว่าตลาดหุ้นอาจจะแกว่งตัวผันผวนมากกว่าปกติในเดือนก.ย." โดยเขาได้เข้าซื้อหุ้นกลุ่มการแพทย์ ซึ่งรวมถึงหุ้นบริษัทไฟเซอร์และบริษัทแอบบอทท์ แลบอราทอรีส์ในช่วงนี้ ทั้งนี้ นักลงทุนจะจับตาดูสถานการณ์เกี่ยวกับสินเชื่อเพื่อการศึกษาขนาด 8.2 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ลูกหนี้จะเริ่มต้นชำระคืนให้แก่รัฐบาลสหรัฐในเดือนต.ค.ด้วย โดยการชำระหนี้ดังกล่าวอาจจะส่งผลลบต่อปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในช่วงปลายปีนี้
นักลงทุนจับตาดูความขัดแย้งเรื่องการปรับลดงบประมาณรายจ่ายระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกันสายกลางกับสายที่มีแนวคิดแข็งกร้าวด้วย เพราะความขัดแย้งดังกล่าวอาจจะส่งผลให้มีการชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐเป็นรอบที่ 4 ภายในระยะเวลา 10 ปี ถ้าหากสมาชิกสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ก่อนวันที่ 30 ก.ย. ซึ่งเป็นวันที่งบประมาณในส่วนนี้จะหมดลงพร้อมกับการสิ้นสุดของปีงบประมาณปัจจุบัน ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของธนาคารโกลด์แมน แซคส์ประเมินในสัปดาห์ที่แล้วว่า การชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลในแต่ละสัปดาห์ส่งผลลบโดยตรงราว 0.15% ต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
นักลงทุนบางรายคาดว่า ตลาดหุ้นสหรัฐอาจจะปรับขึ้นต่อไป โดยได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจสหรัฐที่รักษาระดับความแข็งแกร่งไว้ได้เป็นอย่างดี และจากกระแสความนิยมในปัญญาประดิษฐ์ (AI) หลังจากบริษัทเอ็นวิเดียซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายงานผลกำไรที่แข็งแกร่งในวันพุธที่ 23 ส.ค. และเอ็นวิเดียประกาศแผนซื้อคืนหุ้นขนาด 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
กรุงเทพฯ--23 ส.ค.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินแข็งค่าขึ้นในวันอังคาร และเข้าใกล้จุดสูงสุดรอบ 2 เดือนที่ทำไว้ในสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่เทรดเดอร์รอดูการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะจัดขึ้นที่แจ็คสัน โฮลในรัฐไวโอมิงในวันที่ 26-24 ส.ค. โดยมีการคาดการณ์กันว่าสกุลเงินต่าง ๆ จะเคลื่อนไหวเพียงในวงจำกัด ก่อนที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดจะกล่าวแถลงในงานประชุมที่แจ็คสัน โฮลในวันศุกร์นี้ ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์เพิ่งพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 2 เดือนในสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีน และจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงต่อไปเป็นเวลานาน Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 103.59 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยแข็งค่าขึ้นจาก 103.32 ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 103.68 ในวันศุกร์ที่ 18 ส.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย.
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 145.88 เยน ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยอ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดวันจันทร์ที่ 146.17 เยน หลังจากเพิ่งพุ่งขึ้นแตะ 146.565 เยนในวันที่ 17 ส.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. 2022 หรือจุดสูงสุดรอบ 9 เดือน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0844 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร โดยปรับลงจาก 1.0891 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์
ดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับลงในวันอังคาร ในขณะที่นักลงทุนยังคงกังวลว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงต่อไปเป็นเวลานาน และดัชนีได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของหุ้นกลุ่มธนาคารด้วย อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดขยับขึ้นเล็กน้อยในวันอังคาร ทั้งนี้ เอสแอนด์พี โกลบอลปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ และแก้ไขแนวโน้มของธนาคารสหรัฐหลายแห่ง ตามหลังการดำเนินการแบบเดียวกันของมูดี้ส์ พร้อมเตือนว่า ความเสี่ยงในการจัดหาเงินทุน และความสามารถในการทำกำไรที่ลดลงอาจจะทดสอบความแข็งแกร่งด้านความน่าเชื่อถือของภาคธนาคาร โดยข่าวนี้มีส่วนกดดันให้ดัชนี KBW สำหรับหุ้นธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐดิ่งลง 2.7%, ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐรูดลง 2.4% และดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินของสหรัฐร่วงลง 0.9% ในวันอังคาร โดยหุ้นกลุ่มการเงินถือเป็นกลุ่มที่ถ่วงดัชนี S&P 500 ลงมากที่สุดในวันอังคาร Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับลง 0.51% สู่ 34,288.83
ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.28% สู่ 4,387.55
ดัชนี Nasdaq ปิดขยับขึ้น 0.06% สู่ 13,505.87
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปรับลงในวันอังคาร ในขณะที่นักลงทุนยังคงมุ่งความสนใจไปยังการคาดการณ์ที่ว่า ปัญหาทางเศรษฐกิจในจีนจะส่งผลลบต่ออุปสงค์น้ำมันในจีน ซึ่งถือเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่ได้ตัดโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปด้วย ทั้งนี้ สำนักข่าวของรัฐบาลอิรักรายงานว่า รัฐมนตรีน้ำมันของอิรักและตุรกีได้หารือกันเรื่องความสำคัญของการกลับมาจัดส่งน้ำมันอีกครั้ง หลังจากการซ่อมแซมท่อส่งน้ำมันเสร็จสิ้นลงแล้ว โดยข่าวนี้บ่งชี้ว่า อิรักอาจจะกลับมาส่งออกน้ำมัน 450,000 บาร์เรลต่อวันผ่านทางท่อส่งจากภาคเหนือของอิรักไปยังตุรกีได้อีกครั้ง หลังจากตุรกีระงับการส่งออกน้ำมันดังกล่าวนับตั้งแต่เดือนมี.ค. Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนก.ย.ปรับลง 37 เซนต์ มาปิดตลาดที่ 80.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่สัญญาเดือนก.ย.ครบกำหนดส่งมอบในช่วงปิดตลาดวันอังคาร ส่วนราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนต.ค.ปรับลง 48 เซนต์ มาปิดตลาดที่ 79.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับลง 43 เซนต์ หรือ 0.5% มาปิดตลาดที่ 84.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 3.53 ดอลลาร์ สู่ 1,897.47 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร แต่ยังคงเคลื่อนตัวอยู่ใกล้จุดต่ำสุดรอบ 5 เดือนที่ระดับ 1,883.70 ดอลลาร์ที่ทำไว้ในวันศุกร์ที่ 18 ส.ค. โดยราคาทองได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์และจากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในวันอังคาร ในขณะที่นักลงทุนรอดูการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะจัดขึ้นที่แจ็คสัน โฮลในรัฐไวโอมิงในวันที่ 26-24 ส.ค. เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีปรับลงจาก 4.342% ในช่วงท้ายวันจันทร์ สู่ 4.328% ในช่วงท้ายวันอังคาร หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 4.366% ในช่วงเช้าวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2007 หรือจุดสูงสุดในรอบเกือบ 16 ปี โดยการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ส่งผลลบต่อราคาทอง เพราะทองเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ดอกเบี้ย Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
กรุงเทพฯ--21 ส.ค.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินทรงตัวในวันศุกร์ และปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดในรอบ 15 เดือน โดยดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ในขณะที่นักลงทุนกังวลกับภาวะเศรษฐกิจจีน และนักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงต่อไป Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 103.45 ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ โดยขยับขึ้นจาก 103.40 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี หลังจากพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 2 เดือนที่ 103.68 ในระหว่างวัน และดัชนีดอลลาร์ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการแข็งค่าขึ้นราว 0.5% จากสัปดาห์ที่แล้ว
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 145.37 เยน ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ โดยอ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดวันพฤหัสบดีที่ 145.83 เยน หลังจากพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 9 เดือนที่ 146.56 เยนในวันพฤหัสบดี
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0873 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันศุกร์ ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ 1.0871 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี หลังจากร่วงลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 6 สัปดาห์ที่ 1.0856 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี
ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดขยับลงเล็กน้อยในวันศุกร์ โดยดัชนี S&P 500 ได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของหุ้นบริษัทขนาดยักษ์ในกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเติบโต แต่ได้รับแรงหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มปลอดภัยและหุ้นกลุ่มพลังงาน ในขณะที่นักลงทุนรอฟังถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมที่แจ็คสัน โฮลในวันศุกร์ที่ 25 ส.ค. และรอดูผลประกอบการของบริษัทเอ็นวิเดีย ซึ่งเป็นบริษัทผู้ออกแบบชิปที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพุธที่ 23 ส.ค. ทางด้านดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดขยับขึ้นเล็กน้อยในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นวอลมาร์ทซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกขนาดยักษ์ที่พุ่งขึ้น 1.44% Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.07% สู่ 34,500.66
ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 0.01% สู่ 4,369.71 ในวันศุกร์ และดิ่งลงมาแล้ว 4.6% ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ดัชนี Nasdaq ปิดปรับลง 0.2% สู่ 13,290.78 และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลง 2.6% จากสัปดาห์ที่แล้ว โดยดัชนี Nasdaq รูดลงมาแล้ว 7.2% ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนธ.ค. 2022
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากสัญญาณบ่งชี้ว่า การผลิตน้ำมันในสหรัฐชะลอตัวลง อย่างไรก็ดี ทั้งราคาน้ำมันดิบสหรัฐและเบรนท์ต่างก็ปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนลบ โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่มีต่อแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกท่ามกลางวิกฤติภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีน ทั้งนี้ ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุน หลังจากบริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์สรายงานในวันศุกร์ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซที่ใช้งานในสหรัฐดิ่งลง 12 แท่น สู 642 แท่นในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 ส.ค. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2022 และถือเป็นการปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน โดยการดิ่งลงของปริมาณการผลิตน้ำมันในสหรัฐอาจจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันตึงตัวมากยิ่งขึ้นในช่วงต่อไปในปีนี้ Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1.1% มาปิดตลาดที่ 81.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับขึ้น 68 เซนต์ หรือ 0.8% มาปิดตลาดที่ 84.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่เบรนท์ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลงราว 2% จากสัปดาห์ที่แล้ว
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐขยับลง 0.70 ดอลลาร์ สู่ 1,888.19 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลง 1.31% จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนลบเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งกระตุ้นให้นักลงทุนคาดการณ์กันว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงต่อไปเป็นเวลานาน ทั้งนี้ เทรดเดอร์คาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25-5.50% ต่อไปจนถึงปี 2024 และนักลงทุนรอดูสัญญาณบ่งชี้ถึงทิศทางนโยบายการเงินจากการประชุมธนาคารกลางที่แจ็คสัน โฮลในวันที่ 24-26 ส.ค. Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--2 ส.ค.--รอยเตอร์
ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับลงในวันอังคาร ในขณะที่นักลงทุนรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานออกมาในวันศุกร์ และรอดูผลประกอบการที่บริษัทสำคัญจะรายงานออกมาในช่วงต่อไปในสัปดาห์นี้ โดยก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นเพิ่งพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนก.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการภาคเอกชนที่ดีเกินคาด และจากความคาดหวังที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงมาด้วย ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้นในวันอังคาร โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นแคเทอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ก่อสร้างที่พุ่งขึ้น 8.9% หลังจากแคเทอร์พิลลาร์รายงานว่า ผลกำไรปรับขึ้นในไตรมาสสอง แต่แคเทอร์พิลลาร์เตือนว่าอัตราผลกำไรและยอดขายอาจปรับลดลงในไตรมาสปัจจุบัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.2% สู่ 35,630.68, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.27% สู่ 4,576.73 ในวันอังคาร หลังจากเพิ่งพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 16 เดือนในวันจันทร์ และอยู่ห่างจากสถิติระดับปิดสูงสุดที่ 4,796.56 ที่เคยทำไว้ในวันที่ 3 ม.ค. 2022 ในระดับไม่ถึง 5% ทางด้านดัชนี Nasdaq ปิดปรับลง 0.43% สู่ 14,283.91 ในวันอังคาร ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ในตอนนี้ว่า ผลกำไรของบริษัทสหรัฐอาจปรับลดลงเพียง 5.9% ในไตรมาสสองเมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เคยคาดการณ์เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนว่า ผลกำไรอาจดิ่งลง 7.9% ในไตรมาสสอง
หุ้นบริษัทขนาดยักษ์ในกลุ่มเติบโตดิ่งลงในวันอังคาร ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีปรับขึ้นจาก 3.957% ในวันจันทร์ สู่ 4.047% ในช่วงท้ายวันอังคาร โดยหุ้นบริษัทขนาดยักษ์เหล่านี้มักจะมีมูลค่าลดลงเมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น โดยหุ้นเทสลาซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าดิ่งลง 2.38% ในวันอังคาร ส่วนหุ้นอะเมซอนดอทคอมรูดลง 1.49%
หุ้นอูเบอร์ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการเรียกรถดิ่งลง 5.7% หลังจากอูเบอร์เปิดเผยรายได้ไตรมาสสองที่ต่ำเกินคาด ส่วนหุ้นไฟเซอร์ดิ่งลง 1.25% หลังจากไฟเซอร์รายงานว่ารายได้รายไตรมาสอยู่ต่ำเกินคาด โดยเป็นผลจากการดิ่งลงของยอดขายสินค้าเกี่ยวกับโรคโควิด-19
สถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานในวันอังคารว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐปรับขึ้นสู่ 46.4 ในเดือนก.ค. จาก 46.0 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2020 โดยรายงานนี้บ่งชี้ว่า ภาคโรงงานของสหรัฐอาจเข้าสู่เสถียรภาพที่ระดับต่ำ ในขณะที่ยอดสั่งซื้อใหม่ปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยดัชนียอดสั่งซื้อใหม่ในภาคการผลิตสหรัฐพุ่งขึ้นจาก 45.6 ในเดือนมิ.ย. สู่ 47.3 ในเดือนก.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2022 อย่างไรก็ดี ดัชนีการจ้างงานในภาคโรงงานสหรัฐดิ่งลงจาก 48.1 ในเดือนมิ.ย. สู่ 44.4 ในเดือนก.ค. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2020 หรือจุดต่ำสุดรอบ 3 ปี และสิ่งนี้บ่งชี้ว่าการปลดคนงานออกกำลังทวีความเร็วขึ้น--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--25 ก.ค.--รอยเตอร์
นักลงทุนบางรายหันไปซื้อหุ้นบริษัทที่จ่ายเงินปันผลสูงในสหรัฐ ในขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า วัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว หลังจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้วรวมกัน 5.00% นับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2022 เป็นต้นมา ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวที่สุดในรอบหลายสิบปี และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 2 ปีให้พุ่งขึ้นแตะ 5.120% ในวันที่ 6 ก.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2007 หรือจุดสูงสุดในรอบ 16 ปี โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีอยู่ที่ 4.856% ในปัจจุบัน ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ในช่วงที่ผ่านมาเคยส่งผลลบต่อหุ้นบริษัทหลายแห่งที่จ่ายเงินปันผลสูง ในขณะที่นักลงทุนมักจะซื้อหุ้นบริษัทที่จ่ายเงินปันผลสูงในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ต่ำกว่าระดับปัจจุบันเป็นอย่างมาก
นักลงทุนหลายรายคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. แต่เฟดอาจจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกในช่วงหลังจากนั้น และการคาดการณ์ดังกล่าวก็ส่งผลให้หุ้นบริษัทที่จ่ายเงินปันผลสูงมีความน่าดึงดูดอีกครั้ง ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอาจจะร่วงลงในอนาคต ทั้งนี้ นายเจอร์เรียน ทิมเมอร์ จากบริษัทฟิเดลิที อินเวสท์เมนท์กล่าวว่า "อัตราผลตอบแทนที่ 5% ที่คุณได้จากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดูเหมือนจะเป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราว และการร่วงลงของบอนด์ยิลด์ก็จะช่วยลดแรงกดดันที่มีต่อหุ้นบริษัทที่แข่งขันกับบอนด์ยิลด์" โดยในตอนนี้นายทิมเมอร์มุ่งความสนใจไปยังหุ้นกลุ่มการเงินและหุ้นกลุ่มพลังงาน เนื่องจากเขาคาดว่าหุ้นสองกลุ่มนี้จะได้รับประโยชน์จากการที่เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย
กระแสความสนใจที่เริ่มเพิ่มสูงขึ้นในหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูงปรากฏให้เห็นในยอดเงินลงทุนที่ไหลเข้าสู่กองทุน ProShares S&P 500 Dividend Aristocrats ETF ซึ่งเป็นกองทุนขนาด 1.17 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ลงทุนในบริษัทที่ปรับเพิ่มเงินปันผลทุกปีในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา โดยกองทุนแห่งนี้มียอดเงินลงทุนไหลเข้าสุทธิ 33 ล้านดอลลาร์ในช่วง 2 สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 19 ก.ค. ซึ่งถือเป็นยอดเงินลงทุนไหลเข้าสุทธิที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. โดยกองทุนแห่งนี้พุ่งขึ้นมาแล้วราว 7.5% จากช่วงต้นปีนี้ ในขณะที่ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้นมาแล้วเกือบ 19% จากช่วงต้นปีนี้
ผลสำรวจของแบงก์ ออฟ อเมริกา โกลบัล รีเสิร์ชระบุว่า ผู้จัดการกองทุนทั่วโลกราว 44% คาดการณ์ในตอนนี้ว่า หุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูงจะพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งกว่าหุ้นที่จ่ายเงินปันผลต่ำ โดยสัดส่วน 44% นี้ปรับขึ้น 9% จากเดือนก่อน
ข้อมูลจากบริษัทเอสแอนด์พี ดาวโจนส์ อินดิเซสระบุว่า บริษัทสหรัฐปรับเพิ่มการจ่ายเงินปันผลเฉลี่ย 9.1% นับตั้งแต่ต้นปี 2023 หลังจากปรับเพิ่มเงินปันผลเฉลี่ย 11.8% ในช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว โดยมีบริษัทสหรัฐ 14 แห่งที่ได้ระงับการจ่ายเงินปันผลหรือปรับลดเงินปันผลลงนับตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยเพิ่มขึ้นจากบริษัทเพียง 4 แห่งที่ทำแบบเดียวกันในปีก่อน ทั้งนี้ นายโฮเวิร์ด ซิลเวอร์แบลท นักวิเคราะห์ดัชนีของบริษัทเอสแอนด์พี ดาวโจนส์ อินดิเซสระบุว่า นักลงทุนต้องการซื้อหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูงในช่วงนี้ เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าบอนด์ยิลด์อาจจะร่วงลง แต่ตลาดหุ้นอาจจะยังคงปรับขึ้นต่อไป--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--27 มิ.ย.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันจันทร์ ในขณะที่นักลงทุนหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยง หลังจากเกิดเหตุการณ์กลุ่มทหารรับจ้างแวกเนอร์ที่ติดอาวุธหนักและนำโดยนายเยฟเกนี พรีโกซิน พยายามจะก่อกบฏในรัสเซียในช่วงสุดสัปดาห์ ก่อนจะยกเลิกปฏิบัติการดังกล่าวภายใต้ข้อตกลง โดยเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนตั้งคำถามต่ออนาคตของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย และนักลงทุนต้องการจะรอดูผลลัพธ์จากเหตุการณ์ดังกล่าวในช่วงนี้ ทางด้านปธน.ปูตินได้กล่าวในวันจันทร์ว่า เขาขอบคุณผู้บัญชาการทหารรับจ้างและกลุ่มทหารรับจ้างที่ล้มเลิกการก่อกบฏเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงการนองเลือด ในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐระบุว่า สถานการณ์ในรัสเซียยังคงไม่หยุดนิ่ง ทั้งนี้ นายพรีโกซินกล่าวในวันจันทร์ว่า เขาไม่เคยตั้งใจที่จะโค่นล้มรัฐบาลรัสเซีย แต่เขาไม่ได้เปิดเผยสถานที่อยู่ของเขาในปัจจุบัน และไม่ได้เปิดเผยข้อตกลงในการยกเลิกการก่อกบฏ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับลง 0.04% สู่ 33,714.71, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.45% สู่ 4,328.82 และดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 1.16% สู่ 13,335.78 ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 2.2% และถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในวันจันทร์ ในขณะที่ราคาน้ำมันปรับขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลที่ว่า ภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองในรัสเซียอาจจะส่งผลให้เกิดการขาดตอนของอุปทานน้ำมัน ทางด้านหุ้นเติบโตดิ่งลงในวันจันทร์ โดยหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊กดิ่งลง 3.6%, หุ้นแอลฟาเบทรูดลง 3.3% หลังจากธนาคารยูบีเอสปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นแอลฟาเบทลงสู่ "neutral" และหุ้นเทสลาดิ่งลง 6.1% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นเทสลาลงสู่ "neutral"
ตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากการเทขายทำกำไรหุ้นเติบโตในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของไตรมาสสอง หลังจากหุ้นเติบโตพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงต้นปีนี้ โดยนายคริส แซคคาเรลลี หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทอินดิเพนเดนท์ แอดไวเซอร์ อัลไลอันซ์กล่าวว่า นักลงทุนหันมาสำรวจหุ้นที่เคยปรับตัวอ่อนแอในช่วงต้นปีนี้ ซึ่งรวมถึงหุ้นคุณค่าและหุ้นบริษัทขนาดเล็ก ทั้งนี้ นักลงทุนรอดูตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวในสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกน และดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งถือเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นิยมใช้ และนักลงทุนรอฟังถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดในสัปดาห์นี้ด้วย หลังจากเขาส่งสัญญาณในสัปดาห์ที่แล้วว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และถ้อยแถลงของเขามีส่วนกดดันตลาดหุ้นสหรัฐให้ร่วงลงในสัปดาห์ที่แล้ว
เทรดเดอร์คาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาส 26.1% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. และมีโอกาส 73.9% ที่เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. โดยเทรดเดอร์คาดการณ์อีกด้วยว่า เฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกในช่วงหลังจากนั้น ถึงแม้ผู้กำหนดนโยบายส่วนใหญ่ของเฟดคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับอย่างน้อย 5.50-5.75% ก่อนสิ้นปีนี้
หุ้นไฟเซอร์ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตยาดิ่งลง 3.7% หลังจากไฟเซอร์ประกาศยุติการพัฒนายารักษาโรคเบาหวานและโรคอ้วนตัวหนึ่ง ทั้งนี้ หุ้นลูซิด กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทะยานขึ้น 1.5% หลังจากลูซิดทำข้อตกลงกับบริษัทแอสตัน มาร์ตินของอังกฤษ ซึ่งจะส่งผลให้ลูซิดได้ถือหุ้น 3.7% ในแอสตัน มาร์ติน--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--20 เม.ย.--รอยเตอร์
ดัชนี S&P 500 และดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดขยับลงเล็กน้อยในวันพุธ ในขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับผลประกอบการของบริษัทสหรัฐที่ไร้ทิศทางชัดเจน ซึ่งรวมถึงผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเทคโนโลยีทางการแพทย์ และการดิ่งลงของหุ้นบริษัทเน็ตฟลิกซ์ ทั้งนี้ หุ้นเน็ตฟลิกซ์รูดลง 3.2% หลังจากเน็ตฟลิกซ์คาดการณ์แนวโน้มที่อ่อนแอเกินคาด โดยเน็ตฟลิกซ์คาดว่ารายได้ในไตรมาส 2 จะอยู่ที่ 8.242 พันล้านดอลลาร์ และกำไรต่อหุ้นปรับลดจะอยู่ที่ 2.86 ดอลลาร์ในไตรมาส 2 แต่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า รายได้ของเน็ตฟลิกซ์จะอยู่ที่ 8.476 พันล้านดอลลาร์ และกำไรต่อหุ้นปรับลดจะอยู่ที่ 3.05 ดอลลาร์ในไตรมาส 2 ทางด้านหุ้นดิสนีย์ซึ่งเป็นคู่แข่งของเน็ตฟลิกซ์ในธุรกิจสตรีมมิงดิ่งลง 2.2% ในวันพุธ และมีส่วนกดดันดัชนีดาวโจนส์ให้ปรับลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับลง 0.23% สู่ 33,897.01, ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 0.01% สู่ 4,154.52; และดัชนี Nasdaq ปิดขยับขึ้น 0.03% สู่ 12,157.23 ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคบวกขึ้น 0.8% ในวันพุธ และถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด ทางด้านดัชนีความผันผวน CBOE หรือดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2021 ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพุธ
ดัชนีดาวโจนส์ได้รับแรงกดดันจากหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป อิงค์ที่รูดลง 3.6% ตามบริษัทคู่แข่งในธุรกิจประกันสุขภาพ โดยหุ้นบริษัทเอเลแวนซ์ เฮลธ์ อิงค์ดิ่งลง 5.3% ในขณะที่นักลงทุนกังวลว่าธุรกิจประกันของเอเลแวนซ์จะได้รับความเสียหายจากปัจจัยด้านกฎระเบียบ ถึงแม้เอเลแวนซ์รายงานผลกำไรรายไตรมาสที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ หุ้นแอบบอทท์ แลบอราทอรีส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์พุ่งขึ้น 7.8% หลังจากแอบบอทท์ระบุว่า กระบวนการทางการแพทย์ที่ไม่เร่งด่วนที่เคยถูกเลื่อนกำหนดออกไปในช่วงเวลา 3 ปีที่เกิดวิกฤติโรคระบาด ได้กลับมาดำเนินการตามปกติแล้วเป็นส่วนใหญ่ทั่วโลก ทางด้านหุ้นบริษัทอินทูอิทิฟ เซอร์จิคัลทะยานขึ้น 10.9% หลังจากทางบริษัทรายงานตัวเลขผลกำไรและรายได้รายไตรมาสที่สูงเกินคาด
นักลงทุนคาดว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 อาจจะมีผลกำไรดิ่งลง 4.8% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบรายปี โดยนายริค เมคเลอร์ หุ้นส่วนของบริษัทเชอร์รี เลน อินเวสท์เมนท์กล่าวว่า "ตลาดหุ้นดูเหมือนจะเคลื่อนตัวในกรอบแคบ ในขณะที่นักลงทุนกลุ่มหนึ่งคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่นักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่งคาดว่า เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป"
หุ้นเทสลาซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าดิ่งลง 2% หลังจากเทสลาปรับลดราคาขายรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐลงเป็นครั้งที่ 6 ของปีนี้ ทั้งนี้ หุ้นเวสเทิร์น อัลไลอันซ์ แบงคอร์ป ซึ่งเป็นธนาคารระดับภูมิภาคพุ่งขึ้น 24.1% หลังจากทางธนาคารเปิดเผยผลกำไรที่แข็งแกร่งเกินคาด และปัจจัยนี้มีส่วนช่วยหนุนกองทุน SPDR S&P Regional Banking ETF ที่ลงทุนในธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐให้พุ่งขึ้น 3.9%--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน