ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



สหรัฐอเมริกา ค่าเฉลี่ยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก4 สัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (Not SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อสินค้าคงทนนอกกระทรวงกลาโหมที่ได้แก้ไข MoM (ไม่รวมเครื่องบิน)(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นการขนส่ง) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นภาคกลาโหม) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงสต็อกก๊าซธรรมชาติประจำสัปดาห์ของ EIAค:--
ค: --
ค: --
ซาอุดิอาระเบีย การผลิตน้ำมันดิบค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การถือครองธนารักษ์สหรัฐฯของธนาคารกลางต่างประเทศรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย ดอกเบี้ยอ้างอิงค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราเงินสดสำรองค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น อินดิเคเตอร์ชั้นนำเบื้องต้น (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax YoY (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax MoM (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้าYoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การส่งออก (พ.ย.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล
เอสแอนด์พี โกลบอลปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ และแก้ไขแนวโน้มของธนาคารสหรัฐหลายแห่ง ตามหลังการดำเนินการแบบเดียวกันของมูดี้ส์ พร้อมเตือนว่า ความเสี่ยงในการจัดหาเงินทุน และความสามารถในการทำกำไรที่ลดลงอาจจะทดสอบความแข็งแกร่งด้านความน่าเชื่อถือของภาคธนาคาร
เอสแอนด์พีได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของแอสโซซิเอทเต็ด แบงก์-คอร์ป และวัลเลย์ แนชันแนล แบนคอร์ปจากความเสี่ยงในการจัดหาเงินทุน และการพึ่งพามากขึ้นกับเงินฝากที่ผ่านนายหน้า รวมทั้งได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของยูเอ็มบี ไฟแนนเชียล คอร์ป, โคเมริกา แบงก์ และคีย์คอร์ป โดยระบุถึงเงินฝากไหลออกเป็นจำนวนมาก และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
เอสแอนด์พีระบุว่า การปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอย่างมากกำลังกระทบการจัดหาเงินทุนและสภาพคล่องของธนาคารหลายแห่งของสหรัฐ ขณะที่เงินฝากของธนาคารที่ได้รับการรับประกันจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากของรัฐบาลกลาง (เอฟดีไอซี) จะยังคงลดลงต่อไป ตราบใดที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กำลังคุมเข้มเชิงปริมาณ
เอสแอนด์พียังปรับลดแนวโน้มของเอสแอนด์ที แบงก์ และริเวอร์ ซิตี้ แบงก์ลงสู่เชิงลบ จากมีเสถียรภาพ เนื่องจากสัดส่วนความเสี่ยงในอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่สูงขึ้น
ในเดือนนี้ มูดี้ส์ได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือธนาคาร 10 แห่งลง 1 ขั้น และประกาศทบทวนโดยมีแนวโน้มปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารยักษ์ใหญ่ 6 แห่ง ซึ่งรวมถึงแบงก์ ออฟ นิวยอร์ค เมลลอน, ยูเอส แบนคอร์ป, สเตท สตรีท และทรูอิสต์ ไฟแนนเชียล--จบ--
Eikon source text
บริษัทมูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารขนาดเล็กถึงขนาดกลางหลายแห่งของสหรัฐ และระบุว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือธนาคารที่ใหญ่ที่สุดบางแห่งของสหรัฐ โดยเตือนว่า ความแข็งแกร่งด้านความน่าเชื่อถือของภาคธนาคารอาจจะถูกทดสอบจากความเสี่ยงด้านการระดมทุน และความสามารถในการทำกำไรที่ลดลง
มูดี้ส์ลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคาร 10 แห่งลง 1 ขั้น และประกาศทบทวนโดยมีแนวโน้มปรับลดลงสำหรับธนาคารขนาดใหญ่อีก 6 แห่ง อาทิ แบงก์ ออฟ นิวยอร์ค เมลลอน, ยูเอส แบนคอร์ป, สเตท สตรีท และทรูอิสต์ ไฟแนนเชียล
มูดี้ส์ระบุว่า "ผลประกอบการในไตรมาส 2 ของธนาคารหลายแห่งแสดงถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นด้านความสามารถในการทำกำไร ซึ่งจะลดความสามารถของพวกเขาที่จะสร้างเงินทุนภายใน และสิ่งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยเล็กน้อยในไม่ช้าในช่วงต้นปีหน้า และดูเหมือนว่าคุณภาพสินทรัพย์จะลดลง โดยมีความเสี่ยงเป็นพิเศษในการถือครองอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ของธนาคารบางแห่ง"
ความเสี่ยงด้านอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น, ความต้องการสำนักงานที่ลดลงอันเป็นผลจากการทำงานทางไกล และการลดลงของสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์
มูดี้ส์ยังเตือนว่า ธนาคารที่มีผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงเป็นจำนวนมากซึ่งไม่ถูกสะท้อนในสัดส่วนเงินทุนตามกฎเกณฑ์นั้น มีความเปราะบางต่อการสูญเสียความเชื่อมั่นท่ามกลางสภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงในปัจจุบัน--จบ--
Eikon source text
วอชิงตัน--12 พ.ค.--รอยเตอร์
บรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) ประกาศในวันพฤหัสบดีว่า ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดราว 113 แห่งของสหรัฐจะแบกรับภาระในการเติมเงินจำนวนมากเข้าสู่กองทุนค้ำประกันเงินฝาก หลังจากทางกองทุนใช้เงินราว 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงที่เกิดวิกฤติภาคธนาคารนับตั้งแต่เดือนมี.ค.เป็นต้นมา ทั้งนี้ FDIC ได้ยื่นข้อเสนอในการประชุมคณะกรรมการว่า FDIC จะคิดค่าธรรมเนียม "การประเมินพิเศษ" ในอัตรา 0.125% ต่อเงินฝากที่ไม่ได้รับการค้ำประกันในธนาคารที่มีขนาดสูงกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ โดยค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะคิดกับปริมาณเงินฝากที่ไม่ได้รับการค้ำประกันที่ธนาคารแต่ละแห่งถือครองไว้ในช่วงสิ้นปี 2022
FDIC ระบุว่า ถึงแม้ว่าค่าธรรมเนียมนี้คิดกับธนาคารทุกแห่งในสหรัฐ ในทางปฏิบัตินั้นธนาคารที่มีสินทรัพย์ต่ำกว่า 5 พันล้านดอลลาร์จะไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมใด ๆ ส่วนธนาคารที่มีขนาดสินทรัพย์สูงกว่า 5.0 หมื่นล้านดอลลาร์จะแบกรับภาระรวมกันสูงกว่า 95% ของค่าใช้จ่ายนี้ ทางด้านซูซาน รอธ แคทส์เคอ นักวิเคราะห์ของธนาคารเครดิต สวิสระบุว่า ธนาคารที่ใหญ่ที่สุด 14 แห่งของสหรัฐจะต้องจ่ายเงินรวมกันราว 5.8 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งจะส่งผลลบราว 3% ต่อผลกำไรต่อหุ้นของธนาคารกลุ่มนี้ ทั้งนี้ มีการประเมินกันว่า ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โคจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมนี้ในปริมาณราว 1.3 พันล้านดอลลาร์ต่อปี, แบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ปจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมราว 1.1 พันล้านดอลลาร์ และเวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โคจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมราว 898 ล้านดอลลาร์
คณะกรรมการของ FDIC ได้อนุมัติข้อเสนอนี้ในวันพฤหัสบดีตามเสียงส่วนใหญ่ โดยสมาชิกพรรคเดโมแครต 3 คนในคณะกรรมการอนุมัติข้อเสนอนี้ แต่สมาชิกพรรครีพับลิกัน 2 คนในคณะกรรมการโหวตคัดค้าน โดยในตอนนี้ FDIC จะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคธนาคารและจากสาธารณชน ก่อนที่จะกำหนดค่าธรรมเนียมใหม่ในขั้นตอนสุดท้าย
กองทุนของ FDIC ค้ำประกันเงินฝากของลูกค้าธนาคารในระดับไม่เกิน 250,000 ดอลลาร์ต่อราย โดยกองทุนแห่งนี้มีขนาด 1.282 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นปี 2022 ทั้งนี้ โดยปกติแล้วธนาคารพาณิชย์มักจะจ่ายค่าธรรมเนียมทุกไตรมาสให้กองทุนแห่งนี้ แต่ FDIC ระบุว่า FDIC จำเป็นต้องเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษในครั้งนี้ด้วย เพื่อชดเชยรายจ่ายจำนวนมากที่เกิดขึ้นหลังจากการล้มของธนาคารซิลิคอน แวลลีย์ (SVB) และธนาคารซิกเนเจอร์ในเดือนมี.ค. โดยหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบได้ประกาศว่าธนาคารทั้งสองแห่งนี้ถือเป็นธนาคารที่มีความสำคัญต่อระบบการเงิน และการประกาศดังกล่าวก็เปิดโอกาสให้ FDIC สามารถค้ำประกันเงินฝากทั้งหมดในธนาคารสองแห่งนี้เพื่อสกัดกั้นวิกฤติภาคธนาคารไม่ให้ลุกลามออกไป นอกจากนี้ การที่ FDIC เข้ายึดธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิกและขายธนาคารดังกล่าวให้แก่ธนาคารเจพี มอร์แกน เชสในช่วงต้นเดือนนี้ ก็อาจจะส่งผลให้ FDIC ต้องเสียเงินอีก 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ด้วย
FDIC จะเก็บค่าธรรมเนียมนี้เป็นเวลา 8 ไตรมาสโดยเริ่มตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2024 แต่อาจจะมีการปรับค่าธรรมเนียมตามการประเมินยอดสูญเสียของกองทุนค้ำประกันเงินฝากที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ ธนาคารระดับภูมิภาคในสหรัฐที่มีเงินฝากที่ไม่ได้รับการค้ำประกันในปริมาณมากรวมถึงธนาคารโคเมริกา แบงก์, เวสเทิร์น อัลไลอันซ์ แบงก์, ไซออนส์ แบงก์ และไซโนวุส ไฟแนนเชียล โดยหุ้นโคเมริกาดิ่งลงเกือบ 7% ในวันพฤหัสบดี ในขณะที่หุ้นไซออนส์และไซโนวุสรูดลงกว่า 4% ส่วนหุ้นเวสเทิร์น อัลไลอันซ์ปรับลง 0.77% ในวันพฤหัสบดี--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--3 พ.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดดิ่งลงในวันอังคาร ในขณะที่หุ้นธนาคารระดับภูมิภาครูดลงอย่างรุนแรง เนื่องจากนักลงทุนกังวลกับปัญหาในระบบการเงิน และนักลงทุนพยายามจะประเมินว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกนานเพียงใด ทั้งนี้ ดัชนี KBW สำหรับหุ้นธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2020 ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคาร และปิดรูดลง 5.5% ในวันอังคาร ซึ่งถือเป็นการรูดลงรายวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค. ในขณะที่หุ้นธนาคารแพคเวสท์ แบงคอร์ปดิ่งลง 27.8%, หุ้นธนาคารเวสเทิร์น อัลไลอันซ์ แบงคอร์ปรูดลง 15.1% และหุ้นธนาคารโคเมริกา อิงค์ดิ่งลง 12.4% ในวันอังคาร
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดดิ่งลง 1.08% สู่ 33,684.53; ดัชนี S&P 500 ปิดรูดลง 1.16% สู่ 4,119.58 และดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 1.08% สู่ 12,080.51 ทางด้านดัชนีความผันผวน Cboe หรือดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดที่ระดับปิดสูงสุดในรอบเกือบ 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง 4.3% และถือเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มใหญ่ที่รูดลงมากที่สุดในวันอังคาร ในขณะที่ราคาน้ำมันดิ่งลง เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐอาจจะผิดนัดชำระหนี้ ทางด้านดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินของสหรัฐรูดลง 2.3% ในวันอังคาร
นักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค.นี้ และนักลงทุนพยายามประเมินในช่วงนี้ว่า เฟดจะหยุดพักจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนมิ.ย.หรือไม่ หรือว่าเฟดมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีก ถ้าหากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ เจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐกล่าวว่า กระทรวงการคลังสหรัฐอาจจะไม่ชำระหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐทั้งหมดได้ภายในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ถ้าหากสภาคองเกรสไม่ผ่านร่างกฎหมายปรับขึ้นเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ
หุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐดิ่งลงต่อเนื่องจากวันจันทร์ หลังจากหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบของรัฐแคลิฟอร์เนียได้เข้ายึดกิจการธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิกในวันจันทร์ และได้ให้บรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) เข้าพิทักษ์ทรัพย์ของเฟิร์สท์ รีพับลิก ซึ่งส่งผลให้เฟิร์สท์ รีพับลิกกลายเป็นธนาคารสำคัญแห่งที่ 3 ในสหรัฐที่ถูกสั่งปิดกิจการในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา หลังจากมีการสั่งปิดกิจการธนาคารซิลิคอน แวลลีย์ (SVB) และธนาคารซิกเนเจอร์ในเดือนมี.ค. โดยการล้มของเฟิร์สท์ รีพับลิกถือเป็นการล้มของธนาคารครั้งใหญ่ที่สุดในสหรัฐนับตั้งแต่ธนาคารวอชิงตัน มิวชวลในปี 2008 ด้วย ทั้งนี้ หน่วยงานควบคุมกฎระเบียบได้ขายสินทรัพย์ส่วนใหญ่ของเฟิร์สท์ รีพับลิกให้แก่ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โคในวันจันทร์
หุ้นเช็กก์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการทางการศึกษาดิ่งลง 48.4% ในวันอังคาร หลังจากเช็กก์คาดการณ์รายได้ไตรมาส 2 ในระดับต่ำ โดยเป็นผลจากการแข่งขันกับ ChatGPT ทั้งนี้ หุ้นสตาร์บัคส์ปิดขยับลง 0.1% ในวันอังคาร ก่อนที่สตาร์บัคส์จะเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสหลังปิดตลาดวันอังคาร--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐได้อัดฉีดเงินฝาก 3.0 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่ธนาคารเฟิร์สต์ รีพับลิค แบงก์เมื่อวานนี้ เพื่อเข้าพยุงกิจการธนาคารแห่งนี้ที่เผชิญกับวิกฤติที่ขยายวงกว้างขึ้นหลังการล้มละลายของธนาคารขนาดกลาง 2 แห่งของสหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ราคาหุ้นเฟิร์สต์ รีพับลิค แบงก์ดิ่งลง 70% ในรอบ 9 วันทำการที่ผ่านมา
ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดหลายแห่งของสหรัฐ อาทิ เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, ซิตี้กรุ๊ป อิงค์, แบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป, เวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โค, โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนเลย์มีส่วนร่วมในการเข้ากอบกู้ครั้งนี้ และหุ้นเฟิร์สต์ รีพับลิค แบงก์ก็ปิดพุ่งขึ้น 10% รับข่าวดังกล่าว แต่ก็ร่วงลง 18% ในการซื้อขายหลังตลาดปิดทำการ หลังจากที่ธนาคารประกาศว่าจะระงับการจ่ายปันผล
ข้อตกลงช่วยเหลือครั้งนี้เกิดขึ้นจากการดำเนินการของนายหน้าผู้มีอำนาจ อาทิ เจเน็ท เยลเลน รมว.คลังสหรัฐ, นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายเจมี ไดมอน ซีอีโอเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งได้หารือถึงมาตรการช่วยเหลือเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
เยนเลนระบุว่า ระบบธนาคารของสหรัฐยังคงแข็งแกร่งเนื่องจากการดำเนินการที่ "เด็ดขาดและแข็งขัน" หลังการล้มละลายของซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์--จบ--
Eikon source text
ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐสามารถผ่านบททดสอบประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นการแสดงถึงความเชื่อมั่นต่อภาคธนาคารท่ามกลางสัญญาณที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจถดถอยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ผลทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) ประจำปีของเฟดพบว่า ธนาคารมีเงินทุนมากพอที่จะผ่านพ้นภาวะเศรษฐกิจตกต่ำรุนแรงได้ และทำให้พวกเขาสามารถซื้อคืนหุ้น และจ่ายปันผลได้
ธนาคาร 34 แห่งที่มีสินทรัพย์มากกว่า 1.00 แสนล้านดอลลาร์ภายใต้การกำกับดูแลของเฟด จะขาดทุนรวมกัน 6.12 แสนล้านดอลลาร์ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำรุนแรง แต่พวกเขาจะยังคงมีเงินทุนภายใต้เกณฑ์ที่กำหนดไว้อยู่เกือบ 2 เท่า
ธนาคารเหล่านี้ อาทิ เจพีมอร์แกน เชส, แบงก์ ออฟ อเมริกา, เวลส์ ฟาร์โก, ซิติกรุ๊ป, มอร์แกน สแตนเลย์ และโกลด์แมน แซคส์จึงสามารถใช้เงินทุนส่วนเกินเพื่อจ่ายปันผล และซื้อคืนหุ้นให้ผู้ถือหุ้นได้
แม้สถานการณ์จำลองในปี 2022 ถูกกำหนดขึ้นก่อนการบุกโจมตียูเครนของรัสเซีย และแนวโน้มเงินเฟ้อที่พุ่งสูงในขณะนี้ แต่ผลการทดสอบก็น่าจะทำให้นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายรู้สึกคลายกังวลว่า ธนาคารของสหรัฐมีการเตรียมตัวดีพร้อมรับสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าอาจจะเกิดภาวะถดถอยในปีนี้ หรือปีหน้า--จบ--
24 ม.ค.--รอยเตอร์
นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐระบุว่า การคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐในช่วงนี้ ในขณะที่การดิ่งลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในสหรัฐกระตุ้นให้นักลงทุนพยายามแสวงหาสินทรัพย์อื่น ๆ ที่จะได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) และได้รับแรงหนุนจากการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด ทั้งนี้ กองทุน ETF ที่ลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาคในสหรัฐของ SPDR พุ่งขึ้นมาแล้ว 2% จากช่วงต้นปีนี้ ซึ่งสวนทางกับดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐที่ดิ่งลงมาแล้ว 6.6% จากช่วงต้นปีนี้ นอกจากนี้ หุ้นธนาคารบางแห่งของสหรัฐก็ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งด้วย โดยหุ้นซิติเซนส์ ไฟแนนเชียล กรุ๊ปพุ่งขึ้นมาแล้ว 8.4% จากช่วงต้นปีนี้ ส่วนหุ้นคีย์คอร์ปทะยานขึ้นมาแล้วเกือบ 9%
ธนาคารระดับภูมิภาคมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ดังนั้นหุ้นกลุ่มนี้จึงได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวในปีนี้เพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ โดยเฟดกำลังจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 25-26 ม.ค. และนักลงทุนคาดว่าเฟดอาจจะเริ่มต้นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. ทั้งนี้ การคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะคุมเข้มนโยบายการเงินมีส่วนช่วยหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีให้พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 2 ปีที่ 1.902% ในวันที่ 19 ม.ค. โดยทะยานขึ้นมาแล้ว 0.567% จากระดับ 1.335% ที่ทำไว้ในวันที่ 12 ธ.ค.
นักลงทุนบางรายคาดว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐและการที่รัฐบาลสหรัฐปรับลดมาตรการกระตุ้นทางการคลัง จะเป็นสองปัจจัยที่ช่วยหนุนให้ยอดสินเชื่อขยายตัวด้วย และปัจจัยนี้อาจช่วยหนุนให้ธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐมีผลกำไรเติบโตขึ้น 70.1% ในปี 2021 ซึ่งจะส่งผลให้หุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาคถือเป็นกลุ่มที่มีผลกำไรเติบโตสูงเป็นอันดับ 7 ในบรรดาหุ้นกลุ่มย่อย 126 กลุ่มในดัชนี S&P 500 ทั้งนี้ นายมุสตาฟา มูนาห์ ผู้ช่วยผู้จัดการพอร์ตลงทุนของบริษัทเจมส์ อินเวสท์เมนท์กล่าวว่า "ถ้าหากคุณต้องการจะลงทุนตามการคาดการณ์ที่ว่า เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะลาดชันมากยิ่งขึ้น วิธีการที่ดีที่สุดก็คือลงทุนในธนาคารระดับภูมิภาค" โดยเขาได้เพิ่มการลงทุนในบริษัทเอสวีบี ไฟแนนเชียล กรุ๊ปในช่วงที่ผ่านมา
ถึงแม้นักลงทุนคาดว่า ธนาคารระดับภูมิภาคส่วนใหญ่จะได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย สถานการณ์ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปถ้าหากเฟดคุมเข้มนโยบายการเงินอย่างรวดเร็วมากเกินไป โดยนายมูนาห์กล่าวว่า ถ้าหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเกินไป ปัจจัยดังกล่าวก็จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ และจะสร้างความเสียหายต่อผลกำไรในภาคธนาคารด้วย แต่เขาคาดว่ามีความเป็นไปได้ไม่มากนักที่จะเกิดสถานการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ เทรดเดอร์ในตลาดสัญญาล่วงหน้า Fed funds คาดว่า มีโอกาส 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนมี.ค. และเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวมกันทั้งหมด 4 ครั้งในปี 2022 ทางด้านนายแกรี เทนเนอร์ นักวิเคราะห์ของบริษัทดี.เอ. เดวิดสัน แอนด์ โคคาดว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวมกันทั้งหมด 4 ครั้งในปี 2022-2023 โดยเพิ่มขึ้นอีก 2 ครั้งจากที่เคยคาดการณ์ไว้เดิม
นักลงทุนรอดูผลประกอบการรายไตรมาสของบริษัทไซออน แบงคอร์ปที่จะออกมาในวันจันทร์, ผลประกอบการของเฟิร์สท์ แบงคอร์ปที่จะออกมาในวันอังคาร และผลประกอบการของยูไนเต็ด แบงก์แชร์ส อิงค์ กับเมอร์แชนท์ แบงคอร์ปที่จะออกมาในวันพุธ ทั้งนี้ นายเทนเนอร์กล่าวว่า "การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะส่งผลบวกต่อตัวเลขคาดการณ์และอัตราผลกำไรของธนาคารระดับภูมิภาค" มากกว่าที่จะส่งผลบวกต่อธนาคารแบบครบวงจร ซึ่งมีรายได้บางส่วนมาจากแผนวาณิชธนกิจ โดยดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารโดยรวมของสหรัฐปรับขึ้นมาแล้ว 0.4% จากช่วงต้นปีนี้--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน