ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



สหรัฐอเมริกา ค่าเฉลี่ยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก4 สัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (Not SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อสินค้าคงทนนอกกระทรวงกลาโหมที่ได้แก้ไข MoM (ไม่รวมเครื่องบิน)(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นการขนส่ง) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นภาคกลาโหม) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงสต็อกก๊าซธรรมชาติประจำสัปดาห์ของ EIAค:--
ค: --
ค: --
ซาอุดิอาระเบีย การผลิตน้ำมันดิบค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การถือครองธนารักษ์สหรัฐฯของธนาคารกลางต่างประเทศรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย ดอกเบี้ยอ้างอิงค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราเงินสดสำรองค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น อินดิเคเตอร์ชั้นนำเบื้องต้น (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax YoY (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax MoM (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้าYoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การส่งออก (พ.ย.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล
นิวยอร์ค--10 ก.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันศุกร์ หลังจากแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน ในขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับรายงานการจ้างงานประจำเดือนมิ.ย.ของสหรัฐ และนักลงทุนรอดูตัวเลขเศรษฐกิจใหม่และผลประกอบการภาคเอกชนที่จะได้รับการรายงานออกมาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรในสหรัฐปรับขึ้น 209,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2020 หรือต่ำที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 225,000 ตำแหน่ง โดยทางกระทรวงได้ปรับทบทวนตัวเลขตำแหน่งงานใหม่ในเดือนเม.ย.และพ.ค.ลงจากเดิม 110,000 ตำแหน่งด้วย นอกจากนี้ ทางกระทรวงยังระบุอีกด้วยว่า จำนวนผู้ที่ทำงานพาร์ทไทม์เพราะเหตุผลทางเศรษฐกิจพุ่งขึ้น 452,000 ราย สู่ 4.2 ล้านราย และสิ่งนี้บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานอ่อนแอลง อย่างไรก็ดี รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงของคนงานสหรัฐปรับขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ค. และค่าแรงแบบเทียบรายปีพุ่งขึ้น 4.4% ในเดือนมิ.ย. และสิ่งนี้บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 0.55% สู่ 33,734.88, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.29% สู่ 4,398.95 และดัชนี Nasdaq ปิดขยับลง 0.13% สู่ 13,660.72 ในวันศุกร์ ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับระดับปิดสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีดาวโจนส์ก็ปิดตลาดสัปดาห์นี้ดิ่งลง 2%, ดัชนี S&P 500 รูดลงราว 1.2% ในสัปดาห์นี้ และดัชนี Nasdaq ปรับลงราว 0.9% ในสัปดาห์นี้
หุ้นกลุ่มปลอดภัยดิ่งลงในวันศุกร์ โดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นรูดลง 1.3% อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 2.1% และดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุบวกขึ้น 0.9% ทางด้านดัชนี Russell 2000 สำหรับหุ้นบริษัทขนาดเล็กของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.2% ในวันศุกร์ ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. เนื่องจากการจ้างงานในสหรัฐยังคงเติบโตเร็วกว่าอัตราที่เคยทำไว้ในช่วง 10 ปีก่อนเกิดวิกฤติโรคระบาด โดยนักลงทุนในตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดว่า มีโอกาส 11.2% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. และมีโอกาส 88.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค.
นายออสตัน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า เขาไม่ได้ไม่เห็นด้วยกับผู้กำหนดนโยบายคนอื่น ๆ ของเฟดในประเด็นที่ว่า เฟดจำเป็นจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่อยู่สูงเกินไป
หุ้นลีวาย สเตราส์ แอนด์ โค ซึ่งเป็นผู้ผลิตชุดยีนส์ดิ่งลง 7.7% หลังจากลีวายปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรประจำปี ทั้งนี้ หุ้นริเวียน ออโตโมทีฟ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าพุ่งขึ้น 14.2% หลังจากริเวียนรายงานยอดจัดส่งรถยนต์รายไตรมาสที่ดีเกินคาด--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--16 มิ.ย.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันพฤหัสบดี ในขณะที่สหรัฐรายงานตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวในวันพฤหัสบดี และตัวเลขดังกล่าวช่วยกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่า วัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ยอดค้าปลีกในสหรัฐปรับขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ค. หลังจากปรับขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. และสวนทางกับโพลล์รอยเตอร์ที่คาดว่า ยอดค้าปลีกอาจปรับลดลง 0.1% ในเดือนพ.ค. ส่วนกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกทรงตัวที่ 262,0000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 10 มิ.ย. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 249,000 ราย นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานยังรายงานอีกด้วยว่า ราคานำเข้าในสหรัฐดิ่งลง 5.9% ในเดือนพ.ค.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2020 หรือครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 3 ปี หลังจากรูดลง 4.9% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายปี โดยราคานำเข้าดิ่งลงมาแล้ว 4 เดือนติดต่อกัน และรายงานตัวเลขนี้ช่วยลดความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดทะยานขึ้น 1.26% สู่ 34,408.06, ดัชนี S&P 500 ปิดพุ่งขึ้น 1.22% สู่ 4,425.84 ซึ่งถือเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบ 14 เดือน และดัชนีพุ่งขึ้นมาแล้ว 15% จากช่วงต้นปี 2023 ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดทะยานขึ้น 1.15% สู่ 13,782.82 ในวันพฤหัสบดี ซึ่งถือเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบ 14 เดือน และดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้นมาแล้วราว 32% จากช่วงต้นปี 2023 โดยดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 4% จากช่วงต้นสัปดาห์นี้ด้วย ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐได้รับแรงหนุนในปีนี้จากสัญญาณบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ, จากผลประกอบการภาคเอกชนที่ดีเกินคาด และจากการคาดการณ์ที่ว่า อัตราดอกเบี้ยสหรัฐใกล้จะแตะจุดสูงสุดของวัฏจักรแล้ว ทั้งนี้ หุ้นทั้ง 11 กลุ่มในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในแดนบวกในวันพฤหัสบดี โดยดัชนีหุ้นกลุ่มการแพทย์พุ่งขึ้น 1.55% และถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มบริการการสื่อสารทะยานขึ้น 1.54% และถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากเป็นอันดับสอง
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาในช่วงนี้บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง และช่วยลดความกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยปัจจัยดังกล่าวมีส่วนกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐให้ร่วงลงด้วย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีปรับลงจาก 3.798% ในช่วงท้ายวันพุธ สู่ 3.728% ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ก็ส่งผลบวกต่อหุ้นเติบโต ซึ่งเป็นกลุ่มที่มักจะได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ หุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 1.1% ในวันพฤหัสบดี ส่วนหุ้นไมโครซอฟท์ทะยานขึ้น 3.2% สู่สถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ โดยทำลายสถิติระดับปิดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ในเดือนพ.ย. 2021
เทรดเดอร์คาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาสราว 33.2% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. และมีโอกาสราว 66.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. นอกจากนี้ เทรดเดอร์ยังคาดการณ์อีกด้วยว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงก่อนสิ้นเดือนธ.ค.ปีนี้
หุ้นโครเกอร์ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกดิ่งลง 2.7% หลังจากโครเกอร์เปิดเผยรายได้ไตรมาสแรกที่ต่ำเกินคาด ทั้งนี้ หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี ซึ่งรวมถึงหุ้นอาลีบาบา กรุ๊ปที่ทะยานขึ้น 3.2% และหุ้นเจดีดอทคอมที่พุ่งขึ้น 3.4% หลังจากธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นโยบายระยะกลางเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือนในวันพฤหัสบดี โดยธนาคารกลางจีนลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลางอายุ 1 ปี (MLF) วงเงิน 2.37 แสนล้านหยวน(3.309 หมื่นล้านดอลลาร์) ให้แก่สถาบันการเงินบางแห่งลง 0.10% สู่ระดับ 2.65% ซึ่งสอดคล้องกับที่คาดไว้--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
หุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี ขณะที่หุ้นที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีพุ่งขึ้นต่อเนื่อง แต่หุ้นกลุ่มธนาคารภูมิภาคร่วงลง เนื่องจากฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้เสนอมาตรการที่เข้มงวดขึ้นเพื่อช่วยลดความเสี่ยง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 141.43 จุด หรือ 0.43% ที่ 32,859.03, ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 23.02 จุด หรือ 0.57% สู่ระดับ 4,050.83 และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 87.24 จุด หรือ 0.73% สู่ 12,013.47
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 1.1% และหนุนดัชนี S&P 500 มากที่สุด ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์ฟิลาเดลเฟียพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี แต่หุ้นกลุ่มธนาคารภูมิภาคร่วงลง ขณะที่ฝ่ายบริหารเรียกร้องให้มีกฎที่เข้มงวดขึ้นที่จะทำให้ธนาคารขนาดกลางแข็งแกร่งขึ้นโดยไม่ต้องเข้าสู่การพิจารณาของสภาคองเกรส
นักลงทุนกำลังรอดูข้อมูลดัชนีการใช้จ่ายการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.พ.ในวันศุกร์ หลังจากข้อมูลเดือนม.ค.พบว่า การใช้จ่ายผู้บริโภคเร่งตัวขึ้นอย่างมาก ขณะที่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) 3 รายได้เปิดโอกาสสำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อทำให้เงินเฟ้อลดลง โดยเจ้าหน้าที่ 2 คนระบุว่า ปัญหาในภาคธนาคารอาจจะเป็นอุปสรรคที่เพียงพอที่จะขัดขวางเศรษฐกิจ
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มมากเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ถึงตลาดแรงงานที่ชะลอตัว ขณะที่ข้อมูลจีดีพีไตรมาส 4 ขยายตัว 2.6% ลดลงเล็กน้อยจาก 2.7% ที่คาดการณ์เบื้องต้น โดยข้อมูลทั้งสองตัวสนับสนุนเหตุผลสำหรับนโยบายที่ผ่อนคลายลงของเฟด--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย เสาวณีย์ เอกปัญญาชัย แปลและเรียบเรียง)
ดอลลาร์อ่อนค่ามาที่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อเทียบกับยูโรในวันพฤหัสบดี ขณะที่ข้อมูลเงินเฟ้อของเยอรมนีช่วยหนุนยูโร และตลาดคลายกังวลเกี่ยวกับภาคธนาคาร
ดอลลาร์อยู่ที่ 132.65 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี อ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดวันพุธที่ 132.84 เยน ส่วนยูโรทรงตัวอยู่ที่ 1.0901 ดอลลาร์ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี พุ่งขึ้นจากระดับ 1.0843 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ ทางด้านดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 102.230 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี อ่อนค่าลงจากระดับ 102.64 ในช่วงท้ายวันพุธ ขณะที่ปอนด์แข็งค่า 0.55% และแข็งค่าเกือบ 3% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการแข็งค่ามากที่สุดเมื่อเทียบรายเดือนนับตั้งแต่เดือนพ.ย. เนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อทั่วไปของอังกฤษไม่มีท่าทีว่าจะชะลอตัวลง ส่วนบิทคอยน์ร่วงลง 1.6% มาที่ 27,913 ดอลลาร์ หลังจากพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 สัปดาห์ที่ 29,170 ดอลลาร์ในช่วงเช้า ทั้งนี้ บิทคอยน์ถูกกดดันเนื่องจากนักลงทุนกังวลกับไบแนนซ์ และนายจ้าว ฉางเผิง ซีอีโอไบแนนซ์ที่ถูกคณะกรรมการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ฟ้องร้องในข้อหาดำเนินงานตลาดที่ผิดกฏหมาย
อัตราเงินเฟ้อในเยอรมนีลดลงอย่างมีนัยสำคัญในเดือนมี.ค.เนื่องจากราคาพลังงานร่วงลง แต่ก็สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ให้คุมเข้มนโยบายการเงินอีก ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของสเปนเพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบรายปีในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2021 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้
นายบิพาน ไร หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์อัตราแลกเปลี่ยนในอเมริกาเหนือจากซีไอบีซี แคปิตอล มาร์เก็ตส์กล่าวว่า "มีความแตกต่างกำลังเกิดขึ้นระหว่างอีซีบี และเฟดที่กำลังถ่วงดอลลาร์อยู่ ข้อมูลเงินเฟ้อของยุโรปบ่งชี้ว่า อีซีบีมีงานที่ต้องทำอีก และนั่นอาจจะอุดช่องว่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายระหว่างอีซีบีและเฟดต่อไป" ขณะที่นายมาร์ค ฮาเฟเล่ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนจากยูบีเอส โกลบอล เวลธ์ แมเนจเมนต์กล่าวว่า "เราเชื่อว่าองค์ประกอบหลักที่หนุนการแข็งค่าของดอลลาร์ในปีที่แล้ว ซึ่งได้แก่การคุมเข้มนโยบายแบบเชิงรุกของเฟด และเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไวอาจจะไม่หนุนดอลลาร์ต่อไป" และเขาแนะให้เพิ่มการถือครองสกุลเงินบางประเทศในกลุ่มจี-10 อาทิ ดอลลาร์ออสเตรเลีย, เยน และฟรังก์สวิส
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐเพิ่มขึ้นปานกลางในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งยังไม่ส่งสัญญาณว่า ภาวะสินเชื่อที่ตึงตัวขึ้นกำลังมีผลกระทบอย่างมากต่อตลาดแรงงานที่ยังตึงตัวอยู่ของสหรัฐ--จบ--
Eikon source text
นิวยอร์ค--7 มี.ค.--รอยเตอร์
ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดขยับขึ้นเล็กน้อยในวันจันทร์ ในขณะที่นักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการลงทุน ก่อนที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะให้การต่อสภาคองเกรสในวันอังคารและวันพุธ และก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ.ออกมาในวันศุกร์ที่ 10 มี.ค. ทั้งนี้ เทรดเดอร์ในตลาดสัญญาล่วงหน้า fed funds คาดการณ์ในวันจันทร์ว่า มีโอกาส 76% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. และมีโอกาส 24% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. โดยเทรดเดอร์คาดว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% อีกอย่างน้อย 3 ครั้งในปีนี้ และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐจะปรับขึ้นจากระดับ 4.67% ในปัจจุบัน สู่จุดสูงสุดของวัฏจักรที่ระดับราว 5.44% ภายในเดือนก.ย.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.12% สู่ 33,431.44; ดัชนี S&P 500 ปิดขยับขึ้น 0.07% สู่ 4,048.42; และดัชนี Nasdaq ปิดขยับลง 0.11% สู่ 11,675.74 ทั้งนี้ ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐนั้น หุ้นกลุ่มวัสดุรูดลง 1.7% และถือเป็นกลุ่มที่ดิ่งลงมากที่สุด หลังจากจีนกำหนดเป้าหมายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับปีนี้ไว้ที่ระดับราว 5% ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำเกินคาด ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในวันจันทร์ โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นบริษัทแอปเปิลที่ทะยานขึ้น 1.9% หลังจากโกลด์แมน แซคส์เริ่มจัดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นแอปเปิลไว้ที่ "ซื้อ" นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังได้รับแรงหนุนจากหุ้นไมโครซอฟท์ที่บวกขึ้น 0.6% และหุ้นแอลฟาเบทที่พุ่งขึ้น 1.6% ด้วย
ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นกว่า 1% ในช่วงแรก โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นแอปเปิล ก่อนจะปิดตลาดในแดนลบในเวลาต่อมา ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 2 ปีและ 10 ปีปรับขึ้นในวันจันทร์ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันจันทร์ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าที่ผลิตในสหรัฐปรับลดลงน้อยเกินคาด โดยยอดสั่งซื้อดังกล่าวปรับลดลงเพียง 1.6% ในเดือนม.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากพุ่งขึ้น 1.7% ในเดือนธ.ค. ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าที่ผลิตในสหรัฐอาจรูดลง 1.8% ในเดือนม.ค. โดยยอดสั่งซื้อในเดือนม.ค.ได้รับแรงกดดันจากยอดสั่งซื้อเครื่องบินพลเรือนที่รูดลง 54.5% ในเดือนม.ค.
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับขึ้นสู่ 3.983% ในวันจันทร์ จาก 3.963% ในวันศุกร์ และการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ส่งผลลบต่อหุ้นเติบโตและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมากเป็นพิเศษ เพราะอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นส่งผลให้มูลค่าของกระแสเงินสดในอนาคตปรับลดลง
แมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโกกล่าวในวันเสาร์ว่า ถ้าหากอัตราเงินเฟ้อและตัวเลขในตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอยู่ในระดับที่ร้อนแรงเกินคาด เฟดก็จำเป็นจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่ผู้กำหนดนโยบายของเฟดเคยคาดการณ์ไว้ในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--14 พ.ย.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกขึ้นในวันศุกร์ โดยปรับขึ้นต่อเนื่องจากวันพฤหัสบดี หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำเกินคาดในวันพฤหัสบดี และตัวเลขดังกล่าวช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐปรับขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ +0.6% สำหรับเดือนต.ค. ส่วนดัชนี CPI ทั่วไปแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 7.7% ในเดือนต.ค. ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ +8.0% สำหรับเดือนต.ค. หลังจากดัชนี CPI ทั่วไปพุ่งขึ้น 8.2% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายปี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับขึ้น 0.10% สู่ 33,749.18, ดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 0.92% สู่ 3,992.93 และดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 1.88% สู่ 11,323.33 ในวันศุกร์ โดยก่อนหน้านี้ดัชนี S&P เพิ่งพุ่งขึ้น 5.54% ในวันพฤหัสบดี และดัชนีเพิ่ง Nasdaq เพิ่งทะยานขึ้น 7.35% ในวันพฤหัสบดี ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 2 ปีครึ่งของดัชนีทั้งสอง อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P 500 ยังคงดิ่งลงมาแล้วราว 16% จากช่วงต้นปีนี้ และอาจจะปิดตลาดปีนี้ด้วยการดิ่งลงรายปีครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008 ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้น 4.15% จากสัปดาห์ที่แล้ว, ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการทะยานขึ้น 5.9% จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. และดัชนี Nasdaq ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้น 8.1% จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการทะยานขึ้นรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.
หุ้น 6 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในแดนบวกในวันศุกร์ โดยหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 3.07% และถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด ส่วนหุ้นกลุ่มบริการการสื่อสารทะยานขึ้น 2.48% และถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากเป็นอันดับสอง ทางด้านดัชนีหุ้นเติบโต ซึ่งครอบคลุมหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี พุ่งขึ้น 1.6% ในวันศุกร์ ในขณะที่ดัชนีหุ้นคุณค่าขยับขึ้นเพียง 0.3% ในวันศุกร์ ทั้งนี้ ดัชนี Nasdaq ได้รับแรงหนุนในวันศุกร์จากหุ้นบริษัทอะเมซอนที่พุ่งขึ้น 4.3%, หุ้นแอปเปิลที่ทะยานขึ้น 1.9% และหุ้นไมโครซอฟท์ที่พุ่งขึ้น 1.7% อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยในวันศุกร์ เพราะดัชนีดาวโจนส์ได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของหุ้นกลุ่มการแพทย์ โดยหุ้นบริษัทยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ปรูดลง 4.1% ในวันศุกร์
นายทิม กริสคีย์ ผู้จัดการพอร์ตลงทุนของบริษัทอิงกัลส์ แอนด์ สไนเดอร์กล่าวว่า "สิ่งที่เราได้เห็นในวันศุกร์เป็นเพียงการปรับตัวตามวันพฤหัสบดี ในขณะที่นักลงทุนนำเงินลงทุนจำนวนมากกลับเข้ามาลงทุนในตลาด บางทีสิ่งนี้อาจจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่ถึงแม้ตลาดหุ้นผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว ตลาดหุ้นก็ยังคงอยู่ห่างไกลจากการพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่" ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่ามีโอกาส 81% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. โดยโอกาสดังกล่าวพุ่งขึ้นจากระดับราว 52% ที่เคยคาดไว้ก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนี CPI และนักลงทุนก็คาดว่ามีโอกาสเพียง 19% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ 4.50-4.75% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.
ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันเข้ามาบ้าง ในขณะที่ FTX ซึ่งเป็นตลาดสกุลเงินคริปโตแถลงว่า FTX จะเริ่มต้นกระบวนการล้มละลายในสหรัฐ และนายแซม แบงค์แมน-ฟรีด ได้ลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของ FTX โดยเป็นผลจากวิกฤติสภาพคล่อง ทั้งนี้ หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐพุ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงหุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิงที่ทะยานขึ้น 1.4% หลังจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของจีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 โดยจีนได้ปรับลดระยะเวลากักตัวสำหรับผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อและผู้ที่เดินทางเข้าประเทศจีนลงจากเดิม 2 วัน รวมทั้งได้ยกเลิกมาตรการลงโทษสายการบินที่นำผู้โดยสารที่ติดเชื้อเข้ามาในประเทศจีนด้วย--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--9 ส.ค.--รอยเตอร์
วุฒิสภาสหรัฐได้ผ่านร่างกฎหมายปรับลดเงินเฟ้อขนาด 4.30 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่ครอบคลุมทั้งประเด็นด้านสภาพภูมิอากาศ, การแพทย์ และภาษี โดยร่างกฎหมายนี้อาจจะส่งผลลบเล็กน้อยต่อผลกำไรในภาคเอกชน และอาจจะส่งผลให้บริษัทหลายแห่งเลื่อนเวลาในการซื้อคืนหุ้นให้เร็วขึ้นจากเดิม นอกจากนี้ ร่างกฎหมายนี้อาจจะส่งผลบวกต่อบริษัทบางกลุ่มด้วย ซึ่งรวมถึงกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า, กลุ่มเชื้อเพลิงชีวภาพ และกลุ่มพลังงานจากแสงอาทิตย์ ทั้งนี้ ร่างกฎหมายนี้ได้ถูกส่งเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในช่วงนี้ และเป็นที่คาดกันว่าสภาผู้แทนราษฎรจะผ่านร่างกฎหมายนี้ในวันศุกร์ที่ 12 ส.ค. และหลังจากนั้นประธานาธิบดีโจ ไบเดนก็จะลงนามในร่างกฎหมายนี้เพื่อให้มีผลเป็นกฎหมาย โดยมาตรการด้านภาษีในกฎหมายฉบับนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2023 ซึ่งรวมถึงการเก็บภาษีสรรพสามิตใหม่ในการซื้อคืนหุ้น และการเก็บภาษีขั้นต่ำ 15% จากบริษัท
ธนาคารโกลด์แมน แซคส์คาดว่า ภาษีสองรายการใหม่นี้จะส่งผลลบราว 1.5% ต่อผลกำไรต่อหุ้นในปี 2023 ของบริษัทในดัชนี S&P 500 โดยบริษัทในกลุ่มการแพทย์และกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) อาจจะได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษ ทั้งนี้ นางโซลิตา มาร์เซลลี หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนทวีปอเมริกาของธนาคาร UBS คาดว่า ภาษีใหม่นี้จะ "ส่งผลลบ 1% ซึ่งถือเป็นระดับที่น้อยมาก ต่อผลกำไรต่อหุ้นของบริษัทในดัชนี S&P 500 อย่างไรก็ดี บริษัทบางแห่งจะได้รับผลกระทบจากภาษีนี้มากกว่าบริษัทอื่น ๆ"
นักลงทุนบางรายคาดว่ากฎหมายนี้จะกระตุ้นให้บริษัทหลายแห่งเร่งซื้อคืนหุ้นในปีนี้ โดยนายโธมัส เฮย์ส ประธานกรรมการบริษัทเกรท ฮิลล์ แคปิตัลกล่าวว่า "สิ่งหนึ่งที่จะเห็นได้ชัดก็คือว่า จะมีการเร่งรัดซื้อคืนหุ้นก่อนสิ้นปีนี้ เพราะบริษัทหลายแห่งไม่ต้องการจะจ่ายภาษีดังกล่าว และบริษัทก็มีโอกาสที่จะไม่ต้องจ่ายภาษีดังกล่าวในปีนี้ ดังนั้นคุณจึงมั่นใจได้ว่าบริษัทเหล่านี้จะฉวยโอกาสนี้" ทั้งนี้ นายโฮเวิร์ด ซิลเวอร์แบลท นักวิเคราะห์ของ S&P ระบุว่า ยอดซื้อคืนหุ้นเคยพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดที่ 2.810 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2022 แต่ดิ่งลง 17.4% ในไตรมาสสอง ทางด้านนายทิม กริสคีย์ นักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทอิงกัลส์ แอนด์ สไนเดอร์กล่าวว่า การเร่งรัดซื้อคืนหุ้นในปีนี้อาจจะช่วยหนุนตลาดหุ้น ในขณะที่ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐดีดขึ้นมาแล้วราว 13% จากจุดต่ำสุดรอบ 1 ปีครึ่งที่ทำไว้ในช่วงกลางเดือนมิ.ย. นอกจากนี้ นายซิลเวอร์แบลทยังกล่าวเสริมว่า ในระยะยาวนั้น การเก็บภาษีในอัตรา 1% นี้ไม่มีแนวโน้มที่จะเป็นอุปสรรคขัดขวางการซื้อคืนหุ้นในภาคเอกชน
นายจาเรท เซเบิร์ก จากบริษัทโคเวน วอชิงตัน รีเสิร์ช กรุ๊ปกล่าวว่า บริษัทต่าง ๆ ไม่มีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองเพื่อตอบรับต่อการเก็บภาษี 1% นี้ อย่างไรก็ดี มีความเสี่ยงที่การเก็บภาษีจากเงินปันผลอาจจะกลายเป็น "หนทางที่ง่ายดายในการระดมทุนเพิ่มเติม" และสภาคองเกรสอาจจะปรับขึ้นอัตราภาษีจาก 1% ในอนาคต ทั้งนี้ นายจอห์น เพทริเดส ผู้จัดการพอร์ตลงทุนของบริษัททอคเคอวิลล์ แอสเซท แมเนจเมนท์กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราภาษีนิติบุคคลอาจจะส่งผลลบต่ออัตราผลกำไรในภาคเอกชน และเขากล่าวเสริมว่า "การปรับขึ้นภาษีจะเป็นการลดแรงจูงใจในการจ้างงาน และอาจจะส่งผลให้มีการจัดสรรรายจ่ายฝ่ายทุนเพื่อนำมาลงทุนในระบบอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น"
หุ้นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของสหรัฐทะยานขึ้นในวันจันทร์ ซึ่งรวมถึงหุ้นริเวียน ออโตโมทีฟที่พุ่งขึ้น 6.78%, หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ที่ทะยานขึ้น 3.14%, หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ส (GM) ที่พุ่งขึ้น 4.16%, หุ้นลอร์ดส์ทาวน์ มอเตอร์สที่ทะยานขึ้น 3.17% และหุ้นเทสลาซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ปรับขึ้น 0.8%หลังจากวุฒิสภาสหรัฐอนุมัติร่างกฎหมายขนาด 4.30 แสนล้านดอลลาร์ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นร่างกฎหมายในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยร่างกฎหมายนี้จะจัดให้มีการลดหย่อนภาษี 4,000 ดอลลาร์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าใช้แล้ว และจะจัดสรรเงินหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อใช้เป็นทุนสำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งนี้ นายเฮย์สกล่าวว่า หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพและหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์น่าจะดีดขึ้น หลังจากธุรกิจกลุ่มนี้เผชิญกับความไม่แน่นอนในช่วงที่ผ่านมา เพราะว่าร่างกฎหมายนี้ไม่ได้ส่งผลลบต่อธุรกิจการแพทย์มากเท่ากับที่เคยคาดการณ์กันไว้ ทางด้านนายปีเตอร์ ทุซ ประธานบริษัทเชส อินเวสท์เมนท์ เคาน์เซลกล่าวว่า ร่างกฎหมายนี้ส่งผลลบเพียงเล็กน้อยต่อธุรกิจการแพทย์ และส่งผลกระทบต่อยาเพียงบางตัวเท่านั้น--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน