ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อสินค้าคงทนนอกกระทรวงกลาโหมที่ได้แก้ไข MoM (ไม่รวมเครื่องบิน)(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นการขนส่ง) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นภาคกลาโหม) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงสต็อกก๊าซธรรมชาติประจำสัปดาห์ของ EIAค:--
ค: --
ค: --
ซาอุดิอาระเบีย การผลิตน้ำมันดิบค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การถือครองธนารักษ์สหรัฐฯของธนาคารกลางต่างประเทศรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย ดอกเบี้ยอ้างอิงค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราเงินสดสำรองค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น อินดิเคเตอร์ชั้นนำเบื้องต้น (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax YoY (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax MoM (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้าYoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การส่งออก (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ค่าจ้าง MoM (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ดุลการค้า (ต.ค.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล
นิวยอร์ค--8 พ.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ ในขณะที่หุ้นบริษัทแอปเปิลทะยานขึ้น 4.69% หลังจากแอปเปิลเปิดเผยผลประกอบการที่น่าพึงพอใจ และตลาดหุ้นสหรัฐยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากตัวเลขการจ้างงานที่บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงรักษาระดับความแข็งแกร่งไว้ได้เป็นอย่างดีด้วย ทั้งนี้ ผลประกอบการรายไตรมาสของแอปเปิลช่วยลดความกังวลของนักลงทุนเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย ในขณะที่หุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบราว 9 เดือน และปิดตลาดทะยานขึ้น 4.69% ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นรายวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2022
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 1.65% สู่ 33,674.38 ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นรายวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค., ดัชนี S&P 500 ปิดทะยานขึ้น 1.85% สู่ 4,136.25 และดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 2.25% สู่ 12,235.41 ทางด้านดัชนีความผันผวน Cboe หรือดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงในวันศุกร์ในระดับที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค. ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P 500 ปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนลบ แต่ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการขยับขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อน
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรในสหรัฐเพิ่มขึ้น 253,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ 180,000 ตำแหน่ง แต่ทางกระทรวงได้ปรับทบทวนตัวเลขของเดือนมี.ค.ให้ต่ำลงจากเดิม โดยระบุว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 165,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. โดยปรับลดลงจากเดิมที่เคยระบุว่า เพิ่มขึ้น 236,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. นอกจากนี้ ทางกระทรวงยังรายงานอีกด้วยว่า ค่าแรงเฉลี่ยต่อชั่วโมงปรับขึ้น 4.4% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ +4.2%
ดัชนี KBW สำหรับหุ้นธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐพุ่งขึ้น 4.7% ในวันศุกร์ ในขณะที่หุ้นธนาคารแพคเวสท์ แบงคอร์ปทะยานขึ้น 81.7% และหุ้นธนาคารเวสเทิร์น อัลไลอันซ์ แบงคอร์ปพุ่งขึ้น 49.2% โดยหุ้นธนาคารระดับภูมิภาคดีดขึ้นในวันศุกร์ หลังจากที่เคยดิ่งลงในช่วงก่อนหน้านี้โดยได้รับแรงกดดันจากการปิดกิจการธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก ทางด้านนักวิเคราะห์ได้ปรับขึ้นอันดับความน่าลงทุนของหุ้นธนาคารบางแห่งที่นักวิเคราะห์มองว่า ถูกเทขายออกมามากเกินไปแล้ว ทั้งนี้ หุ้นทั้ง 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดวันศุกร์ในแดนบวก ในขณะที่การพุ่งขึ้นของหุ้นแอปเปิลช่วยหนุนหุ้นบริษัทอื่น ๆ ในกลุ่มเทคโนโลยีให้ทะยานขึ้นตามไปด้วย
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจปรับลดลงเพียง 0.7% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบรายปี และอาจจะปรับลดลง 4.7% ในไตรมาส 2, ปรับขึ้น 1.8% ในไตรมาส 3, พุ่งขึ้น 9.9% ในไตรมาส 4 และทะยานขึ้น 9.6% ในไตรมาส 1/2024 ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค.ตามความคาดหมาย แต่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการตัดสินใจกันว่า เฟดควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปหรือไม่ ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูง, สัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจชะลอตัวลง และความเสี่ยงที่ธนาคารพาณิชย์อาจจะคุมเข้มการปล่อยกู้ในอนาคต--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--3 พ.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดดิ่งลงในวันอังคาร ในขณะที่หุ้นธนาคารระดับภูมิภาครูดลงอย่างรุนแรง เนื่องจากนักลงทุนกังวลกับปัญหาในระบบการเงิน และนักลงทุนพยายามจะประเมินว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกนานเพียงใด ทั้งนี้ ดัชนี KBW สำหรับหุ้นธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2020 ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคาร และปิดรูดลง 5.5% ในวันอังคาร ซึ่งถือเป็นการรูดลงรายวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค. ในขณะที่หุ้นธนาคารแพคเวสท์ แบงคอร์ปดิ่งลง 27.8%, หุ้นธนาคารเวสเทิร์น อัลไลอันซ์ แบงคอร์ปรูดลง 15.1% และหุ้นธนาคารโคเมริกา อิงค์ดิ่งลง 12.4% ในวันอังคาร
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดดิ่งลง 1.08% สู่ 33,684.53; ดัชนี S&P 500 ปิดรูดลง 1.16% สู่ 4,119.58 และดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 1.08% สู่ 12,080.51 ทางด้านดัชนีความผันผวน Cboe หรือดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดที่ระดับปิดสูงสุดในรอบเกือบ 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง 4.3% และถือเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มใหญ่ที่รูดลงมากที่สุดในวันอังคาร ในขณะที่ราคาน้ำมันดิ่งลง เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐอาจจะผิดนัดชำระหนี้ ทางด้านดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินของสหรัฐรูดลง 2.3% ในวันอังคาร
นักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค.นี้ และนักลงทุนพยายามประเมินในช่วงนี้ว่า เฟดจะหยุดพักจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนมิ.ย.หรือไม่ หรือว่าเฟดมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีก ถ้าหากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ เจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐกล่าวว่า กระทรวงการคลังสหรัฐอาจจะไม่ชำระหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐทั้งหมดได้ภายในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ถ้าหากสภาคองเกรสไม่ผ่านร่างกฎหมายปรับขึ้นเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ
หุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐดิ่งลงต่อเนื่องจากวันจันทร์ หลังจากหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบของรัฐแคลิฟอร์เนียได้เข้ายึดกิจการธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิกในวันจันทร์ และได้ให้บรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) เข้าพิทักษ์ทรัพย์ของเฟิร์สท์ รีพับลิก ซึ่งส่งผลให้เฟิร์สท์ รีพับลิกกลายเป็นธนาคารสำคัญแห่งที่ 3 ในสหรัฐที่ถูกสั่งปิดกิจการในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา หลังจากมีการสั่งปิดกิจการธนาคารซิลิคอน แวลลีย์ (SVB) และธนาคารซิกเนเจอร์ในเดือนมี.ค. โดยการล้มของเฟิร์สท์ รีพับลิกถือเป็นการล้มของธนาคารครั้งใหญ่ที่สุดในสหรัฐนับตั้งแต่ธนาคารวอชิงตัน มิวชวลในปี 2008 ด้วย ทั้งนี้ หน่วยงานควบคุมกฎระเบียบได้ขายสินทรัพย์ส่วนใหญ่ของเฟิร์สท์ รีพับลิกให้แก่ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โคในวันจันทร์
หุ้นเช็กก์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการทางการศึกษาดิ่งลง 48.4% ในวันอังคาร หลังจากเช็กก์คาดการณ์รายได้ไตรมาส 2 ในระดับต่ำ โดยเป็นผลจากการแข่งขันกับ ChatGPT ทั้งนี้ หุ้นสตาร์บัคส์ปิดขยับลง 0.1% ในวันอังคาร ก่อนที่สตาร์บัคส์จะเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสหลังปิดตลาดวันอังคาร--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--20 เม.ย.--รอยเตอร์
ดัชนี S&P 500 และดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดขยับลงเล็กน้อยในวันพุธ ในขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับผลประกอบการของบริษัทสหรัฐที่ไร้ทิศทางชัดเจน ซึ่งรวมถึงผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเทคโนโลยีทางการแพทย์ และการดิ่งลงของหุ้นบริษัทเน็ตฟลิกซ์ ทั้งนี้ หุ้นเน็ตฟลิกซ์รูดลง 3.2% หลังจากเน็ตฟลิกซ์คาดการณ์แนวโน้มที่อ่อนแอเกินคาด โดยเน็ตฟลิกซ์คาดว่ารายได้ในไตรมาส 2 จะอยู่ที่ 8.242 พันล้านดอลลาร์ และกำไรต่อหุ้นปรับลดจะอยู่ที่ 2.86 ดอลลาร์ในไตรมาส 2 แต่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า รายได้ของเน็ตฟลิกซ์จะอยู่ที่ 8.476 พันล้านดอลลาร์ และกำไรต่อหุ้นปรับลดจะอยู่ที่ 3.05 ดอลลาร์ในไตรมาส 2 ทางด้านหุ้นดิสนีย์ซึ่งเป็นคู่แข่งของเน็ตฟลิกซ์ในธุรกิจสตรีมมิงดิ่งลง 2.2% ในวันพุธ และมีส่วนกดดันดัชนีดาวโจนส์ให้ปรับลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับลง 0.23% สู่ 33,897.01, ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 0.01% สู่ 4,154.52; และดัชนี Nasdaq ปิดขยับขึ้น 0.03% สู่ 12,157.23 ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคบวกขึ้น 0.8% ในวันพุธ และถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด ทางด้านดัชนีความผันผวน CBOE หรือดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2021 ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพุธ
ดัชนีดาวโจนส์ได้รับแรงกดดันจากหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป อิงค์ที่รูดลง 3.6% ตามบริษัทคู่แข่งในธุรกิจประกันสุขภาพ โดยหุ้นบริษัทเอเลแวนซ์ เฮลธ์ อิงค์ดิ่งลง 5.3% ในขณะที่นักลงทุนกังวลว่าธุรกิจประกันของเอเลแวนซ์จะได้รับความเสียหายจากปัจจัยด้านกฎระเบียบ ถึงแม้เอเลแวนซ์รายงานผลกำไรรายไตรมาสที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ หุ้นแอบบอทท์ แลบอราทอรีส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์พุ่งขึ้น 7.8% หลังจากแอบบอทท์ระบุว่า กระบวนการทางการแพทย์ที่ไม่เร่งด่วนที่เคยถูกเลื่อนกำหนดออกไปในช่วงเวลา 3 ปีที่เกิดวิกฤติโรคระบาด ได้กลับมาดำเนินการตามปกติแล้วเป็นส่วนใหญ่ทั่วโลก ทางด้านหุ้นบริษัทอินทูอิทิฟ เซอร์จิคัลทะยานขึ้น 10.9% หลังจากทางบริษัทรายงานตัวเลขผลกำไรและรายได้รายไตรมาสที่สูงเกินคาด
นักลงทุนคาดว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 อาจจะมีผลกำไรดิ่งลง 4.8% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบรายปี โดยนายริค เมคเลอร์ หุ้นส่วนของบริษัทเชอร์รี เลน อินเวสท์เมนท์กล่าวว่า "ตลาดหุ้นดูเหมือนจะเคลื่อนตัวในกรอบแคบ ในขณะที่นักลงทุนกลุ่มหนึ่งคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่นักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่งคาดว่า เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป"
หุ้นเทสลาซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าดิ่งลง 2% หลังจากเทสลาปรับลดราคาขายรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐลงเป็นครั้งที่ 6 ของปีนี้ ทั้งนี้ หุ้นเวสเทิร์น อัลไลอันซ์ แบงคอร์ป ซึ่งเป็นธนาคารระดับภูมิภาคพุ่งขึ้น 24.1% หลังจากทางธนาคารเปิดเผยผลกำไรที่แข็งแกร่งเกินคาด และปัจจัยนี้มีส่วนช่วยหนุนกองทุน SPDR S&P Regional Banking ETF ที่ลงทุนในธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐให้พุ่งขึ้น 3.9%--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐได้อัดฉีดเงินฝาก 3.0 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่ธนาคารเฟิร์สต์ รีพับลิค แบงก์เมื่อวานนี้ เพื่อเข้าพยุงกิจการธนาคารแห่งนี้ที่เผชิญกับวิกฤติที่ขยายวงกว้างขึ้นหลังการล้มละลายของธนาคารขนาดกลาง 2 แห่งของสหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ราคาหุ้นเฟิร์สต์ รีพับลิค แบงก์ดิ่งลง 70% ในรอบ 9 วันทำการที่ผ่านมา
ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดหลายแห่งของสหรัฐ อาทิ เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, ซิตี้กรุ๊ป อิงค์, แบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป, เวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โค, โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนเลย์มีส่วนร่วมในการเข้ากอบกู้ครั้งนี้ และหุ้นเฟิร์สต์ รีพับลิค แบงก์ก็ปิดพุ่งขึ้น 10% รับข่าวดังกล่าว แต่ก็ร่วงลง 18% ในการซื้อขายหลังตลาดปิดทำการ หลังจากที่ธนาคารประกาศว่าจะระงับการจ่ายปันผล
ข้อตกลงช่วยเหลือครั้งนี้เกิดขึ้นจากการดำเนินการของนายหน้าผู้มีอำนาจ อาทิ เจเน็ท เยลเลน รมว.คลังสหรัฐ, นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายเจมี ไดมอน ซีอีโอเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งได้หารือถึงมาตรการช่วยเหลือเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
เยนเลนระบุว่า ระบบธนาคารของสหรัฐยังคงแข็งแกร่งเนื่องจากการดำเนินการที่ "เด็ดขาดและแข็งขัน" หลังการล้มละลายของซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์--จบ--
Eikon source text
ธนาคารเครดิตสวิสเปิดเผยว่า จะกู้เงิน 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์จากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อนำมาพยุงสภาพคล่อง และความเชื่อมั่นของนักลงทุน หลังจากที่การดิ่งลงของหุ้นได้เพิ่มความวิตกเกี่ยวกับวิกฤติการเงินโลก ซึ่งการประกาศของธนาคารกลางช่วยสกัดแรงเทขายหุ้นในตลาดการเงินในการซื้อขายที่ตลาดเอเชียในวันนี้ได้ หลังจากที่ดิ่งลงอย่างหนักในตลาดยุโรปและสหรัฐเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนรู้สึกวิตกกับแนวโน้มที่จะมีการแห่ถอนเงินออกจากธนาคารทั่วโลก
เครดิตสวิสระบุในแถลงการณ์ว่า จะใช้ทางเลือกในการกู้เงินจากธนาคารกลางไม่เกิน 5.0 หมื่นล้านฟรังก์สวิส (5.4 หมื่นล้านดอลลาร์) หลังจากที่ทางการสวิสออกมารับประกันว่า เครดิตสวิสมีการดำรงเงินทุนและสภาพคล่องตามที่กำหนดไว้กับธนาคารที่มีความสำคัญต่อระบบ และอาจจะเข้าถึงสภาพคล่องของธนาคารกลาง ถ้าจำเป็น
เครดิตสวิสนับเป็นธนาคารชั้นนำระดับโลกแห่งแรกที่จะได้รับความช่วยเหลือฉุกเฉินนับตั้งแต่วิกฤติการเงินในปี 2008 และปัญหาของเครดิตสวิสก็ทำให้เกิดความไม่แน่ใจอย่างมากว่า ธนาคารกลางต่างๆจะสามารถต่อสู้กับเงินเฟ้อต่อไปด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบเชิงรุกได้หรือไม่
ปัญหาของธนาคารที่ก่อตั้งมา 167 ปีแล้วแห่งนี้ทำให้นักลงทุนและผู้ควบคุมกฎระเบียบเปลี่ยนความสนใจจากสหรัฐมาที่ยุโรป ซึ่งเครดิตสวิสทำให้มีแรงเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากนักลงทุนรายใหญ่สุดของธนาคารเปิดเผยว่าไม่สามารถให้ความช่วยเหลือทางการเงินได้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ
นักลงทุนกำลังจับตาดูการดำเนินการของธนาคารกลางและผู้ควบคุมกฎในประเทศอื่นเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระบบธนาคารด้วย รวมทั้งความเสี่ยงทางธุรกิจที่อาจจะมีกับเครดิตสวิส ขณะที่การปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ยากขึ้นที่ธุรกิจบางส่วนจะชำระคืน หรือจ่ายหนี้ ซึ่งเพิ่มโอกาสที่จะเกิดผลขาดทุนสำหรับธนาคารที่มีความวิตกเกี่ยวกับภาวะถดถอย--จบ--
Eikon source text
นิวยอร์ค--16 มี.ค.--รอยเตอร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์และดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันพุธ แต่ดัชนี Nasdaq ปิดขยับขึ้น ในขณะที่ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันจากปัญหาในธนาคารเครดิต สวิส และจากความกังวลเรื่องวิกฤติภาคธนาคาร และปัจจัยลบดังกล่าวบดบังแรงหนุนที่ตลาดหุ้นได้รับจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. ทั้งนี้ หุ้นธนาคารเครดิต สวิสในสวิตเซอร์แลนด์ดิ่งลง 24.2% ในวันพุธ หลังจากรายงานประจำปี 2022 ของเครดิต สวิสที่ออกมาในวันอังคารเปิดเผยว่ามี "จุดอ่อนสำคัญ" ในการควบคุมภายในในกระบวนการรายงานทางการเงิน และธนาคารซาอุดิ เนชันแนล แบงก์ ซึ่งถือครองหุ้น 9.88% ในเครดิต สวิส และถือเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดในเครดิต สวิสเปิดเผยว่า ทางธนาคารไม่สามารถเพิ่มการถือหุ้นในเครดิต สวิสได้อีกเนื่องจากติดปัญหาด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับขนาดการถือครองหุ้น อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐได้รับแรงหนุนเข้ามาบ้างในช่วงบ่าย หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์กำลังจัดการประชุมเรื่องทางเลือกต่าง ๆ ในการรักษาเสถียรภาพในเครดิต สวิส
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 0.87% สู่ 31,874.57, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.70% สู่ 3,891.93 แต่ดัชนี Nasdaq ปิดขยับขึ้น 0.05% สู่ 11,434.05 ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง 5.42% และถือเป็นกลุ่มที่รูดลงมากที่สุดในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐ ทางด้านดัชนี KBW สำหรับหุ้นธนาคารระดับภูมิภาคในสหรัฐดิ่งลง 1.57% และดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐรูดลง 3.62% โดยได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ ซึ่งรวมถึงหุ้นธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, ซิตี้กรุ๊ป และแบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป
นักลงทุนบางรายมองว่า การที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้เกิดปัญหาในระบบการเงิน โดยนายแจ็ค เอบลิน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทเครสเซท แคปิตัลกล่าวว่า "เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา ดังนั้นผมจึงคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ถือเป็นโอกาสสำหรับเฟดในการหยุดพักจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย" ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีร่วงลงจาก 3.636% ในช่วงท้ายวันอังคาร สู่ 3.494% ในช่วงท้ายวันพุธ ในขณะที่นักลงทุนในตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดการณ์ในวันพุธว่า มีโอกาสราว 50% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50-4.75% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. และมีโอกาสราว 50% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันพุธว่า ยอดค้าปลีกสหรัฐร่วงลง 0.4% ในเดือนก.พ. หลังจากพุ่งขึ้น 3.2% ในเดือนม.ค. ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า ยอดค้าปลีกอาจปรับลดลง 0.3% ในเดือนก.พ. ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพุธว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) สำหรับอุปสงค์ขั้นสุดท้ายปรับลดลง 0.1% ในเดือนก.พ.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. ส่วนดัชนี PPI แบบเทียบรายปีปรับขึ้น 4.6% ในเดือนก.พ. หลังจากพุ่งขึ้น 5.7% ในเดือนม.ค. ทั้งนี้ การปรับลงของดัชนี PPI เมื่อเทียบรายเดือนและการชะลอตัวลงของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สหรัฐในเดือนก.พ.ช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนคาดการณ์กันว่า เฟดอาจจะชะลอความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ในบรรดาหุ้นกลุ่มธนาคารในสหรัฐนั้น หุ้นธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิกดิ่งลง 21.37% ในวันพุธ และหุ้นธนาคารแพคเวสท์ แบงคอร์ปรูดลง 12.87% อย่างไรก็ดี หุ้นธนาคารเวสเทิร์น อัลไลอันซ์ แบงคอร์ปพุ่งขึ้น 8.3% และหุ้นบริษัทชาร์ลส์ ชวอป คอร์ปซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์ทะยานขึ้น 5% ในขณะที่นักลงทุนมองหาหุ้นบริษัทการเงินที่ไม่ได้มีความเสี่ยงทางการลงทุนมากนัก--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
บริษัทมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสได้ทบทวนแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของระบบธนาคารสหรัฐเป็น "เชิงลบ" จาก "มีเสถียรภาพ" โดยระบุถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นสำหรับระบบธนาคาร หลังจากการล้มละลายของเอสวีบี ไฟแนนเชียล กรุ๊ปทำให้เกิดความวิตกว่าจะเกิดผลกระทบลุกลาม
การแห่ถอนเงินออกจากธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์, ซิลเวอร์เกต แคปิตอล คอร์ป และซิกเนเจอร์ แบงก์ทำให้สภาวะการดำเนินงานสำหรับภาคธนาคารย่ำแย่ลง ซึ่งภาคธนาคารกำลังเผชิญกับวิกฤติความเชื่อมั่นทั้งจากนักลงทุนและผู้ฝากเงิน
ธนาคารที่มีผลขาดทุนจากหลักทรัพย์ที่ยังไม่รับรู้ "เป็นจำนวนมาก" และมีเงินฝากที่ไม่มีการคุ้มครอง อาจจะได้รับผลกระทบมากขึ้น ขณะที่ลูกค้ามองหาทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าเพื่อนำเงินไปฝาก
มูดี้ส์ยังคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไป ซึ่งสวนทางกับอีกหลายแห่งที่คาดว่า การล้มละลายของธนาคารในเดือนนี้จะกำหนดแนวทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยใหม่--จบ--
Eikon source text
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน