ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



สหรัฐอเมริกา ค่าเฉลี่ยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก4 สัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (Not SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อสินค้าคงทนนอกกระทรวงกลาโหมที่ได้แก้ไข MoM (ไม่รวมเครื่องบิน)(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นการขนส่ง) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นภาคกลาโหม) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงสต็อกก๊าซธรรมชาติประจำสัปดาห์ของ EIAค:--
ค: --
ค: --
ซาอุดิอาระเบีย การผลิตน้ำมันดิบค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การถือครองธนารักษ์สหรัฐฯของธนาคารกลางต่างประเทศรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย ดอกเบี้ยอ้างอิงค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราเงินสดสำรองค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น อินดิเคเตอร์ชั้นนำเบื้องต้น (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax YoY (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax MoM (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้าYoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การส่งออก (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ค่าจ้าง MoM (ต.ค.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล
นิวยอร์ค--16 ก.พ.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกขึ้นในวันพุธ หลังจากสหรัฐรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาด และตัวเลขดังกล่าวถือเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐสามารถรักษาระดับความแข็งแกร่งไว้ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นปรับขึ้นเพียงในวงจำกัด เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกสหรัฐพุ่งขึ้น 3.0% ในเดือนม.ค. ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2021 หรือครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี หลังจากยอดค้าปลีกเพิ่งดิ่งลง 1.1% ในเดือนธ.ค. ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่า ยอดค้าปลีกอาจปรับขึ้น 1.8% ในเดือนม.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับขึ้น 0.11% สู่ 34,128.05, ดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 0.28% สู่ 4,147.60 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับขึ้น 0.92% สู่ 12,070.59 โดยดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นมาแล้วราว 8% จากช่วงต้นปี 2023 ส่วนดัชนี Nasdaq ดีดขึ้นมาแล้วราว 15% จากช่วงต้นปีนี้ ทั้งนี้ หุ้น 9 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในแดนบวก โดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้น 1.2% และถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด
ตลาดหุ้นได้รับแรงหนุนจากฤดูการรายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่ดีเกินคาด โดยขณะนี้บริษัทกว่าครึ่งหนึ่งในดัชนี S&P 500 ได้รายงานผลประกอบการออกมาแล้ว และบริษัทเกือบ 70% ในกลุ่มนี้รายงานผลกำไรที่สูงเกินคาด และสัดส่วนนี้ก็อยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 66% ทั้งนี้ หุ้นโรบล็อกซ์ซึ่งเป็นบริษัทเกมออนไลน์สำหรับเด็กพุ่งขึ้น 26% หลังจากโรบล็อกซ์รายงานยอดการจองรายไตรมาสที่อยู่สูงเกินคาด
หุ้นบริษัทแอปเปิล, แอลฟาเบท, อะเมซอน และเทสลาพุ่งขึ้น 1.4-2.4% ในวันพุธ และปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ทั้งนี้ หุ้นบริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริง (TSMC) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปดิ่งลง 5.3% ในตลาดสหรัฐ หลังจากบริษัทเบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ปรับลดการถือครองหุ้น TSMC
หุ้นแอร์บีเอ็นบีพุ่งขึ้น 13.4% หลังจากแอร์บีเอ็นบีเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการเดินทางท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ หุ้นเดวอน เอ็นเนอร์จี ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันหินเชลดิ่งลง 10.5% หลังจากเดวอนรายงานผลกำไรรายไตรมาสที่ต่ำเกินคาด โดยเป็นผลจากรายจ่ายที่สูงขึ้น และเป็นผลจากภาวะอากาศหนาวจัดในสหรัฐที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
5 ม.ค.--รอยเตอร์
ข้อมูลจากตลาดหุ้นในไต้หวัน, อินเดีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, ไทย, อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นใน 7 ประเทศนี้เป็นมูลค่า 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2022 ซึ่งถือเป็นยอดเงินลงทุนไหลออกที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008 หรือสูงที่สุดในรอบ 14 ปี ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวมกัน 4.25% ในปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้เงินลงทุนหลั่งไหลเข้าสู่สินทรัพย์ในรูปดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้น 2.30% สู่ 3.83% ในปีที่แล้ว และปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติลดความต้องการซื้อหุ้นเอเชียที่มีความเสี่ยงสูง
ตลาดหุ้นไต้หวันมีเงินลงทุนต่างชาติไหลออก 4.16 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าสูงที่สุดใน 7 ประเทศนี้ ส่วนตลาดหุ้นอินเดียมีเงินลงทุนต่างชาติไหลออก 1.54 หมื่นล้านดอลลาร์ และตลาดหุ้นเกาหลีใต้มีเงินลงทุนต่างชาติไหลออก 9.6 พันล้านดอลลาร์ ทางด้านดัชนี MSCI สำหรับหุ้นภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกดิ่งลง 19.4% ในปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่รูดลง 43.3% ในปี 2008
นักวิเคราะห์บางรายคาดว่า ต่างชาติจะยังคงถอนเงินลงทุนออกจากหุ้นเอเชียต่อไปในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ในขณะที่เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้
นายเยียป จุน หรง นักยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดของบริษัท IG กล่าวว่า "นักลงทุนจะยังคงใช้ความระมัดระวังในการลงทุนในภูมิภาคนี้ในช่วงครึ่งปีแรก ในขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการที่ธนาคารกลางทั่วโลกคุมเข้มนโยบายการเงิน และปรับตัวรับความเสี่ยงที่ว่า การเปิดเศรษฐกิจจีนอาจจะส่งผลให้เชื้อไวรัสแพร่ระบาดข้ามพรมแดน"
ในส่วนของตัวเลขเฉพาะเดือนธ.ค. 2022 นั้น ตลาดหุ้นเอเชียยกเว้นญี่ปุ่นและจีนมียอดเงินลงทุนต่างชาติไหลออกสุทธิ 3 พันล้านดอลลาร์ โดยตลาดหุ้นไต้หวันมีเงินลงทุนต่างชาติไหลออก 2.55 พันล้านดอลลาร์, ตลาดหุ้นอินโดนีเซียมีเงินลงทุนต่างชาติไหลออก 1.34 พันล้านดอลลาร์ และตลาดหุ้นเกาหลีใต้มีเงินลงทุนต่างชาติไหลออก 1.31 พันล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นอินเดียมีเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าสุทธิ 1.36 พันล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค., ตลาดหุ้นเวียดนามมีเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าสุทธิ 559 ล้านดอลลาร์ และตลาดหุ้นไทยมีเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าสุทธิ 372 ล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค.--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิหุ้นเอเชียสูงสุดในรอบ 2 ปีในเดือนพ.ย.จากความหวังที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดอัตราในการขึ้นดอกเบี้ย และการคาดการณ์ว่า จีนจะทยอยผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ และเปิดประเทศนั้นหนุนความเชื่อมั่นด้วย
ข้อมูลจากตลาดหุ้นไตหวัน, อินเดีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, ไทย, อินโดนีเซียและเกาหลีใต้พบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 1.518 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย. ซึ่งมากที่สุดตั้งแต่เดือนพ.ย.2020
ดัชนี MSCI สำหรับตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิกพุ่งขึ้น 14.8% ในเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบรายเดือนในรอบ 24 ปี หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยแบบเชิงรุกของเฟดในปีนี้
หุ้นไทยและหุ้นเวียดนามได้รับคำสั่งซื้อสุทธิ 822 ล้านดอลลาร์ และ 683 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ
นักวิเคราะห์ยังมีความหวังต่อแรงซื้อในตลาดเกิดใหม่ในเอเชียด้วย ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างมากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนีดอลลาร์แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 เดือนในสัปดาห์นี้จากการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราการขึ้นดอกเบี้ย หลังจากที่ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% มา 4 ครั้งติดต่อกัน--จบ--
หุ้นเอเชียได้รับคำสั่งซื้อเล็กน้อยในเดือนต.ค. หลังจากถูกเทขายอย่างหนักในเดือนก.ย. และนักวิเคราะห์คาดว่า ความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก และดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะถ่วงกระแสเงินที่จะไหลเข้าเอเชียในระยะใกล้
ข้อมูลจากตลาดหุ้นไต้หวัน, อินเดีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, ไทย, อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้พบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิหุ้นมูลค่า 53 ล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. หลังจากที่ขายสุทธิ 8.8 พันล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย.
นายมานิชิ เรย์โชดูรี ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหุ้นเอแปคจากบีเอ็นพี พาริบาส์กล่าวว่า "ปัจจัยต้านเอเชียรุนแรงขึ้นเนื่องจากสหรัฐได้เพิ่มมาตรการจำกัดบริษัทจีนที่จัดหาเทคโนโลยีสหรัฐ และยังมีความไม่แน่ใจเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเอเชียด้วย"
หุ้นเกาหลีใต้ได้รับคำสั่งซื้อมากที่สุดที่ 2.1 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นอินโดนีเซีย และไทยได้รับคำสั่งซื้อ 729 ล้านดอลลาร์ และ 196 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ
เขากล่าวว่า "เม็ดเงินที่จะไหลเข้าเอเชีย โดยเฉพาะเอเชียเหนือ ยังคงน่าท้าทายท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในประเทศพัฒนาแล้ว และดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งปัจจัยขับเคลื่อนตัวทั้งสองตัวน่าจะคงอยู่ต่อไปในระยะใกล้"--จบ--
นิวยอร์ค--15 ก.ค.--รอยเตอร์
ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี ในขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงเกินคาด และปรับตัวรับผลประกอบการรายไตรมาสที่น่าผิดหวังของธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และธนาคารมอร์แกน สแตนเลย์ของสหรัฐ อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นลดช่วงติดลบกลับขึ้นมาได้บ้างในเวลาต่อมา ในขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มไมโครชิปของสหรัฐปิดพุ่งขึ้น 1.92% และปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ของตลาดหุ้นสหรัฐให้ปิดตลาดในแดนบวกในวันพฤหัสบดี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 0.46% สู่ 30,630.17, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.30% สู่ 3,790.38 และดัชนี Nasdaq ปิดขยับขึ้น 0.03% สู่ 11,251.19 ทั้งนี้ หุ้น 8 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในแดนลบ โดยดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินปิดดิ่งลง 1.9% และถือเป็นกลุ่มที่รูดลงมากที่สุดในวันพฤหัสบดี ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐดิ่งลง 2.4% ในขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกน เชสรูดลง 3.5% หลังจากนายเจมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกนแสดงความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก ส่วนหุ้นมอร์แกน สแตนเลย์ปรับลง 0.4% หลังจากแผนกวาณิชธนกิจของมอร์แกน สแตนเลย์ได้รับแรงกดดันจากภาวะตกต่ำในการทำข้อตกลงทางธุรกิจทั่วโลก ทั้งนี้ นายเจย์ แฮทฟิลด์ ซีอีโอของบริษัทอินฟราแคปกล่าวว่า ตลาดหุ้นแสดงปฏิกิริยามากเกินไปต่อผลประกอบการของเจพีมอร์แกน และมอร์แกน สแตนเลย์ เพราะนักลงทุนรู้อยู่แล้วว่าแผนกวาณิชธนกิจน่าจะอยู่ในภาวะอ่อนแอ
นักลงทุนกังวลกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่สูงเกินคาดในวันพฤหัสบดี โดยดัชนี PPI สำหรับอุปสงค์ขั้นสุดท้ายของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนมิ.ย. หลังจากปรับขึ้น 0.9% ในเดือนพ.ค. ส่วนดัชนี PPI แบบเทียบรายปีพุ่งขึ้น 11.3%ในเดือนมิ.ย. หลังจากปรับขึ้น 10.9% ในเดือนพ.ค. ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PPI ในเดือนมิ.ย.อาจปรับขึ้น 0.8% เมื่อเทียบรายเดือน และอาจปรับขึ้น 10.7% เมื่อเทียบรายปี ทั้งนี้ แรงเทขายในตลาดหุ้นชะลอตัวลงในเวลาต่อมา หลังจากนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เขาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% อีกครั้งในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค. โดยถ้อยแถลงของเขาส่งผลให้นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในเดือนก.ค.
ฤดูการรายงานผลประกอบการไตรมาสสองของสหรัฐได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ผลกำไรไตรมาสสองของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจปรับขึ้น 5.1% เมื่อเทียบรายปี โดยปรับลดลงจากระดับ +6.8% ที่เคยคาดการณ์ไว้ในช่วงต้นไตรมาสสอง--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน