ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเบื้องต้น (SA) (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้าYoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การส่งออก (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ค่าจ้าง MoM (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ดุลการค้า (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น GDP Nominal แก้ไขQoQ (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ดุลการค้า (SA)(ข้อมูลศุลกากร) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น GDP ประจำปี (แก้ไข) QoQ (ไตรมาส 3)--
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
เยอรมนี การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน Sentix (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อินดิเคเตอร์ชั้นนำ MoM (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจแห่งชาติ--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา อัตราผลตอบแทนการประมูลพันธบัตรรัฐบาล 3-ปี--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนียอดค้าปลีกรวม BRC YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนียอดค้าปลีก Like-For-Like BRC YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
ออสเตรเลีย อัตราหลัก(ดอกเบี้ยเงินกู้)O/N--
ค: --
ค: --
คำแถลงอัตราของธนาคารกลางออสเตรเลีย
ประธานธนาคารกลางออสเตรเลีย Bullock จัดงานแถลงข่าวนโยบายการเงิน
เยอรมนี อัตราการส่งออก MoM (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็ก NFIB (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก CPI หลัก YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก อัตราเงินเฟ้อ 12-เดือน (CPI) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล
นิวยอร์ค--3 ส.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันอังคาร หลังจากแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน ในขณะที่ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น หลังจากนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเดินทางเยือนไต้หวัน โดยนางเพโลซีถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของสหรัฐที่เดินทางเยือนไต้หวันในรอบ 25 ปี ทั้งนี้ นางเพโลซีกล่าวว่า การเดินทางเยือนไต้หวันของเธอสะท้อนให้เห็นถึงความสามัคคีกันระหว่างสหรัฐกับไต้หวัน แต่จีนประณามการเดินทางเยือนไต้หวันครั้งนี้ว่าเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและเสถียรภาพ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดดิ่งลง 1.23% สู่ 32,396.30, ดัชนี S&P 500 ปิดร่วงลง 0.67% สู่ 4,091.19 และดัชนี Nasdaq ปิดขยับลง 0.16% สู่ 12,348.76 ทั้งนี้ หุ้นทั้ง 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงในวันอังคาร โดยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ดิ่งลง 1.3% และถือเป็นกลุ่มที่ดิ่งลงมากที่สุด ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินรูดลง 1.1% ทางด้านหุ้นบริษัทไมโครซอฟท์ร่วงลง 1.1% ส่วนหุ้นบริษัทวีซ่าดิ่งลง 2.4% และส่งผลลบต่อดัชนี S&P 500
หุ้นบริษัทผู้ผลิตชิปที่มีธุรกิจในจีนปรับตัวอย่างไร้ทิศทางในวันอังคาร โดยหุ้นบริษัทแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวเซส (AMD) พุ่งขึ้น 2.6% ในวันอังคาร ก่อนที่ AMD จะรายงานผลประกอบการรายไตรมาสหลังจากตลาดปิดทำการ ส่วนหุ้นแคเทอร์พิลลาร์ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมดิ่งลง 5.8% หลังจากแคเทอร์พิลลาร์ประกาศเตือนว่า อุปสงค์ในรถขุดของแคเทอร์พิลลาร์ในจีนอาจจะดิ่งลงอย่างรุนแรง ในขณะที่แคเทอร์พิลลาร์ประสบปัญหาอยู่แล้วจากการขาดตอนในห่วงโซ่อุปทาน อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มอาวุธของสหรัฐพุ่งขึ้น โดยหุ้นบริษัทเรย์ธีออน เทคโนโลยีส์, ล็อคฮีด มาร์ติน, นอร์ธรอป กรัมแมน และแอลธรีแฮร์ริส เทคโนโลยีส์ปิดบวกขึ้น 0.5-2.3% เนื่องจากสหรัฐเป็นผู้ขายอาวุธรายใหญ่ให้แก่ไต้หวัน
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานผลสำรวจตำแหน่งงานว่างและการเข้า-ออกงาน (JOLTS) ในวันอังคาร โดยระบุว่ายอดการเปิดรับสมัครงานในสหรัฐดิ่งลงในเดือนมิ.ย.ในระดับที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 2 ปี ในขณะที่ความต้องการคนงานชะลอตัวลงในภาคค้าปลีกและภาคค้าส่ง แต่ตลาดแรงงานโดยรวมยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว ทั้งนี้ ยอดการเปิดรับสมัครงานในสหรัฐดิ่งลง 605,000 ตำแหน่ง สู่ 10.7 ล้านตำแหน่งในวันสุดท้ายของเดือนมิ.ย. ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2021 และการดิ่งลงในเดือนมิ.ย.นี้ถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2020 อย่างไรก็ดี มีคนงานอย่างน้อย 4.2 ล้านคนที่สมัครใจลาออกจากงานในเดือนมิ.ย.
ผลประกอบการภาคเอกชนที่สดใสช่วยหนุนตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยดัชนี S&P 500 ดีดขึ้นมาแล้วราว 12% จากจุดต่ำสุดของช่วงกลางเดือนมิ.ย. ทั้งนี้ หุ้นอูเบอร์ เทคโนโลยีส์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเรียกรถพุ่งขึ้น 18.9% หลังจากอูเบอร์รายงานว่า ทางบริษัทมีกระแสเงินสดรายไตรมาสเป็นบวกเป็นครั้งแรก และอูเบอร์คาดการณ์ในทางบวกต่อผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสสาม ทางด้านหุ้นเทสลาพุ่งขึ้น 1.1% หลังจากซิตี้กรุ๊ปปรับขึ้นราคาเป้าหมายของหุ้นเทสลา โดยหุ้นเทสลามีมูลค่าการซื้อขาย 2.87 หมื่นล้านดอลลาร์ในวันอังคาร และครองตำแหน่งหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายมากที่สุดในดัชนี S&P 500 ในวันอังคาร--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--7 ก.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน ก่อนจะปิดตลาดในแดนบวกในวันพุธ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมกำหนดนโยบายประจำวันที่ 14-15 มิ.ย.ในวันพุธ โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า ภาวะเงินเฟ้อที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และความกังวลที่ว่าประชาชนจะหมดศรัทธาในเฟดส่งผลให้เจ้าหน้าที่เฟดสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% และสนับสนุนให้เฟดประกาศย้ำถึงความตั้งใจที่จะควบคุมภาวะเงินเฟ้อ ทั้งนี้ รายงานการประชุมระบุอีกด้วยว่า เจ้าหน้าที่เฟดมองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% หรือ 0.75% มีแนวโน้มว่าจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมในการประชุมประจำวันที่ 26-27 ก.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.23% สู่ 31,037.68, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับขึ้น 0.36% สู่ 3,845.08 และดัชนี Nasdaq ปิดบวกขึ้น 0.35% สู่ 11,361.85 ทั้งนี้ หุ้น 8 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในแดนบวก โดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถือเป็นหุ้น 2 กลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง 1.7% ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบรูดลงมาปิดตลาดที่ระดับปิดต่ำสุดรอบ 12 สัปดาห์ โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย
รายงานการประชุมเฟดระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดกังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะส่งผลกระทบมากเกินคาดต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ นายเจสัน ไพรด์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทเกลนมีดกล่าวว่า "ผมคิดว่านักลงทุนมุ่งความสนใจไปยังอัตราดอกเบี้ยขั้นสุดท้ายในวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด" และเขาตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สิ่งนี้ก็บ่งชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยขั้นสุดท้ายอาจจะอยู่ที่ 3% แต่ถ้าหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% อัตราดอกเบี้ยขั้นสุดท้ายก็อาจจะอยู่ที่ 3.25% หรือ 3.5% โดยอัตราดอกเบี้ยที่ระดับตั้งแต่ 3.5% ขึ้นไปจะส่งผลให้มีโอกาสราว 50% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
หุ้นอูเบอร์ เทคโนโลยีส์ดิ่งลง 4.5% ส่วนหุ้นดอร์แดชรูดลง 7.4% หลังจากบริษัทอะเมซอนดอทคอมตกลงที่จะเข้าถือหุ้น 2% ในกรับฮับ ซึ่งเป็นธุรกิจจัดส่งอาหารในสหรัฐของบริษัทจัสท์ อีท เทคอะเวย์ดอทคอมของเนเธอร์แลนด์
หุ้นริเวียน ออโตโมทีฟ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าพุ่งขึ้น 10.4% ในวันพุธ หลังจากริเวียนรายงานว่าทางบริษัทจัดส่งยานพาหนะได้ 4,467 คันในไตรมาสสอง ซึ่งสูงเกือบเป็น 4 เท่าของไตรมาสแรก โดยริเวียนได้รับแรงหนุนจากการปรับเพิ่มการผลิตและจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นายเจมี ไดมอน ประธานและซีอีโอบริษัทเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โคเปรียบความท้าทายต่างๆที่เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญอยู่ว่าเหมือนกับ "พายุเฮอริเคน" ในอนาคต และเรียกร้องให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดำเนินมาตรการที่เข้มข้นเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้เศรษฐกิจเผชิญกับภาวะถดถอย
เขากล่าวว่า "เฟดต้องเผชิญกับความท้าทายในขณะนี้ด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และมาตรการคุมเข้มเชิงปริมาณ (QT) ซึ่งตามความเห็นของผม พวกเขาต้องทำ QT พวกเขาไม่มีทางเลือก เพราะมีสภาพคล่องมากมายในระบบ"
เขากล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน "เป็นพายุเฮอริเคน ในขณะนี้ อากาศแจ่มใส สิ่งต่างๆอยู่ในเกณฑ์ดี ทุกคนคิดว่าเฟดสามารถจัดการได้ แต่เฮอริเคนลูกนั้นกำลังจะเกิดขึ้น เราแค่ไม่รู้ว่า จะเป็นพายุลูกเล็กๆ หรือเป็นเฮอริเคนแซนดี้"--จบ--
นิวยอร์ค--29 เม.ย.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันพฤหัสบดี หลังจากบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊กเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่ง และผลประกอบการดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นเติบโต หลังจากหุ้นเหล่านี้เคยดิ่งลงอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา และปัจจัยบวกนี้ช่วยลดแรงกดดันที่ตลาดหุ้นได้รับจากรายงานที่ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลงอย่างพลิกความคาดหมายในไตรมาสแรกด้วย ทั้งนี้ หุ้นเมตาพุ่งขึ้น 17.6% หลังจากเมตารายงานว่า ผลกำไรอยู่ที่ 2.72 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 2.56 ดอลลาร์ต่อหุ้น ส่วนจำนวนผู้ใช้เฟซบุ๊กรายวันอยู่ที่ 1.96 พันล้านราย ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 1.95 พันล้านราย ทางด้านหุ้นแอปเปิลซึ่งถือเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกพุ่งขึ้น 4.52% ในวันพฤหัสบดี ส่วนหุ้นอะเมซอนดอทคอมทะยานขึ้น 4.65% ก่อนที่แอปเปิลและอะเมซอนจะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากตลาดปิดทำการในวันพฤหัสบดี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 1.85% สู่ 33,916.39, ดัชนี S&P 500 ปิดพุ่งขึ้น 2.47% สู่ 4,287.50 และดัชนี Nasdaq ปิดทะยานขึ้น 3.06% สู่ 12,871.53 อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ยังคงดิ่งลงมาแล้วเกือบ 10% จากช่วงต้นเดือนเม.ย. และอาจจะปิดตลาดเดือนเม.ย.ด้วยการดิ่งลงรายเดือนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2020 ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มบริการการสื่อสารพุ่งขึ้น 4.04% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทะยานขึ้น 3.89% ในวันพฤหัสบดี อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเติบโตสูงเผชิญกับแรงเทขายในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อ, การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐหดตัวลง 1.4% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบเป็นตัวเลขเต็มปี (annualized) หลังจากพุ่งขึ้น 6.9% ในไตรมาส 4/2021 และสวนทางกับโพลล์รอยเตอร์ที่คาดว่า จีดีพีอาจเติบโต 1.1% ในไตรมาสแรก โดยเศรษฐกิจสหรัฐได้รับแรงกดดันในไตรมาสแรกจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19 และจากการที่เงินช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐสำหรับวิกฤติโรคระบาดดิ่งลง นอกจากนี้ จีดีพีสหรัฐก็ได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของยอดขาดดุลการค้า และจากอัตราการปรับเพิ่มสต็อกสินค้าคงคลังที่ชะลอตัวลงด้วย โดยการหดตัวของจีดีพีในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี ทั้งนี้ ยอดขาดดุลการค้าส่งผลลบ 3.20% ต่ออัตราการเติบโตของจีดีพีในไตรมาสแรก ซึ่งถือเป็นการส่งผลลบครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3/2020 และถือเป็นการส่งผลลบเป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน ทางด้านสต็อกสินค้าคงคลังในภาคธุรกิจสหรัฐปรับขึ้นในอัตรา 1.587 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก โดยชะลอตัวลงจากอัตรา 1.932 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4/2021 และส่งผลให้การลงทุนในสต็อกสินค้าคงคลังส่งผลลบ 0.84% ต่ออัตราการเติบโตของจีดีพีไตรมาสแรก
บริษัท 237 แห่งในดัชนี S&P 500 เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกออกมาแล้ว และบริษัท 81% ในกลุ่มนี้เปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 66% ทั้งนี้ หุ้นควอลคอมม์ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปพุ่งขึ้น 9.7% หลังจากควอลคอมม์คาดการณ์รายได้ไตรมาสสามที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ทางด้านดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐพุ่งขึ้น 5.6% ในวันพฤหัสบดี ซึ่งถือเป็นการทะยานขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 1 ปี
หุ้นแคเทอร์พิลลาร์ร่วงลง 0.7% หลังจากแคเทอร์พิลลาร์ประกาศเตือนว่า อัตราผลกำไรในไตรมาสปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะได้รับแรงกดดันจากต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้น--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--28 เม.ย.--รอยเตอร์
ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกขึ้นในวันพุธ หลังจากดิ่งลงอย่างรุนแรงในวันอังคาร โดยดัชนีได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นบริษัทไมโครซอฟท์และหุ้นบริษัทวีซ่า หลังจากบริษัททั้งสองคาดการณ์รายได้ที่แข็งแกร่ง โดยปัจจัยบวกดังกล่าวช่วยลดความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ หุ้นไมโครซอฟท์ซึ่งทำธุรกิจซอฟท์แวร์พุ่งขึ้น 4.81% ในวันพุธ หลังจากไมโครซอฟท์คาดการณ์รายได้ที่แข็งแกร่งในช่วงเย็นวันอังคาร ส่วนหุ้นวีซ่าทะยานขึ้น 6.47% ในวันพุธ หลังจากวีซ่าคาดการณ์ว่ารายได้จะอยู่สูงกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤติโรคระบาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.19% สู่ 33,301.93, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับขึ้น 0.21% สู่ 4,183.96 และดัชนี Nasdaq ปิดขยับลง 0.01% สู่ 12,488.93 โดยระดับปิดของ Nasdaq ในวันพุธถือเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2020 ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มบริการการสื่อสารของสหรัฐดิ่งลง 2.6% ในวันพุธ ในขณะที่หุ้นแอลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิลรูดลง 3.7% หลังจากแอลฟาเบทรายงานว่า ยอดขายโฆษณารายไตรมาสในยูทูบชะลอตัวลง และรายได้อยู่ในระดับต่ำเกินคาด
หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊กปิดดิ่งลง 3.3% ในวันพุธ ก่อนที่เมตาจะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากตลาดปิดทำการ ทางด้านหุ้นโบอิ้งดิ่งลง 7.5% หลังจากโบอิ้งประกาศว่าโบอิ้งจะระงับการผลิตเครื่องบินรุ่น 777X จนถึงสิ้นปี 2023 โดยมีสาเหตุมาจากปัญหาด้านการออกใบรับรอง และมีสาเหตุมาจากอุปสงค์ที่อ่อนแอในเครื่องบินลำตัวกว้าง
บริษัท 176 แห่งในดัชนี S&P 500 รายงานผลประกอบการออกมาแล้ว และบริษัทเกือบ 80% ในกลุ่มนี้รายงานผลกำไรที่ดีเกินคาด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 66% ทั้งนี้ หุ้นสปอติฟาย เทคโนโลยีดิ่งลง 12.44% ในวันพุธ หลังจากสปอติฟายคาดการณ์รายได้ไตรมาสปัจจุบันในระดับต่ำ
หุ้นเทสลาฟื้นตัวขึ้น 0.6% ในวันพุธ หลังจากดิ่งลง 12% ในวันอังคาร ในขณะที่นักลงทุนกังวลว่า นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาอาจจะขายหุ้นบางส่วนในเทสลาออกมา เพื่อหาเงินมาใช้ในการทำข้อตกลงขนาด 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อซื้อบริษัททวิตเตอร์ ทั้งนี้ หุ้นแมทเทลซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตของเล่นพุ่งขึ้นเกือบ 11% ในวันพุธ หลังจากแหล่งข่าวกล่าวว่าแมทเทลกำลังพิจารณาเรื่องการขายกิจการ--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--9 พ.ย.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดขยับขึ้นเล็กน้อยในวันจันทร์ โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับขึ้นมาปิดตลาดที่สถิติระดับปิดสูงสุดใหม่เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ส่วนดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ปรับขึ้นมาปิดตลาดที่สถิติระดับปิดสูงสุดใหม่เป็นวันที่ 8 ติดต่อกัน โดยตลาดหุ้นสหรัฐได้รับแรงหนุนจากการที่สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไรก็ดี ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐลดช่วงบวกลงมาบ้างก่อนปิดตลาด ในขณะที่หุ้นบริษัทเทสลาซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าดิ่งลง 4.9% และถือเป็นหุ้นที่ถ่วงดัชนี S&P 500 ลงมากที่สุด หลังจากนายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาเปิดการโหวตทางทวิตเตอร์ในประเด็นที่ว่า เขาควรจะขายหุ้นเทสลาราว 10% ของหุ้นที่เขาถือครองไว้หรือไม่ โดยมีผู้โหวตกว่า 3.5 ล้านรายในโพลล์นี้ และ 57.9% โหวตว่าเขาควรขายหุ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.29% สู่ 36,432.22, ดัชนี S&P 500 ปิดขยับขึ้น 0.09% สู่ 4,701.7 และดัชนี Nasdaq ปิดขยับขึ้น 0.07% สู่ 15,982.36 ทั้งนี้ ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐนั้น ดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุพุ่งขึ้น 1.2% และถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคดิ่งลงมากที่สุด ทางด้านหุ้นกลุ่มวัฏจักรเศรษฐกิจปรับขึ้นในวันจันทร์ โดยดัชนีฟิลาเดลเฟีย เอสอีสำหรับหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์พุ่งขึ้น 1.25% มาปิดตลาดที่สถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ในวันจันทร์
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและหุ้นกลุ่มวัสดุได้รับแรงหนุน หลังจากสภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาด 1 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดนในวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยข่าวนี้มีส่วนช่วยหนุนหุ้นบริษัทแคเทอร์พิลลาร์, คลีฟแลนด์-คลิฟส์, ฟรีพอร์ท แมคโมแรน และยู.เอส. สตีล คอร์ป ให้พุ่งขึ้น 2.7-6.5% ทั้งนี้ สภาคองเกรสจะหันมาพิจารณาร่างกฎหมายสวัสดิการสังคมของปธน.ไบเดนในช่วงนี้ โดยนายไบรอัน ดีส ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีแนวโน้มที่จะโหวตร่างกฎหมายสวัสดิการสังคมในสัปดาห์หน้า
บริษัท 445 แห่งในดัชนี S&P 500 เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสสามออกมาแล้ว และบริษัท 81% ในกลุ่มนี้เปิดเผยผลกำไรที่ดีเกินคาด ทั้งนี้ หุ้นโคตี อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องสำอางพุ่งขึ้น 15.1% หลังจากโคตีปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ยอดขายรายปี
หุ้นกลุ่มสกุลเงินดิจิทัลและบล็อกเชนพุ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงหุ้นบริษัทคอยน์เบส โกลบัล, ไรออท บล็อกเชน, มาราธอน ดิจิทัล โฮลดิงส์ และไมโครสเตรเทจี ที่ทะยานขึ้น 5-18% ในขณะที่อีเธอร์พุ่งขึ้นสู่สถิติสูงสุดใหม่ที่ 4,824.99 ดอลลาร์ และบิทคอยน์ทะยานขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ที่ 67,803.55 ดอลลาร์--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--12 ต.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันจันทร์ หลังจากแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน ในขณะที่นักลงทุนกังวลกับฤดูการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในวันพุธนี้เมื่อธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โคเปิดเผยผลประกอบการออกมา โดยนักลงทุนกำลังกังวลว่า ปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน และการพุ่งขึ้นของราคาพลังงานกับปัจจัยในการผลิตอื่น ๆ อาจจะสร้างความเสียหายต่อผลกำไรของบริษัทสหรัฐ ทั้งนี้ ตลาดหุ้นปรับขึ้นในช่วงเช้า ก่อนจะร่วงลงในช่วงบ่ายวันจันทร์ โดยหุ้นเจพีมอร์แกนดิ่งลง 2.1% และหุ้นอะเมซอนดอทคอมรูดลง 1.3% ในขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินของสหรัฐดิ่งลง 1% และดัชนีหุ้นกลุ่มบริการการสื่อสารของสหรัฐรูดลง 1.5%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 0.72% สู่ 34,496.06, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.69% สู่ 4,361.19 และดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 0.64% สู่ 14,486.20 ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2020 ในช่วงแรก โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน ก่อนจะร่วงลงมาปิดตลาดในแดนลบ อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานทะยานขึ้นมาแล้ว 50.1% จากช่วงต้นปีนี้ ในขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้นเพียง 16.9% จากช่วงต้นปีนี้
นักวิเคราะห์คาดว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจพุ่งขึ้น 29.6% ในไตรมาสสามเมื่อเทียบรายปี อย่างไรก็ดี นักลงทุนกังวลว่า ปัญหาการขาดตอนในห่วงโซ่อุปทานและปัญหาภาวะเงินเฟ้ออาจจะสร้างความเสียหายต่อผลกำไรของบริษัทสหรัฐ และปัจจัยนี้อาจจะส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัวผันผวน ทั้งนี้ นายคริสโตเฟอร์ ฮาร์วีย์กล่าวว่า นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทสหรัฐบางแห่งจะเปิดเผยผลกำไรที่แข็งแกร่งออกมา เพราะว่า "ถ้าหากบริษัทของคุณเป็นบริษัทขนาดใหญ่ คุณก็จะสามารถรับมือกับปัญหาเหล่านี้ได้" ในขณะที่อุปสงค์ยังคงอยู่ในระดับแข็งแกร่ง
หุ้นวีซ่า อิงค์ดิ่งลง 2.2% ส่วนหุ้นมาสเตอร์การ์ดรูดลง 2.2% และถือเป็นหุ้นสองตัวที่มีส่วนกดดันดัชนี S&P 500 ลงอย่างมากในวันจันทร์--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน