ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเบื้องต้น (SA) (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้าYoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การส่งออก (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ค่าจ้าง MoM (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ดุลการค้า (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น GDP Nominal แก้ไขQoQ (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ดุลการค้า (SA)(ข้อมูลศุลกากร) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น GDP ประจำปี (แก้ไข) QoQ (ไตรมาส 3)--
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
เยอรมนี การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน Sentix (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อินดิเคเตอร์ชั้นนำ MoM (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจแห่งชาติ--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา อัตราผลตอบแทนการประมูลพันธบัตรรัฐบาล 3-ปี--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนียอดค้าปลีกรวม BRC YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนียอดค้าปลีก Like-For-Like BRC YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
ออสเตรเลีย อัตราหลัก(ดอกเบี้ยเงินกู้)O/N--
ค: --
ค: --
คำแถลงอัตราของธนาคารกลางออสเตรเลีย
ประธานธนาคารกลางออสเตรเลีย Bullock จัดงานแถลงข่าวนโยบายการเงิน
เยอรมนี อัตราการส่งออก MoM (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็ก NFIB (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก CPI หลัก YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก อัตราเงินเฟ้อ 12-เดือน (CPI) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล
นิวยอร์ค--26 เม.ย.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นในวันจันทร์ หลังจากบริษัททวิตเตอร์ตกลงที่จะขายกิจการให้แก่นายอีลอน มัสก์ ซึ่งบุคคลที่รวยที่สุดในโลก และข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นเติบโตให้พุ่งขึ้นในช่วงท้ายตลาด โดยหุ้นทวิตเตอร์ซึ่งเป็นบริษัทสื่อสังคมทะยานขึ้น 5.6% หลังจากทวิตเตอร์ประกาศข่าวนี้ออกมา ทางด้านดัชนีหุ้นเติบโตของสหรัฐร่วงลงในช่วงแรก ก่อนจะปิดตลาดพุ่งขึ้นกว่า 1% โดยได้รับแรงหนุนจากข่าวทวิตเตอร์ ทั้งนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับแรงกดดันในช่วงแรกจากความกังวลเรื่องการใช้มาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มงวดในจีน โดยตลาดหุ้นจีนดิ่งลงในวันจันทร์ในอัตราที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2020 ส่วนตลาดหุ้นยุโรปรูดลงแตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือน ทางด้านดัชนี S&P 500 เคลื่อนตัวในแดนลบเกือบตลอดทั้งวัน ก่อนจะได้รับแรงหนุนจากข่าวทวิตเตอร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.7% สู่ 34,049.46, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับขึ้น 0.57% สู่ 4,296.12 และดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 1.29% สู่ 13,004.85 อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ยังคงดิ่งลงมาแล้วราว 18% จากช่วงต้นปีนี้
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานของสหรัฐดิ่งลง 3.3% ในวันจันทร์ ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดรูดลง 4.33 ดอลลาร์ หรือ 4.1% สู่ 102.32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยหุ้นบริษัทเชฟรอน คอร์ปและเอ็กซอนโมบิลในกลุ่มน้ำมันดิ่งลงกว่า 2% ทางด้านหุ้นบริษัทชลัมเบอร์เกอร์และบริษัทฮัลลิเบอร์ตันซึ่งเป็นผู้ให้บริการแหล่งน้ำมันรูดลงกว่า 6%
หุ้นแอลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิลพุ่งขึ้น 2.9% ก่อนที่แอลฟาเบทจะเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสในช่วงเย็นวันอังคาร ส่วนหุ้นไมโครซอฟท์ปิดทะยานขึ้น 2.44% และหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊กปิดพุ่งขึ้น 1.56% ในวันจันทร์ ทั้งนี้ บริษัทเกือบ 1 ใน 3 ของดัชนี S&P 500 จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ หลังจากบริษัท 102 แห่งในดัชนี S&P 500 เปิดเผยผลประกอบการออกมาแล้ว และบริษัท 77.5% ในกลุ่มนี้เปิดเผยผลกำไรที่ดีเกินคาด
ดัชนีความผันผวน CBOE หรือดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐปิดดิ่งลง 4.22% สู่ 27.02 ในวันจันทร์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 31.6 ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนมี.ค.--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--20 เม.ย.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 1 เดือนในวันอังคาร โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทสหรัฐ และจากถ้อยแถลงแบบสายพิราบของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สองคน ทั้งนี้ นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวในวันอังคารว่า เขายอมรับได้กับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ที่ครอบคลุมการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 0.50% เป็นจำนวน 2 ครั้ง และอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นสู่ระดับที่เป็นกลางก่อนสิ้นปีนี้ แต่เขามองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งละมากกว่า 0.50% ส่วนนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวในวันอังคารว่า เฟดจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงหลายเดือนข้างหน้า เพราะว่ามีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจโลกอาจจะชะลอตัวลง อย่างไรก็ดี นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวในวันจันทร์ว่า เฟดควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ 3.5% ก่อนสิ้นปีนี้เพื่อทำให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง และเขาไม่ตัดโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 0.75%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 1.45% สู่ 34,911.2, ดัชนี S&P 500 ปิดทะยานขึ้น 1.61% สู่ 4,462.21 และดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 2.15% สู่ 13,619.66 โดยทั้งสามดัชนีต่างก็พุ่งขึ้นในวันอังคารในอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.เป็นต้นมา ทั้งนี้ หุ้น 10 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในแดนบวก โดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มคาสิโน โดยหุ้นบริษัทวินน์ รีสอร์ทส์, ซีซาร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ และเพนน์ เนชั่นแนล เกมมิงทะยานขึ้น 4.9-5.9% ในวันอังคาร
หุ้นบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตยาพุ่งขึ้น 3.1% และปิดตลาดที่สถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ หลังจากทางบริษัทรายงานผลกำไรรายไตรมาสที่สูงเกินคาด และปรับขึ้นเงินปันผล ส่วนหุ้นบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล บิสเนส แมชีนส์ (IBM) ปิดทะยานขึ้น 2.4% ในวันอังคาร ก่อนที่ IBM จะรายงานผลประกอบการหลังจากตลาดปิดทำการ ทั้งนี้ บริษัท 49 แห่งในดัชนี S&P 500 เปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสออกมาแล้ว และบริษัท 79.6% ในกลุ่มนี้เปิดเผยผลกำไรที่ดีเกินคาด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 66%
หุ้นเน็ตฟลิกซ์ปิดตลาดวันอังคารพุ่งขึ้น 3.2% อย่างไรก็ดี เน็ตฟลิกซ์รายงานหลังจากตลาดปิดทำการว่า ยอดสมาชิกดิ่งลง 200,000 รายในไตรมาสแรก ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งแรกในรอบ 10 ปี ในขณะที่การระงับการให้บริการในรัสเซียส่งผลให้เน็ตฟลิกซ์สูญเสียสมาชิกไป 700,000 ราย นอกจากนี้ เน็ตฟลิกซ์ยังคาดการณ์อีกด้วยว่า ยอดสมาชิกอาจดิ่งลง 2 ล้านรายในไตรมาสสอง ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง 1% ในวันอังคาร ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์รูดลง 5.2% หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และเตือนเรื่องการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ ทางด้านหุ้นบริษัทฮัลลิเบอร์ตันซึ่งเป็นผู้ให้บริการแหล่งน้ำมันร่วงลง 0.8% ในวันอังคาร ถึงแม้ฮัลลิเบอร์ตันรายงานว่า ผลกำไรไตรมาสแรกพุ่งขึ้น 85% เนื่องจากความต้องการใช้อุปกรณ์และบริการของฮัลลิเบอร์ตันเพิ่มสูงขึ้น
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังคงพุ่งขึ้นต่อไป โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 30 ปีพุ่งขึ้นเหนือ 3% ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2019 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อของรัฐบาลสหรัฐ (TIPS) ประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะ 0.008% ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคาร จาก -0.088% ในช่วงท้ายวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นสู่แดนบวกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2020 หรือครั้งแรกในรอบ 2 ปี--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--11 ม.ค.--รอยเตอร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ร่วงลงในวันจันทร์ ในขณะที่นักลงทุนกังวลว่า การพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอมิครอนทั่วโลกจะสร้างความเสียหายต่ออุปสงค์น้ำมัน และความกังวลดังกล่าวก็บดบังแรงหนุนที่ราคาน้ำมันได้รับจากการปรับลดการผลิตน้ำมันในคาซัคสถาน ทั้งนี้ ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันจากการปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันในลิเบียด้วย โดยปริมาณการผลิตน้ำมันในลิเบียปรับขึ้นในวันจันทร์ หลังจากการปิดซ่อมบำรุงท่อส่งน้ำมันเคยส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันในลิเบียดิ่งลงสู่ 729,000 บาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ที่แล้ว จาก 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีก่อน
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 67 เซนต์ หรือ 0.9% มาปิดตลาดที่ 78.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนดิ่งลง 88 เซนต์ หรือ 1.1% มาปิดตลาดที่ 80.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นายฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์ของบริษัทไพรซ์ ฟิวเจอร์สกล่าวว่า "ราคาน้ำมันร่วงลงตามตลาดหุ้นท่ามกลางความกังวลเรื่องโอมิครอน" ทั้งนี้ นักลงทุนลดความต้องการซื้อสินทรัพย์เสี่ยงลงในช่วงนี้ เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. โดยการคาดการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลง และส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปีที่ 1.808% ในวันจันทร์
ราคาน้ำมันเพิ่งพุ่งขึ้น 5% ในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากการประท้วงในคาซัคสถานส่งผลกระทบต่อการขนส่งทางรถไฟ และส่งผลให้แหล่งน้ำมันเทงกิซในคาซัคสถานปรับลดการผลิตน้ำมันลงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี บริษัทเชฟรอนของสหรัฐแถลงในวันอาทิตย์ว่า บริษัทเทงกิซเชฟรอยล์ (TCO) ซึ่งถือเป็นบริษัทน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในคาซัคสถาน กำลังปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันที่แหล่งเทงกิซขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ราคาน้ำมันเพิ่งได้รับแรงหนุนในสัปดาห์ที่แล้วจากรายงานที่ระบุว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันขึ้นเพียง 70,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย. ซึ่งต่ำกว่าโควต้าการปรับเพิ่มการผลิตที่ 253,000 บาร์เรลต่อวันสำหรับกลุ่มโอเปก--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
บริษัทต่างๆกำลังตอบแทนผู้ถือหุ้นผ่านการซื้อคืนหุ้นในปีนี้ โดยใช้ผลกำไรและกระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้น ขณะที่พวกเขากำลังฟื้นตัวจากภาวะชะลอตัวที่เกิดจากโรคระบาดในปี 2020 และข้อมูลจาก Dealogic แพลตฟอร์มคอนเทนต์ทางการเงินพบว่า บริษัททั่วโลกได้จ่ายเงิน 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์ผ่านการซื้อคืนหุ้นระหว่างเดือนม.ค.ถึงพ.ย.ปีนี้ ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2018
บริษัทในยุโรปซื้อคืนหุ้นมากที่สุดในปีนี้ โดยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 2.712 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามมาด้วยญี่ปุ่น 1.636 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่บริษัทในสหรัฐได้ใช้งบซื้อคืนหุ้นไปราว 8 พันล้านดอลลาร์
การซื้อคืนหุ้นที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวสวนทางกับการซื้อคืนที่ร่วงลงในปีที่แล้ว ขณะที่บริษัทต่างๆเก็บเงินสดไว้ท่ามกลางสภาวะการณ์ทางธุรกิจที่ไม่แน่นอน
นายแอนดี้ เดอฟรานเชสโก ซีอีโอจาก SOL Global กล่าวว่า "บริษัทที่มีผลประกอบการดีในช่วงโรคระบาด พบว่าพวกเขามีเงินสดส่วนเกิน และพบว่าหุ้นของตนเองมีมูลต่าต่ำเกินจริงเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆที่มีมูลค่าที่ไม่ได้รับการพิจารณา"
ดัชนีการซื้อคืน S&P 500 พุ่งขึ้นราว 27% แล้วในปีนี้ เทียบกับดัชนี S&P 500 ที่พุ่งขึ้น 21% ส่วนดัชนีซื้อคืนหุ้นของยุโรปที่รวบรวมโดย Solactive(.BUYEU) พุ่งขึ้น 25% เมื่อเทียบกับการพุ่งขึ้น 16% สำหรับดัชนีอ้างอิงหุ้นของผู้จ่ายปันผล--จบ--
นิวยอร์ค--2 พ.ย.--รอยเตอร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปรับขึ้นในวันจันทร์ ในขณะที่นักลงทุนคาดว่าอุปสงค์น้ำมันจะอยู่ในภาวะแข็งแกร่ง และนักลงทุนคาดว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) จะไม่ปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันอย่างรวดเร็วจนเกินไป โดยปัจจัยบวกเหล่านี้ช่วยให้ราคาน้ำมันดีดกลับขึ้นมาได้ หลังจากราคาน้ำมันดิ่งลงในช่วงแรกเมื่อมีข่าวว่า จีนซึ่งเป็นประเทศผู้ใช้พลังงานรายใหญ่ที่สุดในโลกตัดสินใจระบายเชื้อเพลิงออกจากคลังสำรอง ทั้งนี้ สำนักงานคลังสำรองอาหารและยุทธภัณฑ์แห่งชาติของจีนระบุในวันอาทิตย์ว่า จีนได้ระบายน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลในคลังสำรองออกมาเพื่อช่วยเพิ่มอุปทานเชื้อเพลิงในตลาด และเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาในบางภูมิภาค
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับขึ้น 48 เซนต์ หรือ 0.6% มาปิดตลาดที่ 84.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดของวันที่ 82.74 ดอลลาร์ในช่วงแรก ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 99 เซนต์ หรือ 1.18% มาปิดตลาดที่ 84.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดของวันที่ 83.03 ดอลลาร์ในช่วงแรก ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่งพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 7 ปีที่ 85.41 ดอลลาร์ในวันที่ 25 ต.ค. ส่วนราคาสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์เดือนใกล้เพิ่งทะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 3 ปีที่ 86.70 ดอลลาร์ในวันที่ 25 ต.ค. โดยราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนในสัปดาห์ที่แล้วจากการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมันหลังผ่านพ้นวิกฤติโรคระบาด และจากการที่กลุ่มโอเปกพลัสยังคงปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเพียงเดือนละ 400,000 บาร์เรลต่อวันต่อไป
โพลล์รอยเตอร์คาดว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะยังคงเคลื่อนตัวอยู่ใกล้ 80 ดอลลาร์ในช่วงปลายปี โดยได้รับแรงหนุนจากอุปทานน้ำมันที่ตึงตัว และจากการพุ่งขึ้นของราคาก๊าซธรรมชาติ เพราะปัจจัยดังกล่าวกระตุ้นให้บริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าหันไปใช้น้ำมันดิบแทนก๊าซธรรมชาติในการผลิตกระแสไฟฟ้า ทั้งนี้ โพลล์คาดว่า ราคาน้ำมันดิบสหรัฐอาจจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 78.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในไตรมาสสี่ และราคาน้ำมันดิบเบรนท์อาจจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 80.92 ดอลลาร์ในไตรมาสสี่
รอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจในวันจันทร์ระบุว่า กลุ่มโอเปกผลิตน้ำมันดิบเพียง 27.50 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนต.ค. โดยปรับขึ้นเพียง 190,000 บาร์เรลต่อวันจากเดือนก.ย. ซึ่งต่ำกว่าปริมาณการปรับเพิ่มการผลิตที่ 254,000 บาร์เรลต่อวันตามที่ระบุไว้ในข้อตกลงกับชาติพันธมิตร โดยการผลิตน้ำมันต่ำกว่าข้อตกลงนี้เป็นผลมาจากการที่บางประเทศในกลุ่มโอเปกประสบเหตุขัดข้องทางการผลิตน้ำมัน ถึงแม้ซาอุดิอาระเบียและอิรักปรับเพิ่มปริมาณการผลิตขึ้นจากเดิม ทั้งนี้ ไนจีเรียปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบลง 70,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนต.ค. ในขณะที่บริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์ในไนจีเรียประกาศภาวะเหตุสุดวิสัยต่อการขนถ่ายน้ำมันดิบบอนนี ไลท์ หลังจากมีการปิดท่อส่งน้ำมัน ส่วนลิเบียปรับลดการผลิตเนื่องจากเกิดเหตุท่อส่งน้ำมันรั่วไหล ทางด้านสาธารณรัฐคองโก, กินีศูนย์สูตร และกาบองปรับลดการผลิตหรือคงปริมาณการผลิตไว้ที่ระดับเดิม เนื่องจากทั้งสามประเทศนี้ขาดความสามารถในการปรับเพิ่มการผลิต
นักวิเคราะห์คาดว่า กลุ่มโอเปกพลัสจะตัดสินใจปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเพียงเดือนละ 400,000 บาร์เรลต่อวันต่อไปในการประชุมวันที่ 4 พ.ย. ในขณะที่คูเวตและอิรักประกาศสนับสนุนเรื่องนี้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยระบุว่าการปรับเพิ่มในระดับ 400,000 บาร์เรลต่อวันถือเป็นระดับที่มากพอแล้ว ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐกล่าวในวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า ประเทศผู้ผลิตพลังงานในกลุ่มจี-20 ที่มีกำลังการผลิตส่วนเกิน ควรจะปรับเพิ่มการผลิตพลังงานให้สูงขึ้นเพื่อจะได้ช่วยให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยถ้อยแถลงของเขาถือเป็นการกดดันกลุ่มโอเปกพลัสให้ปรับเพิ่มการผลิตน้ำมัน--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--1 พ.ย.--รอยเตอร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดปรับขึ้นในวันศุกร์หลังจากร่วงลงในช่วงแรก โดยราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรจะคงปริมาณการผลิตน้ำมันไว้ตามแผนเดิมต่อไป ทั้งนี้ กลุ่มโอเปกพลัสจะจัดการประชุมกันในวันที่ 4 พ.ย. ในขณะที่แอลจีเรียระบุในวันพฤหัสบดีที่ 28 ต.ค.ว่า กลุ่มโอเปกพลัสไม่ควรจะปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในอัตราที่สูงกว่า 400,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนธ.ค. เพราะว่าตลาดยังคงเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ และความไม่แน่นอน
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับขึ้น 76 เซนต์ หรือ 0.9% มาปิดตลาดที่ 83.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ หลังจากเพิ่งพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ 85.41 ดอลลาร์ในวันจันทร์ที่ 25 ต.ค. ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนขยับขึ้น 6 เซนต์ มาปิดตลาดที่ 84.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ หลังจากเพิ่งทะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 3 ปีที่ 86.70 ดอลลาร์ในวันจันทร์ที่ 25 ต.ค. ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการร่วงลง 11 เซนต์ จากระดับ 83.76 ดอลลาร์ในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลง 1.15 ดอลลาร์จากระดับ 85.53 ดอลลาร์ในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนลบเป็นครั้งแรกในรอบราว 2 เดือนสำหรับเบรนท์
นายจอห์น คิลดัฟ หุ้นส่วนของบริษัทอะเกน แคปิตัลกล่าวว่า "ถึงแม้ว่าอิหร่านอาจจะส่งออกน้ำมันได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต กลุ่มโอเปกพลัสก็ไม่มีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันในอัตราที่สูงกว่าเดิม และปัจจัยนี้ก็ช่วยหนุนราคาน้ำมันในวันศุกร์" ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันนับตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐพุ่งขึ้น 4.3 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 ต.ค. นอกจากนี้ อิหร่านก็ระบุว่า การเจรจาระหว่างอิหร่านกับชาติมหาอำนาจเพื่อฟื้นฟูข้อตกลงนิวเคลียร์จะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งก่อนสิ้นเดือนพ.ย. และสิ่งนี้อาจจะเปิดโอกาสให้อิหร่านส่งออกน้ำมันได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต
บริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์สรายงานในวันศุกร์ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในสหรัฐปรับขึ้น 2 แท่น สู่ 544 แท่นในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 29 ต.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2020 เป็นต้นมา นอกจากนี้ จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซก็พุ่งขึ้นรวมกัน 23 แท่นสำหรับช่วงตลอดทั้งเดือนต.ค.ด้วย ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นรายเดือนเป็นเดือนที่ 15 ติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบสหรัฐที่ทะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 7 ปีในวันที่ 25 ต.ค. ทั้งนี้ บริษัทเอ็กซอนและบริษัทเชฟรอนระบุในวันศุกร์ว่า ทั้งสองบริษัทเตรียมที่จะปรับเพิ่มจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในแอ่งเพอร์เมียน หลังจากที่เคยปรับลดจำนวนคนงานและปริมาณการผลิตน้ำมันในแอ่งดังกล่าวในปีที่แล้ว โดยเชฟรอนจะปรับเพิ่มจำนวนแท่นขุดเจาะขึ้น 2 แท่นในไตรมาสนี้
ราคาก๊าซธรรมชาติในอังกฤษและยุโรปยังคงดิ่งลงต่อไปในวันศุกร์ หลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียอาจจะเริ่มต้นจัดส่งก๊าซธรรมชาติเข้าสู่คลังเก็บในยุโรป--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--11 ต.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันศุกร์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานเดือนก.ย.ที่อ่อนแอเกินคาด แต่นักลงทุนยังคงคาดการณ์ตามเดิมว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มต้นปรับลดขนาดมาตรการเข้าซื้อสินทรัพย์ลงในปีนี้ ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรในสหรัฐปรับขึ้นเพียง 194,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน และอยู่ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 500,000 ตำแหน่ง ในขณะที่การจ้างงานในโรงเรียนปรับลดลง และธุรกิจบางแห่งประสบภาวะขาดแคลนคนงาน อย่างไรก็ดี อัตราการว่างงานดิ่งลงสู่ 4.8% ในเดือนก.ย. จาก 5.2% ในเดือนส.ค. ส่วนค่าแรงเฉลี่ยต่อชั่วโมงปรับขึ้น 0.6% ในเดือนก.ย. ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงเกินคาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับลง 0.03% สู่ 34,746.25, ดัชนี S&P 500 ปิดร่วงลง 0.19% สู่ 4,391.34 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับลง 0.51% สู่ 14,579.54 อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้น 1.2% จากสัปดาห์ที่แล้ว, ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดสัปดาห์นี้บวกขึ้น 0.8% และดัชนี Nasdaq ปิดตลาดสัปดาห์นี้ขยับขึ้น 0.1% ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ดิ่งลง 1.1% ในวันศุกร์ และถือเป็นกลุ่มที่ดิ่งลงมากที่สุด ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลง 0.7% และถือเป็นกลุ่มที่ร่วงลงมากเป็นอันดับสอง อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 3.1% ในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นกว่า 4% ในสัปดาห์นี้ ในขณะที่ภาวะขาดแคลนพลังงานทั่วโลกหนุนให้ราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2014 โดยหุ้นเชฟรอนและหุ้นเอ็กซอน โมบิลต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันศุกร์
ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ได้รับแรงกดดันอย่างมากในวันศุกร์จากการดิ่งลงของหุ้นคอมแคสต์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทสื่อ และหุ้นชาร์เตอร์ คอมมูนิเคชันส์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเคเบิล โดยหุ้นคอมแคสต์ดิ่งลง 4.70% หลังจากเวลส์ ฟาร์โกปรับลดราคาเป้าหมายของหุ้นคอมแคสต์ ทางด้านหุ้นชาร์เตอร์ คอมมูนิเคชันส์รูดลง 4.83% หลังจากเวลส์ ฟาร์โกปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นชาร์เตอร์ลงสู่ "underweight" จาก "overweight"
หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอเกินคาด นางแคธี เหลียน กรรมการผู้จัดการบริษัทบีเค แอสเซท แมเนจเมนท์ก็กล่าวว่า "ดิฉันคิดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เคยระบุไว้แล้วอย่างชัดเจนว่า ตัวเลขการจ้างงานไม่จำเป็นว่าจะต้องอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมากเป็นพิเศษสำหรับการที่เฟดจะเริ่มต้นปรับลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลงในเดือนพ.ย. ดังนั้นถึงแม้ดอลลาร์อาจจะอ่อนค่าลงเล็กน้อยในวันศุกร์ ดิฉันก็คิดว่าเฟดจะยังคงทำตามแผนเดิมต่อไป" ทั้งนี้ นักลงทุนในตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนพ.ย.หรือธ.ค.ของปี 2022
นักลงทุนจับตาดูฤดูการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ที่จะเริ่มต้นขึ้นในสัปดาห์หน้า โดยธนาคารเจพีมอร์แกน เชส และธนาคารขนาดใหญ่แห่งอื่น ๆ จะเป็นบริษัทกลุ่มแรกที่เริ่มรายงานผลประกอบการออกมา และนักลงทุนก็มุ่งความสนใจไปยังปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานและภาวะขาดแคลนแรงงานในช่วงนี้ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจพุ่งขึ้น 29.6% ในไตรมาสสามเมื่อเทียบรายปี หลังจากทะยานขึ้น 96.3% ในไตรมาสสองเมื่อเทียบรายปี--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน