ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเบื้องต้น (SA) (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้าYoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การส่งออก (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ค่าจ้าง MoM (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ดุลการค้า (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น GDP Nominal แก้ไขQoQ (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ดุลการค้า (SA)(ข้อมูลศุลกากร) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น GDP ประจำปี (แก้ไข) QoQ (ไตรมาส 3)--
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
เยอรมนี การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน Sentix (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อินดิเคเตอร์ชั้นนำ MoM (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจแห่งชาติ--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา อัตราผลตอบแทนการประมูลพันธบัตรรัฐบาล 3-ปี--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนียอดค้าปลีกรวม BRC YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนียอดค้าปลีก Like-For-Like BRC YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
ออสเตรเลีย อัตราหลัก(ดอกเบี้ยเงินกู้)O/N--
ค: --
ค: --
คำแถลงอัตราของธนาคารกลางออสเตรเลีย
ประธานธนาคารกลางออสเตรเลีย Bullock จัดงานแถลงข่าวนโยบายการเงิน
เยอรมนี อัตราการส่งออก MoM (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็ก NFIB (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก CPI หลัก YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก อัตราเงินเฟ้อ 12-เดือน (CPI) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล
นิวยอร์ค--19 เม.ย.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันจันทร์ หลังจากแกว่งตัวผันผวนระหว่างแดนบวกและแดนลบในระหว่างวัน โดยตลาดหุ้นได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกา แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงขึ้น ซึ่งส่งผลลบต่อหุ้นเติบโต นอกจากนี้ นักลงทุนก็รอดูผลประกอบการของบริษัทหลายแห่งที่จะได้รับการประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงผลประกอบการของบริษัทเน็ตฟลิกซ์, เทสลา, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และอินเตอร์เนชั่นแนล บิสเนส แมชีนส์ (IBM) โดยนักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปยังประเด็นที่ว่า ฐานะการเงินของบริษัทต่าง ๆ ได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างจากสงครามยูเครนและจากการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ ทั้งนี้ แบงก์ ออฟ อเมริการายงานว่า ธุรกิจการปล่อยกู้แก่ผู้บริโภคเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง แต่แผนกวาณิชธนกิจได้รับแรงกดดันจากการชะลอตัวในธุรกิจการทำข้อตกลง โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกาพุ่งขึ้น 3.4% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐทะยานขึ้น 1.7% ในวันจันทร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 0.11% สู่ 34,411.69, ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 0.02% สู่ 4,391.69 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับลง 0.14% สู่ 13,332.36 ทั้งนี้ หุ้น 5 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในแดนบวก โดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปิดพุ่งขึ้น 1.5% และถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะยานขึ้นแตะ 114.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. โดยราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากเหตุขัดข้องในการผลิตน้ำมันในลิเบีย
นายแจ็ค จานาซีวิคซ์ ผู้จัดการพอร์ตลงทุนของบริษัทแนติซิส อินเวสท์เมนท์ แมเนเจอร์สกล่าวว่า "นักลงทุนรอดูทิศทางของตลาดในช่วงนี้ และผลประกอบการภาคเอกชนอาจจะช่วยกำหนดทิศทางให้กับตลาด แต่ปัจจัยสำคัญ 2 อันที่ยังคงครอบงำตลาดก็คือสถานการณ์ในจีน ในขณะที่จีนใช้นโยบายความอดทนเป็นศูนย์ต่อโรคโควิด-19 และประเด็นที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะทำอย่างไรในอนาคตในส่วนของอัตราดอกเบี้ยและภาวะเงินเฟ้อ" และเขากล่าวเสริมว่า "ยังคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ก่อนที่ปัจจัยสำคัญทั้งสองจะสามารถกำหนดทิศทางที่ชัดเจนให้กับตลาด และด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่ประหลาดใจถ้าหากตลาดหุ้นจะยังคงเคลื่อนตัวในกรอบเดิมต่อไป"
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะ 2.884% ในวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2018 และปัจจัยนี้ส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นเติบโต เพราะว่าการคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งอาจจะส่งผลลบต่อผลกำไรในอนาคตของบริษัทกลุ่มนี้ ทั้งนี้ หุ้นแอปเปิลร่วงลง 0.1% ในวันจันทร์ แต่หุ้นเทสลาซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าพุ่งขึ้น 2% ในขณะที่เทสลาเตรียมที่จะเปิดโรงงานในนครเซี่ยงไฮ้อีกครั้ง หลังจากปิดโรงงานมานานเกือบ 3 สัปดาห์ท่ามกลางการระบาดของโรคโควิด-19
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นบริษัทมาราธอน ปิโตรเลียม คอร์ปพุ่งขึ้น 3.3% และแตะสถิติสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง ส่วนหุ้นวาเลโร เอ็นเนอร์จี คอร์ปทะยานขึ้น 5.2% และหุ้นฟิลลิปส์ 66 พุ่งขึ้น 5.2% เช่นกัน ทั้งนี้ หุ้นบริษัททวิตเตอร์พุ่งขึ้น 7.5% หลังจากทวิตเตอร์ดำเนินมาตรการในวันศุกร์เพื่อสกัดกั้นนายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาจากการเข้าถือหุ้นในทวิตเตอร์มากกว่า 15% เป็นเวลาหนึ่งปี--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
มูลค่าการควบรวมกิจการ (M&A) ร่วงลง 29% ในไตรมาสแรกปีนี้ ขณะที่ความผันผวนในตลาดเนื่องจากการบุกโจมตียูเครนของรัสเซียทำให้ข้อตกลงควบรวมกิจการที่พุ่งขึ้นมากในปีที่แล้วนั้นหยุดชะงักลง
ข้อมูล Dealogic ระบุว่า ปริมาณการทำข้อตกลงทั้งหมดลดลงสู่ระดับ 1.01 ล้านล้านดอลลาร์ จาก 1.43 ล้านล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกปีที่แล้ว เนื่องจากปริมาณการทำ M&A ร่วงลง 29% ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิศาสตร์การเมืองทำให้บริษัทขนาดใหญ่ข้ามประเทศชะลอและเลื่อนการซื้อกิจการขนาดใหญ่
บรรดาผู้ทำข้อตกลงระบุว่า ความผันผวนของตลาดหุ้นทำให้เป็นเรื่องยากขึ้นที่บริษัทขนาดใหญ่ที่สุดของโลกจะใช้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดในการซื้อกิจการบริษัทขนาดเล็ก--จบ--
นิวยอร์ค--9 ก.พ.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันอังคาร โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นบริษัทอะเมซอนดอทคอมที่พุ่งขึ้น 2.2%, หุ้นไมโครซอฟท์ที่ทะยานขึ้น 1.20% และหุ้นแอปเปิลที่พุ่งขึ้น 1.85% นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐยังได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารด้วย ในขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ทะยานขึ้นสูงมาก ก่อนที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ออกมาในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า ดัชนี CPI อาจพุ่งขึ้น 7.3% ในเดือนม.ค.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งจะถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1982 เป็นต้นมา หรือจุดสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี ทั้งนี้ หุ้นธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และเวลส์ ฟาร์โกต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 1% ในวันอังคาร ในขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้น 1.9% หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะ 1.97% ในวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2019 โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มต้นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 1.06% สู่ 35,462.78, ดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 0.84% สู่ 4,521.54 และดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 1.28% สู่ 14,194.46 อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P 500 ยังคงดิ่งลงมาแล้วราว 5% จากช่วงต้นปีนี้ ส่วนดัชนี Nasdaq รูดลงมาแล้วราว 9% จากช่วงต้นปีนี้ ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง 2.1% ในขณะที่นักลงทุนกังวลว่าการเจรจาทางอ้อมระหว่างสหรัฐกับอิหร่านอาจจะส่งผลให้มีการฟื้นฟูข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างประเทศ และอาจจะเปิดโอกาสให้อิหร่านสามารถส่งออกน้ำมันได้มากยิ่งขึ้น
ตลาดหุ้นได้รับแรงหนุนเพิ่มเติม หลังจากประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสได้ประชุมกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียในเรื่องวิกฤติยูเครน และปธน.มาครงแสดงความเห็นในทางบวกหลังการประชุม
บริษัทสหรัฐรายงานผลประกอบการที่ไร้ทิศทางชัดเจนในวันอังคาร โดยหุ้นไฟเซอร์ดิ่งลง 2.84% หลังจากไฟเซอร์คาดการณ์ยอดขายตลอดทั้งปีสำหรับวัคซีนโรคโควิด-19 และยาต้านไวรัสในระดับที่ต่ำเกินคาด อย่างไรก็ดี หุ้นแอมเจนซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพพุ่งขึ้น 7.82% หลังจากแอมเจนประกาศแผนซื้อคืนหุ้นขนาด 6 พันล้านดอลลาร์ และคาดว่าผลกำไรจะพุ่งขึ้นกว่า 2 เท่าภายในปี 2030
หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊กดิ่งลง 2.1% ในวันอังคาร และรูดลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน หลังจากนายปีเตอร์ ธีล ตัดสินใจลาออกจากคณะกรรมการบริษัท ทางด้านหุ้นเพโลตอน อินเทอร์แอคทีฟ ซึ่งเป็นผู้ผลิตจักรยานออกกำลังกายพุ่งขึ้น 25% หลังจากเพโลตอนประกาศว่า เพโลตอนจะเปลี่ยนตัวซีอีโอ, จะปรับลดการจ้างงาน และจะพยายามกระตุ้นยอดขายที่ตกต่ำลง--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--30 พ.ย.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกขึ้นในวันจันทร์ หลังจากดิ่งลงในวันศุกร์ ในขณะที่นักลงทุนคาดหวังว่าเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอมิครอนจะไม่ส่งผลให้สหรัฐประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐกล่าวในวันจันทร์ว่า ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องมาตรการล็อกดาวน์ในตอนนี้ และเขาขอให้ชาวสหรัฐไม่ตื่นตระหนกกับสายพันธุ์โอมิครอน อย่างไรก็ดี เขาแนะนำให้ชาวสหรัฐฉีดวัคซีนและใส่หน้ากากอนามัยขณะอยู่ในตัวอาคาร และเขากล่าวเสริมว่ารัฐบาลสหรัฐกำลังทำงานร่วมกับบริษัทเวชภัณฑ์ในการเตรียมแผนรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ถ้าหากมีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนใหม่ ทั้งนี้ ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งกว่าดัชนี S&P และดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ในวันจันทร์ ในขณะที่ดัชนี Nasdaq ได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐพุ่งขึ้น 4% ในวันจันทร์ โดยได้รับแรงหนุนสำคัญจากหุ้นบริษัทเอ็นวิเดียที่ทะยานขึ้น 5.9% ทางด้านดัชนีดาวโจนส์ปรับขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากดัชนีดาวโจนส์ได้รับแรงกดดันจากหุ้นบริษัทเมอร์ค แอนด์ โคที่ดิ่งลง 5.4% หลังจากผลการศึกษายารักษาโรคโควิด-19 ของเมอร์คแสดงให้เห็นว่า ยาตัวนี้มีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงในการเข้าโรงพยาบาลและการเสียชีวิตในระดับต่ำกว่าที่เคยระบุไว้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.68% สู่ 35,135.94, ดัชนี S&P 500 ปิดพุ่งขึ้น 1.32% สู่ 4,655.27 และดัชนี Nasdaq ปิดทะยานขึ้น 1.88% สู่ 15,782.83 ทั้งนี้ ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐนั้น ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 2.6% และถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยทะยานขึ้น 1.6% และถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากเป็นอันดับสอง โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นอะเมซอนดอทคอมและหุ้นเทสลา นอกจากนี้ ดัชนี S&P ก็ได้รับแรงหนุนสำคัญจากหุ้นบริษัทไมโครซอฟท์ที่พุ่งขึ้น 2.11% และหุ้นบริษัทแอปเปิลที่ทะยานขึ้น 2.19% ด้วย โดยหุ้นแอปเปิลได้รับแรงหนุน หลังจากธนาคาร HSBC ปรับขึ้นราคาเป้าหมายของหุ้นแอปเปิล
นักลงทุนมีความมั่นใจในการลงทุนมากยิ่งขึ้น หลังจากได้ฟังถ้อยแถลงของปธน.ไบเดน และหลังจากบริษัทยาส่งสัญญาณว่า ทางบริษัทให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับสายพันธุ์โอมิครอน โดยบริษัทไฟเซอร์, บิออนเทค, โมเดอร์นา และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันระบุในวันจันทร์ว่า ทางบริษัทกำลังพัฒนาวัคซีนที่ตั้งเป้าไปที่สายพันธุ์โอมิครอนอย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อใช้ในกรณีที่วัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่สามารถต้านทานสายพันธุ์โอมิครอนได้ ทั้งนี้ หุ้นโมเดอร์นาพุ่งขึ้น 11.8%, หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันบวกขึ้น 0.34% แต่หุ้นไฟเซอร์ดิ่งลงเกือบ 3% ทางด้านศูนย์การควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐระบุหลังจากตลาดปิดทำการในวันจันทร์ว่า ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปควรฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในเวลา 6 เดือนหลังจากฉีดวัคซีนของไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา หรือในเวลา 2 เดือนหลังจากฉีดวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
นางแคโรล ชลีฟ รองหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทบีเอ็มโอตั้งข้อสังเกตว่า นักลงทุนมีความคุ้นเคยกับการเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรเมื่อใดก็ตามที่ตลาดหุ้นดิ่งลงในปีนี้ และเธอตั้งข้อสังเกตว่า "นักลงทุนพยายามประเมินสถานการณ์ใหม่ในช่วงนี้ และจะใช้ความอดทนในช่วงนี้" ทั้งนี้ อังกฤษระบุว่า อังกฤษจะฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้แก่ผู้ใหญ่ทุกคน และจะฉีดวัคซีนเข็มที่สองให้แก่เด็กอายุ 12-15 ปี หลังจากมีความกังวลเรื่องสายพันธุ์โอมิครอน โดยอังกฤษต้องการใช้วัคซีนของโมเดอร์นาและไฟเซอร์ในฐานะวัคซีนเข็มกระตุ้น
หุ้นเทสลาพุ่งขึ้น 5% หลังจากมีข่าวว่านายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาขอให้ลูกจ้างปรับลดต้นทุนในการจัดส่งรถยนต์--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
กองทุนหุ้นโลกได้รับคำสั่งซื้อหนาแน่นในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 27 ต.ค. โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสจากบริษัททั่วโลก, การคลายวิตกเรื่องเงินเฟ้อ และปัญหาขัดข้องด้านห่วงโซ่อุปทาน
ข้อมูลจากลิปเปอร์พบว่า นักลงทุนซื้อสุทธิกองทุนหุ้นโลก 2.452 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสุทธิมากที่สุดนับตั้งแต่รอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 17 ต.ค.
กองทุนหุ้นสหรัฐได้รับคำสั่งซื้อ 1.299 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่กองทุนหุ้นยุโรปและเอเชียได้รับคำสั่งซื้อสุทธิ 6.62 พันล้านดอลลาร์ และ 3.05 พันล้านดอลลาร์ตามลำดับ
คำสั่งซื้อในกองทุนตราสารหนี้โลกลดลงสู่ระดับ 2.7 พันล้านดอลลาร์ ร่วงลงราว 65% จากสัปดาห์ก่อน แต่กองทุนตราสารหนี้ที่ได้รับการคุ้มครองเงินเฟ้อได้รับคำสั่งซื้อ 2.6 พันล้านดอลลาร์ มากที่สุดตั้งแต่เดือนธ.ค.2019 ส่วนกองทุนพันธบัตรรัฐบาลได้รับคำสั่งซื้อ 1.37 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่กองทุนหุ้นกู้โลกถูกเทขายเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน
กองทุนตลาดเงินโลกได้รับคำสั่งซื้อมากที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ที่ 6.566 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่นักลงทุนขายกองทุนหุ้นตลาดเกิดใหม่ 275 ล้านดอลลาร์ และขายกองทุนตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ 1.5 พันล้านดอลลาร์--จบ--
นิวยอร์ค--21 ต.ค.--รอยเตอร์
ดัชนี S&P 500 และดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกขึ้นในวันพุธ โดยดัชนีดาวโจนส์สามารถพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ได้ในระหว่างวัน และทำลายสถิติสูงสุดเก่าที่เคยทำไว้ในช่วงกลางเดือนส.ค. ในขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ในทางบวกต่อผลประกอบการไตรมาสสามของบริษัทสหรัฐ อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ร่วงลงตามหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในวันพุธ ในขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปิดร่วงลง 0.3% หลังจากปิดตลาดในแดนบวกมานาน 5 วันติดต่อกัน ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มการแพทย์ของสหรัฐปรับขึ้นในวันพุธเป็นวันที่สองติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นบริษัทแอนเธมและหุ้นบริษัทแอบบอทท์ โดยหุ้นแอนเธมทะยานขึ้น 7.7% หลังจากแอนเธมปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรตลอดทั้งปี ส่วนหุ้นแอบบอทท์ แลบอราทอรีส์ปิดพุ่งขึ้น 3.3% หลังจากแอบบอทท์ปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรตลอดทั้งปี โดยได้รับแรงหนุนจากการดีดขึ้นของยอดขายชุดทดสอบโรคโควิด-19
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 0.43% สู่ 35,609.34, ดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 0.37% สู่ 4,536.19 หลังจากปรับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ 4,540.87 ซึ่งใกล้เคียงกับสถิติสูงสุดที่เคยทำไว้ที่ 4,545.85 ในวันที่ 2 ก.ย. ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดขยับลง 0.05% สู่ 15,121.68 ทางด้านดัชนีความผันผวน CBOE หรือดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงแตะ 15.29 ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค. ทั้งนี้ หุ้น 8 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในแดนบวก โดยดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปิดพุ่งขึ้นราว 1.6% และดัชนีหุ้นกลุ่มการแพทย์ปิดทะยานขึ้น 1.5% ทางด้านดัชนีหุ้นคุณค่าของสหรัฐ ซึ่งครอบคลุมหุ้นกลุ่มพลังงาน, กลุ่มอุตสาหกรรม และหุ้นที่มักปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ปิดบวกขึ้น 0.9% หลังจากพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ในระหว่างวัน
ดัชนี S&P เคยได้รับแรงกดดันในช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า บริษัทสหรัฐอาจได้รับแรงกดดันจากปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน, อัตราผลกำไรที่ระดับต่ำ, การปรับขึ้นค่าแรง และการพุ่งขึ้นของต้นทุนการผลิต อย่างไรก็ดี เมื่อฤดูการรายงานผลประกอบการไตรมาสสามเริ่มต้นขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว นักลงทุนก็พึงพอใจที่บริษัทสหรัฐสามารถรักษาอัตราผลกำไรเอาไว้ได้ โดยใช้วิธีผลักภาระต้นทุนไปให้แก่ลูกค้า และปัจจัยนี้ก็ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้น
นักลงทุนคาดการณ์ในตอนนี้ว่า ผลกำไรไตรมาสสามของบริษัทสหรัฐอาจพุ่งขึ้น 33% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ในขณะที่บริษัทราว 14% ในดัชนี S&P 500 เปิดเผยผลประกอบการออกมาแล้ว และบริษัทกว่า 85% ในกลุ่มนี้เปิดเผยผลกำไรที่ดีเกินคาด
บริษัท IBM เปิดเผยผลประกอบการหลังจากตลาดปิดทำการในวันพุธ โดย IBM รายงานว่า รายได้ไตรมาสสามอยู่ในระดับที่ต่ำเกินคาด ทางด้านบริษัทเทสลาซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายงานว่า รายได้ไตรมาสสามอยู่ในระดับที่สูงเกินคาด โดยได้รับแรงหนุนจากยอดจัดส่งสินค้าที่สูงเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ดี เทสลาต้องรับมือกับภาวะขาดแคลนชิปและวัตถุดิบทั่วโลกเป็นเวลายาวนาน--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--20 ต.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกขึ้นในวันอังคาร โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นกลุ่มการแพทย์ ในขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า บริษัทสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ดี นักลงทุนบางรายกังวลว่า ตอนนี้อาจจะเป็นเวลาที่เร็วเกินไปที่จะมั่นใจในเรื่องนี้ ทั้งนี้ หุ้นบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันพุ่งขึ้น 2.3% และส่งแรงบวกเป็นอย่างมากต่อดัชนี S&P 500 หลังจากทางบริษัทปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรประจำปี 2021 ส่วนหุ้นบริษัททราเวเลอร์ส คอส อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันทะยานขึ้น 1.6% หลังจากทางบริษัทเปิดเผยผลกำไรที่สูงเกินคาด นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นกลุ่มการสื่อสารก็ทะยานขึ้นด้วย โดยเฉพาะหุ้นบริษัทแอปเปิล, เฟซบุ๊ก และไมโครซอฟท์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.56% สู่ 35,457.31 และอยู่ห่างจากสถิติสูงสุดที่ทำไว้ในช่วงกลางเดือนส.ค.ราว 0.5%, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับขึ้น 0.74% สู่ 4,519.63 ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดในแดนบวกเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน และอยู่ต่ำกว่าสถิติระดับปิดสูงสุดที่ทำไว้ในช่วงต้นเดือนก.ย.ราว 0.4% ทางด้านดัชนี Nasdaq ปิดบวกขึ้น 0.71% สู่ 15,129.09 ทั้งนี้ หุ้น 10 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในแดนบวก โดยดัชนีหุ้นกลุ่มการแพทย์พุ่งขึ้น 1.3% ในวันอังคาร และถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด หลังจากร่วงลง 0.7% ในวันจันทร์ ทางด้านดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคทะยานขึ้น 1.26% และถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากเป็นอันดับสอง หลังจากร่วงลงเกือบ 1% ในวันจันทร์
นายสตีฟ ซอสนิค หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทอินเทอร์แอคทีฟ โบรกเกอร์สกังวลว่า ตลาดหุ้นอาจจะย่อตัวลงได้ในอนาคต และเขากล่าวเสริมว่า "ตลาดหุ้นอาจจะพุ่งขึ้นมากเกินไป และมีแนวโน้มว่าดัชนี S&P อาจจะพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ ก่อนที่จะย่อตัวลง โดยขึ้นอยู่กับผลประกอบการภาคเอกชน" ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจพุ่งขึ้น 32.4% ในไตรมาสสามเมื่อเทียบรายปี ในขณะที่ดัชนีความผันผวน CBOE หรือดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงแตะ 15.57 ในวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนส.ค.
หุ้นเน็ตฟลิกซ์ปิดขยับขึ้น 0.2% ในวันอังคาร โดยเน็ตฟลิกซ์ได้เปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสหลังจากตลาดปิดทำการในวันอังคาร โดยระบุว่าละครเกาหลีใต้เรื่อง "Squid Game" สามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ได้สูงเกินคาด ทางด้านหุ้นเทสลาปิดร่วงลง 0.7% ในวันอังคาร ก่อนที่เทสลาจะเปิดเผยผลประกอบการในวันพุธ และนักลงทุนมุ่งความสนใจไปยังผลประกอบการของเทสลาในจีน
ดัชนีหุ้นกลุ่มการแพทย์ได้รับแรงหนุนจากหุ้นบริษัทเมอร์ค แอนด์ โคที่พุ่งขึ้น 3% และหุ้นไฟเซอร์ที่ทะยานขึ้น 1.9% อย่างไรก็ดี หุ้นบริษัทเอเทีย ฟาร์มาซูติคัลส์ อิงค์ดิ่งลง 66% หลังจากยาต้านไวรัสที่เอเทียพัฒนาร่วมกับบริษัทโรชไม่สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อยหรือปานกลางได้--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน