ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเบื้องต้น (SA) (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้าYoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การส่งออก (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ค่าจ้าง MoM (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ดุลการค้า (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น GDP Nominal แก้ไขQoQ (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ดุลการค้า (SA)(ข้อมูลศุลกากร) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น GDP ประจำปี (แก้ไข) QoQ (ไตรมาส 3)--
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
เยอรมนี การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน Sentix (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อินดิเคเตอร์ชั้นนำ MoM (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจแห่งชาติ--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา อัตราผลตอบแทนการประมูลพันธบัตรรัฐบาล 3-ปี--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนียอดค้าปลีกรวม BRC YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนียอดค้าปลีก Like-For-Like BRC YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
ออสเตรเลีย อัตราหลัก(ดอกเบี้ยเงินกู้)O/N--
ค: --
ค: --
คำแถลงอัตราของธนาคารกลางออสเตรเลีย
ประธานธนาคารกลางออสเตรเลีย Bullock จัดงานแถลงข่าวนโยบายการเงิน
เยอรมนี อัตราการส่งออก MoM (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็ก NFIB (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก CPI หลัก YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก อัตราเงินเฟ้อ 12-เดือน (CPI) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก PPI YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล
นิวยอร์ค--10 ก.พ.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นในวันพุธ ในขณะที่หุ้นบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มเติบโตทะยานขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นก็ได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสในภาคเอกชนด้วย ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีร่วงลงสู่ 1.945% ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากเพิ่งพุ่งขึ้นแตะ 1.97% ในวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2019 โดยการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนทั่วโลก และช่วยกระตุ้นคำสั่งซื้อหุ้นเติบโต โดยหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊กพุ่งขึ้น 5.37% ในวันพุธ หลังจากดิ่งลงเกือบ 1 ใน 3 ในช่วง 4 วันทำการก่อนหน้านั้น นอกจากนี้ ดัชนี S&P 500 ก็ได้รับแรงหนุนเป็นอย่างมากจากหุ้นเอ็นวิเดียที่พุ่งขึ้น 2.2% และหุ้นไมโครซอฟท์ที่ทะยานขึ้น 6.4%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.86% สู่ 35,768.06, ดัชนี S&P 500 ปิดพุ่งขึ้น 1.45% สู่ 4,587.18 และดัชนี Nasdaq ปิดทะยานขึ้น 2.08% สู่ 14,490.37 อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P 500 ดิ่งลงมาแล้วราว 4% จากช่วงต้นปีนี้ และดัชนี Nasdaq รูดลงมาแล้วกว่า 7% จากช่วงต้นปีนี้ หลังจากพุ่งขึ้นเกือบ 21% ในปี 2021 ทั้งนี้ หุ้นทุกกลุ่มใหญ่ในดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นในวันพุธ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ทะยานขึ้น 2.45%
นายทิม กริสคีย์ นักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทอิงกัลส์ แอนด์ สไนเดอร์กล่าวว่า "ตลาดพันธบัตรส่งสัญญาณว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เพียงในวงจำกัดเท่านั้น และการส่งสัญญาณดังกล่าวก็ส่งผลบวกเป็นอย่างมากต่อตลาดหุ้นโดยรวม และส่งผลบวกมากเป็นพิเศษต่อหุ้นเติบโตที่มักจะมีมูลค่าสูง" ทั้งนี้ นักลงทุนรอดูดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักลงทุนจะใช้ดัชนี CPI ในการประเมินว่า ธนาคารกลางสหรัฐจะคุมเข้มนโยบายการเงินอย่างรวดเร็วเพียงใดในอนาคต ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า ดัชนี CPI อาจปรับขึ้น 0.5% ในเดือนม.ค.เมื่อเทียบรายเดือน และอาจพุ่งขึ้น 7.3% ในเดือนม.ค.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งจะถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1982 หรือจุดสูงสุดในรอบราว 40 ปี
บริษัท 316 แห่งในดัชนี S&P 500 เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ออกมาแล้ว โดยบริษัท 78% ในกลุ่มนี้เปิดเผยผลกำไรที่ดีเกินคาด ทั้งนี้ หุ้นบริษัทชิโพเทิล เม็กซิกัน กริลล์ อิงค์พุ่งขึ้น 10% หลังจากทางบริษัทเปิดเผยยอดขายและผลกำไรที่ดีเกินคาด ส่วนหุ้นยัม แบรนด์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ KFC ทะยานขึ้น 2.2% หลังจากทางบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ดีเกินคาด
หุ้นบริษัทเอนเฟส เอ็นเนอร์จี อิงค์พุ่งขึ้น 12% โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และปัจจัยนี้ช่วยหนุนหุ้นตัวอื่น ๆ ในกลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์ให้พุ่งขึ้นตามไปด้วย ซึ่งรวมถึงหุ้นซันพาวเวอร์ คอร์ปที่พุ่งขึ้น 6.6% และหุ้นโซลาร์เอดจ์ เทคโนโลยีส์ ที่ทะยานขึ้น 6.9% ทั้งนี้ หุ้นซีวีเอส เฮลธ์ คอร์ปซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพดิ่งลง 5.45% หลังจากซีวีเอสคาดการณ์ผลกำไรปี 2022 ในระดับที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--2 ส.ค.--รอยเตอร์
นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐระบุว่า การดีดขึ้นของผลกำไรภาคเอกชนและการดิ่งลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ในช่วงนี้ช่วยจำกัดมูลค่าหุ้นในตลาดหุ้นสหรัฐไม่ให้อยู่ในระดับที่แพงเกินไป และปัจจัยนี้ช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นสหรัฐต่อไป ถึงแม้ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนตัวอยู่ใกล้สถิติสูงสุด และถึงแม้ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ และจากการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอการเติบโตลง ทั้งนี้ ถึงแม้ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 17% จากช่วงต้นปีนี้ มูลค่าหุ้นสหรัฐกลับขยับลงนับตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ โดยค่าพีอีเรโชของหุ้นในดัชนี S&P 500 อยู่ที่ 21.4 เท่าของตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรสำหรับช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดยร่วงลงจาก 22.7 เท่าในเดือนม.ค. แต่ยังคงอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 15.4 เท่า
นายปีเตอร์ ทูซ ประธานบริษัทเชส อินเวสท์เมนท์ เคาน์เซลกล่าวว่า "ผมคิดว่าตลาดหุ้นยังคงเป็นสถานที่ที่น่าลงทุน เพราะถึงแม้ว่ามูลค่าหุ้นอยู่ในระดับสูง ปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นก็ยังคงอยู่ในภาวะที่ดี นอกจากนี้ บริษัทส่วนใหญ่ก็มีผลประกอบการรายไตรมาสที่ดีมาก และมีแนวโน้มที่ดีมากด้วย" ทั้งนี้ นักลงทุนมุ่งความสนใจไปยังมูลค่าหุ้นในช่วงนี้ ในขณะที่นักลงทุนพยายามประเมินปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางตลาดในช่วงหลายเดือนข้างหน้า โดยปัจจัยเหล่านี้รวมถึงเศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้มชะลอการเติบโตลง, การพุ่งขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา และแผนการของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการปรับลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
นักลงทุนจะจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ค.ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันศุกร์ที่ 6 ส.ค. และรอดูผลประกอบการที่บริษัทสหรัฐจะรายงานออกมาในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะผลประกอบการของบริษัทอีไล ลิลลี ซึ่งทำธุรกิจเวชภัณฑ์, ซีวีเอส เฮลธ์ ซึ่งทำธุรกิจประกันสุขภาพ และเจเนอรัล มอเตอร์ส (GM) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ในตอนนี้ว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจพุ่งขึ้น 87.2% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายปี โดยปรับขึ้นจากระดับ 65.4% ที่เคยคาดการณ์ไว้ในช่วงต้นเดือนก.ค. และการที่บริษัทสหรัฐรายงานผลกำไรที่สูงเกินคาดอย่างต่อเนื่องจะช่วยจำกัดมูลค่าหุ้นไม่ให้พุ่งสูงเกินไป ทั้งนี้ ธนาคารเครดิต สวิสคาดการณ์ว่า ดัชนี S&P 500 อาจจะปิดตลาดสิ้นปีนี้ที่ 4,600 โดยพุ่งขึ้นราว 4% จากระดับปิดวันพฤหัสบดีที่แล้วที่ 4,419.15 ส่วนธนาคารโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ทางธนาคารคาดว่าดัชนี S&P 500 อาจจะปิดตลาดสิ้นปีนี้ที่ 4,300 โดยตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีอยู่ที่ 1.9% แต่ถ้าหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอยู่ที่ 1.6% ระดับที่เหมาะสมของดัชนี S&P ก็จะพุ่งขึ้นสู่ 4,700 ในช่วงสิ้นปีนี้
นักลงทุนมองว่าหุ้นมีความน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีดิ่งลงราว 0.55% จากระดับ 1.776% ในวันที่ 30 มี.ค. สู่ระดับ 1.226% ในช่วงท้ายวันศุกร์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ สถาบันการลงทุนเวลส์ ฟาร์โกระบุว่า ค่าพรีเมียมความเสี่ยงของหุ้น ซึ่งเป็นส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนจากผลกำไรของหุ้นกับอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตร อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับแนวโน้มในอดีตที่บ่งชี้ว่า ดัชนี S&P 500 จะพุ่งขึ้น 15.2% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
นักลงทุนบางรายกังวลกับมูลค่าหุ้นที่อยู่ในระดับสูงในช่วงนี้ ในขณะที่ค่า CAPE ซึ่งเป็นค่าพีอีเรโชที่ปรับตามวัฏจักรเศรษฐกิจ ส่งสัญญาณเตือนออกมา โดยค่า CAPE ได้พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบกว่า 20 ปีในช่วงนี้ ทั้งนี้ นายแจ็ค เอบลิน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทเครสเซนท์ แคปิตัล แมเนจเมนท์กล่าวว่า การพุ่งขึ้นของค่า CAPE ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ทางบริษัทตัดสินใจปรับลดการลงทุนในหุ้นโดยรวมลงในช่วงต้นปีนี้สำหรับพอร์ตลงทุนที่มีระยะเวลาการลงทุนอย่างน้อย 7 ปี และเขากล่าวเสริมว่า "มูลค่าหุ้นอยู่ในระดับที่สูงมาก ดังนั้นตลาดหุ้นจึงไม่ใช่สถานที่ที่น่าลงทุนมากนักในระยะยาว"--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--30 ก.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกขึ้นในวันพฤหัสบดี และดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์กับดัชนี S&P 500 ได้ขึ้นไปแตะสถิติสูงสุดใหม่ในระหว่างวัน โดยดัชนีได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทสหรัฐ และจากรายงานคาดการณ์ในทางบวกของบริษัทสหรัฐ ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 2 จนกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับในช่วงก่อนเกิดวิกฤติโรคระบาด ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เติบโต 6.5% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบเป็นตัวเลขเต็มปี (annualised) แต่อัตราการเติบโตดังกล่าวอยู่ต่ำกว่าระดับ 8.5% ที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดี จีดีพีสหรัฐในตอนนี้ปรับขึ้นมาแล้ว 0.8% เมื่อเทียบกับระดับในไตรมาส 4/2019 และสิ่งนี้ส่งผลให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังภาวะถดถอยในครั้งนี้ถือเป็นการฟื้นตัวที่รวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ โดยก่อนหน้านี้เศรษฐกิจสหรัฐเคยใช้เวลานานถึง 3 ปีครึ่งในการฟื้นตัวหลังเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในปี 2007-09
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.44% สู่ 35,084.53, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับขึ้น 0.42% สู่ 4,419.15 หลังจากพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 4,429.97 ในระหว่างวัน และดัชนี Nasdaq ปิดขยับขึ้น 0.11% สู่ 14,778.26 ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากในวันพฤหัสบดีคือหุ้นกลุ่มที่มักปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มการเงิน, กลุ่มวัสดุ และกลุ่มพลังงาน ทางด้านดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ในระหว่างวัน ก่อนจะปิดตลาดร่วงลง 0.2%
ตลาดหุ้นได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสในภาคเอกชน โดยหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์พุ่งขึ้น 3.8% หลังจากฟอร์ด มอเตอร์ปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรสำหรับปีนี้ ส่วนหุ้นยัม แบรนด์ส อิงค์ ซึ่งเป็นเจ้าของเครือข่ายร้านอาหาร KFC ทะยานขึ้น 6.3% หลังจากยัม แบรนด์สเปิดเผยยอดขายรายไตรมาสที่สูงเกินคาด ทั้งนี้ บริษัทราวครึ่งหนึ่งในดัชนี S&P 500 เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาแล้ว และบริษัทเกือบ 91% ในกลุ่มนี้เปิดเผยผลกำไรที่ดีเกินคาด ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 อาจมีผลกำไรพุ่งขึ้น 87.2% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายปี
หุ้นเทสลา อิงค์ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าพุ่งขึ้น 4.7% และถือเป็นหุ้นที่ส่งแรงบวกต่อดัชนี S&P 500 มากที่สุด ในขณะที่หุ้นแอปเปิลปิดบวกขึ้น 0.46% ในวันพฤหัสบดี หลังจากร่วงลงในวันพุธ โดยหุ้นแอปเปิลถือเป็นหุ้นที่ส่งแรงบวกต่อดัชนี S&P 500 มากเป็นอันดับสอง ทั้งนี้ หุ้นเฟซบุ๊กดิ่งลง 4% ในวันพฤหัสบดี ในขณะที่เฟซบุ๊กประกาศเตือนว่า รายได้ของเฟซบุ๊กอาจจะชะลอการเติบโตลงอย่างรุนแรง หลังจากบริษัทแอปเปิล อิงค์ปรับปรุงระบบปฏิบัติการ iOS เพราะการปรับปรุงดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อความสามารถของเฟซบุ๊กในการตั้งเป้าหมายโฆษณาให้ตรงกับกลุ่มลูกค้า
นักวิเคราะห์บางรายระบุว่า ตัวเลขจีดีพีสหรัฐที่เติบโตต่ำเกินคาดอาจจะช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปเป็นเวลานาน ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐเพิ่งได้รับแรงหนุนในวันพุธ หลังจากเฟดระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่เฟดจะเริ่มต้นปรับลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ผู้บริหารของบริษัทที่ผลิตทุกสิ่งอย่างนับตั้งแต่ชิ้นส่วนเครื่องบินไปจนถึงรถยนต์ และสเต็ก เบอร์ริโตมีความเห็นต่างจากผู้กำหนดนโยบายด้านเศรษฐกิจเกี่ยวกับระยะเวลาในการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ และมองว่า ราคาที่เพิ่มขึ้นจะกระทบกำไรขั้นต้น และผลกำไรตลอดช่วงที่เหลือของปีนี้
บริษัทขนาดใหญ่กำลังส่งสัญญาณเตือนมากขึ้นในการแถลงผลประกอบการรายไตรมาสของพวกเขา ขณะที่พวกเขายังคงพยายามอย่างหนักเพื่อรับมือกับปัญหาขัดข้องด้านห่วงโซ่อุปทาน และการขาดแคลนแรงงานที่ทำให้ราคาพุ่งขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจกำลังกลับไปสู่ภาวะปกติหลังการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
แต่ผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์เกือบ 500 คนทั่วโลกในเดือนนี้พบว่า อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในประเทศที่สำคัญทั่วโลกจะเกิดขึ้นชั่วคราว โดยนักเศรษฐศาสตร์กว่า 70% ระบุว่า การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกในขณะนี้เกิดขึ้นชั่วคราว
อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเป็นประเด็นสนใจในทันทีของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และผู้กำหนดนโยบายทั่วโลกในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่มีความเห็นต่างกันมากขึ้นระหว่างกลุ่มผู้ที่กังวลว่า ราคาอาจจะกลับไปสู่กรอบก่อนเกิดโรคระบาดซึ่งประเทศต่างๆต้องการเวลามากกว่านี้ในการขยายตัว--จบ--
นิวยอร์ค--21 ก.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันอังคาร หลังจากร่วงลงติดต่อกันหลายวันในช่วงที่ผ่านมา โดยตลาดหุ้นได้รับแรงหนุนจากรายงานผลประกอบการภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง และจากการคาดการณ์ในทางบวกต่อเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นคำสั่งซื้อสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มที่มักปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มขนส่ง และหุ้นบริษัทขนาดเล็ก โดยดัชนี Russell 2000 สำหรับหุ้นบริษัทขนาดเล็กปิดพุ่งขึ้น 2.99% นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารก็ทะยานขึ้น 2.6% โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีที่ดีดขึ้นสู่ 1.209% ในช่วงท้ายวันอังคาร หลังจากดิ่งลงแตะ 1.128% ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดรอบ 5 เดือน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 1.62% สู่ 34,511.99 หลังจากเพิ่งดิ่งลงในวันจันทร์ในอัตราที่รุนแรงที่สุดในรอบ 9 เดือน, ดัชนี S&P 500 ปิดทะยานขึ้น 1.52% สู่ 4,323.06 ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. หลังจากดัชนี S&P 500 ปิดตลาดในแดนลบมานานติดต่อกัน 3 วัน และดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 1.57% สู่ 14,498.88 หลังจากปิดตลาดในแดนลบมานานติดต่อกัน 5 วัน ทั้งนี้ หุ้น 10 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในแดนบวก โดยมีเพียงแค่หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นที่ไม่ได้ปิดตลาดในแดนบวกในวันอังคาร ส่วนหุ้นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุดคือหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ทะยานขึ้น 2.7%
นายชัค คาร์ลสัน ซีอีโอของบริษัทฮอไรซัน อินเวสท์เมนท์ เซอร์วิสเซสกล่าวว่า "นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรในช่วงนี้ และหุ้นกลุ่มที่มักปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจก็ทะยานขึ้นในวันอังคาร" และเขากล่าวเสริมว่า "การปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรประเภทอายุ 10 ปีบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะไม่ทรุดตัวลงอย่างรุนแรง" ทั้งนี้ ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันในช่วงหลายวันที่ผ่านมาจากความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์เดลตา
บริษัท 56 แห่งในดัชนี S&P 500 เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาแล้ว โดยบริษัท 91% ในกลุ่มนี้เปิดเผยผลกำไรที่ดีเกินคาด และนักวิเคราะห์ก็คาดว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 อาจมีผลกำไรไตรมาสสองพุ่งขึ้น 72.9% เมื่อเทียบรายปี โดยปรับขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 54% ที่เคยคาดไว้ในช่วงต้นไตรมาส 2
หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการแหล่งน้ำมันพุ่งขึ้น 3.7% หลังจากการดีดขึ้นของราคาน้ำมันดิบช่วยกระตุ้นอุปสงค์ในบริการแหล่งน้ำมัน และส่งผลให้ฮัลลิเบอร์ตันมีผลกำไรรายไตรมาสเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน ทั้งนี้ หุ้นโมเดอร์นาซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนโรคโควิด-19 ดิ่งลง 2% ก่อนที่หุ้นโมเดอร์นาจะได้รับการบรรจุเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดัชนี S&P 500 ในวันพุธนี้--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน