ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax YoY (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้าYoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การส่งออก (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ค่าจ้าง MoM (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ดุลการค้า (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น GDP Nominal แก้ไขQoQ (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ดุลการค้า (SA)(ข้อมูลศุลกากร) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น GDP ประจำปี (แก้ไข) QoQ (ไตรมาส 3)--
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
เยอรมนี การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน Sentix (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อินดิเคเตอร์ชั้นนำ MoM (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจแห่งชาติ--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา อัตราผลตอบแทนการประมูลพันธบัตรรัฐบาล 3-ปี--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนียอดค้าปลีกรวม BRC YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนียอดค้าปลีก Like-For-Like BRC YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
ออสเตรเลีย อัตราหลัก(ดอกเบี้ยเงินกู้)O/N--
ค: --
ค: --
คำแถลงอัตราของธนาคารกลางออสเตรเลีย
ประธานธนาคารกลางออสเตรเลีย Bullock จัดงานแถลงข่าวนโยบายการเงิน
เยอรมนี อัตราการส่งออก MoM (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็ก NFIB (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก CPI หลัก YoY (พ.ย.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล
นิวยอร์ค--2 พ.ย.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นมาปิดตลาดที่สถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ในวันจันทร์ ในขณะที่หุ้นบริษัทเทสลาและดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น และนักลงทุนรอดูผลการประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะออกมาในวันที่ 3 พ.ย. ทั้งนี้ นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมา และปัจจัยนี้มีส่วนทำให้ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นมาแล้ว 22.8% จากช่วงต้นปีนี้ โดยนักลงทุนคาดว่าในวันพุธนี้เฟดจะประกาศแผนการในการปรับลดขนาดมาตรการเข้าซื้อตราสารหนี้ลงจากระดับ 1.20 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือน และนักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปยังความเห็นของเฟดที่มีต่ออัตราดอกเบี้ย และความเห็นที่มีต่อประเด็นที่ว่าอัตราเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นเป็นเวลานานเพียงใด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.26% สู่ 35,913.84 หลังจากพุ่งขึ้นเหนือระดับ 36,000 ได้เป็นครั้งแรกในระหว่างวัน, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับขึ้น 0.18% สู่ 4,613.67 ซึ่งถือเป็นสถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ หลังจากพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ในระหว่างวันที่ 4,620.34 และดัชนี Nasdaq ปิดบวกขึ้น 0.63% สู่ 15,595.92 ซึ่งถือเป็นสถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.6% และถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในวันจันทร์ แต่ดัชนีหุ้นกลุ่มบริการการสื่อสารร่วงลง 0.7% ทางด้านดัชนี Russell 2000 สำหรับหุ้นบริษัทขนาดเล็กของสหรัฐพุ่งขึ้น 2.7% ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนส.ค.
หุ้นเทสลาซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าพุ่งขึ้น 8.5% โดยหุ้นเทสลาพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่มูลค่าตามราคาตลาดของเทสลาทะยานขึ้นเหนือ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว และการทะยานขึ้นของหุ้นเทสลาในวันจันทร์ก็มีส่วนช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยของสหรัฐให้ปรับขึ้นราว 1.5% ทั้งนี้ หุ้นฮาร์เลย์-เดวิดสัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์พุ่งขึ้น 9.1% หลังจากสหภาพยุโรป (อียู) ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรเพื่อเป็นการตอบโต้จากสินค้าสหรัฐ ซึ่งรวมถึงวิสกี้, เรือยนต์ และรถมอเตอร์ไซค์ของฮาร์เลย์
ผลสำรวจที่ออกมาในวันจันทร์ระบุว่า กิจกรรมภาคการผลิตของสหรัฐชะลอการเติบโตลงในเดือนต.ค. โดยอุตสาหกรรมทุกกลุ่มรายงานว่า ระยะเวลารอคอยวัตถุดิบอยู่ในระดับที่นานเป็นประวัติการณ์ และสิ่งนี้บ่งชี้ว่าปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานจะยังคงกดดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่อไปในช่วงต้นไตรมาสสี่ ทั้งนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานของสหรัฐร่วงลงสู่ 60.8 ในเดือนต.ค. จาก 61.1 ในเดือนก.ย.
บริษัทกว่าครึ่งหนึ่งในดัชนี S&P 500 รายงานผลประกอบการไตรมาสสามออกมาแล้ว โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจพุ่งขึ้น 39% ในไตรมาสสามเมื่อเทียบรายปี--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
แฟรงค์เฟิร์ต/ลอนดอน--10 ส.ค.--รอยเตอร์
นักวิเคราะห์ระบุว่า ผู้นำบริษัทข้ามชาติหลายแห่งแสดงความกังวลต่อการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในช่วงนี้ แต่ธนาคารกลางหลายแห่งกลับไม่แสดงความกังวลต่อเรื่องนี้ และไม่มีแนวโน้มที่จะดำเนินมาตรการสกัดกั้นการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในเร็ว ๆ นี้ โดยทั้งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารกลางแห่งอื่น ๆ บางแห่งต่างก็ระบุตรงกันว่า อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มพุ่งขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ทั้งนี้ ผลสำรวจของธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริการะบุว่า บริษัทหลายแห่งระบุถึง "ภาวะเงินเฟ้อ" ในการประชุมรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด โดยจำนวนการพูดถึง "ภาวะเงินเฟ้อ" ของบริษัทสหรัฐในดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 1,000% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน ส่วนจำนวนการพูดถึงภาวะเงินเฟ้อของบริษัทยุโรปในดัชนี Stoxx 600 ทะยานขึ้น 400% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน
นักวิเคราะห์ระบุว่า สาเหตุที่ซีอีโอบริษัทเอกชนกับเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางมีความเห็นแตกต่างจากกันในเรื่องนี้ เป็นเพราะว่าทั้งสองฝ่ายใช้คำว่าภาวะเงินเฟ้อในแบบที่แตกต่างจากกัน โดยซีอีโอมุ่งความสนใจไปที่ต้นทุนการผลิตในภาคธุรกิจของตนเอง ในขณะที่ธนาคารกลางมุ่งความสนใจไปที่เศรษฐกิจในวงกว้าง โดยบริษัทที่แสดงความกังวลต่อการพุ่งขึ้นของต้นทุนการผลิตในช่วงนี้รวมถึงเจเนอรัล อิเล็กทริค (GE) ซึ่งเป็นบริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่, ฮาร์เลย์-เดวิดสัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์, ยูนิลีเวอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค, เรโนลต์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ของฝรั่งเศส และไบเออร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเวชภัณฑ์ของเยอรมนี ทั้งนี้ ธนาคารกลางหลายแห่งยังคงยืนยันว่า อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มพุ่งขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น โดยนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดเพิ่งกล่าวในเดือนก.ค.ว่า ปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลให้ราคาพุ่งขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งรวมถึงราคารถยนต์มือสองที่พุ่งขึ้น 45% เมื่อเทียบรายปี และค่าตั๋วเครื่องบินที่ทะยานขึ้น 25% ไม่มีแนวโน้มที่จะดำรงอยู่ต่อไปเป็นเวลานาน ทางด้านนางคริสติน ลาการ์ด ประธานอีซีบีกล่าวในวันที่ 22 ก.ค.ว่า "อัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่มีแนวโน้มว่าจะปรับขึ้นเพียงชั่วคราวเป็นส่วนใหญ่ และอัตราเงินเฟ้อยังคงมีแนวโน้มว่าจะอยู่ในระดับต่ำในระยะกลาง"
การที่ธนาคารกลางมองภาพเศรษฐกิจในวงกว้างอาจจะส่งผลให้ธนาคารกลางไม่ให้ความสำคัญมากนักกับความกังวลของบริษัทเอกชนบางแห่งด้วย ในขณะที่บริษัทเหล่านี้ครองสัดส่วนไม่มากนักในขนาดเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งจะเห็นได้จากบริษัทภาคเทคโนโลยีของสหรัฐที่ครองสัดส่วนเกือบถึง 30% ของมูลค่าทุนจดทะเบียนในตลาดของดัชนีตลาดหุ้น MSCI USA แต่ครองสัดส่วนเพียง 10% ในมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นก็ไม่ใช่เครื่องบ่งชี้ที่ดีถึงภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศด้วย โดยเฉพาะในยุโรป เพราะว่าบริษัทจดทะเบียนในยุโรปมียอดขายกว่าครึ่งหนึ่งมาจากตลาดต่างประเทศ ในขณะที่บริษัทสหรัฐมียอดขาย 30% มาจากต่างประเทศ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางมีแนวโน้มที่จะไม่กังวลมากนักกับการที่บริษัทขนาดใหญ่ระบุถึงภาวะเงินเฟ้อในช่วงนี้ด้วย เพราะเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางมองว่าบริษัทขนาดใหญ่สามารถใช้อิทธิพลของตนเองในการควบคุมต้นทุนในห่วงโซ่การผลิตของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทขนาดเล็กไม่สามารถทำได้
เจ้าหน้าที่เฟดและอีซีบีไม่ต้องการที่จะทำผิดซ้ำสองเหมือนในทศวรรษที่แล้วด้วย เพราะเฟดและอีซีบีเคยคุมเข้มนโยบายในทันทีเมื่อมีสัญญาณเงินเฟ้อช่วงแรกปรากฏออกมา แต่กลับไม่ได้เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างเต็มที่ในเวลาต่อมาแต่อย่างใด นอกจากนี้ เฟดและอีซีบียังระบุถึงข้อดีของการปล่อยให้ "เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะร้อนแรง" ในช่วงนี้ด้วย โดยเฟดและอีซีบีอาจจะปล่อยให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงกว่าระดับเป้าหมายเป็นเวลานานระยะหนึ่ง เพื่อเปิดโอกาสให้ตลาดแรงงานมีโอกาสฟื้นตัวต่อไป ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางกำลังจับตามองค่าแรงในช่วงนี้ เพราะถ้าหากค่าแรงพุ่งสูงขึ้น ปัจจัยดังกล่าวก็อาจจะบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ดี สถานการณ์ด้านค่าแรงในประเทศต่าง ๆ อยู่ในภาวะที่แตกต่างกันไปในช่วงนี้ โดยค่าแรงในยูโรโซนปรับขึ้นเพียง 1.5% ในไตรมาสแรก ส่วนรายได้เงินสดในญี่ปุ่นยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าในช่วงก่อนเกิดวิกฤติโรคระบาด ทางด้านค่าแรงในอังกฤษและออสเตรเลียมีแนวโน้มว่าจะชะลอการเติบโตลงในอนาคต อย่างไรก็ดี ค่าแรงในสหรัฐพุ่งขึ้น 3.2% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายปี แต่เฟดยังคงไม่แสดงความกังวลต่อเรื่องนี้ โดยนายพาวเวลล์เพิ่งกล่าวในวันที่ 28 ก.ค.ว่า "ผมคิดว่าเรายังคงอยู่ห่างไกลจากความคืบหน้าเป็นอย่างมากในการเข้าใกล้เป้าหมายภาวะการจ้างงานสูงสุด"
ราคาผู้ผลิตในประเทศพัฒนาแล้วพุ่งขึ้น 5-10% ในช่วงนี้ แต่ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าบริษัทเอกชนมีความเต็มใจหรือมีความสามารถมากน้อยเพียงใดในการผลักภาระต้นทุนที่สูงขึ้นไปให้แก่ผู้บริโภค โดยบริษัทบางแห่งในสหรัฐอย่างเช่นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) และสตาร์บัคส์ได้ผลักภาระต้นทุนไปแล้วหรือวางแผนที่จะทำแบบนั้น ทางด้านบริษัทญี่ปุ่นราว 2 ใน 3 ในโพลล์รอยเตอร์ก็ได้ผลักภาระต้นทุนไปแล้วหรือวางแผนที่จะทำแบบเดียวกัน อย่างไรก็ดี บริษัทญี่ปุ่นราว 52% คาดว่า ราคาสินค้าและบริการของตนเองจะทรงตัวอยู่ที่ระดับเดิมในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ส่วนในยูโรโซนนั้น บริษัทอุตสาหกรรมส่วนใหญ่คาดว่าจะผลักภาระต้นทุนที่สูงขึ้นไปให้แก่ลูกค้า แต่บริษัทในภาคบริการคาดว่าจะคงค่าบริการไว้ที่ระดับเดิม--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ผู้บริหารของบริษัทที่ผลิตทุกสิ่งอย่างนับตั้งแต่ชิ้นส่วนเครื่องบินไปจนถึงรถยนต์ และสเต็ก เบอร์ริโตมีความเห็นต่างจากผู้กำหนดนโยบายด้านเศรษฐกิจเกี่ยวกับระยะเวลาในการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ และมองว่า ราคาที่เพิ่มขึ้นจะกระทบกำไรขั้นต้น และผลกำไรตลอดช่วงที่เหลือของปีนี้
บริษัทขนาดใหญ่กำลังส่งสัญญาณเตือนมากขึ้นในการแถลงผลประกอบการรายไตรมาสของพวกเขา ขณะที่พวกเขายังคงพยายามอย่างหนักเพื่อรับมือกับปัญหาขัดข้องด้านห่วงโซ่อุปทาน และการขาดแคลนแรงงานที่ทำให้ราคาพุ่งขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจกำลังกลับไปสู่ภาวะปกติหลังการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
แต่ผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์เกือบ 500 คนทั่วโลกในเดือนนี้พบว่า อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในประเทศที่สำคัญทั่วโลกจะเกิดขึ้นชั่วคราว โดยนักเศรษฐศาสตร์กว่า 70% ระบุว่า การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกในขณะนี้เกิดขึ้นชั่วคราว
อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเป็นประเด็นสนใจในทันทีของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และผู้กำหนดนโยบายทั่วโลกในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่มีความเห็นต่างกันมากขึ้นระหว่างกลุ่มผู้ที่กังวลว่า ราคาอาจจะกลับไปสู่กรอบก่อนเกิดโรคระบาดซึ่งประเทศต่างๆต้องการเวลามากกว่านี้ในการขยายตัว--จบ--
นิวยอร์ค--20 ก.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดดิ่งลงอย่างรุนแรงในวันจันทร์ ในขณะที่การพุ่งขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์เดลตาส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาในวงกว้าง เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าอาจจะมีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ และกังวลว่าเศรษฐกิจจะชะลอการฟื้นตัว ทั้งนี้ นักลงทุนต้องการหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงนี้ และนักลงทุนได้เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีดิ่งลงแตะ 1.176% ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดในรอบกว่า 5 เดือน และปัจจัยนี้มีส่วนทำให้ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐรูดลง 3.3% ในวันจันทร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดดิ่งลง 2.09% สู่ 33,962.04 ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบ 9 เดือน, ดัชนี S&P 500 ปิดรูดลง 1.59% สู่ 4,258.49 และดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 1.06% สู่ 14,274.98 โดยการดิ่งลงของดัชนี S&P และ Nasdaq ในวันจันทร์ถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนพ.ค. ทั้งนี้ หุ้นทั้ง 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างรุนแรงในวันจันทร์ โดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานรูดลง 3.6% ซึ่งถือเป็นการรูดลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. ทางด้านดัชนีหุ้นกลุ่มสายการบินดิ่งลง 3.8% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มโรงแรมและร้านอาหารรูดลง 2.7%
นายพอล โนลเท ผู้จัดการพอร์ตลงทุนของบริษัทคิงส์วิว แอสเซท แมเนจเมนท์กล่าวว่า ความกังวลเรื่องเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์เดลตาส่งผลให้ตลาดหุ้นดิ่งลง และนักลงทุนก็กังวลอีกด้วยว่า สหรัฐอาจจะไม่สามารถเปิดเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วเท่ากับที่เคยคาดการณ์กันไว้ ทางด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าวในวันศุกร์ว่า เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์เดลตาได้กลายเป็นเชื้อที่แพร่ระบาดมากที่สุดทั่วโลกในตอนนี้ ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในสหรัฐพุ่งสูงขึ้น และผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นประชากรที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ทั้งนี้ ดัชนีความผันผวน CBOE หรือดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้น 4.1 จุด หรือ 21.95% มาปิดตลาดที่ 22.50 ในวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบ 2 เดือน
นักลงทุนจับตาดูฤดูการรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ในช่วงนี้ โดยมีบริษัท 41 แห่งในดัชนี S&P 500 ที่เปิดเผยผลประกอบการออกมาแล้ว และบริษัท 90% ในกลุ่มนี้เปิดเผยผลกำไรที่ดีเกินคาด โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจพุ่งขึ้น 72% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายปี ทั้งนี้ บริษัทที่จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้รวมถึงบริษัทเน็ตฟลิกซ์, ทวิตเตอร์, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, ยูไนเต็ด แอร์ไลน์, อินเทล, ฮันนีเวล และฮาร์เลย์-เดวิดสัน
บริษัทอินเตอร์เนชันแนล บิสเนส แมชีนส์ คอร์ป (IBM) เปิดเผยรายได้รายไตรมาสที่สูงเกินคาด โดยได้รับแรงหนุนจากความแข็งแกร่งของแผนกประมวลผลบนระบบคลาวด์--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน