• การซื้อขาย
  • ตลาด
  • คัดลอก
  • การแข่งขัน
  • ข่าวสาร
  • 24x7
  • ปฏิทิน
  • Q&A
  • แชท
ยอดนิยม
ตัวกรอง
สินทรัพย์
ล่าสุด
ราคาขาย
ราคาซื้อ
สูงสุด
ต่ำสุด
เปลี่ยน
% เปลี่ยน
สเปรด
SPX
S&P 500 Index
6866.87
6866.87
6866.87
6895.79
6862.88
+9.75
+ 0.14%
--
DJI
Dow Jones Industrial Average
47923.01
47923.01
47923.01
48133.54
47873.62
+72.08
+ 0.15%
--
IXIC
NASDAQ Composite Index
23543.59
23543.59
23543.59
23680.03
23506.00
+38.46
+ 0.16%
--
USDX
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ
98.980
99.060
98.980
99.060
98.740
0.000
0.00%
--
EURUSD
ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ
1.16369
1.16377
1.16369
1.16715
1.16277
-0.00076
-0.07%
--
GBPUSD
ปอนด์สเตอร์ลิง/ดอลลาร์สหรัฐ
1.33232
1.33239
1.33232
1.33622
1.33159
-0.00039
-0.03%
--
XAUUSD
Gold / US Dollar
4215.52
4215.86
4215.52
4259.16
4194.54
+8.35
+ 0.20%
--
WTI
Light Sweet Crude Oil
60.014
60.044
60.014
60.236
59.187
+0.631
+ 1.06%
--

บัญชีชุมชน

บัญชีสัญญาณ (อัน)
--
บัญชีกำไร (อัน)
--
บัญชีขาดทุน (อัน)
--
ดูเพิ่มเติม

มาเป็นผู้ให้สัญญาณ

ขายสัญญาณและรับรายได้

ดูเพิ่มเติม

คู่มือการคัดลอกการซื้อขาย

เริ่มต้นง่ายๆ

ดูเพิ่มเติม

สัญญาณ VIP

ทั้งหมด

ผลตอบแทนที่ดีที่สุด
  • ผลตอบแทนที่ดีที่สุด
  • กำไร/ขาดทุนที่ดีที่สุด
  • MDD ที่ดีที่สุด
1 สัปดาห์ที่ผ่านมา
  • 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา
  • 1 เดือนที่ผ่านมา
  • 1 ปีที่ผ่านมา

ทั้งหมด

  • ทั้งหมด
  • อัปเดตทรัมป์
  • แนะนำ
  • หุ้น
  • สกุลเงินดิจิทัล
  • ธนาคารกลาง
  • ข่าวเด่น
ดูข่าวเด่นเท่านั้น
แชร์

รมว.พลังงานฝรั่งเศส: ส่งคำร้องขออนุมัติความช่วยเหลือจากรัฐสำหรับโครงการเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 6 แห่งของ EDF ไปยังบรัสเซลส์แล้ว

แชร์

คองโกสั่งให้ผู้ส่งออกโคบอลต์จ่ายค่าลิขสิทธิ์ล่วงหน้า 10% ภายใน 48 ชั่วโมง ภายใต้กฎการส่งออกใหม่ อ้างอิงจากหนังสือเวียนของรัฐบาลที่สำนักข่าวรอยเตอร์สเผยแพร่

แชร์

ศาลสหรัฐฯ ระบุทรัมป์สามารถถอดถอนเดโมแครตออกจากคณะกรรมการแรงงานของรัฐบาลกลางสองแห่งได้

แชร์

ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ดัชนี Marketvector Digital Asset 100 Small Cap ลดลง 6.62% อยู่ที่ 4,066.13 จุดเป็นการชั่วคราว แนวโน้มโดยรวมยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วในเวลา 00:00 น. ตามเวลาปักกิ่ง

แชร์

ดัชนี MSCI Nordic Countries เพิ่มขึ้น 0.5% มาอยู่ที่ 358.24 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดใหม่นับตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน โดยมีอัตราเพิ่มขึ้นสะสมกว่า 0.66% ในสัปดาห์นี้ ในบรรดา 10 กลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มอุตสาหกรรมนอร์ดิกมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุด หุ้น Neste Oyj เพิ่มขึ้น 5.4% เป็นผู้นำในกลุ่มหุ้นนอร์ดิก

แชร์

Petrobras ของบราซิลอาจเริ่มการผลิตที่บ่อน้ำมันใหม่ Tartaruga Verde ในอีกสองปี

แชร์

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทรัมป์: เราเข้ากันได้ดีมากกับแคนาดาและเม็กซิโก

แชร์

ทรัมป์: เตรียมจัดประชุมหลังจบงาน พร้อมหารือเรื่องการค้า

แชร์

นายกรัฐมนตรีแคนาดา มาร์ก คาร์นีย์ ได้พบกับประธานาธิบดีเม็กซิโก จาซินดา ซินบอม และประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์

แชร์

ทรัมป์: ทำงานร่วมกับแคนาดาและเม็กซิโก

แชร์

ยูโรลดลง 0.14% อยู่ที่ 1.1629 ดอลลาร์

แชร์

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ที่ระดับสูงสุดของเซสชัน ล่าสุดเพิ่มขึ้น 0.02% ที่ 99.08

แชร์

ดอลลาร์/เยน ขึ้น 0.15% ที่ 155.355

แชร์

ดัชนี Dax 30 ของเยอรมนีปิดตลาดเพิ่มขึ้น 0.77% ที่ 24,062.60 จุด เพิ่มขึ้นประมาณ 1% ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นฝรั่งเศสปิดตลาดลดลง 0.05% ดัชนีหุ้นอิตาลีปิดตลาดลดลง 0.04% และดัชนีธนาคารลดลง 0.34% และดัชนีหุ้นสหราชอาณาจักรปิดตลาดลดลง 0.36%

แชร์

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 0.05% ที่ 579.11 จุด เพิ่มขึ้นประมาณ 0.5% ในรอบสัปดาห์ ดัชนี Stoxx 50 ของยูโรโซนปิดตลาดเพิ่มขึ้น 0.20% ที่ 5729.54 จุด เพิ่มขึ้นประมาณ 1.1% ในรอบสัปดาห์ ดัชนี FTSE Eurotop 300 ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 0.03% ที่ 2307.86 จุด

แชร์

ทรัมป์เผยอาจพบกับประธานาธิบดีเม็กซิโกในการประชุมฟีฟ่า

แชร์

เงินเรียลบราซิลอ่อนค่าลง 2% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เหลือ 5.42 ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในการซื้อขายสปอต

แชร์

ดัชนี STOXX ของยุโรปเพิ่มขึ้น 0.1% ดัชนี Blue Chips ของยูโรโซนเพิ่มขึ้น 0.1%

แชร์

ดัชนี FTSE 100 ของอังกฤษลดลง 0.43% และดัชนี DAX ของเยอรมนีเพิ่มขึ้น 0.66%

แชร์

CAC 40 ของฝรั่งเศสลดลง 0.06% และ IBEX ของสเปนลดลง 0.35%

เวลา
ค่าจริง
คาดการณ์
ครั้งก่อน
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax YoY (SA) (พ.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)

ค:--

ค: --

ค: --

ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)

ค:--

ค: --

ค: --

ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)

ค:--

ค: --

ค: --

ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)

ค:--

ค: --

ค: --

ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)

ค:--

ค: --

ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์

--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์

--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)

--

ค: --

ค: --

จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า YoY (USD) (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้าYoY (USD) (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า (CNH) (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (CNH) (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

จีนแผ่นดินใหญ่ การส่งออก (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

ญี่ปุ่น ค่าจ้าง MoM (ต.ค.)

--

ค: --

ค: --

ญี่ปุ่น ดุลการค้า (ต.ค.)

--

ค: --

ค: --

ญี่ปุ่น GDP Nominal แก้ไขQoQ (ไตรมาส 3)

--

ค: --

ค: --

ญี่ปุ่น ดุลการค้า (SA)(ข้อมูลศุลกากร) (ต.ค.)

--

ค: --

ค: --

ญี่ปุ่น GDP ประจำปี (แก้ไข) QoQ (ไตรมาส 3)

--

ค: --

ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (CNH) (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (USD) (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

เยอรมนี การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)

--

ค: --

ค: --

ยูโรโซน ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน Sentix (ธ.ค.)

--

ค: --

ค: --

แคนาดา อินดิเคเตอร์ชั้นนำ MoM (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

แคนาดา ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจแห่งชาติ

--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)

--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา อัตราผลตอบแทนการประมูลพันธบัตรรัฐบาล 3-ปี

--

ค: --

ค: --

สหราชอาณาจักร ดัชนียอดค้าปลีกรวม BRC YoY (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

สหราชอาณาจักร ดัชนียอดค้าปลีก Like-For-Like BRC YoY (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

ออสเตรเลีย อัตราหลัก(ดอกเบี้ยเงินกู้)O/N

--

ค: --

ค: --

คำแถลงอัตราของธนาคารกลางออสเตรเลีย
ประธานธนาคารกลางออสเตรเลีย Bullock จัดงานแถลงข่าวนโยบายการเงิน
เยอรมนี อัตราการส่งออก MoM (SA) (ต.ค.)

--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็ก NFIB (SA) (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

เม็กซิโก CPI หลัก YoY (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

Q&A กับผู้เชี่ยวชาญ
    • ทั้งหมด
    • ห้องสนทนา
    • กลุ่ม
    • เพื่อน
    กำลังเชื่อมต่อกับห้องสนทนา
    .
    .
    .
    พิมพ์ที่นี่...
    เพิ่มชื่อสินทรัพย์หรือรหัส

      ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน

      ทั้งหมด
      อัปเดตทรัมป์
      แนะนำ
      หุ้น
      สกุลเงินดิจิทัล
      ธนาคารกลาง
      ข่าวเด่น
      • ทั้งหมด
      • สงครามรัสเซีย–ยูเครน
      • โฟกัสตะวันออกกลาง
      • ทั้งหมด
      • สงครามรัสเซีย–ยูเครน
      • โฟกัสตะวันออกกลาง
      ค้นหา
      ผลิตภัณฑ์

      กราฟ ฟรีตลอดไป

      แชท Q&A กับผู้เชี่ยวชาญ
      ตัวกรอง ปฏิทินเศรษฐกิจ ข้อมูล เครื่องมือ
      สมาชิก ฟีเจอร์
      ศูนย์ข้อมูล แนวโน้มของตลาด ข้อมูลสถาบัน อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง เศรษฐกิจมหภาค

      แนวโน้มของตลาด

      ความเชื่อมั่น รายการคำสั่งซื้อขาย ความสัมพันธ์ในตลาดฟอเร็กซ์

      ตัวชี้วัดยอดนิยม

      กราฟ ฟรีตลอดไป
      ตลาด

      ข่าวสาร

      ข่าวสาร การวิเคราะห์ 24x7 คอลัมน์ แหล่งเรียนรู้
      ทัศนคติสถาบัน ทัศนคตินักวิเคราะห์
      หัวข้อคอลัมน์ คอลัมนิสต์

      ทัศนคติล่าสุด

      ทัศนคติล่าสุด

      หัวข้อยอดนิยม

      คอลัมนิสต์ยอดนิยม

      อัปเดตล่าสุด

      สัญญาณ

      คัดลอก อันดับ สัญญาณล่าสุด มาเป็นผู้ให้สัญญาณ การจัดอันดับ AI
      การแข่งขัน
      Brokers

      ภาพรวม โบรกเกอร์ เรตติ้ง อันดับ หน่วยงานควบคุม ข่าวสาร การเรียกร้อง
      รายชื่อโบรกเกอร์ การเปรียบเทียบโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ การเปรียบเทียบสเปรดสด โบรกเกอร์โกง
      Q&A ร้องเรียน วิดีโอแจ้งเตือนการหลอกลวง เคล็ดลับการตรวจจับการหลอกลวง
      เพิ่มเติม

      สำหรับธุรกิจ
      กิจกรรม
      รับสมัครงาน เกี่ยวกับเรา การลงโฆษณา ศูนย์ช่วยเหลือ

      ไวท์เลเบล

      Data API

      ปลั๊กอินเว็บไซต์

      โครงการพันธมิตร

      รางวัล การประเมินสถาบัน IB Seminar กิจกรรม Salon นิทรรศการ
      เวียดนาม ประเทศไทย สิงคโปร์ ดูไบ
      Fans Party เซสชั่นการแบ่งปันการลงทุน
      การประชุมสุดยอด FastBull นิทรรศการ BrokersView
      การค้นหาเมื่อเร็วๆนี้
        คำศัพท์ที่ยอดนิยม
          ตลาด
          ข่าวสาร
          การวิเคราะห์
          ผู้ใช้
          24x7
          ปฏิทินเศรษฐกิจ
          แหล่งเรียนรู้
          ข้อมูล
          • ชื่อ
          • ค่าล่าสุด
          • ครั้งก่อน

          ดูผลการค้นหาทั้งหมด

          ไม่มีข้อมูล

          สแกน ดาวน์โหลด

          Faster Charts, Chat Faster!

          ดาวน์โหลดแอป
          • English
          • Español
          • العربية
          • Bahasa Indonesia
          • Bahasa Melayu
          • Tiếng Việt
          • ภาษาไทย
          • Français
          • Italiano
          • Türkçe
          • Русский язык
          • 简中
          • 繁中
          เปิดบัญชี
          ค้นหา
          ผลิตภัณฑ์
          กราฟ ฟรีตลอดไป
          ตลาด
          ข่าวสาร
          สัญญาณ

          คัดลอก อันดับ สัญญาณล่าสุด มาเป็นผู้ให้สัญญาณ การจัดอันดับ AI
          การแข่งขัน
          Brokers

          ภาพรวม โบรกเกอร์ เรตติ้ง อันดับ หน่วยงานควบคุม ข่าวสาร การเรียกร้อง
          รายชื่อโบรกเกอร์ การเปรียบเทียบโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ การเปรียบเทียบสเปรดสด โบรกเกอร์โกง
          Q&A ร้องเรียน วิดีโอแจ้งเตือนการหลอกลวง เคล็ดลับการตรวจจับการหลอกลวง
          เพิ่มเติม

          สำหรับธุรกิจ
          กิจกรรม
          รับสมัครงาน เกี่ยวกับเรา การลงโฆษณา ศูนย์ช่วยเหลือ

          ไวท์เลเบล

          Data API

          ปลั๊กอินเว็บไซต์

          โครงการพันธมิตร

          รางวัล การประเมินสถาบัน IB Seminar กิจกรรม Salon นิทรรศการ
          เวียดนาม ประเทศไทย สิงคโปร์ ดูไบ
          Fans Party เซสชั่นการแบ่งปันการลงทุน
          การประชุมสุดยอด FastBull นิทรรศการ BrokersView

          USA:คาดตลาดหุ้นสหรัฐจะได้แรงหนุนจากเงินจำนวนมากที่ภาคเอกชนสะสมไว้

          Reuters
          Amazon
          +0.21%
          Apple
          -0.79%
          Microsoft
          +0.09%
          Prudential Financial
          +0.97%
          Bank of America
          +0.73%

          นิวยอร์ค--22 ก.ค.--รอยเตอร์

          • นักวิเคราะห์ระบุว่า บริษัทสหรัฐได้สะสมเงินสดไว้เป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา และนักลงทุนคาดว่าเงินดังกล่าวอาจจะช่วยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐได้ในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ในขณะที่ผู้บริหารบริษัทหลายแห่งประกาศแผนการปรับเพิ่มปริมาณการซื้อคืนหุ้น, แผนปรับเพิ่มเงินปันผล หรือแผนปรับเพิ่มการลงทุนในธุรกิจของตนเอง ทั้งนี้ นายคีธ เลอร์เนอร์ หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดของบริษัททรูอิสท์ แอดไวซอรี เซอร์วิสเซสระบุว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐมีเงินสดอยู่ในงบดุลบัญชีราว 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงนี้ ซึ่งถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์ และพุ่งขึ้นจากระดับ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงก่อนเกิดวิกฤติโรคระบาดในปี 2020

          • นายไมเคิล เพอร์เวส ซีอีโอของบริษัททอลแบคเคน แคปิตัล แอดไวเซอร์สกล่าวว่า การที่ภาคเอกชนมีดุลเงินสดอยู่ในระดับสูงจะถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยพยุงตลาดหุ้น และเขากล่าวเสริมว่า “ปัจจัยนี้จะช่วยหนุนตลาดหุ้นต่อไปในปี 2022 และ 2023 ถึงแม้มีการคาดการณ์กันว่าตลาดหุ้นอาจจะพุ่งขึ้นมากเกินไปแล้ว และมูลค่าหุ้นอยู่สูงเกินไป" ทั้งนี้ การที่บริษัทมีเงินสดเก็บไว้เป็นจำนวนมากจะช่วยให้บริษัทมีความยืดหยุ่นในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ที่จะส่งผลดีต่อราคาหุ้น ซึ่งรวมถึงการซื้อคืนหุ้น และการปรับเพิ่มเงินปันผล โดยมาตรการหลังนี้จะช่วยดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการรายได้สูง ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดิ่งลงในช่วงนี้

          • ตะกร้าหุ้นที่จัดทำโดยบริษัทโกลด์แมน แซคส์ที่รวบรวมหุ้นบริษัทที่คืนเงินสดจำนวนมากให้แก่ผู้ถือหุ้นโดยผ่านทางการซื้อคืนหุ้นหรือการจ่ายเงินปันผล พุ่งขึ้นในปี 2021 ในอัตราที่สูงกว่าดัชนี S&P 500 ราว 5% ส่วนตะกร้าหุ้นของบริษัทที่มีการลงทุนด้านทุนอยู่ในระดับสูง หรือมีรายจ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาอยู่ในระดับสูง พุ่งขึ้นในปี 2021 ในอัตราที่สูงกว่าดัชนี S&P 500 ราว 2% โดยสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนชื่นชอบบริษัทที่ใช้ประโยชน์จากเงินสดในปีนี้ นอกจากนี้ นักยุทธศาสตร์การลงทุนของโกลด์แมน แซคส์ยังคาดการณ์อีกด้วยว่า ปริมาณการซื้อคืนหุ้นอาจพุ่งขึ้น 35% ในปีนี้ ทั้งนี้ การคาดการณ์ที่ว่าบริษัทอาจใช้จ่ายเงินจำนวนมากจะช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้น เมื่อราคาหุ้นร่วงลงในอนาคต และปัจจัยนี้จะช่วยชะลอการดิ่งลงของตลาดหุ้นในอนาคต

          • นายไรอัน ดีทริค หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดของบริษัทแอลพีแอล ไฟแนนเชียลระบุว่า สถิตินับตั้งแต่ปี 1950 เป็นต้นมาแสดงให้เห็นว่า ดัชนี S&P 500 มักจะย่อตัวลงครั้งละอย่างน้อย 5% เป็นจำนวนเฉลี่ย 3 ครั้งต่อปี แต่ดัชนียังไม่ได้ย่อตัวลงแบบนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียวในปีนี้ ดังนั้นนักลงทุนบางรายจึงคาดว่าอาจจะเกิดการย่อตัวขึ้นได้ในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทสหรัฐได้ประกาศว่าจะซื้อคืนหุ้นเป็นมูลค่า 3.50 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ซึ่งถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2/2018 หลังจากประกาศซื้อคืนหุ้น 2.75 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก ทางด้านปริมาณการจ่ายเงินปันผลของบริษัทในดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 3.6% สู่ 1.234 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน แต่ยังคงอยู่ห่างจากสถิติสูงสุดที่เคยทำไว้ในไตรมาสแรกของปี 2020

          • นักลงทุนจะจับตาดูแผนการใช้จ่ายของบริษัทต่าง ๆ เมื่อบริษัทสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ในช่วงนี้ โดยเฉพาะบริษัทแอปเปิล, อะเมซอน และไมโครซอฟท์ที่จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์หน้า ทางด้านบริษัทพรูเดนเชียล ไฟแนนเชียล กับบริษัทออโตเนชันเพิ่งประกาศขยายโครงการซื้อคืนหุ้นในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ ธนาคารเจพี มอร์แกนระบุในสัปดาห์นี้ว่า ในบรรดาบริษัทกลุ่มต่าง ๆ ในสหรัฐนั้น กลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการเงินถือเป็น 2 กลุ่มที่ประกาศซื้อคืนหุ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทแอปเปิลที่เพิ่งปรับเพิ่มอำนาจในการซื้อคืนหุ้นขึ้นอีก 9.0 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย.--จบ--

          (รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

          ((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

          คำเตือนความเสี่ยงและข้อจำกัดความรับผิดชอบในการลงทุน
          ตลาดมีความเสี่ยง การลงทุนจำเป็นต้องระมัดระวัง เนื้อหาของบทความนี้มีไว้สำหรับอ้างอิงเท่านั้น และไม่ได้ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้คำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนพิเศษ สถานะทางการเงินหรืออื่นๆของบุคคล ลงทุนตามนั้น ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงของคุณเอง
          รายการโปรด
          แชร์

          DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:Nasdaq ปิดลบรับแรงขายหุ้นกลุ่มบิ๊กเทค

          Reuters
          American International Group
          -0.63%
          JPMorgan
          +0.18%
          Bank of America
          +0.73%
          Apple
          -0.79%
          Meta Platforms
          +1.78%
          • ดัชนี Nasdaq ปิดลดลงในวันพฤหัสบดี เนื่องจากหุ้นแอปเปิล, อะเมซอนและหุ้นอื่นๆในกลุ่มบิ๊กเทคร่วงลง ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่ลดลงทำให้นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

          • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 53.79 จุด หรือ 0.15% ที่ 34,987.02, ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 14.27 จุด หรือ 0.32% สู่ระดับ 4,360.03 และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 101.81 จุด หรือ 0.70% สู่ 14,543.13

          • หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในดัชนี S&P 500 ปิดลดลง หลังจากพุ่งขึ้น 4 วันติดต่อกัน ซึ่งความต้องการหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มเติบโตของนักลงทุนในช่วงต้นสัปดาห์นี้ทำให้ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานในดัชนี S&P 500 ปิดร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบจากการคาดการณ์ว่า จะมีปริมาณการผลิตมากขึ้นหลังจากมีข้อตกลงประนีประนอมระหว่างผู้ผลิตชั้นนำในกลุ่มโอเปก

          • ข้อมูลที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 16 สัปดาห์ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่การขาดแคลนแรงงาน และภาวะคอขวดในระบบห่วงโซ่อุปทานสร้างความยุ่งยากให้แก่ภาคธุรกิจในการเพิ่มการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการสินค้าและบริการ

          • นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เขาคาดว่า การขาดแคลนและภาวะเงินเฟ้อสูงจะบรรเทาลง แต่นักลงทุนหลายคนก็ยังคงกังวลว่า ภาวะเงินเฟ้อที่นานมากขึ้นอาจจะนำไปสู่การคุมเข้มนโยบายการเงินที่เร็วกว่าคาด--จบ--

          (รอยเตอร์ โดย เสาวณีย์ เอกปัญญาชัย แปลและเรียบเรียง)

          ((saowanee.ekpunyachai@thomsonreuters.com;

          คำเตือนความเสี่ยงและข้อจำกัดความรับผิดชอบในการลงทุน
          ตลาดมีความเสี่ยง การลงทุนจำเป็นต้องระมัดระวัง เนื้อหาของบทความนี้มีไว้สำหรับอ้างอิงเท่านั้น และไม่ได้ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้คำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนพิเศษ สถานะทางการเงินหรืออื่นๆของบุคคล ลงทุนตามนั้น ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงของคุณเอง
          รายการโปรด
          แชร์

          USA:นักลงทุนรอดูฤดูการรายงานผลประกอบการ Q2 ของบริษัทสหรัฐ

          Reuters
          UnitedHealth
          -1.10%
          Goldman Sachs
          +2.01%
          Bank of America
          +0.73%
          JPMorgan
          +0.18%
          Delta Air Lines
          -0.03%

          นิวยอร์ค--12 ก.ค.--รอยเตอร์

          • นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐระบุว่า นักลงทุนกำลังรอดูฤดูการรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทสหรัฐที่จะเริ่มต้นในสัปดาห์นี้ และนักลงทุนจับตาดูการคาดการณ์เกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังด้วย ในขณะที่นักลงทุนบางรายกังวลว่า เศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวลงในช่วงต่อไป ทั้งนี้ ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเพิ่งพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลที่ว่า เศรษฐกิจอาจจะชะลอการเติบโตลงในช่วงครึ่งปีหลัง โดยความกังวลดังกล่าวกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีให้ดิ่งลงแตะ 1.250% ในวันพฤหัสบดีที่ 7 ก.ค. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. และนักลงทุนก็เทขายหุ้นกลุ่มการเงิน, หุ้นกลุ่มพลังงาน และหุ้นคุณค่าออกมาในสัปดาห์ที่แล้วด้วย

          • นักวิเคราะห์คาดว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐอาจพุ่งขึ้น 65.8% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายปี ซึ่งจะถือเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4/2009 เป็นต้นมา ทั้งนี้ ฤดูการรายงานผลประกอบการจะเริ่มต้นในวันอังคารนี้ เมื่อธนาคารขนาดใหญ่ในสหรัฐเริ่มรายงานผลประกอบการออกมา ซึ่งรวมถึงธนาคารโกลด์แมน แซคส์ และธนาคารเจพีมอร์แกน นอกจากนี้ ธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกา, สายการบินเดลตา แอร์ไลน์, บริษัทยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป ที่ทำธุรกิจประกันสุขภาพ และบริษัทแคนซัส ซิตี เซาเธิร์นที่ทำธุรกิจทางรถไฟก็จะรายงานผลประกอบการออกมาในสัปดาห์นี้ด้วย ทางด้านนักลงทุนคาดว่า ธนาคารขนาดใหญ่ส่วนใหญ่ของสหรัฐอาจรายงานว่า ผลกำไรรายไตรมาสดีดขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ถึงแม้รายได้ด้านการค้าหลักทรัพย์ร่วงลง และรายรับชะลอตัวลง โดยได้รับแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำและอุปสงค์ที่อ่อนแอ

          • นักลงทุนจับตาดูว่า ผลประกอบการภาคเอกชนจะช่วยหนุนดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐให้พุ่งขึ้นต่อไปได้หรือไม่ ในขณะที่ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นมาแล้วราว 16% จากช่วงต้นปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่มีต่อผลกำไรภาคเอกชน โดยนายคีธ เลอร์เนอร์ หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดของบริษัททรูอิสท์ แอดไวซอรี เซอร์วิสเซสกล่าวว่า "ในฤดูการรายงานผลประกอบการครั้งนี้นั้น เราคาดว่าแนวโน้มผลกำไรของหุ้นคุณค่าจะยังคงเหมือนเดิม และสิ่งนี้จะช่วยสนับสนุนมุมมองที่ว่า ขณะนี้ยังคงเป็นเวลาที่เร็วเกินไปที่จะยุติการลงทุนในหุ้นคุณค่า" ทั้งนี้ นายเลอร์เนอร์และนักลงทุนอีกหลายรายยังคงคาดการณ์ในทางบวกต่อหุ้นกลุ่มวัฏจักรเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงาน, กลุ่มการเงิน และกลุ่มอุตสาหกรรม โดยหุ้นเหล่านี้ถือเป็นหุ้นคุณค่า หลังจากหุ้นเหล่านี้ปรับตัวอ่อนแอกว่าหุ้นกลุ่มอื่น ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

          • ดัชนีหุ้นคุณค่าของสหรัฐร่วงลงในสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนดัชนีหุ้นเติบโตพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ในขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงหนุนจากการดิ่งลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปี ทั้งนี้ นายแกรี แบรดชอว์ ผู้จัดการพอร์ตลงทุนของบริษัทฮอดเจส แคปิตัล แมเนจเมนท์กล่าวว่า ฤดูการรายงานผลประกอบการครั้งนี้น่าจะช่วยยืนยันถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ และเขาชื่นชอบหุ้นกลุ่มพลังงาน, กลุ่มวัสดุ, กลุ่มร้านอาหาร และหุ้นบางตัวในกลุ่มค้าปลีก

          • นักวิเคราะห์คาดว่า ในบรรดาหุ้นกลุ่มต่าง ๆ ในสหรัฐนั้น หุ้นกลุ่มที่มีแนวโน้มว่าจะมีผลกำไรไตรมาส 2 พุ่งขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบรายปีได้แก่หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม, กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย, กลุ่มพลังงาน และกลุ่มวัสดุ โดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมอาจมีผลกำไรพุ่งขึ้นกว่า 500% ทั้งนี้ นายนิโคลัส โคลัส ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทดาตาแทรค รีเสิร์ชระบุว่า ตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรไตรมาส 2 มีแนวโน้มว่ายังคงอยู่ในระดับที่ต่ำเกินไป และเขาคาดว่าเมื่อบริษัทสหรัฐเปิดเผยผลกำไรไตรมาส 2 ออกมา นักวิเคราะห์ก็จะปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรสำหรับปี 2021 และ 2022 ให้สูงขึ้นไปอีก และสิ่งนี้จะช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นว่า ผลกำไรภาคเอกชนจะช่วยหนุนตลาดหุ้นต่อไปจนถึงปีหน้า--จบ--

          (รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

          ((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

          คำเตือนความเสี่ยงและข้อจำกัดความรับผิดชอบในการลงทุน
          ตลาดมีความเสี่ยง การลงทุนจำเป็นต้องระมัดระวัง เนื้อหาของบทความนี้มีไว้สำหรับอ้างอิงเท่านั้น และไม่ได้ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้คำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนพิเศษ สถานะทางการเงินหรืออื่นๆของบุคคล ลงทุนตามนั้น ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงของคุณเอง
          รายการโปรด
          แชร์

          USA:นักลงทุนหุ้นสหรัฐจับตาหุ้นจ่ายปันผลสูงขณะคาดการณ์บอนด์ยิลด์ต่ำ

          Reuters
          Honeywell
          -0.94%
          Morgan Stanley
          +1.14%
          Bank of America
          +0.73%
          JPMorgan
          +0.18%

          นิวยอร์ค--5 ก.ค.--รอยเตอร์

          • นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐระบุว่า การคาดการณ์ที่ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอาจจะอยู่ในระดับต่ำในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ส่งผลให้นักลงทุนบางรายพิจารณาเรื่องการลงทุนในหุ้นบริษัทที่จ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ทั้งนี้ กองทุน ProShares S&P Dividend Aristocrats ETF ที่ลงทุนในบริษัทที่ปรับเพิ่มเงินปันผลทุกปีในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ปรับขึ้นมาแล้ว 14.3% จากช่วงต้นปีนี้ ในขณะที่ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้ว 15.8% จากช่วงต้นปีนี้ อย่างไรก็ดี นักลงทุนบางรายเชื่อว่า หุ้นกลุ่มดังกล่าวอาจจะกลายเป็นการลงทุนที่ดีสำหรับช่วงหลายเดือนข้างหน้า หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หันมาส่งสัญญาณแบบสายเหยี่ยวในช่วงกลางเดือนมิ.ย. และมีสัญญาณบ่งชี้ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐอาจจะแตะจุดสูงสุดแล้ว โดยปัจจัยเหล่านี้ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์ยิลด์) อาจจะอยู่ในระดับต่ำต่อไป

          • ดัชนีหุ้นกลุ่ม S&P Dividend Aristocrats ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 2.15% ส่วนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีให้อัตราผลตอบแทน 1.48% นอกจากนี้ กองทุน S&P 500 Dividend Aristocrats ETF ก็ยังคงร่วงลงมาแล้วราว 4% จากจุดสูงสุดของเดือนพ.ค. ทั้งนี้ ธนาคารโกลด์แมน แซคส์คาดว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐจะจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น 6% ในปีนี้และปีหน้า ถึงแม้ว่ามูลค่าหุ้นในปัจจุบันบ่งชี้ว่าเงินปันผลอาจเพิ่มขึ้นเพียง 0.8% เท่านั้น นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์ยังประเมินอีกด้วยว่า ในบรรดาบริษัทสหรัฐ 57 แห่งที่ปรับลดหรือระงับการจ่ายเงินปันผลในปี 2020 นั้น บริษัท 22 แห่งได้กลับมาจ่ายเงินปันผลหรือปรับเพิ่มเงินปันผลแล้ว และยังมีบริษัทอีก 19 แห่งที่มีแนวโน้มว่าจะปรับเพิ่มเงินปันผลก่อนสิ้นปีนี้

          • นายมาร์ค แฮเฟล หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทยูบีเอส โกลบัล เวลธ์ แมเนจเมนท์กล่าวว่า บริษัทการเงินมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้นำในการปรับเพิ่มเงินปันผล หลังจากเฟดผ่อนคลายข้อจำกัดในการจ่ายเงินปันผลและการซื้อคืนหุ้น ทั้งนี้ ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป, มอร์แกน สแตนเลย์, เจพีมอร์แกน เชส และแบงก์ ออฟ อเมริการะบุในวันที่ 28 มิ.ย.ว่า ทางธนาคารจะปรับเพิ่มเงินปันผล หลังจากทางธนาคารผ่านการทดสอบภาวะวิกฤติของเฟด ทางด้านนักวิเคราะห์ประเมินว่า บริษัทการเงินของสหรัฐจะจ่ายเงินปันผลและซื้อคืนหุ้นเป็นมูลค่ารวมกันกว่า 1.30 แสนล้านดอลลาร์

          • นายบ็อบ ไลนิงเจอร์ ผู้จัดการพอร์ตลงทุนของกองทุนกาเบลลีกล่าวว่า เขาเริ่มตั้งเป้าหมายการลงทุนไปยังบริษัทอย่างเช่นโมลสัน คัวร์ส เบฟเวอเรจ ซึ่งเป็นบริษัทที่ระงับการจ่ายเงินปันผลในปีที่แล้ว แต่แถลงในเดือนเม.ย.ปีนี้ว่าทางบริษัทจะกลับมาจ่ายเงินปันผลก่อนสิ้นปี 2021 โดยหุ้นโมลสัน คัวร์สพุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 19% จากช่วงต้นปีนี้ ทั้งนี้ นางแคที นิกสัน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทนอร์ทเธิร์น ทรัสต์กล่าวว่า หุ้นบริษัทที่จ่ายเงินปันผลมีราคาอยู่ต่ำกว่า 18 เท่าของตัวเลขคาดการณ์ผลกำไร ซึ่งส่งผลให้หุ้นกลุ่มนี้มีมูลค่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และปัจจัยนี้จะช่วยให้หุ้นกลุ่มนี้มีความน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น โดยนางนิกสันกล่าวเสริมว่า "เราคาดว่าเงินปันผลจะพุ่งขึ้นในอัตราที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถสร้างกระแสเงินสดของตนเองได้"

          • นักลงทุนจะรอดูรายงานการประชุมกำหนดนโยบายของเฟดประจำวันที่ 15-16 มิ.ย. ซึ่งจะได้รับการเปิดเผยออกมาในวันพุธที่ 7 ก.ค.นี้ โดยนักลงทุนจะจับตาดูความเห็นของเฟดที่มีต่อภาวะเงินเฟ้อ นอกจากนี้ นักลงทุนก็จะรอดูดัชนีกิจกรรมภาคบริการของสหรัฐที่สถาบันจัดการอุปทาน (ISM) จะรายงานออกมาในวันอังคารนี้ด้วย หลังจากดัชนีดังกล่าวเพิ่งพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดในเดือนพ.ค. ทั้งนี้ นายเบิร์นส์ แมคคินนีย์ จากบริษัทเอ็นเอฟเจ อินเวสท์เมนท์ กรุ๊ปกล่าวว่า หุ้นกลุ่มที่จ่ายเงินปันผลดูเหมือนจะอยู่ในสถานะที่ดีมากในช่วงนี้ เพราะหุ้นกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะจ่ายเงินปันผลสูงขึ้น ถ้าหากเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวต่อไป--จบ--

          (รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

          ((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

          คำเตือนความเสี่ยงและข้อจำกัดความรับผิดชอบในการลงทุน
          ตลาดมีความเสี่ยง การลงทุนจำเป็นต้องระมัดระวัง เนื้อหาของบทความนี้มีไว้สำหรับอ้างอิงเท่านั้น และไม่ได้ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้คำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนพิเศษ สถานะทางการเงินหรืออื่นๆของบุคคล ลงทุนตามนั้น ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงของคุณเอง
          รายการโปรด
          แชร์

          DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:S&P,Nasdaq ปรับขึ้นทำสถิติระดับปิดสูงสุดใหม่

          Reuters
          Goldman Sachs
          +2.01%
          JPMorgan
          +0.18%
          Bank of America
          +0.73%
          Morgan Stanley
          +1.14%
          Skyworks Solutions
          +0.60%

          นิวยอร์ค--30 มิ.ย.--รอยเตอร์

          • ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ของตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นมาปิดตลาดที่สถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ในวันอังคาร โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นบริษัทแอปเปิล อิงค์ และหุ้นตัวอื่น ๆ ในกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากสำนักงาน Conference Board ของสหรัฐรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นธนาคารมอร์แกน สแตนเลย์ หลังจากมอร์แกน สแตนเลย์ประกาศปรับขึ้นเงินปันผล และดัชนี S&P 500 ก็สามารถทำสถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ในวันอังคารได้เป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P 500 และดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยในวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนรอดูตัวเลขเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่จะได้รับการรายงานออกมาในสัปดาห์นี้

          • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับขึ้น 0.03% สู่ 34,292.29, ดัชนี S&P 500 ปิดขยับขึ้น 0.03% สู่ 4,291.8 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับขึ้น 0.19% สู่ 14,528.34 ทั้งนี้ หุ้น 3 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในแดนบวกในวันอังคาร โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีบวกขึ้น 0.7% และถือเป็นกลุ่มที่ปรับขึ้นมากที่สุด ส่วนหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับขึ้น 0.23% ในวันอังคาร

          • นักลงทุนรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันศุกร์นี้ เพราะตัวเลขดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อจุดยืนของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ต้องการให้ตลาดแรงงานฟื้นตัวขึ้นอย่างทั่วถึง ทั้งนี้ สำนักงาน Conference Board รายงานในวันอังคารว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นจาก 120.0 ในเดือนพ.ค. สู่ 127.3 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2020 โดยตัวเลขดังกล่าวช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสสอง

          • หุ้นธนาคารมอร์แกน สแตนเลย์พุ่งขึ้น 3.4% หลังจากมอร์แกน สแตนเลย์ปรับขึ้นเงินปันผลเป็นสองเท่า สู่ 70 เซนต์ต่อหุ้นในไตรมาส 3 ทางด้านธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, แบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป และโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ปต่างก็ปรับขึ้นเงินปันผลเช่นกัน ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญทั้ง 3 ดัชนีของสหรัฐมีแนวโน้มว่าจะปิดตลาดไตรมาส 2 ในแดนบวกเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากเป็นพิเศษ, การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ และผลประกอบการภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ ดัชนี S&P 500 ก็พุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 14% ในช่วงครึ่งปีแรก และนักลงทุนก็มุ่งความสนใจไปยังฤดูการรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ที่จะเริ่มต้นขึ้นในเดือนก.ค. เพื่อใช้ในการประเมินแนวโน้มของตลาดหุ้นสำหรับช่วงต่อไป

          • หุ้นบริษัทโมเดอร์นา อิงค์พุ่งขึ้น 5.2% สู่สถิติสูงสุดในวันอังคาร หลังจากผลการศึกษาในห้องแล็บบ่งชี้ว่า วัคซีนโรคโควิด-19 ของโมเดอร์นาอาจจะใช้ป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์เดลตาได้ดี--จบ--

          (รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

          ((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

          คำเตือนความเสี่ยงและข้อจำกัดความรับผิดชอบในการลงทุน
          ตลาดมีความเสี่ยง การลงทุนจำเป็นต้องระมัดระวัง เนื้อหาของบทความนี้มีไว้สำหรับอ้างอิงเท่านั้น และไม่ได้ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้คำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนพิเศษ สถานะทางการเงินหรืออื่นๆของบุคคล ลงทุนตามนั้น ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงของคุณเอง
          รายการโปรด
          แชร์

          DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:หุ้นไนกี้,กลุ่มธนาคารหนุน S&P 500 ทำนิวไฮ

          Reuters
          Nike
          +0.12%
          Bank of America
          +0.73%
          Wells Fargo & Co.
          +0.13%
          CarMax
          +0.85%
          FedEx
          +0.17%

          นิวยอร์ค--28 มิ.ย.--รอยเตอร์

          • ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นมาปิดตลาดที่สถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นบริษัทไนกี้และหุ้นธนาคารบางแห่ง ในขณะที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนแอเกินคาด และตัวเลขดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะยังไม่ปรับลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลงในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ หุ้นไนกี้ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรองเท้าผ้าใบพุ่งขึ้น 15.5% สู่สถิติระดับปิดสูงสุดในวันศุกร์ หลังจากไนกี้คาดการณ์ว่ายอดขายในปีงบดุลบัญชี 2022 อาจปรับขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก สู่ระดับสูงกว่า 5.0 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 4.846 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยการพุ่งขึ้นของหุ้นไนกี้มีส่วนช่วยให้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันศุกร์

          • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.69% สู่ 34,433.84, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับขึ้น 0.33% สู่ 4,280.69 หลังจากพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 4,286.12 ในระหว่างวัน แต่ดัชนี Nasdaq ปิดขยับลง 0.06% สู่ 14,360.39 ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับระดับปิดสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีดาวโจนส์ก็ปิดตลาดสัปดาห์นี้พุ่งขึ้น 3.4%, ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดสัปดาห์นี้ทะยานขึ้น 2.7% ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนก.พ. และดัชนี Nasdaq ปิดตลาดสัปดาห์นี้พุ่งขึ้น 2.4% ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.

          • หุ้นธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกาพุ่งขึ้น 1.9% ส่วนหุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โกทะยานขึ้น 2.7% หลังจากเฟดประกาศว่า ธนาคารขนาดใหญ่ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤติแล้ว และธนาคารเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อจำกัดด้านการซื้อคืนหุ้นและข้อจำกัดด้านการจ่ายเงินปันผลอีกต่อไป โดยข่าวนี้มีส่วนช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินของสหรัฐให้พุ่งขึ้น 1.3% ในวันศุกร์ และส่งผลให้หุ้นกลุ่มการเงินถือเป็นกลุ่มที่ทะยานขึ้นมากที่สุดในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐ ทั้งนี้ นายเดนนิส ดิค เทรดเดอร์ของบริษัทไบรท์ เทรดดิงกล่าวว่า "นักลงทุนเทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีออกมาในวันศุกร์ และโยกย้ายเงินลงทุนเข้าสู่หุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากมีการเปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤติ" และเขาคาดว่า ธนาคารในสหรัฐจะประกาศปรับเพิ่มเงินปันผลในเร็ว ๆ นี้

          • ตลาดหุ้นยังคงได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐสนับสนุนข้อตกลงระหว่างวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตกับพรรครีพับลิกันในเรื่องงบลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยข่าวนี้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มวัสดุและหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม และส่งผลให้ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ในขณะที่ดัชนี Nasdaq ร่วงลง โดยนายเจค ดอลลาร์ไฮด์ ซีอีโอของบริษัทลองโบว์ แอสเซท แมเนจเมนท์กล่าวว่า "บริษัทในดัชนี Nasdaq ไม่ใช่บริษัทที่จัดหาปูนซีเมนต์ในการสร้างถนน และไม่ใช่บริษัทที่จัดหาเหล็กกล้าในการสร้างสะพาน บริษัทที่ทำธุรกิจเหล่านี้อยู่ในดัชนี S&P 500"

          • สหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ปรับขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ค. ซึ่งอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ 0.6% ส่วนดัชนี PCE พื้นฐานแบบเทียบรายปีพุ่งขึ้น 3.4% ในเดือนพ.ค. ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 1992 และสูงกว่าระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% ทั้งนี้ หุ้นบริษัทเวอร์จิน กาแลกติก ซึ่งเป็นบริษัทของนายริชาร์ด แบรนสันที่ทำธุรกิจด้านยานอวกาศพุ่งขึ้น 38.87% ในวันศุกร์ และถือเป็นหุ้นที่มีการซื้อขายมากเป็นอันดับสองในตลาดหุ้นสหรัฐ หลังจากสำนักงานควบคุมความปลอดภัยทางการบินของสหรัฐอนุมัติให้เวอร์จิน กาแลกติกสามารถส่งคนขึ้นสู่อวกาศ--จบ--

          (รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

          ((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

          คำเตือนความเสี่ยงและข้อจำกัดความรับผิดชอบในการลงทุน
          ตลาดมีความเสี่ยง การลงทุนจำเป็นต้องระมัดระวัง เนื้อหาของบทความนี้มีไว้สำหรับอ้างอิงเท่านั้น และไม่ได้ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้คำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนพิเศษ สถานะทางการเงินหรืออื่นๆของบุคคล ลงทุนตามนั้น ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงของคุณเอง
          รายการโปรด
          แชร์
          FastBull
          ลิขสิทธิ์ © 2025 FastBull Ltd

          728 RM B 7/F GEE LOK IND BLDG NO 34 HUNG TO RD KWUN TONG KLN HONG KONG

          TelegramInstagramTwitterfacebooklinkedin
          App Store Google Play Google Play
          ผลิตภัณฑ์
          กราฟ

          แชท

          Q&A กับผู้เชี่ยวชาญ
          ตัวกรอง
          ปฏิทินเศรษฐกิจ
          ข้อมูล
          เครื่องมือ
          สมาชิก
          ฟีเจอร์
          ฟังก์ชั่น
          ตลาด
          ธุรกรรมคัดลอก
          สัญญาณล่าสุด
          การแข่งขัน
          ข่าวสาร
          การวิเคราะห์
          24x7
          คอลัมน์
          แหล่งเรียนรู้
          บริษัท
          รับสมัครงาน
          เกี่ยวกับเรา
          ติดต่อเรา
          การลงโฆษณา
          ศูนย์ช่วยเหลือ
          ข้อเสนอแนะ
          ข้อตกลงผู้ใช้
          นโยบายความเป็นส่วนตัว
          สำหรับธุรกิจ

          ไวท์เลเบล

          Data API

          ปลั๊กอินเว็บไซต์

          เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์

          โครงการพันธมิตร

          การเปิดเผยความเสี่ยง

          ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ

          ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ

          หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน

          ไม่ได้ล็อกอิน

          เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

          สมาชิก FastBull

          ยังไม่ได้เปิด

          สมัคร

          มาเป็นผู้ให้สัญญาณ
          ศูนย์ช่วยเหลือ
          บริการลูกค้า
          โหมดมืด
          สีขึ้นและลง

          เข้าสู่ระบบ

          ลงทะเบียน

          แถบข้าง
          เลย์เอาท์
          เต็มหน้าจอ
          ตั้งค่าเริ่มต้นเป็นกราฟ
          หน้ากราฟจะเปิดขึ้นตามค่าเริ่มต้นเมื่อคุณเข้า fastbull.com