• การซื้อขาย
  • ตลาด
  • คัดลอก
  • การแข่งขัน
  • ข่าวสาร
  • 24x7
  • ปฏิทิน
  • Q&A
  • แชท
ยอดนิยม
ตัวกรอง
สินทรัพย์
ล่าสุด
ราคาขาย
ราคาซื้อ
สูงสุด
ต่ำสุด
เปลี่ยน
% เปลี่ยน
สเปรด
SPX
S&P 500 Index
6889.80
6889.80
6889.80
6895.49
6866.57
+32.68
+ 0.48%
--
DJI
Dow Jones Industrial Average
48062.42
48062.42
48062.42
48133.54
47873.62
+211.49
+ 0.44%
--
IXIC
NASDAQ Composite Index
23652.79
23652.79
23652.79
23678.82
23528.85
+147.67
+ 0.63%
--
USDX
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ
98.830
98.910
98.830
99.000
98.740
-0.150
-0.15%
--
EURUSD
ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ
1.16562
1.16570
1.16562
1.16715
1.16408
+0.00117
+ 0.10%
--
GBPUSD
ปอนด์สเตอร์ลิง/ดอลลาร์สหรัฐ
1.33548
1.33556
1.33548
1.33622
1.33165
+0.00277
+ 0.21%
--
XAUUSD
Gold / US Dollar
4247.48
4247.82
4247.48
4248.01
4194.54
+40.31
+ 0.96%
--
WTI
Light Sweet Crude Oil
60.078
60.108
60.078
60.113
59.187
+0.695
+ 1.17%
--

บัญชีชุมชน

บัญชีสัญญาณ (อัน)
--
บัญชีกำไร (อัน)
--
บัญชีขาดทุน (อัน)
--
ดูเพิ่มเติม

มาเป็นผู้ให้สัญญาณ

ขายสัญญาณและรับรายได้

ดูเพิ่มเติม

คู่มือการคัดลอกการซื้อขาย

เริ่มต้นง่ายๆ

ดูเพิ่มเติม

สัญญาณ VIP

ทั้งหมด

ผลตอบแทนที่ดีที่สุด
  • ผลตอบแทนที่ดีที่สุด
  • กำไร/ขาดทุนที่ดีที่สุด
  • MDD ที่ดีที่สุด
1 สัปดาห์ที่ผ่านมา
  • 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา
  • 1 เดือนที่ผ่านมา
  • 1 ปีที่ผ่านมา

ทั้งหมด

  • ทั้งหมด
  • อัปเดตทรัมป์
  • แนะนำ
  • หุ้น
  • สกุลเงินดิจิทัล
  • ธนาคารกลาง
  • ข่าวเด่น
ดูข่าวเด่นเท่านั้น
แชร์

จากแหล่งข่าวใกล้ชิดกับเรื่องนี้ ระบุว่า SoftBank Group ของญี่ปุ่นกำลังเจรจาเพื่อเข้าซื้อบริษัทการลงทุน Digitalbridge

แชร์

ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.5% ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 0.5% ดัชนี Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.5% ดัชนี Nasdaq 100 เพิ่มขึ้น 0.8% และดัชนีเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้น 2.1%

แชร์

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ลดการขาดทุนหลังข้อมูล ล่าสุดลดลง 0.09% อยู่ที่ 98.98

แชร์

ยูโรเพิ่มขึ้น 0.02% ที่ 1.1647 ดอลลาร์

แชร์

ดอลลาร์/เยน ขึ้น 0.12% ที่ 155.3

แชร์

เงินปอนด์ขึ้น 0.14% ที่ 1.3346 ดอลลาร์

แชร์

ราคาทองคำเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยหลังข้อมูล Pce ของสหรัฐฯ ล่าสุดเพิ่มขึ้น 0.8% สู่ระดับ 4,241.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แชร์

S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.35%, Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.38%, Dow เพิ่มขึ้น 0.42%

แชร์

ค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลที่แท้จริงของสหรัฐฯ (Pce) เพิ่มขึ้น 0% เมื่อเทียบเป็นรายเดือนในเดือนกันยายน เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 0.1% และตัวเลขก่อนหน้านี้ที่ 0.4%

แชร์

การใช้จ่ายผู้บริโภคจริงของสหรัฐฯ ประจำเดือนกันยายนไม่เปลี่ยนแปลง เทียบกับเดือนสิงหาคม +0.2% (ก่อนหน้า +0.4%)

แชร์

ดัชนีราคา PCE พื้นฐานเดือนกันยายนของสหรัฐฯ +0.2% (คาดการณ์ +0.2%) เทียบกับเดือนสิงหาคม +0.2% (ก่อนหน้า +0.2%)

แชร์

การอ่านค่าเบื้องต้นของคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ 5 ปีของมหาวิทยาลัยมิชิแกนในสหรัฐฯ สำหรับเดือนธันวาคมอยู่ที่ 3.2% เทียบกับการคาดการณ์ที่ 3.4% และการอ่านค่าครั้งก่อนอยู่ที่ 3.4%

แชร์

ดัชนีราคาบริการ PCE ของสหรัฐฯ เดือนกันยายน ไม่รวมพลังงาน/ที่อยู่อาศัย +0.2% เทียบกับเดือนสิงหาคม +0.3%

แชร์

การใช้จ่ายส่วนบุคคลของสหรัฐฯ เดือนกันยายน +0.3% (ความเห็นโดยทั่วไป +0.3%) เทียบกับเดือนสิงหาคม +0.5% (ก่อนหน้า +0.6%)

แชร์

ดัชนีราคา PCE พื้นฐานของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนในเดือนกันยายน ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน เมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.9% และการอ่านค่าครั้งก่อนหน้าที่ 2.9%

แชร์

รายได้ส่วนบุคคลของสหรัฐฯ เดือนกันยายน +0.4% (ความเห็นโดยทั่วไป +0.3%) เทียบกับเดือนสิงหาคม +0.4% (ก่อนหน้า +0.4%)

แชร์

รัสเซียวางแผนแปรรูปหุ้นบางส่วนในบริษัทผลิตน้ำมัน Bashneft เอกสารระบุ

แชร์

Pap - กระทรวงแรงงานโปแลนด์คาดการณ์อัตราการว่างงานอยู่ที่ 5.7% ในเดือนพ.ย.

แชร์

วิลเลรอย สมาชิกสภาบริหาร ECB: จะต้องรักษาความยืดหยุ่นของนโยบายให้เพียงพอ และไม่ตัดการดำเนินนโยบายใดๆ ออกไป

แชร์

ทาโบอาดา สมาชิกคณะกรรมการธนาคารกลางโคลอมเบีย กล่าวว่า นโยบายการเงินอาจต้องดำเนินการมากกว่านี้เพื่อควบคุมการเติบโตของอุปสงค์ในประเทศ

เวลา
ค่าจริง
คาดการณ์
ครั้งก่อน
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax YoY (SA) (พ.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)

ค:--

ค: --

ค: --

ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)

ค:--

ค: --

ค: --

ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)

ค:--

ค: --

ค: --

ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)

ค:--

ค: --

ค: --

ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)

ค:--

ค: --

ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)

ค:--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์

--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์

--

ค: --

ค: --

สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)

--

ค: --

ค: --

จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า YoY (USD) (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้าYoY (USD) (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า (CNH) (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (CNH) (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

จีนแผ่นดินใหญ่ การส่งออก (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

ญี่ปุ่น ค่าจ้าง MoM (ต.ค.)

--

ค: --

ค: --

ญี่ปุ่น ดุลการค้า (ต.ค.)

--

ค: --

ค: --

ญี่ปุ่น GDPที่แท้จริง QoQ (ไตรมาส 3)

--

ค: --

ค: --

ญี่ปุ่น GDP Nominal แก้ไขQoQ (ไตรมาส 3)

--

ค: --

ค: --

ญี่ปุ่น ดุลการค้า (SA)(ข้อมูลศุลกากร) (ต.ค.)

--

ค: --

ค: --

ญี่ปุ่น GDP ประจำปี (แก้ไข) QoQ (ไตรมาส 3)

--

ค: --

ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (CNH) (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (USD) (พ.ย.)

--

ค: --

ค: --

Q&A กับผู้เชี่ยวชาญ
    • ทั้งหมด
    • ห้องสนทนา
    • กลุ่ม
    • เพื่อน
    กำลังเชื่อมต่อกับห้องสนทนา
    .
    .
    .
    พิมพ์ที่นี่...
    เพิ่มชื่อสินทรัพย์หรือรหัส

      ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน

      ทั้งหมด
      อัปเดตทรัมป์
      แนะนำ
      หุ้น
      สกุลเงินดิจิทัล
      ธนาคารกลาง
      ข่าวเด่น
      • ทั้งหมด
      • สงครามรัสเซีย–ยูเครน
      • โฟกัสตะวันออกกลาง
      • ทั้งหมด
      • สงครามรัสเซีย–ยูเครน
      • โฟกัสตะวันออกกลาง
      ค้นหา
      ผลิตภัณฑ์

      กราฟ ฟรีตลอดไป

      แชท Q&A กับผู้เชี่ยวชาญ
      ตัวกรอง ปฏิทินเศรษฐกิจ ข้อมูล เครื่องมือ
      สมาชิก ฟีเจอร์
      ศูนย์ข้อมูล แนวโน้มของตลาด ข้อมูลสถาบัน อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง เศรษฐกิจมหภาค

      แนวโน้มของตลาด

      ความเชื่อมั่น รายการคำสั่งซื้อขาย ความสัมพันธ์ในตลาดฟอเร็กซ์

      ตัวชี้วัดยอดนิยม

      กราฟ ฟรีตลอดไป
      ตลาด

      ข่าวสาร

      ข่าวสาร การวิเคราะห์ 24x7 คอลัมน์ แหล่งเรียนรู้
      ทัศนคติสถาบัน ทัศนคตินักวิเคราะห์
      หัวข้อคอลัมน์ คอลัมนิสต์

      ทัศนคติล่าสุด

      ทัศนคติล่าสุด

      หัวข้อยอดนิยม

      คอลัมนิสต์ยอดนิยม

      อัปเดตล่าสุด

      สัญญาณ

      คัดลอก อันดับ สัญญาณล่าสุด มาเป็นผู้ให้สัญญาณ การจัดอันดับ AI
      การแข่งขัน
      Brokers

      ภาพรวม โบรกเกอร์ เรตติ้ง อันดับ หน่วยงานควบคุม ข่าวสาร การเรียกร้อง
      รายชื่อโบรกเกอร์ การเปรียบเทียบโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ การเปรียบเทียบสเปรดสด โบรกเกอร์โกง
      Q&A ร้องเรียน วิดีโอแจ้งเตือนการหลอกลวง เคล็ดลับการตรวจจับการหลอกลวง
      เพิ่มเติม

      สำหรับธุรกิจ
      กิจกรรม
      รับสมัครงาน เกี่ยวกับเรา การลงโฆษณา ศูนย์ช่วยเหลือ

      ไวท์เลเบล

      Data API

      ปลั๊กอินเว็บไซต์

      โครงการพันธมิตร

      รางวัล การประเมินสถาบัน IB Seminar กิจกรรม Salon นิทรรศการ
      เวียดนาม ประเทศไทย สิงคโปร์ ดูไบ
      Fans Party เซสชั่นการแบ่งปันการลงทุน
      การประชุมสุดยอด FastBull นิทรรศการ BrokersView
      การค้นหาเมื่อเร็วๆนี้
        คำศัพท์ที่ยอดนิยม
          ตลาด
          ข่าวสาร
          การวิเคราะห์
          ผู้ใช้
          24x7
          ปฏิทินเศรษฐกิจ
          แหล่งเรียนรู้
          ข้อมูล
          • ชื่อ
          • ค่าล่าสุด
          • ครั้งก่อน

          ดูผลการค้นหาทั้งหมด

          ไม่มีข้อมูล

          สแกน ดาวน์โหลด

          Faster Charts, Chat Faster!

          ดาวน์โหลดแอป
          • English
          • Español
          • العربية
          • Bahasa Indonesia
          • Bahasa Melayu
          • Tiếng Việt
          • ภาษาไทย
          • Français
          • Italiano
          • Türkçe
          • Русский язык
          • 简中
          • 繁中
          เปิดบัญชี
          ค้นหา
          ผลิตภัณฑ์
          กราฟ ฟรีตลอดไป
          ตลาด
          ข่าวสาร
          สัญญาณ

          คัดลอก อันดับ สัญญาณล่าสุด มาเป็นผู้ให้สัญญาณ การจัดอันดับ AI
          การแข่งขัน
          Brokers

          ภาพรวม โบรกเกอร์ เรตติ้ง อันดับ หน่วยงานควบคุม ข่าวสาร การเรียกร้อง
          รายชื่อโบรกเกอร์ การเปรียบเทียบโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ การเปรียบเทียบสเปรดสด โบรกเกอร์โกง
          Q&A ร้องเรียน วิดีโอแจ้งเตือนการหลอกลวง เคล็ดลับการตรวจจับการหลอกลวง
          เพิ่มเติม

          สำหรับธุรกิจ
          กิจกรรม
          รับสมัครงาน เกี่ยวกับเรา การลงโฆษณา ศูนย์ช่วยเหลือ

          ไวท์เลเบล

          Data API

          ปลั๊กอินเว็บไซต์

          โครงการพันธมิตร

          รางวัล การประเมินสถาบัน IB Seminar กิจกรรม Salon นิทรรศการ
          เวียดนาม ประเทศไทย สิงคโปร์ ดูไบ
          Fans Party เซสชั่นการแบ่งปันการลงทุน
          การประชุมสุดยอด FastBull นิทรรศการ BrokersView

          USA:นักลงทุนมองหาหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากร่างกม.โครงสร้างพฐ.สหรัฐ

          Reuters
          Amazon
          +0.90%
          Norfolk Southern
          -0.01%
          FedEx
          +0.15%
          Williams
          -0.49%
          Crown Castle Inc.
          +0.19%

          นิวยอร์ค--11 ส.ค.--รอยเตอร์

          • นักลงทุนกำลังมองหาหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากการที่รัฐบาลสหรัฐปรับเพิ่มงบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานขนาด 1 ล้านล้านดอลลาร์ในวันอังคารด้วยคะแนนโหวต 69-30 เสียง และร่างกฎหมายดังกล่าวจะเข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในขั้นตอนต่อไป โดยร่างกฎหมายนี้จะส่งผลให้สหรัฐลงทุนเป็นเงินจำนวนมากที่สุดในรอบหลายสิบปีในโครงการด้านถนน, สะพาน, ท่าอากาศยาน และการขนส่งทางน้ำ ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนได้เข้าซื้อหุ้นบริษัทต่าง ๆ ที่จะได้รับประโยชน์จากงบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานในช่วงที่ผ่านมา และปัจจัยนี้ก็มีส่วนช่วยหนุนให้หุ้นกลุ่มวัสดุกับหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้วราว 18% จากช่วงต้นปีนี้ ซึ่งใกล้เคียงกับการทะยานขึ้นของดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐ อย่างไรก็ดี ผู้จัดการกองทุนบางรายพยายามมองหาหุ้นตัวอื่น ๆ ที่มีมูลค่าต่ำเกินไป และมุ่งความสนใจไปยังทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) บางแห่งด้วย

          • นักลงทุนกำลังกระจายพอร์ตการลงทุนในช่วงนี้ ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และดัชนี S&P 500 เพิ่งพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ในวันอังคาร ถึงแม้ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันจากปัจจัยหลายประการด้วยกันในช่วงนี้ โดยปัจจัยลบเหล่านี้รวมถึงมูลค่าหุ้นที่ระดับสูง, การพุ่งขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา และการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะปรับลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลงในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นมาแล้วราว 2 เท่าจากจุดต่ำสุดของเดือนมี.ค. 2020 โดยพุ่งขึ้นจากระดับ 2,191.86 ในเดือนมี.ค.2020 สู่สถิติสูงสุดใหม่ที่ 4,445.21 ในวันอังคาร ในขณะที่ค่าพีอีเรโชของดัชนี S&P 500 อยู่ที่ 21.3 เท่าของคาดการณ์ผลกำไรช่วง 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 15.4 เท่าเป็นอย่างมาก

          • นายสก็อตต์ เฮลฟ์สไตน์ หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตามแนวโน้มในบริษัทโพรแชร์สกล่าวว่า บริษัทของเขาได้เพิ่มการลงทุนใน REIT ที่เป็นเจ้าของท่าเรือและหอส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือ อย่างเช่น บริษัทคราวน์ คาสเซิล อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ป เพราะเขาเชื่อว่าบริษัทกลุ่มนี้จะได้รับประโยชน์จากกฎหมายโครงสร้างพื้นฐาน โดยหุ้นคราวน์ คาสเซิลพุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 20% จากช่วงต้นปีนี้ ในขณะที่ดัชนี S&P U.S. Real Estate REIT ทะยานขึ้นมาแล้วราว 25% จากช่วงต้นปีนี้ นอกจากนี้ นายเฮฟสไตน์ได้ซื้อหุ้นในบริษัทก๊าซธรรมชาติด้วย ซึ่งรวมถึงบริษัทวิลเลียมส์ คอมปานีส์ อิงค์

          • นายจอห์น โมว์รีย์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทเอ็นเอฟเจ อินเวสท์เมนท์ กรุ๊ปได้ปรับเพิ่มการถือหุ้นในบริษัทนอร์โฟล์ค เซาเธิร์น คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ประกอบการทางรถไฟ เนื่องจากเขาคาดว่ารายได้ของนอร์โฟล์คจะได้รับแรงหนุนเป็นอย่างมาก เมื่อมีการขนส่งวัสดุก่อสร้างทั่วสหรัฐในอนาคต โดยหุ้นนอร์โฟล์คปรับขึ้นราว 9% จากช่วงต้นปีนี้ ส่วนค่าพีอีเรโชของหุ้นนอร์โฟล์คเคลื่อนตัวอยู่ใกล้จุดต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ นอกจากนี้ นายโมว์รีย์ก็ได้เข้าซื้อหุ้นบริษัทอเมริกัน วอเตอร์ เวิร์คส์ คอมปานี อิงค์ในกลุ่มสาธารณูปโภคด้วย เนื่องจากเขาคาดว่าบริษัทนี้จะได้รับประโยชน์จากร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ เขากล่าวว่า "บริษัทเหล่านี้มีโอกาสที่จะปรับปรุงระบบของตนเองให้ดีขึ้นโดยใช้เงินจากภาครัฐบาล แทนที่จะต้องใช้เงินจากภายในบริษัทเอง"

          • นักลงทุนได้เข้าซื้อกองทุน ETF ที่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้วย โดยกองทุน iShares U.S. Infrastructure Exchange Traded Fund มีเงินลงทุนไหลเข้าเป็นจำนวน 5 สัปดาห์ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา และมีเงินไหลเข้าสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 51 ล้านดอลลาร์ในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 ก.ค. ทั้งนี้ นายแบร์รี เจมส์ ผู้จัดการกองทุนเจมส์ แอดเวนเทจ ฟันด์ระบุว่า เขาได้ปรับเพิ่มสถานะการลงทุนในบริษัทเฟดเอ็กซ์ คอร์ป และในบริษัทกลุ่มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ อย่างเช่นอะเมซอนดอทคอม เนื่องจากเขาคาดว่าร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยลดเวลาในการขนส่งสินค้าทางถนนลงได้--จบ--

          (รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

          ((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

          คำเตือนความเสี่ยงและข้อจำกัดความรับผิดชอบในการลงทุน
          ตลาดมีความเสี่ยง การลงทุนจำเป็นต้องระมัดระวัง เนื้อหาของบทความนี้มีไว้สำหรับอ้างอิงเท่านั้น และไม่ได้ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้คำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนพิเศษ สถานะทางการเงินหรืออื่นๆของบุคคล ลงทุนตามนั้น ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงของคุณเอง
          รายการโปรด
          แชร์

          DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:S&P 500 พุ่งขึ้นทำนิวไฮขณะตลาดจับตาสภาคองเกรส

          Reuters
          Caterpillar
          +1.16%
          Deere
          +0.18%
          Canadian Pacific Railway
          -0.50%
          Vulcan Materials
          +0.84%
          AMC Entertainment
          -1.93%

          นิวยอร์ค--11 ส.ค.--รอยเตอร์

          • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์และดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นมาปิดตลาดที่สถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ในวันอังคาร ในขณะที่หุ้นกลุ่มวัฏจักรเศรษฐกิจพุ่งขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่าวุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานขนาด 1 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะเข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ร่างกฎหมายนี้จะส่งผลให้สหรัฐลงทุนเป็นเงินจำนวนมากที่สุดในรอบหลายสิบปีในโครงการด้านถนน, สะพาน, ท่าอากาศยาน และการขนส่งทางน้ำ และในตอนนี้วุฒิสภาสหรัฐได้เริ่มต้นการอภิปรายเรื่องร่างกฎหมายงบใช้จ่ายขนาด 3.5 ล้านล้านดอลลาร์แล้วด้วย โดยร่างกฎหมายฉบับที่สองนี้จะเน้นการลงทุนในประเด็นที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนให้ความสำคัญ ซึ่งได้แก่ประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การให้การศึกษาถ้วนหน้าระดับอนุบาล และที่อยู่อาศัยราคาถูก โดยพรรคเดโมแครตวางแผนว่าจะผ่านร่างกฎหมายขนาด 3.5 ล้านล้านดอลลาร์นี้โดยไม่พึ่งเสียงโหวตจากพรรครีพับลิกัน

          • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.46% สู่ 35,264.67, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับขึ้น 0.10% สู่ 4,436.75 หลังจากพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 4,445.21 ในระหว่างวัน แต่ดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 0.49% สู่ 14,788.09 ทั้งนี้ กองทุน ETF ที่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐพุ่งขึ้น โดยกองทุน iShares US Infrastructure ETF ทะยานขึ้น 1.45% และกองทุน Global X US Infrastructure Development ETF พุ่งขึ้น 2.19%

          • หุ้นกลุ่มพลังงาน, กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มวัสดุพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันอังคาร เนื่องจากหุ้น 3 กลุ่มนี้มักจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ในขณะที่หุ้นบริษัทที่มีแนวโน้มว่าจะได้รับแรงหนุนจากโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานทะยานขึ้นด้วยเช่นกัน โดยหุ้นบริษัทแคเทอร์พิลลาร์, วัลแคน แมทีเรียลส์ และเดียร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องจักรก่อสร้างพุ่งขึ้นราว 2% ในวันอังคาร ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ทะยานขึ้น 2.7% ในวันอังคารด้วย

          • นักลงทุนกังวลกับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์เดลตาในช่วงนี้ ในขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐและยอดผู้ป่วยที่เข้าโรงพยาบาลพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 6 เดือน โดยยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐอยู่ที่ระดับราว 100,000 รายต่อวันมาเป็นเวลานาน 3 วันติดต่อกัน โดยพุ่งขึ้น 35% จากเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน

          • นักลงทุนจะรอดูตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในสัปดาห์นี้ เพื่อใช้ในการประเมินว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับนโยบายการเงินอย่างไรในอนาคต หลังจากนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา และนายทอม บาร์คินประธานเฟดสาขาริชมอนด์กล่าวในวันจันทร์ว่า พวกเขาเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐบรรลุเกณฑ์เป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ 2% ของเฟดแล้ว ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสองเงื่อนไขที่เฟดตั้งไว้สำหรับใช้ในการพิจารณาเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย--จบ--

          (รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

          ((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

          คำเตือนความเสี่ยงและข้อจำกัดความรับผิดชอบในการลงทุน
          ตลาดมีความเสี่ยง การลงทุนจำเป็นต้องระมัดระวัง เนื้อหาของบทความนี้มีไว้สำหรับอ้างอิงเท่านั้น และไม่ได้ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้คำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนพิเศษ สถานะทางการเงินหรืออื่นๆของบุคคล ลงทุนตามนั้น ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงของคุณเอง
          รายการโปรด
          แชร์

          USA:คาดตัวเลขจ้างงานสหรัฐอาจหนุนให้บอนด์ยิลด์พุ่งขึ้น,กระทบตลาดหุ้น

          Reuters
          Microsoft
          +0.67%
          Blackrock
          +0.05%
          Meta Platforms
          +1.34%
          Amazon
          +0.90%
          Apple
          -0.05%

          นิวยอร์ค--9 ส.ค.--รอยเตอร์

          • นักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐที่พุ่งสูงเกินคาดในเดือนก.ค.ได้ช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอาจจะทะยานขึ้นในช่วงต่อไปในปีนี้ และปัจจัยดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นสหรัฐ หลังจากดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นสู่สถิติสูงสุดใหม่ในช่วงนี้ ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรในสหรัฐพุ่งขึ้น 943,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 870,000 ตำแหน่ง โดยตัวเลขดังกล่าวส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปี (ซึ่งปรับตัวสวนทางกับราคาพันธบัตร) ทะยานขึ้นแตะ 1.3053% ในวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.

          • นักลงทุนบางรายคาดว่า ตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งจะช่วยกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดขนาดมาตรการเข้าซื้อตราสารหนี้ลงในเวลาที่รวดเร็วเกินคาด และปัจจัยดังกล่าวอาจจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) พุ่งสูงขึ้น และกดดันหุ้นเติบโตให้ร่วงลง อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังไม่แน่ใจมากนักในเรื่องนี้ เพราะเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์เดลตา และเฟดยืนยันว่า อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐพุ่งขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่า ถ้าหากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานประจำเดือนส.ค.ที่แข็งแกร่งมากออกมาในช่วงต้นเดือนก.ย. ปัจจัยดังกล่าวก็อาจจะช่วยสนับสนุนให้เฟดประกาศโครงร่างแผนการปรับลดขนาดมาตรการเข้าซื้อตราสารหนี้รายเดือนลงจากระดับ 1.20 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือนในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 21-22 ก.ย.

          • ถ้าหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งสูงขึ้น ปัจจัยดังกล่าวก็อาจจะส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นเติบโต เพราะว่าการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยส่งผลลบต่อมูลค่ากระแสเงินสดในระยะยาว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนหุ้นเติบโต ทั้งนี้ หุ้นเติบโตพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งนับตั้งแต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเริ่มร่วงลงในเดือนมี.ค.เป็นต้นมา โดยดัชนี Russell 1000 สำหรับหุ้นเติบโตพุ่งขึ้นมาแล้ว 18% นับตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค. ในขณะที่ดัชนีหุ้นคุณค่าปรับขึ้นเพียง 6% ในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของหุ้นเติบโตและหุ้นเทคโนโลยีก็มีส่วนสำคัญในการช่วยหนุนดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐให้พุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ในช่วงนี้ด้วย เนื่องจากบริษัทกลุ่มนี้ครองน้ำหนักมากในตลาด โดยบริษัทสำคัญ 5 แห่งในกลุ่มเทคโนโลยีหรือกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ซึ่งได้แก่บริษัทแอปเปิล, ไมโครซอฟท์, อะเมซอน, แอลฟาเบท และเฟซบุ๊ก ครองน้ำหนักรวมกันสูงกว่า 22% ของดัชนี S&P 500

          • การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอาจจะส่งผลบวกต่อหุ้นคุณค่า ซึ่งครอบคลุมหุ้นกลุ่มธนาคาร, กลุ่มพลังงาน และกลุ่มอื่น ๆ ที่ปรับตัวตามวัฏจักรเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในสหรัฐอาจจะส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อผู้ส่งออกของสหรัฐ รวมทั้งส่งผลลบต่องบดุลของบริษัทข้ามชาติของสหรัฐด้วย เพราะบริษัทเหล่านี้จำเป็นต้องแปลงผลกำไรในรูปสกุลเงินต่างชาติกลับมาเป็นดอลลาร์

          • ธนาคารโกลด์แมน แซคส์, แบงก์ ออฟ อเมริกา โกลบัล รีเสิร์ช และบริษัทแบล็คร็อคคาดการณ์ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอาจจะพุ่งขึ้นสู่ระดับใกล้ 2% ก่อนสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ดี ธนาคาร HSBC คาดว่า บอนด์ยิลด์อาจจะร่วงลงจากระดับปัจจุบัน ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของบริษัทแคปิตัล อิโคโนมิคส์ระบุในวันศุกร์ว่า "เราคาดว่าการฟื้นตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาวในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา จะยังคงดำเนินต่อไป" และระบุเสริมว่า "เราคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วง 2-3 ไตรมาสข้างหน้า และอัตราเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นเป็นเวลานานกว่าที่คนส่วนใหญ่ได้คาดการณ์ไว้"--จบ--

          (รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

          ((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

          คำเตือนความเสี่ยงและข้อจำกัดความรับผิดชอบในการลงทุน
          ตลาดมีความเสี่ยง การลงทุนจำเป็นต้องระมัดระวัง เนื้อหาของบทความนี้มีไว้สำหรับอ้างอิงเท่านั้น และไม่ได้ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้คำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนพิเศษ สถานะทางการเงินหรืออื่นๆของบุคคล ลงทุนตามนั้น ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงของคุณเอง
          รายการโปรด
          แชร์

          USA:คาดตลาดหุ้นสหรัฐได้แรงหนุนต่อไปจากผลกำไรภาคเอกชน,บอนด์ยิลด์

          Reuters
          Goldman Sachs
          +1.25%
          Eli Lilly and Co.
          -0.01%
          General Motors
          +1.90%
          Alphabet-C
          +1.39%
          Alphabet-A
          +1.42%

          นิวยอร์ค--2 ส.ค.--รอยเตอร์

          • นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐระบุว่า การดีดขึ้นของผลกำไรภาคเอกชนและการดิ่งลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ในช่วงนี้ช่วยจำกัดมูลค่าหุ้นในตลาดหุ้นสหรัฐไม่ให้อยู่ในระดับที่แพงเกินไป และปัจจัยนี้ช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นสหรัฐต่อไป ถึงแม้ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนตัวอยู่ใกล้สถิติสูงสุด และถึงแม้ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ และจากการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอการเติบโตลง ทั้งนี้ ถึงแม้ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 17% จากช่วงต้นปีนี้ มูลค่าหุ้นสหรัฐกลับขยับลงนับตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ โดยค่าพีอีเรโชของหุ้นในดัชนี S&P 500 อยู่ที่ 21.4 เท่าของตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรสำหรับช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดยร่วงลงจาก 22.7 เท่าในเดือนม.ค. แต่ยังคงอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 15.4 เท่า

          • นายปีเตอร์ ทูซ ประธานบริษัทเชส อินเวสท์เมนท์ เคาน์เซลกล่าวว่า "ผมคิดว่าตลาดหุ้นยังคงเป็นสถานที่ที่น่าลงทุน เพราะถึงแม้ว่ามูลค่าหุ้นอยู่ในระดับสูง ปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นก็ยังคงอยู่ในภาวะที่ดี นอกจากนี้ บริษัทส่วนใหญ่ก็มีผลประกอบการรายไตรมาสที่ดีมาก และมีแนวโน้มที่ดีมากด้วย" ทั้งนี้ นักลงทุนมุ่งความสนใจไปยังมูลค่าหุ้นในช่วงนี้ ในขณะที่นักลงทุนพยายามประเมินปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางตลาดในช่วงหลายเดือนข้างหน้า โดยปัจจัยเหล่านี้รวมถึงเศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้มชะลอการเติบโตลง, การพุ่งขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา และแผนการของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการปรับลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

          • นักลงทุนจะจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ค.ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันศุกร์ที่ 6 ส.ค. และรอดูผลประกอบการที่บริษัทสหรัฐจะรายงานออกมาในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะผลประกอบการของบริษัทอีไล ลิลลี ซึ่งทำธุรกิจเวชภัณฑ์, ซีวีเอส เฮลธ์ ซึ่งทำธุรกิจประกันสุขภาพ และเจเนอรัล มอเตอร์ส (GM) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ในตอนนี้ว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจพุ่งขึ้น 87.2% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายปี โดยปรับขึ้นจากระดับ 65.4% ที่เคยคาดการณ์ไว้ในช่วงต้นเดือนก.ค. และการที่บริษัทสหรัฐรายงานผลกำไรที่สูงเกินคาดอย่างต่อเนื่องจะช่วยจำกัดมูลค่าหุ้นไม่ให้พุ่งสูงเกินไป ทั้งนี้ ธนาคารเครดิต สวิสคาดการณ์ว่า ดัชนี S&P 500 อาจจะปิดตลาดสิ้นปีนี้ที่ 4,600 โดยพุ่งขึ้นราว 4% จากระดับปิดวันพฤหัสบดีที่แล้วที่ 4,419.15 ส่วนธนาคารโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ทางธนาคารคาดว่าดัชนี S&P 500 อาจจะปิดตลาดสิ้นปีนี้ที่ 4,300 โดยตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีอยู่ที่ 1.9% แต่ถ้าหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอยู่ที่ 1.6% ระดับที่เหมาะสมของดัชนี S&P ก็จะพุ่งขึ้นสู่ 4,700 ในช่วงสิ้นปีนี้

          • นักลงทุนมองว่าหุ้นมีความน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีดิ่งลงราว 0.55% จากระดับ 1.776% ในวันที่ 30 มี.ค. สู่ระดับ 1.226% ในช่วงท้ายวันศุกร์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ สถาบันการลงทุนเวลส์ ฟาร์โกระบุว่า ค่าพรีเมียมความเสี่ยงของหุ้น ซึ่งเป็นส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนจากผลกำไรของหุ้นกับอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตร อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับแนวโน้มในอดีตที่บ่งชี้ว่า ดัชนี S&P 500 จะพุ่งขึ้น 15.2% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

          • นักลงทุนบางรายกังวลกับมูลค่าหุ้นที่อยู่ในระดับสูงในช่วงนี้ ในขณะที่ค่า CAPE ซึ่งเป็นค่าพีอีเรโชที่ปรับตามวัฏจักรเศรษฐกิจ ส่งสัญญาณเตือนออกมา โดยค่า CAPE ได้พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบกว่า 20 ปีในช่วงนี้ ทั้งนี้ นายแจ็ค เอบลิน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทเครสเซนท์ แคปิตัล แมเนจเมนท์กล่าวว่า การพุ่งขึ้นของค่า CAPE ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ทางบริษัทตัดสินใจปรับลดการลงทุนในหุ้นโดยรวมลงในช่วงต้นปีนี้สำหรับพอร์ตลงทุนที่มีระยะเวลาการลงทุนอย่างน้อย 7 ปี และเขากล่าวเสริมว่า "มูลค่าหุ้นอยู่ในระดับที่สูงมาก ดังนั้นตลาดหุ้นจึงไม่ใช่สถานที่ที่น่าลงทุนมากนักในระยะยาว"--จบ--

          (รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

          ((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

          คำเตือนความเสี่ยงและข้อจำกัดความรับผิดชอบในการลงทุน
          ตลาดมีความเสี่ยง การลงทุนจำเป็นต้องระมัดระวัง เนื้อหาของบทความนี้มีไว้สำหรับอ้างอิงเท่านั้น และไม่ได้ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้คำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนพิเศษ สถานะทางการเงินหรืออื่นๆของบุคคล ลงทุนตามนั้น ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงของคุณเอง
          รายการโปรด
          แชร์

          USA:คาดตลาดหุ้นสหรัฐจะได้แรงหนุนจากเงินจำนวนมากที่ภาคเอกชนสะสมไว้

          Reuters
          Amazon
          +0.90%
          Apple
          -0.05%
          Microsoft
          +0.67%
          Prudential Financial
          +0.66%
          Bank of America
          +0.85%

          นิวยอร์ค--22 ก.ค.--รอยเตอร์

          • นักวิเคราะห์ระบุว่า บริษัทสหรัฐได้สะสมเงินสดไว้เป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา และนักลงทุนคาดว่าเงินดังกล่าวอาจจะช่วยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐได้ในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ในขณะที่ผู้บริหารบริษัทหลายแห่งประกาศแผนการปรับเพิ่มปริมาณการซื้อคืนหุ้น, แผนปรับเพิ่มเงินปันผล หรือแผนปรับเพิ่มการลงทุนในธุรกิจของตนเอง ทั้งนี้ นายคีธ เลอร์เนอร์ หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดของบริษัททรูอิสท์ แอดไวซอรี เซอร์วิสเซสระบุว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐมีเงินสดอยู่ในงบดุลบัญชีราว 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงนี้ ซึ่งถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์ และพุ่งขึ้นจากระดับ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงก่อนเกิดวิกฤติโรคระบาดในปี 2020

          • นายไมเคิล เพอร์เวส ซีอีโอของบริษัททอลแบคเคน แคปิตัล แอดไวเซอร์สกล่าวว่า การที่ภาคเอกชนมีดุลเงินสดอยู่ในระดับสูงจะถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยพยุงตลาดหุ้น และเขากล่าวเสริมว่า “ปัจจัยนี้จะช่วยหนุนตลาดหุ้นต่อไปในปี 2022 และ 2023 ถึงแม้มีการคาดการณ์กันว่าตลาดหุ้นอาจจะพุ่งขึ้นมากเกินไปแล้ว และมูลค่าหุ้นอยู่สูงเกินไป" ทั้งนี้ การที่บริษัทมีเงินสดเก็บไว้เป็นจำนวนมากจะช่วยให้บริษัทมีความยืดหยุ่นในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ที่จะส่งผลดีต่อราคาหุ้น ซึ่งรวมถึงการซื้อคืนหุ้น และการปรับเพิ่มเงินปันผล โดยมาตรการหลังนี้จะช่วยดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการรายได้สูง ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดิ่งลงในช่วงนี้

          • ตะกร้าหุ้นที่จัดทำโดยบริษัทโกลด์แมน แซคส์ที่รวบรวมหุ้นบริษัทที่คืนเงินสดจำนวนมากให้แก่ผู้ถือหุ้นโดยผ่านทางการซื้อคืนหุ้นหรือการจ่ายเงินปันผล พุ่งขึ้นในปี 2021 ในอัตราที่สูงกว่าดัชนี S&P 500 ราว 5% ส่วนตะกร้าหุ้นของบริษัทที่มีการลงทุนด้านทุนอยู่ในระดับสูง หรือมีรายจ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาอยู่ในระดับสูง พุ่งขึ้นในปี 2021 ในอัตราที่สูงกว่าดัชนี S&P 500 ราว 2% โดยสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนชื่นชอบบริษัทที่ใช้ประโยชน์จากเงินสดในปีนี้ นอกจากนี้ นักยุทธศาสตร์การลงทุนของโกลด์แมน แซคส์ยังคาดการณ์อีกด้วยว่า ปริมาณการซื้อคืนหุ้นอาจพุ่งขึ้น 35% ในปีนี้ ทั้งนี้ การคาดการณ์ที่ว่าบริษัทอาจใช้จ่ายเงินจำนวนมากจะช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้น เมื่อราคาหุ้นร่วงลงในอนาคต และปัจจัยนี้จะช่วยชะลอการดิ่งลงของตลาดหุ้นในอนาคต

          • นายไรอัน ดีทริค หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดของบริษัทแอลพีแอล ไฟแนนเชียลระบุว่า สถิตินับตั้งแต่ปี 1950 เป็นต้นมาแสดงให้เห็นว่า ดัชนี S&P 500 มักจะย่อตัวลงครั้งละอย่างน้อย 5% เป็นจำนวนเฉลี่ย 3 ครั้งต่อปี แต่ดัชนียังไม่ได้ย่อตัวลงแบบนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียวในปีนี้ ดังนั้นนักลงทุนบางรายจึงคาดว่าอาจจะเกิดการย่อตัวขึ้นได้ในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทสหรัฐได้ประกาศว่าจะซื้อคืนหุ้นเป็นมูลค่า 3.50 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ซึ่งถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2/2018 หลังจากประกาศซื้อคืนหุ้น 2.75 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก ทางด้านปริมาณการจ่ายเงินปันผลของบริษัทในดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 3.6% สู่ 1.234 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน แต่ยังคงอยู่ห่างจากสถิติสูงสุดที่เคยทำไว้ในไตรมาสแรกของปี 2020

          • นักลงทุนจะจับตาดูแผนการใช้จ่ายของบริษัทต่าง ๆ เมื่อบริษัทสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ในช่วงนี้ โดยเฉพาะบริษัทแอปเปิล, อะเมซอน และไมโครซอฟท์ที่จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์หน้า ทางด้านบริษัทพรูเดนเชียล ไฟแนนเชียล กับบริษัทออโตเนชันเพิ่งประกาศขยายโครงการซื้อคืนหุ้นในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ ธนาคารเจพี มอร์แกนระบุในสัปดาห์นี้ว่า ในบรรดาบริษัทกลุ่มต่าง ๆ ในสหรัฐนั้น กลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการเงินถือเป็น 2 กลุ่มที่ประกาศซื้อคืนหุ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทแอปเปิลที่เพิ่งปรับเพิ่มอำนาจในการซื้อคืนหุ้นขึ้นอีก 9.0 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย.--จบ--

          (รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

          ((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

          คำเตือนความเสี่ยงและข้อจำกัดความรับผิดชอบในการลงทุน
          ตลาดมีความเสี่ยง การลงทุนจำเป็นต้องระมัดระวัง เนื้อหาของบทความนี้มีไว้สำหรับอ้างอิงเท่านั้น และไม่ได้ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้คำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนพิเศษ สถานะทางการเงินหรืออื่นๆของบุคคล ลงทุนตามนั้น ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงของคุณเอง
          รายการโปรด
          แชร์

          DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:Nasdaq ปิดลบรับแรงขายหุ้นกลุ่มบิ๊กเทค

          Reuters
          American International Group
          -0.72%
          JPMorgan
          +0.40%
          Bank of America
          +0.85%
          Apple
          -0.05%
          Meta Platforms
          +1.34%
          • ดัชนี Nasdaq ปิดลดลงในวันพฤหัสบดี เนื่องจากหุ้นแอปเปิล, อะเมซอนและหุ้นอื่นๆในกลุ่มบิ๊กเทคร่วงลง ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่ลดลงทำให้นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

          • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 53.79 จุด หรือ 0.15% ที่ 34,987.02, ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 14.27 จุด หรือ 0.32% สู่ระดับ 4,360.03 และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 101.81 จุด หรือ 0.70% สู่ 14,543.13

          • หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในดัชนี S&P 500 ปิดลดลง หลังจากพุ่งขึ้น 4 วันติดต่อกัน ซึ่งความต้องการหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มเติบโตของนักลงทุนในช่วงต้นสัปดาห์นี้ทำให้ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานในดัชนี S&P 500 ปิดร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบจากการคาดการณ์ว่า จะมีปริมาณการผลิตมากขึ้นหลังจากมีข้อตกลงประนีประนอมระหว่างผู้ผลิตชั้นนำในกลุ่มโอเปก

          • ข้อมูลที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 16 สัปดาห์ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่การขาดแคลนแรงงาน และภาวะคอขวดในระบบห่วงโซ่อุปทานสร้างความยุ่งยากให้แก่ภาคธุรกิจในการเพิ่มการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการสินค้าและบริการ

          • นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เขาคาดว่า การขาดแคลนและภาวะเงินเฟ้อสูงจะบรรเทาลง แต่นักลงทุนหลายคนก็ยังคงกังวลว่า ภาวะเงินเฟ้อที่นานมากขึ้นอาจจะนำไปสู่การคุมเข้มนโยบายการเงินที่เร็วกว่าคาด--จบ--

          (รอยเตอร์ โดย เสาวณีย์ เอกปัญญาชัย แปลและเรียบเรียง)

          ((saowanee.ekpunyachai@thomsonreuters.com;

          คำเตือนความเสี่ยงและข้อจำกัดความรับผิดชอบในการลงทุน
          ตลาดมีความเสี่ยง การลงทุนจำเป็นต้องระมัดระวัง เนื้อหาของบทความนี้มีไว้สำหรับอ้างอิงเท่านั้น และไม่ได้ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้คำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนพิเศษ สถานะทางการเงินหรืออื่นๆของบุคคล ลงทุนตามนั้น ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงของคุณเอง
          รายการโปรด
          แชร์

          DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:หุ้นไนกี้,กลุ่มธนาคารหนุน S&P 500 ทำนิวไฮ

          Reuters
          Nike
          +0.17%
          Bank of America
          +0.85%
          Wells Fargo & Co.
          +0.42%
          CarMax
          +1.16%
          FedEx
          +0.15%

          นิวยอร์ค--28 มิ.ย.--รอยเตอร์

          • ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นมาปิดตลาดที่สถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นบริษัทไนกี้และหุ้นธนาคารบางแห่ง ในขณะที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนแอเกินคาด และตัวเลขดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะยังไม่ปรับลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลงในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ หุ้นไนกี้ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรองเท้าผ้าใบพุ่งขึ้น 15.5% สู่สถิติระดับปิดสูงสุดในวันศุกร์ หลังจากไนกี้คาดการณ์ว่ายอดขายในปีงบดุลบัญชี 2022 อาจปรับขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก สู่ระดับสูงกว่า 5.0 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 4.846 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยการพุ่งขึ้นของหุ้นไนกี้มีส่วนช่วยให้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันศุกร์

          • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.69% สู่ 34,433.84, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับขึ้น 0.33% สู่ 4,280.69 หลังจากพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 4,286.12 ในระหว่างวัน แต่ดัชนี Nasdaq ปิดขยับลง 0.06% สู่ 14,360.39 ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับระดับปิดสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีดาวโจนส์ก็ปิดตลาดสัปดาห์นี้พุ่งขึ้น 3.4%, ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดสัปดาห์นี้ทะยานขึ้น 2.7% ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนก.พ. และดัชนี Nasdaq ปิดตลาดสัปดาห์นี้พุ่งขึ้น 2.4% ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.

          • หุ้นธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกาพุ่งขึ้น 1.9% ส่วนหุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โกทะยานขึ้น 2.7% หลังจากเฟดประกาศว่า ธนาคารขนาดใหญ่ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤติแล้ว และธนาคารเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อจำกัดด้านการซื้อคืนหุ้นและข้อจำกัดด้านการจ่ายเงินปันผลอีกต่อไป โดยข่าวนี้มีส่วนช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินของสหรัฐให้พุ่งขึ้น 1.3% ในวันศุกร์ และส่งผลให้หุ้นกลุ่มการเงินถือเป็นกลุ่มที่ทะยานขึ้นมากที่สุดในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐ ทั้งนี้ นายเดนนิส ดิค เทรดเดอร์ของบริษัทไบรท์ เทรดดิงกล่าวว่า "นักลงทุนเทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีออกมาในวันศุกร์ และโยกย้ายเงินลงทุนเข้าสู่หุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากมีการเปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤติ" และเขาคาดว่า ธนาคารในสหรัฐจะประกาศปรับเพิ่มเงินปันผลในเร็ว ๆ นี้

          • ตลาดหุ้นยังคงได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐสนับสนุนข้อตกลงระหว่างวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตกับพรรครีพับลิกันในเรื่องงบลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยข่าวนี้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มวัสดุและหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม และส่งผลให้ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ในขณะที่ดัชนี Nasdaq ร่วงลง โดยนายเจค ดอลลาร์ไฮด์ ซีอีโอของบริษัทลองโบว์ แอสเซท แมเนจเมนท์กล่าวว่า "บริษัทในดัชนี Nasdaq ไม่ใช่บริษัทที่จัดหาปูนซีเมนต์ในการสร้างถนน และไม่ใช่บริษัทที่จัดหาเหล็กกล้าในการสร้างสะพาน บริษัทที่ทำธุรกิจเหล่านี้อยู่ในดัชนี S&P 500"

          • สหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ปรับขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ค. ซึ่งอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ 0.6% ส่วนดัชนี PCE พื้นฐานแบบเทียบรายปีพุ่งขึ้น 3.4% ในเดือนพ.ค. ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 1992 และสูงกว่าระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% ทั้งนี้ หุ้นบริษัทเวอร์จิน กาแลกติก ซึ่งเป็นบริษัทของนายริชาร์ด แบรนสันที่ทำธุรกิจด้านยานอวกาศพุ่งขึ้น 38.87% ในวันศุกร์ และถือเป็นหุ้นที่มีการซื้อขายมากเป็นอันดับสองในตลาดหุ้นสหรัฐ หลังจากสำนักงานควบคุมความปลอดภัยทางการบินของสหรัฐอนุมัติให้เวอร์จิน กาแลกติกสามารถส่งคนขึ้นสู่อวกาศ--จบ--

          (รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

          ((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

          คำเตือนความเสี่ยงและข้อจำกัดความรับผิดชอบในการลงทุน
          ตลาดมีความเสี่ยง การลงทุนจำเป็นต้องระมัดระวัง เนื้อหาของบทความนี้มีไว้สำหรับอ้างอิงเท่านั้น และไม่ได้ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้คำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนพิเศษ สถานะทางการเงินหรืออื่นๆของบุคคล ลงทุนตามนั้น ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงของคุณเอง
          รายการโปรด
          แชร์
          FastBull
          ลิขสิทธิ์ © 2025 FastBull Ltd

          728 RM B 7/F GEE LOK IND BLDG NO 34 HUNG TO RD KWUN TONG KLN HONG KONG

          TelegramInstagramTwitterfacebooklinkedin
          App Store Google Play Google Play
          ผลิตภัณฑ์
          กราฟ

          แชท

          Q&A กับผู้เชี่ยวชาญ
          ตัวกรอง
          ปฏิทินเศรษฐกิจ
          ข้อมูล
          เครื่องมือ
          สมาชิก
          ฟีเจอร์
          ฟังก์ชั่น
          ตลาด
          ธุรกรรมคัดลอก
          สัญญาณล่าสุด
          การแข่งขัน
          ข่าวสาร
          การวิเคราะห์
          24x7
          คอลัมน์
          แหล่งเรียนรู้
          บริษัท
          รับสมัครงาน
          เกี่ยวกับเรา
          ติดต่อเรา
          การลงโฆษณา
          ศูนย์ช่วยเหลือ
          ข้อเสนอแนะ
          ข้อตกลงผู้ใช้
          นโยบายความเป็นส่วนตัว
          สำหรับธุรกิจ

          ไวท์เลเบล

          Data API

          ปลั๊กอินเว็บไซต์

          เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์

          โครงการพันธมิตร

          การเปิดเผยความเสี่ยง

          ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ

          ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ

          หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน

          ไม่ได้ล็อกอิน

          เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

          สมาชิก FastBull

          ยังไม่ได้เปิด

          สมัคร

          มาเป็นผู้ให้สัญญาณ
          ศูนย์ช่วยเหลือ
          บริการลูกค้า
          โหมดมืด
          สีขึ้นและลง

          เข้าสู่ระบบ

          ลงทะเบียน

          แถบข้าง
          เลย์เอาท์
          เต็มหน้าจอ
          ตั้งค่าเริ่มต้นเป็นกราฟ
          หน้ากราฟจะเปิดขึ้นตามค่าเริ่มต้นเมื่อคุณเข้า fastbull.com