ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



สหรัฐอเมริกา การเลิกจ้างพนักงานบริษัทชาเลนเจอร์ เกรย์ และคริสต์มาส MoM (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าเฉลี่ยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก4 สัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (Not SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อสินค้าคงทนนอกกระทรวงกลาโหมที่ได้แก้ไข MoM (ไม่รวมเครื่องบิน)(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นการขนส่ง) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นภาคกลาโหม) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงสต็อกก๊าซธรรมชาติประจำสัปดาห์ของ EIAค:--
ค: --
ค: --
ซาอุดิอาระเบีย การผลิตน้ำมันดิบค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การถือครองธนารักษ์สหรัฐฯของธนาคารกลางต่างประเทศรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย ดอกเบี้ยอ้างอิงค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราเงินสดสำรองค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น อินดิเคเตอร์ชั้นนำเบื้องต้น (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax YoY (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax MoM (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล
กรุงเทพฯ--20 ก.ย.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอ่อนค่าลงในวันพฤหัสบดี หลังจากแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน ในขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และปรับตัวรับการที่เฟดหันมาใช้จุดยืนในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 17-18 ก.ย. โดยให้เหตุผลว่าเฟดมีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นว่า อัตราเงินเฟ้อจะยังคงชะลอตัวลงสู่ระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% เมื่อเทียบรายปี นอกจากนี้ ผู้กำหนดนโยบายของเฟดยังคาดการณ์อีกด้วยว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% สู่ 4.25-4.50% ในช่วงปลายปีนี้, จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 1% ในปี 2025 สู่ 3.25-3.50% ในช่วงปลายปี 2025 และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% ในปี 2026 สู่ 2.75-3.00% ในช่วงปลายปี 2026 ซึ่งจะถือเป็นจุดต่ำสุดของวัฏจักร Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 100.67 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยอ่อนค่าลงจาก 101.02 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ หลังจากดิ่งลงแตะ 100.21 ในวันพุธ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2023 หรือจุดต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 142.62 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดวันพุธที่ 142.27 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.1161 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี โดยปรับขึ้นจาก 1.1118 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ
ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 17-18 ก.ย. และผู้กำหนดนโยบายของเฟดยังคาดการณ์อีกด้วยว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% สู่ 4.25-4.50% ในช่วงปลายปีนี้ ทางด้านบริษัทเอเวอร์คอร์ ไอเอสไอระบุว่า สถิติตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมาแสดงให้เห็นว่า ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นเฉลี่ย 14% ในช่วงเวลา 6 เดือนหลังจากเฟดเริ่มต้นวัฏจักรการปรับลดอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐก็ได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากตัวเลขยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐที่ดีเกินคาดด้วย หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกดิ่งลง 12,000 ราย สู่ 219,000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 ก.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนพ.ค. หรือจุดต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 230,000 ราย ทั้งนี้ ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐนั้น หุ้น 8 กลุ่มปิดตลาดวันพฤหัสบดีในแดนบวก โดยดัชนีหุ้นกลุ่มใหญ่ที่พุ่งขึ้นมากที่สุดคือดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) ที่พุ่งขึ้น 3.08% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยทะยานขึ้น 2.2% ทางด้านดัชนี Russell 2000 สำหรับหุ้นบริษัทขนาดเล็กของสหรัฐพุ่งขึ้น 2.1% ในขณะที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยปรับลดต้นทุนในการดำเนินงานและช่วยปรับเพิ่มผลกำไรของบริษัทขนาดเล็ก นอกจากนี้ หุ้นบริษัทขนาดยักษ์หลายแห่งก็พุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดีด้วยเช่นกัน โดยหุ้นบริษัทเทสลาทะยานขึ้น 7.36%, หุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 3.71%, หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ทะยานขึ้น 3.93% และหุ้นเอ็นวิเดียพุ่งขึ้น 4% และมีส่วนช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐให้ปิดทะยานขึ้น 4.3% Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 1.26% สู่ 42,025.19 ซึ่งถือเป็นการทำสถิติระดับปิดสูงสุดใหม่
ดัชนี S&P 500 ปิดทะยานขึ้น 1.70% สู่ 5,713.64 ซึ่งถือเป็นการทำสถิติระดับปิดสูงสุดใหม่
ดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 2.51% สู่ 18,013.98
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธ เพราะว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์พลังงาน และราคาน้ำมันก็ได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการดิ่งลงของสต็อกน้ำมันในคลังทั่วโลกด้วย ในขณะที่ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานในวันพุธว่า สต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐดิ่งลง 1.6 ล้านบาร์เรล สู่ 417.5 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 ก.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2023 หรือจุดต่ำสุดรอบ 1 ปี ทางด้านนักวิเคราะห์ของบริษัทยูบีเอสระบุว่า การร่วงลงของสต็อกน้ำมันดิบในคลังทั่วโลกน่าจะช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ให้พุ่งขึ้นมาอยู่เหนือ 80 ดอลลาร์ได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ นักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทแมคควารีก็ระบุว่า สต็อกน้ำมันในคลังสหรัฐน่าจะดิ่งลงอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นไปอีกในสัปดาห์หน้า เพราะว่ายอดการส่งอออกน้ำมันของสหรัฐอาจจะดีดขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากการส่งออกหยุดชะงักลงเพราะพายุเฮอริเคนฟรานซีนในสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ประบุว่า ภาวะขาดแคลนน้ำมันราว 400,000 บาร์เรลต่อวันจะช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ให้เคลื่อนตัวในกรอบ 70-75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในไตรมาสหน้า Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนต.ค.ทะยานขึ้น 1.04 ดอลลาร์ หรือ 1.5% มาปิดตลาดที่ 71.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 1.23 ดอลลาร์ หรือ 1.7% มาปิดตลาดที่ 74.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐพุ่งขึ้น 27.68 ดอลลาร์ หรือ 1.08% สู่ 2,586.48 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี หลังจากพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2,599.92 ดอลลาร์ในวันพุธ โดยราคาทองได้รับแรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 17-18 ก.ย. นอกจากนี้ ผู้กำหนดนโยบายของเฟดยังคาดการณ์อีกด้วยว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% สู่ 4.25-4.50% ในช่วงปลายปีนี้, จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 1% ในปี 2025 สู่ 3.25-3.50% ในช่วงปลายปี 2025 และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% ในปี 2026 สู่ 2.75-3.00% ในช่วงปลายปี 2026 ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของธนาคารยูบีเอสระบุว่า "เรามองว่าราคาทองน่าจะทะยานขึ้นต่อไป โดยเราตั้งเป้าหมายของราคาทองไว้ที่ 2,700 ดอลลาร์สำหรับช่วงกลางปี 2025 และเราก็คาดว่าปัจจัยเสี่ยงในระยะใกล้จะช่วยหนุนให้อุปสงค์ในกองทุน ETF ทองเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า" Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
กรุงเทพฯ--29 เม.ย.--รอยเตอร์
ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 34 ปีเมื่อเทียบกับเยนในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนบางส่วนจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่ไม่ได้ชะลอตัวลง และรายงานตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าวก็ช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะเลื่อนเวลาในปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไป ทั้งนี้ สำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจ (BEA) ในกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งถือเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดนิยมใช้ ปรับขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งตรงกับตัวเลขคาดการณ์ในตลาด หลังจากปรับขึ้น 0.3% ในเดือนก.พ. ส่วนดัชนี PCE แบบเทียบรายปีปรับขึ้น 2.7% ในเดือนมี.ค. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.6% หลังจากปรับขึ้น 2.5% ในเดือนก.พ.เมื่อเทียบรายปี ทางด้านดัชนี PCE พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานปรับขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.3% ในเดือนก.พ. ส่วนดัชนี PCE พื้นฐานแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 2.8% ในเดือนมี.ค. หลังจากปรับขึ้น 2.8% ในเดือนก.พ.เมื่อเทียบรายปี Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 105.96 ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 105.60 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 158.33 เยนในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ โดยพุ่งขึ้นจากระดับปิดตลาดวันพฤหัสบดีที่ 155.65 เยน หลังจากทะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ 158.43 เยน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปี 1990 เป็นต้นมา หรือจุดสูงสุดรอบ 34 ปี และเทียบกับจุดต่ำสุดของวันที่ 154.97 เยน โดยดอลลาร์/เยนปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้น 2.39% จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนม.ค.
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0692 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันศุกร์ โดยร่วงลงจาก 1.0729 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี แต่ยูโรปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการปรับขึ้น 0.36% จากสัปดาห์ที่แล้ว
ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นบริษัทขนาดยักษ์ในกลุ่มเติบโต หลังจากบริษัทแอลฟาเบทและบริษัทไมโครซอฟท์เปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่ง และหลังจากรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อในระดับปานกลาง โดยหุ้นแอลฟาเบทพุ่งขึ้น 10.22% ในวันศุกร์ และทะยานขึ้นแตะสถิติสูงสุดได้ในระหว่างวัน หลังจากแอลฟาเบทประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งแรก, ประกาศโครงการซื้อคืนหุ้นขนาด 7.0 หมื่นล้านดอลลาร์ และประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกที่ดีเกินคาด โดยการพุ่งขึ้นของหุ้นแอลฟาเบทในวันศุกร์ส่งผลให้มูลค่าในตลาดของแอลฟาเบททะยานขึ้นเหนือระดับ 2 ล้านล้านดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2021 เป็นต้นมา ทางด้านหุ้นไมโครซอฟท์พุ่งขึ้น 1.8% ในวันศุกร์ หลังจากไมโครซอฟท์ประกาศผลกำไรและรายได้รายไตรมาสที่ดีเกินคาด โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ไมโครซอฟท์นำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในบริการคลาวด์ของไมโครซอฟท์ นอกจากนี้ หุ้นบริษัทขนาดยักษ์แห่งอื่น ๆ ก็ทะยานขึ้นด้วยเช่นกัน โดยหุ้นอะเมซอทดอทคอมพุ่งขึ้น 3.4%, หุ้นเอ็นวิเดียทะยานขึ้น 5.8% และหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์บวกขึ้น 0.4% อย่างไรก็ดี หุ้นบริษัทแอปเปิลปรับลง 0.3% และหุ้นบริษัทเทสลาดิ่งลง 1.1% ในวันศุกร์ ทั้งนี้ ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐนั้น หุ้น 6 กลุ่มใหญ่ปิดตลาดวันศุกร์ในแดนบวก โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มบริการการสื่อสาร, กลุ่มเทคโนโลยี, กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และกลุ่มวัสดุ ทางด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีร่วงลงจาก 4.706% ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี สู่ 4.669% ในช่วงท้ายวันศุกร์ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า อัตราเงินเฟ้อปรับขึ้นปานกลางในเดือนมี.ค. Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.40% สู่ 38,239.66
ดัชนี S&P 500 ปิดพุ่งขึ้น 1.02% สู่ 5,099.96 โดยดัชนีปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้นรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย. 2023 และดัชนีปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนบวกหลังจากปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนลบมานานติดต่อกัน 3 สัปดาห์
ดัชนี Nasdaq ปิดทะยานขึ้น 2.03% สู่ 15,927.90 โดยดัชนีปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้นรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย. 2023 และดัชนีปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนบวกหลังจากปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนลบมานานติดต่อกัน 4 สัปดาห์
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปรับขึ้นในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง ในขณะที่อิสราเอลเร่งดำเนินการโจมตีทางอากาศต่อเมืองราฟาห์ในเขตกาซาในวันพฤหัสบดี และนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลกล่าวว่า คำตัดสินใด ๆ ของศาลอาญาระหว่างประเทศที่มีต่อกรณีที่กลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลในวันที่ 7 ต.ค. 2023 และต่อการที่กองทัพอิสราเอลโจมตีเขตกาซา จะไม่ส่งผลกระทบต่อปฏิบัติการของอิสราเอล แต่จะ "เป็นการสร้างแบบอย่างที่เป็นอันตราย" นอกจากนี้ กองทัพอิสราเอลก็แถลงในวันศุกร์ว่า กองทัพอากาศได้โจมตีเขตเวสท์เบคาในเลบานอนและได้สังหารนักรบรายหนึ่งด้วย ทั้งนี้ ราคาน้ำมันปรับขึ้นได้ไม่มากนักในวันศุกร์ เนื่องจากราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ เพราะตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าวทำให้นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนมิ.ย.ปรับขึ้น 28 เซนต์ หรือ 34% มาปิดตลาดที่ 83.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับขึ้น 49 เซนต์ หรือ 0.55% มาปิดตลาดที่ 89.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 5.94 ดอลลาร์ สู่ 2,337.72 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ หลังจากสหรัฐรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ตรงตามความคาดหมาย อย่างไรก็ดี ราคาทองปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลง 2.21% จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2023 โดยได้รับแรงกดดันจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านที่ไม่ได้ทวีความรุนแรงขึ้นตามความคาดหมายในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีร่วงลงจาก 4.706% ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี สู่ 4.669% ในช่วงท้ายวันศุกร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ก็มีส่วนช่วยหนุนราคาทองในวันศุกร์ด้วย ทางด้านนายไท หว่อง เทรดเดอร์โลหะอิสระกล่าวว่า "แนวโน้มของราคาทองขึ้นอยู่กับกระแสความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย และคำสั่งซื้อจากภูมิภาคตะวันออกไกล" และเขาคาดว่าราคาทองจะสร้างฐานที่ระดับ 2,300-2,400 ดอลลาร์ในระยะสั้น Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
กรุงเทพฯ--26 เม.ย.--รอยเตอร์
ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินหลายสกุลยกเว้นเยนในวันพฤหัสบดี หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐเติบโต 1.6% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบเป็นตัวเลขเต็มปี (annualized) ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ +2.4% แต่ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานปรับขึ้น 3.7% ในไตรมาสแรก ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ +3.4% และปัจจัยนี้อาจจะเป็นอุปสรรคขัดขวางธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ หลังจากรัฐบาลสหรัฐรายงานตัวเลขจีดีพี นักลงทุนในตลาดสัญญาล่วงหน้าก็คาดการณ์ว่า มีโอกาส 58% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. โดยปรับลดลงจากโอกาส 70% ที่เคยคาดไว้ในช่วงเย็นวันพุธ และนักลงทุนยังคาดการณ์กันอีกด้วยว่า มีโอกาส 68% ที่เฟดอาจจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 6-7 พ.ย. ซึ่งจะถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 105.60 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยอ่อนค่าลงจาก 105.80 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ หลังจากปรับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ 106.00
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 155.65 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดวันพุธที่ 155.34 เยน หลังจากดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดของวันที่ 155.31 เยน และหลังจากพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ 155.75 เยน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดรอบ 34 ปี หรือจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0729 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี โดยปรับขึ้นจาก 1.0697 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ
ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงในวันพฤหัสบดี โดยได้รับแรงกดดันจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐเติบโต 1.6% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบเป็นตัวเลขเต็มปี (annualized) ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ +2.4% แต่ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานปรับขึ้น 3.7% ในไตรมาสแรก ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ +3.4% โดยรายงานนี้ส่งผลให้นักลงทุนในตลาดเงินคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพียง 0.36% ในปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐก็ได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากหุ้นบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ที่ดิ่งลง 10.56% ในวันพฤหัสบดีด้วย หลังจากเมตาเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง ทางด้านหุ้นอีก 3 ตัวในกลุ่ม Magnificent Seven ของสหรัฐก็รูดลงในวันพฤหัสบดีด้วยเช่นกัน ซึ่งรวมถึงหุ้นแอลฟาเบทที่ดิ่งลง 1.97%, หุ้นอะเมซอนดอทคอมที่รูดลง 1.65% และหุ้นไมโครซอฟท์ที่ดิ่งลง 2.45% ในวันพฤหัสบดี ทั้งนี้ การดิ่งลงของหุ้นเมตาส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มการสื่อสารของสหรัฐกลายเป็นหุ้นกลุ่มใหญ่ที่รูดลงมากที่สุดในวันพฤหัสบดี ส่วนหุ้นกลุ่มอื่น ๆ ที่รูดลงในวันพฤหัสบดีรวมถึงหุ้นกลุ่มการแพทย์, กลุ่มอสังหาริมทรัพย์, กลุ่มการเงิน, กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ทางด้านหุ้นบริษัทอินเตอร์เนชันแนล บิสเนส แมชชีนส์ (IBM) ดิ่งลง 8% หลังจาก IBM ประกาศเรื่องการทำข้อตกลงขนาด 6.4 พันล้านดอลลาร์เพื่อเข้าซื้อบริษัทฮาชิ คอร์ป อย่างไรก็ดี หุ้นนิวมอนท์ ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองแร่ทองที่ใหญ่ที่สุดในโลกพุ่งขึ้น 12% หลังจากนิวมอนท์รายงานผลกำไรไตรมาสแรกที่สูงเกินคาด โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาทองในช่วงที่ผ่านมา Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดดิ่งลง 0.98% สู่ 38,085.80
ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.46% สู่ 5,048.42
ดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 0.64% สู่ 15,611.76
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปรับขึ้นในวันพฤหัสบดี โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลเรื่องอุปทานน้ำมันในภูมิภาคตะวันออกกลาง ในขณะที่อิสราเอลดำเนินการโจมตีทางอากาศต่อเมืองราฟาห์ในภาคใต้ของเขตกาซา หลังจากอิสราเอลประกาศว่าจะอพยพพลเรือนออกจากเมืองราฟาห์และจะเริ่มการโจมตีอย่างเต็มรูปแบบ ถึงแม้ชาติพันธมิตรเตือนว่าการทำเช่นนี้จะส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากถ้อยแถลงของเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐที่ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะที่ดีมาก โดยเยลเลนได้กล่าวต่อรอยเตอร์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่งกว่าที่ตัวเลขไตรมาสแรกบ่งชี้ไว้ และเธอกล่าวเสริมว่า อาจจะมีการปรับทบทวนตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจประจำไตรมาสแรกให้สูงขึ้นในเวลาต่อมา หลังจากสหรัฐได้รับข้อมูลเพิ่มเติม และอัตราเงินเฟ้อก็จะชะลอตัวลงสู่ระดับปกติมากกว่านี้ หลังจากปัจจัยที่ผิดปกติบางประการทำให้เศรษฐกิจเติบโตในไตรมาสแรกในอัตราที่ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนมิ.ย.ปรับขึ้น 76 เซนต์ หรือ 0.9% มาปิดตลาดที่ 83.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 99 เซนต์ หรือ 1.1% มาปิดตลาดที่ 89.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 15.96 ดอลลาร์ สู่ 2,331.78 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยราคาทองได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ ถึงแม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงขึ้น หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่สูงเกินคาดในไตรมาสแรก ทั้งนี้ ยอดการนำเข้าทองสุทธิจากฮ่องกงสู่จีนพุ่งขึ้น 40% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายเดือน โดยพุ่งขึ้นสู่ 55.836 ตันในเดือนมี.ค. จาก 39.826 ตันในเดือนก.พ. โดยจีนถือเป็นประเทศผู้ใช้ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอ่อนค่าลงในวันพุธ หลังจากที่เพิ่งแข็งค่าขึ้นในวันอังคาร โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่อยู่ในระดับสูงเกินคาด ในขณะที่นักลงทุนรอดูตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในสัปดาห์นี้ เพื่อใช้ในการประเมินว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเมื่อใด โดยตัวเลขที่นักลงทุนรอดูรวมถึงยอดค้าปลีก, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันพฤหัสบดี ทั้งนี้ สกายลาร์ มอนต์โกเมอรี โคนิง ผู้อำนวยการฝ่ายแผนยุทธศาสตร์มหภาคของบริษัททีเอส ลอมบาร์ดระบุในเอกสารวิจัยว่า "ดัชนีดอลลาร์ยังคงปรับตัวตามการคาดการณ์เรื่องการผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟด และในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนก็มีความกังวลมากยิ่งขึ้นว่า เฟดอาจจะเลื่อนกำหนดในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไปสู่ปี 2025 หรือกังวลว่าอัตราเงินเฟ้อจะพุ่งสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นการบีบบังคับให้เฟดต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง และสิ่งนี้ก็แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนกลับมากังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะ no landing" หรือภาวะที่เศรษฐกิจสหรัฐเติบโตสูงกว่าระดับศักยภาพและอัตราเงินเฟ้ออยู่สูงกว่าระดับศักยภาพ โดยที่เศรษฐกิจไม่ได้เข้าสู่ภาวะถดถอย นอกจากนี้ เธอยังกล่าวเสริมว่า เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งเกินคาดในช่วงนี้ "ดอลลาร์จึงมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้น ถึงแม้อาจจะเผชิญกับอุปสรรคบ้างเป็นบางครั้ง" Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 102.75 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยอ่อนค่าลงจาก 102.92 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร อย่างไรก็ดี ดัชนีดอลลาร์ยังคงพุ่งขึ้นมาแล้วราว 1.5% จากช่วงต้นปีนี้
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 147.74 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยปรับขึ้นจากระดับปิดตลาดวันอังคารที่ 147.68 เยน หลังจากดอลลาร์/เยนเพิ่งพุ่งขึ้นในวันอังคารในอัตราที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 1 เดือน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0946 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 1.0924 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร
ดัชนีดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐขยับขึ้นในวันพุธ แต่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปรับลงในวันพุธ ในขณะที่นักลงทุนเทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มชิป โดยดัชนีฟิลาเดลเฟียสำหรับหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐดิ่งลง 2.5% ในวันพุธ แต่ดัชนีฟิลาเดลเฟียยังคงพุ่งขึ้นมาแล้ว 17% จากช่วงต้นปีนี้ ทางด้านหุ้นบริษัทเอ็นวิเดียรูดลง 1.1% ในวันพุธ ในขณะที่นักลงทุนรอดูข่าวเกี่ยวกับงานประชุมผู้พัฒนาเทคโนโลยีหน่วยประมวลผลกราฟิกส์ (GTC) สำหรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่จัดโดยเอ็นวิเดียในวันที่ 18-21 มี.ค. และรอดูข่าวเกี่ยวกับ AI ในช่วงนี้ด้วย ส่วนหุ้นบริษัทอินเทลดิ่งลง 4.4% หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐยกเลิกแผนการให้เงิน 2.5 พันล้านดอลลาร์แก่อินเทล ทั้งนี้ หุ้นบริษัทแมคโดนัลด์สดิ่งลง 3.9% หลังจากหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของแมคโดนัลด์สระบุว่า ยอดขายต่างประเทศอาจจะปรับลดลงในไตรมาสปัจจุบัน ส่วนหุ้นบริษัทดอลลาร์ ทรีซึ่งทำธุรกิจเครือข่ายร้านขายสินค้าราคาถูกรูดลง 14.2% หลังจากดอลลาร์ ทรีประกาศว่าจะปิดห้างร้านเกือบ 1,000 แห่ง และทางบริษัทมียอดขาดทุนสุทธิในไตรมาสที่แล้ว โดยเป็นผลจากการด้อยค่าความนิยมลงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับขึ้น 0.1% สู่ 39,043.32
ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.19% สู่ 5,165.31
ดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 0.54% สู่ 16,177.77
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นในวันพุธ โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินในคลังสหรัฐที่ดิ่งลงอย่างรุนแรงเกินคาด และจากข่าวที่ว่ายูเครนใช้โดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งส่งผลให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทรอสเนฟท์ ในขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียกล่าวว่า การโจมตีดังกล่าวเป็นความพยายามในการสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ปธน.ปูตินยังกล่าวอีกด้วยว่า รัสเซียมีความพร้อมทางเทคนิคในการทำสงครามนิวเคลียร์ แต่เขายังไม่เห็นความจำเป็นในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในยูเครน และเขากล่าวเสริมว่า ถ้าหากสหรัฐส่งทหารเข้าไปในยูเครน สิ่งนี้ก็จะถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งขึ้นเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานในวันพุธว่า สต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐดิ่งลง 1.5 ล้านบาร์เรล สู่ 447 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 มี.ค. ซึ่งสวนทางกับโพลล์รอยเตอร์ที่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจปรับขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินในคลังสหรัฐรูดลง 5.7 ล้านบาร์เรล สู่ 234.1 ล้านบาร์เรล ซึ่ถือเป็นการรูดลงเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน และเทียบกับโพลล์รอยเตอร์ที่คาดว่า สต็อกน้ำมันเบนซินอาจปรับลดลงเพียง 1.9 ล้านบาร์เรล ทางด้านสต็อกน้ำมัน distillate ในคลังสหรัฐ ซึ่งครอบคลุมน้ำมันดีเซลและน้ำมัน heating oil ปรับขึ้น 888,000 บาร์เรล สู่ 117.9 ล้านบาร์เรล Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนเม.ย.ทะยานขึ้น 2.16 ดอลลาร์ หรือ 2.8% มาปิดตลาดที่ 79.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 2.11 ดอลลาร์ หรือ 2.6% มาปิดตลาดที่ 84.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย. 2023 หรือระดับปิดสูงสุดในรอบ 4 เดือน
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 16.41 ดอลลาร์ สู่ 2,174.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ในขณะที่นักลงทุนยังคงคาดการณ์ตามเดิมว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 11-12 มิ.ย. นอกจากนี้ ราคาทองก็ได้รับแรงหนุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความกังวลเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศด้วย ทั้งนี้ นายบ็อบ ฮาเบอร์คอร์น นักยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดของบริษัทอาร์เจโอ ฟิวเจอร์สกล่าวว่า การปรับขึ้นของราคาทองในวันพุธเกิดจากคำสั่งช้อนซื้อเก็งกำไร และเขากล่าวเสริมว่า "นักลงทุนมองว่า ราคาทองจะได้รับแรงหนุนไม่ว่าสถานการณ์จะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม เพราะว่าถ้าหากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย ราคาทองก็จะพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง แต่ถ้าหากเฟดไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย นักลงทุนก็จะกังวลกับภาวะเงินเฟ้อ และความกังวลดังกล่าวก็อาจจะหนุนราคาทองให้สูงขึ้น" Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
รายงานดัชนีเงินปันผลทั่วโลกจากเจนัส เฮนเดอร์สันพบว่า การจ่ายปันผลบริษัทเอกชนทั่วโลกพุ่งทำสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ 1.66 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2023 โดยการจ่ายปันผลสูงเป็นประวัติการณ์ของภาคธนาคารมีสัดส่วนครึ่งหนึ่งของอัตราการเพิ่มขึ้น และบริษัทจดทะเบียนจำนวน 86% ทั่วโลกได้เพิ่มปันผล หรือคงจ่ายปันผลไว้
บริษัทที่จ่ายปันผลมากที่สุดในโลกในปีที่แล้วได้แก่ไมโครซอฟท์ ตามมาด้วยแอปเปิล และเอ็กซอน โมบิล ขณะที่มูลค่ารวมของปันผลของภาคเอกชนพุ่งขึ้นจาก 1.57 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2022 โดยอัตราการขยายตัวพื้นฐาน ซึ่งรวมการเคลื่อนไหวของค่าเงิน, เงินปันผลพิเศษ, การเปลี่ยนแปลงของเวลา และการเปลี่ยนแปลงของดัชนีอยู่ที่ 5% จากปี 2022
อัตราดอกเบี้ยสูงหนนุกำไรขั้นต้นของภาคธนาคารเพิ่มขึ้น และธนาคารได้จ่ายปันผลสูงเป็นประวัติการณ์ 2.20 แสนล้านดอลลาร์ให้แก่ผู้ถือหุ้นในปีที่แล้ว พุ่งขึ้น 15% จากปี 2022 และยังคงดีดตัวขึ้นหลังจากที่ธนาคารระงับการจ่ายปันผลในช่วงโรคระบาด อย่างไรก็ดี กลุ่มเหมืองได้ลดการจ่ายปันผลลง เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ร่วงลงกระทบกำไรจากการทำเหมือง
ในด้านภูมิศาสตร์นั้น ยุโรป (ยกเว้นอังกฤษ) เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การจ่ายปันผลเพิ่มขึ้น โดยมีสัดส่วน 2 ใน 5 ของการเพิ่มขึ้นทั่วโลก ขณะที่การจ่ายปันผลเพิ่มขึ้น 10.4% สู่ระดับ 3.007 แสนล้านดอลลาร์ และญี่ปุ่นก็มีส่วนสนับสนุนอย่างมากเช่นกัน แต่ก็ได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากเยนที่อ่อนค่า ส่วนสหรัฐมีส่วนสนับสนุนการเพิ่มการจ่ายปันผลทั่วโลกมากที่สุดเนื่องจากขนาด โดยมีอัตราเพิ่มขึ้น 5.1% ซึ่งสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยทั่วโลก
เจนัส เฮนเดอร์สันยังคาดว่า การจ่ายปันผลจะเพิ่มขึ้นอีก 5% ทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ที่ 1.72 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้--จบ--
Eikon source text
กรุงเทพฯ--29 ม.ค.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินขยับลงเล็กน้อยในวันศุกร์ หลังจากสหรัฐรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนธ.ค. แต่อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มร่วงลงในอนาคต และปัจจัยดังกล่าวบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงภายในช่วงกลางปีนี้ ทั้งนี้ สำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจในกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งถือเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดนิยมใช้ ปรับขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากขยับขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย. ส่วนดัชนี PCE ทั่วไปแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 2.6% ในเดือนธ.ค. หลังจากปรับขึ้น 2.6% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเท่ากับว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ต่ำกว่าระดับ 3% มาเป็นเวลานาน 3 เดือนติดต่อกัน ทางด้านดัชนี PCE พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานปรับขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากขยับขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย. ในขณะที่ดัชนี PCE พื้นฐานแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 2.9% ในเดือนธ.ค. ซึ่งถือเป็นอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2021 หลังจากปรับขึ้น 3.2% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบรายปี Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 103.47 ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ โดยขยับลงจาก 103.50 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยดัชนีดอลลาร์ปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 148.16 เยนในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดวันพฤหัสบดีที่ 147.65 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0852 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันศุกร์ โดยขยับขึ้นจาก 1.0846 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี หลังจากดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 6 สัปดาห์ที่ 1.0811 ดอลลาร์ในระหว่างวัน โดยยูโรปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการอ่อนค่าลง 0.41% จากสัปดาห์ที่แล้ว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกขึ้นในวันศุกร์ แต่ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ปรับลงในวันศุกร์ ในขณะที่หุ้นบริษัทอินเทลดิ่งลง 11.91% หลังจากอินเทลคาดการณ์รายได้ที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ในตลาดเป็นอย่างมาก ในขณะที่อินเทลพยายามไล่ตามบริษัทอื่น ๆ ในการแข่งขันกันในธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI) และอินเทลต้องรับมือกับตลาดเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) ที่อ่อนแอ ทางด้านหุ้นเคแอลเอ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ผลิตชิปดิ่งลง 6.6% หลังจากเคแอลเอคาดการณ์รายได้ไตรมาสสามที่น่าผิดหวัง นอกจากนี้ ดัชนีฟิลาเดลเฟียสำหรับหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐก็รูดลง 2.9% ในวันศุกร์ และปิดตลาดในแดนลบเป็นวันที่สองติดต่อกัน หลังจากดัชนีเพิ่งพุ่งขึ้นมาปิดตลาดที่สถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ในวันพุธที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในบรรดาบริษัทในดัชนี S&P 500 ที่เปิดเผยผลประกอบการออกมาแล้วนั้น บริษัท 78.2% เปิดเผยผลกำไรที่ดีเกินคาด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 67% โดยหุ้นบริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรสพุ่งขึ้น 7.1% ในวันศุกร์ และทะยานขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ หลังจากบริษัทบัตรเครดิตแห่งนี้คาดการณ์ผลกำไรประจำปีที่สูงเกินคาด อย่างไรก็ดี หุ้นบริษัทวีซ่าดิ่งลง 1.7% หลังจากวีซ่าคาดการณ์รายได้ไตรมาสปัจจุบันที่ระดับต่ำ Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.16% สู่ 38,109.43 ในวันศุกร์ และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการปรับขึ้น 0.65% จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 0.07% สู่ 4,890.97 ในวันศุกร์ หลังจากดัชนีเพิ่งปิดตลาดที่สถิติระดับปิดสูงสุดใหม่มาได้นาน 5 วันติดต่อกัน อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้น 1.06% จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
ดัชนี Nasdaq ปิดปรับลง 0.36% สู่ 15,455.36 ในวันศุกร์ แต่ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการทะยานขึ้น 0.94% จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นในวันศุกร์ และปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงรายงานที่ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐเติบโต 3.3% ในไตรมาสสี่เมื่อเทียบเป็นตัวเลขเต็มปี (annualized) หลังจากเติบโต 4.9% ในไตรมาสสาม โดยอัตราการเติบโตนี้อยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2% สำหรับไตรมาสสี่, ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่ชะลอตัวลง, สัญญาณบ่งชี้ว่าจีนดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ, การที่ยูเครนใช้โดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันในภาคใต้ของรัสเซีย, ตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐที่ดิ่งลง 9.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ล่าสุด และความขัดแย้งในภูมิภาคคะวันออกกลาง ในขณะที่โฆษกของกลุ่มฮูตีประกาศว่า ทางกลุ่มได้โจมตีเรือขนส่งน้ำมันลำหนึ่งในอ่าวเอเดน และข่าวนี้ทำให้นักลงทุนกังวลว่าอาจจะเกิดการขาดตอนของอุปทานน้ำมัน ทั้งนี้ บริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์รายงานในวันศุกร์ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐเพิ่มขึ้น 2 แท่น สู่ 499 แท่นในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 26 ม.ค. ส่วนคณะกรรมการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐ (CFTC) รายงานในวันศุกร์ว่า ผู้จัดการกองทุนปรับเพิ่มปริมาณการถือครองสถานะซื้อสุทธิในสัญญาล่วงหน้าและออปชั่นน้ำมันดิบสหรัฐขึ้น 56,134 สัญญา สู่ 99,144 สัญญาในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันอังคารที่ 23 ม.ค. Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนมี.ค.ปรับขึ้น 65 เซนต์ หรือ 0.8% มาปิดตลาดที่ 78.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 1.12 ดอลลาร์ หรือ 1.4% มาปิดตลาดที่ 83.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. โดยทั้งราคาน้ำมันดิบสหรัฐและเบรนท์ต่างก็ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้นกว่า 6% จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 ต.ค. หรือนับตั้งแต่เกิดสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐขยับลง 1.41 ดอลลาร์ สู่ 2,018.34 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการปรับลง 0.54% จากสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่นักลงทุนรอดูการประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 30-31 ม.ค. เพื่อใช้ในการประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐ ทั้งนี้ ค่าพรีเมียมทองในจีนปรับขึ้นในสัปดาห์นี้ ในขณะที่จีนดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และมาตรการดังกล่าวช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนในช่วงก่อนถึงเทศกาลตรุษจีน Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
กรุงเทพฯ--27 ธ.ค.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอ่อนค่าลงในวันอังคาร ในขณะที่ยูโรปรับขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบกว่า 4 เดือน และนักลงทุนรอดูสัญญาณบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเมื่อใด หลังจากอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐชะลอตัวลงเข้าใกล้ระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% ทั้งนี้ วอลุ่มการซื้อขายในตลาดอยู่ในระดับเบาบางในวันอังคาร เนื่องจากตลาดการเงินในอังกฤษ, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และฮ่องกงยังคงปิดทำการในวันที่ 26 ธ.ค.เนื่องในวัน Boxing Day และเทรดเดอร์ทั่วโลกออกไปพักผ่อนวันหยุดในช่วงนี้จนกว่าจะถึงปีใหม่ Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 101.47 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยอ่อนค่าลงจาก 101.64 ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 142.38 เยนในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยขยับขึ้นจากระดับปิดตลาดวันจันทร์ที่ 142.34 เยน และเทียบกับจุดสูงสุดรอบ 32 ปีที่ 151.94 เยนที่เคยทำไว้ในวันที่ 24 ต.ค. 2022 โดยดอลลาร์/เยนมีแนวโน้มว่าอาจจะปิดตลาดปีนี้ด้วยการทะยานขึ้น 8.68% จากปีที่แล้ว
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.1042 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร โดยแข็งค่าขึ้นจาก 1.1007 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์ หลังจากปรับขึ้นแตะ 1.1045 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค. โดยยูโรทะยานขึ้นมามากแล้วจากจุดต่ำสุดรอบ 20 ปีที่ 0.9528 ดอลลาร์ที่เคยทำไว้ในวันที่ 26 ก.ย. 2022 และยูโรมีแนวโน้มว่าอาจจะปิดตลาดปีนี้ด้วยการพุ่งขึ้น 3.08% จากปีที่แล้ว
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นต่อไปในวันอังคาร โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนมี.ค.ปีหน้า โดยในตอนนี้นักลงทุนคาดว่า มีโอกาส 72.7% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. 2024 ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจบ่งชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงเข้าใกล้ระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มใหญ่ทั้ง 11 กลุ่มในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดวันอังคารในแดนบวก โดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นมากที่สุด โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของราคาน้ำมันท่ามกลางความกังวลเรื่องความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง ทางด้านดัชนีหุ้นกลุ่มชิปและหุ้นบริษัทขนาดยักษ์ที่มักได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยก็พุ่งขึ้นในวันอังคารด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ หุ้นบริษัทอินเทล คอร์ปก็ทะยานขึ้น 5.2% หลังจากรัฐบาลอิสราเอลทำข้อตกลงมอบเงิน 3.2 พันล้านดอลลาร์ให้แก่อินเทล เพื่อใช้ในการจัดตั้งโรงงานมูลค่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในภาคใต้ของอิสราเอล Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 0.43% สู่ 37,545.33
ดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 0.42% สู่ 4,774.75 ในวันอังคาร หลังจากทะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดของวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2022 โดยในตอนนี้ดัชนีกำลังเข้าใกล้สถิติระดับปิดสูงสุดที่เคยทำไว้ในเดือนม.ค. 2022 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 4,796.56 ซึ่งถ้าหากดัชนี S&P 500 สามารถทำสถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ได้ในเร็ว ๆ นี้ สิ่งนี้ก็จะเท่ากับเป็นการยืนยันว่าดัชนีอยู่ในภาวะตลาดกระทิงในช่วงที่ผ่านมา นับตั้งแต่ดัชนีดิ่งลงแตะระดับปิดต่ำสุดของเดือนต.ค. 2022
ดัชนี Nasdaq ปิดปรับขึ้น 0.54% สู่ 15,074.57
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นในวันอังคาร โดยได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่ามีการโจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดงต่อไป ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคขัดขวางการขนส่งน้ำมัน และราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการที่นักลงทุนตั้งความหวังว่า ธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็ว ๆ นี้ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและอุปสงค์เชื้อเพลิง ทั้งนี้ กลุ่มฮูตีในเยเมน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ได้อ้างความรับผิดชอบต่อการใช้ขีปนาวุธโจมตีเรือขนส่งสินค้าลำหนึ่งในทะเลแดงในวันอังคาร และยอมรับว่าทางกลุ่มพยายามใช้โดรนโจมตีอิสราเอล ทางด้านนายโยอัฟ กัลลันท์ รมว.กลาโหมอิสราเอลส่งสัญญาณในวันอังคารว่า อิสราเอลได้ดำเนินการตอบโต้ผู้ที่โจมตีอิสราเอลในอิรัก, เยเมน และอิหร่าน ในขณะที่สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสขยายวงกว้างออกไป อย่างไรก็ดี ปริมาณอุปทานน้ำมันยังไม่ได้รับผลกระทบในช่วงนี้ ถึงแม้มีการปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือในช่วงที่ผ่านมา
Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนก.พ.ทะยานขึ้น 2.01 ดอลลาร์ หรือ 2.7% มาปิดตลาดที่ 75.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 76.18 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 2 ดอลลาร์ หรือ 2.5% มาปิดตลาดที่ 81.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากทะยานขึ้นแตะ 81.72 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 13.63 ดอลลาร์ สู่ 2,066.61 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร และปรับขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ในขณะที่เทรดเดอร์คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงต้นปี 2024 ทั้งนี้ รายงานที่ออกมาในวันศุกร์ระบุว่า นักเก็งกำไรทองในตลาด COMEX ได้ปรับเพิ่มการถือครองสถานะซื้อสุทธิในทองขึ้น 20,365 สัญญา สู่ 131,749 สัญญาในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 19 ธ.ค. Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน