ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



สหรัฐอเมริกา การเลิกจ้างพนักงานบริษัทชาเลนเจอร์ เกรย์ และคริสต์มาส MoM (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าเฉลี่ยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก4 สัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (Not SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อสินค้าคงทนนอกกระทรวงกลาโหมที่ได้แก้ไข MoM (ไม่รวมเครื่องบิน)(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นการขนส่ง) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นภาคกลาโหม) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงสต็อกก๊าซธรรมชาติประจำสัปดาห์ของ EIAค:--
ค: --
ค: --
ซาอุดิอาระเบีย การผลิตน้ำมันดิบค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การถือครองธนารักษ์สหรัฐฯของธนาคารกลางต่างประเทศรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย ดอกเบี้ยอ้างอิงค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราเงินสดสำรองค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น อินดิเคเตอร์ชั้นนำเบื้องต้น (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax YoY (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax MoM (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล
กรุงเทพฯ--29 พ.ค.--รอยเตอร์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในวันอังคารหลังจากร่วงลงในช่วงแรก ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นจาก 4.473% ในช่วงท้ายวันศุกร์ สู่ 4.548% ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดรอบ 4 สัปดาห์ หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดประมูลขายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 2 ปีและ 5 ปี และพบกับอุปสงค์ที่อ่อนแอ ทั้งนี้ สำนักงาน Conference Board ของสหรัฐรายงานในวันอังคารว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นจาก 97.5 ในเดือนเม.ย. สู่ 102.0 ในเดือนพ.ค. หลังจากดิ่งลงมานาน 3 เดือนติดต่อกัน ในขณะที่การคาดการณ์เงินเฟ้อระยะ 12 เดือนข้างหน้าของผู้บริโภคสหรัฐปรับขึ้นจาก 5.3% ในเดือนเม.ย. สู่ 5.4% ในเดือนพ.ค. และครัวเรือนหลายแห่งคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้นในช่วงหนึ่งปีข้างหน้า โดยความกังวลที่ว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ต่อไปเป็นเวลานานถือเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนดอลลาร์สหรัฐ Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 104.66 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยแข็งค่าขึ้นจาก 104.56 ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ หลังจากร่วงลงแตะจุดต่ำสุดของวันที่ 104.33 ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. หรือจุดต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 157.16 เยนในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดวันจันทร์ที่ 156.86 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0855 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ 1.0858 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันอังคาร โดยได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดประมูลขายพันธบัตรรัฐบาล และพบกับอุปสงค์ที่อ่อนแอ แต่ดัชนี S&P 500 ปิดขยับขึ้นเล็กน้อย และดัชนี Nasdaq ปิดบวกขึ้นในวันอังคาร และสามารถทะยานขึ้นเหนือระดับ 17,000 ได้เป็นครั้งแรก โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นบริษัทเอ็นวิเดียที่พุ่งขึ้น 7% โดยการพุ่งขึ้นของหุ้นเอ็นวิเดียมีส่วนช่วยหนุนให้หุ้นตัวอื่น ๆ ในกลุ่มผู้ผลิตชิปทะยานขึ้นด้วย และปัจจัยนี้ส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐปิดพุ่งขึ้น 1.9% ในวันอังคาร ทางด้านดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐถือเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มใหญ่ที่ทะยานขึ้นมากที่สุดในวันอังคาร ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มใหญ่ที่ดิ่งลงมากที่สุดในวันอังคารคือดัชนีหุ้นกลุ่มการแพทย์และดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งนี้ หุ้นแอปเปิลขยับขึ้นเล็กน้อยในวันอังคาร ในขณะที่มีรายงานระบุว่ายอดขายโทรศัพท์ไอโฟนของแอปเปิลในจีนพุ่งขึ้น 52% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายปี ทางด้านนักลงทุนรอดูผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกหลายแห่งในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทดอลลาร์ เจเนอรัล, แอดวานซ์ ออโต พาร์ทส์ และเบสท์ บาย Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 0.55% สู่ 38,852.86
ดัชนี S&P 500 ปิดขยับขึ้น 0.02% สู่ 5,306.04
ดัชนี Nasdaq ปิดบวกขึ้น 0.59% สู่ 17,019.88
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นในวันอังคาร โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) จะประกาศต่ออายุมาตรการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจในอัตรา 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไปอีกอย่างน้อย 3 เดือนในการประชุมออนไลน์ในวันอาทิตย์ที่ 2 มิ.ย. นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการเริ่มต้นของช่วงฤดูร้อนของสหรัฐ ซึ่งเป็นฤดูที่มีการใช้ยวดยานพาหนะสูง และได้รับแรงหนุนจากการที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคารด้วย ทั้งนี้ ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากตัวเลขการเดินทางทางอากาศด้วย ในขณะที่บริษัท OAG รายงานว่า จำนวนที่นั่งในเที่่ยวบินภายในประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 5% ในเดือนพ.ค.เมื่อเทียบรายเดือน และทะยานขึ้นเกือบ 6% ในเดือนพ.ค.เมื่อเทียบรายปี โดยพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงกว่า 90 ล้านที่นั่งเล็กน้อย Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนก.ค.ทะยานขึ้น 2.11 ดอลลาร์ หรือ 2.7% มาปิดตลาดที่ 79.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 1.12 ดอลลาร์ หรือ 1.4% มาปิดตลาดที่ 84.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 10.21 ดอลลาร์ สู่ 2,360.95 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคาร ในขณะที่นักลงทุนรอดูตัวเลขดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันศุกร์นี้ เพื่อใช้ในการประเมินแนวโน้มในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยในตอนนี้เทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาสราว 63% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงก่อนสิ้นเดือนพ.ย. ทั้งนี้ สภาทองคำโลก (WGC) รายงานว่า กองทุน ETF ทองทั่วโลกปรับลดการถือครองทองลงสุทธิ 11.3 ตันในสัปดาห์ที่แล้ว Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
สกุลเงินตลาดเกิดใหม่ในเอเชียส่วนใหญ่แข็งค่าในวันนี้ โดยวอนและดอลลาร์ไต้หวันแข็งค่ามากที่สุด ขณะที่นักลงทุนรอดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยโลก
นักลงทุนจะจับตาข้อมูลดัชนีการใช้จ่ายการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ซึ่งจะทำให้พวกเขาได้เห็นแนวคิดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อยู่ในจุดที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงหรือไม่ และจนถึงขณะนี้ ธนาคารกลางส่วนใหญ่ของเอเชียได้คงจุดยืนที่ระมัดระวัง โดยรอให้เฟดลดดอกเบี้ยก่อน และคิดว่าดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
เทรดเดอร์กำลังปรับตัวรับโอกาส 50% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้ โดยตลาดคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.33% ในปีนี้
นายแกรี่ อึ้ง นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากนาติซิสกล่าวว่า "ถ้าสหรัฐอาจจะไม่ดำเนินการในเร็วๆนี้ ยุโรปก็อาจจะดำเนินการก่อน ผมคิดว่า สำหรับธนาคารกลางหลายประเทศโดยเฉพาะในเอเชีย การไหลออกของเงินทุนสามารถเป็นปัญหาได้ ถ้าส่วนต่างผลตอบแทนยังคงกว้างอยู่"
นักวิเคราะห์จากบาร์เคลย์สกล่าวว่า "เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้ง การฟื้นตัวของสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่ก็อาจจะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ ธนาคารกลางในภูมิภาคนี้อาจจะรอดูไปก่อน ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่เปลี่ยนแปลงต่อไป"
อัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลา 10.55 น.ตามเวลาไทย
COUNTRY |
FX RIC |
FX DAILY % |
FX YTD % |
Japan |
JPY= |
+0.19 |
-9.98 |
China |
CNY=CFXS |
-0.02 |
-2.03 |
India |
INR=IN |
-0.02 |
+0.11 |
Indonesia |
IDR= |
-0.40 |
-4.11 |
Malaysia |
MYR= |
+0.15 |
-2.40 |
Philippines |
PHP= |
+0.17 |
-4.63 |
S.Korea |
KRW=KFTC |
+0.30 |
-5.67 |
Singapore |
SGD= |
+0.01 |
-2.24 |
Taiwan |
TWD=TP |
+0.24 |
-4.50 |
Thailand |
THB=TH |
+0.10 |
-6.65 |
Eikon source text
สกุลเงินตลาดเกิดใหม่ในเอเชียส่วนใหญ่อ่อนค่าในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนประเมินจังหวะเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะผ่อนคลายนโยบาย หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และรายงานประชุมนโยบายของเฟด
ริงกิตอ่อนค่า 0.3% และบาทอ่อนค่า 0.3%
กิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐขยายตัวสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีในเดือนพ.ค. และผู้ผลิตรายงานว่าราคาผลผลิตพุ่งขึ้นมาก ซึ่งกระทบความเชื่อมั่นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของเอเชีย ขณะที่ตลาดคาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นนานขึ้น
ฟรานเซส เฉิง นักกลยุทธ์อัตราดอกเบี้ยจากโอซีบีซีกล่าวว่า "สิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยดอลลาร์เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับความเชื่อมั่นในตลาดเอเชีย ตราบใดที่ความเสี่ยงที่เฟดจะปรับเปลี่ยนกลับไปสู่การคุมเข้มนั้นอยู่ในระดับต่ำ ตลาดเอเชียก็น่าจะสามารถพุ่งความสนใจไปที่ปัจจัยภายในประเทศ และปัจจัยเฉพาะตัว ดูเหมือนความเชื่อมั่นโดยรวมจะเป็นเรื่องหนึ่งที่นักลงทุนเชื่อมั่นว่า การคุมเข้มนโยบายที่เข้มงวดที่สุดของเฟดผ่านไปแล้ว"
เธอกล่าวอีกว่า "ธนาคารกลางเอเชียส่วนใหญ่น่าจะสามารถพุ่งความสนใจไปที่ปัจจัยภายในประเทศเป็นหลักได้ เมื่อพวกเขาตัดสินใจโยบายการเงิน ขณะที่ค่าเงินจะมีความสำคัญ ถ้าหากมีผลกระทบต่อเงินเฟ้อจากการนำเข้า"
อัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลา 10.47 น.ตามเวลาไทย
COUNTRY |
FX RIC |
FX DAILY % |
FX YTD % |
Japan |
JPY= |
-0.10 |
-10.20 |
China |
CNY=CFXS |
-0.04 |
-2.04 |
India |
INR=IN |
+0.08 |
-0.00 |
Indonesia |
IDR= |
- |
-3.72 |
Malaysia |
MYR= |
-0.30 |
-2.67 |
Philippines |
PHP= |
-0.03 |
-4.78 |
S.Korea |
KRW=KFTC |
-0.64 |
-6.07 |
Singapore |
SGD= |
-0.05 |
-2.44 |
Taiwan |
TWD=TP |
-0.03 |
-4.72 |
Thailand |
THB=TH |
-0.30 |
-6.97 |
Eikon source text
23 พ.ค.--รอยเตอร์
หุ้นบริษัทเอ็นวิเดียปิดปรับลง 0.46% สู่ 949.50 ดอลลาร์ในวันพุธ ก่อนที่เอ็นวิเดียจะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากตลาดหุ้นปิดทำการในวันพุธ โดยเอ็นวิเดียคาดการณ์รายได้ที่แข็งแกร่งเกินคาด และปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นเอ็นวิเดียกับหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิปแห่งอื่น ๆ ให้พุ่งขึ้นหลังจากตลาดปิดทำการ ทั้งนี้ หุ้นเอ็นวิเดียพุ่งขึ้น 5.9% สู่ 1,005 ดอลลาร์หลังจากตลาดหุ้นปิดทำการ โดยสามารถทะยานขึ้นเหนือระดับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 1,000 ดอลลาร์ได้สำเร็จ และมีมูลค่าในตลาดเพิ่มขึ้นราว 1.40 แสนล้านดอลลาร์ ทางด้านนักลงทุนคาดว่า ผลประกอบการของเอ็นวิเดียอาจจะช่วยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐให้พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อีก
หุ้นเอ็นวิเดียซึ่งถือเป็นบริษัทสำคัญในธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีราคาทะยานขึ้นมาแล้ว 90% จากช่วงต้นปีนี้ ในขณะที่เอ็นวิเดียประกาศในวันพุธว่าจะแตกหุ้นในอัตรา 10 ต่อ 1 ซึ่งจะมีผลในวันที่ 7 มิ.ย. และเอ็นวิเดียยังระบุอีกด้วยว่า ทางบริษัทจะปรับเพิ่มเงินปันผลรายไตรมาสขึ้น 150% สู่ 1 เซนต์ต่อหุ้นหลังการแตกหุ้น ทั้งนี้ หลังจากเอ็นวิเดียเปิดเผยผลประกอบการในวันพุธ หุ้นของบริษัทผู้ผลิตชิป AI แห่งอื่น ๆ ก็ทะยานขึ้นด้วยเช่นกัน โดยหุ้นบริษัทแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวเซส (AMD) พุ่งขึ้นราว 2% และหุ้นบริษัทบรอดคอมทะยานขึ้นราว 2% หลังจากตลาดหุ้นปิดทำการ
บริษัทแอลฟาเบท, บริษัทไมโครซอฟท์, บริษัทอะเมซอนดอทคอม และบริษัทเทคโนโลยีแห่งอื่น ๆ ได้แข่งขันกันในการครอบครองอุปทานชิปขั้นสูงของเอ็นวิเดียที่มีปริมาณจำกัดในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่บริษัทเหล่านี้ต้องการจะเป็นผู้นำในด้าน AI ทั้งนี้ นายเจนเสน หวง ซีอีโอของเอ็นวิเดียกล่าวในการประชุมกับนักวิเคราะห์ว่า เอ็นวิเดียจะเริ่มจัดส่งชิปแบล็คเวล AI ในไตรมาสปัจจุบัน และจะปรับเพิ่มการผลิตชิปนี้ในไตรมาสถัดไป ทางด้านโคเลทท์ เครส หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของเอ็นวิเดียกล่าวว่า อุปสงค์ในชิปแบล็คเวลอาจจะอยู่สูงกว่าอุปทานต่อไปจนถึงปีหน้า
บริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริง (TSMC) ซึ่งเป็นผู้รับเหมาผลิตชิปให้เอ็นวิเดีย พยายามปรับเพิ่มกำลังความสามารถในการประกอบชิปเข้าด้วยกันในช่วงที่ผ่านมา เพื่อแก้ไขปัญหาภาวะคอขวดในห่วงโซ่อุปทาน โดย TSMC เพิ่งแถลงในเดือนเม.ย.ว่า TSMC คาดว่าจะมีกำลังความสามารถด้านนี้เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าภายในปีนี้ ทั้งนี้ เอ็นวิเดียคาดว่า เอ็นวิเดียจะมีรายได้ไตรมาสสองราว 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 2.666 หมื่นล้านดอลลาร์ ทางด้านรายได้ไตรมาสแรกของเอ็นวิเดียพุ่งขึ้น 262% เมื่อเทียบรายปี สู่ 2.604 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.465 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนรายได้สุทธิของเอ็นวิเดียทะยานขึ้น 628% สู่ 1.488 หมื่นล้านดอลลาร์
รายได้ส่วนใหญ่ของเอ็นวิเดียมาจากแผนกศูนย์ข้อมูล โดยรายได้ในแผนกนี้พุ่งขึ้น 427% สู่ 2.26 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีงบดุลบัญชี ซึ่งสิ้นสุดไตรมาสในวันที่ 28 เม.ย. และอยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.1320 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ เอ็นวิเดียมีผลกำไรต่อหุ้นในส่วนที่ไม่รวมรายการต่าง ๆ ราว 6.12 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาสแรก ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 5.59 ดอลลาร์ต่อหุ้น ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสแรกอยู่ที่ 78.9% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 77% และสูงกว่าอัตรากำไรขั้นต้นของ AMD ที่ 52% ในไตรมาสแรก นอกจากนี้ เอ็นวิเดียยังคาดการณ์อีกด้วยว่า อัตรากำไรขั้นต้นของไตรมาสสองจะอยู่ที่ 75.5% ส่วนนักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 75.8%--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญในวันศุกร์ ขณะที่ตลาดยังคงคาดการณ์เกี่ยวกับจังหวะเวลาในการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ท่ามกลางสัญญาณเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่แต่ก็ชะลอตัวลง และเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงของสหรัฐ โดยอัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย.ของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่า ซึ่งทำให้มีแรงซื้อสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดหุ้น แต่เจ้าหน้าที่เฟดหลายคนก็ออกมาแสดงความเห็นเชิงระมัดระวังเกี่ยวกับช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยอาจลดลง ซึ่งจำกัดการร่วงลงของดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 104.480 ในวันศุกร์ เทียบกับระดับ 104.50 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี หลังจากที่แข็งค่าราว 0.3% ในช่วงแรก
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 155.65 เยนในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับ 155.38 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0870 ดอลลาร์ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับ 1.0865 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดสูงกว่าระดับ 40,000 เป็นครั้งแรกในวันศุกร์ ขณะที่ดัชนีหุ้นอื่นๆพุ่งขึ้นเทียบรายสัปดาห์เช่นกัน เนื่องจากข้อมูลสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยเครื่องมือเฟดวอทช์ของซีเอ็มอีพบว่า เทรดเดอร์มองเห็นโอกาส 68% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนก.ย.นี้ Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 0.34% สู่ 40,003.59 และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกันแล้ว
ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 0.12% สู่ 5,303.27 และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน
ดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 0.07% สู่ 16,685.97 แต่ก็ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกันแล้ว
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดพุ่งขึ้นราว 1% ในวันศุกร์ โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นเป็นสัปดาห์แรกในรอบ 3 สัปดาห์ หลังจากดัชนีบ่งชี้ทางเศรษฐกิจจากจีนและสหรัฐหนุนความหวังว่าอุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนเพิ่มขึ้น 6.7% เมื่อเทียบรายปีในเดือนเม.ย. ขณะที่ภาคการผลิตฟื้นตัวเร็วขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะอุปสงค์ที่อาจจะแข็งแกร่งขึ้น และจีนยังประกาศมาตรการสำคัญเพื่อสร้างเสถียรภาพให้แก่ภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วย นอกจากนี้ การลดลงของสต็อกน้ำมัน และผลิตภัณฑ์น้ำมันที่ศูนย์กลางการซื้อขายโลกได้สร้างความหวังเกี่ยวกับอุปสงค์ด้วย Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนมิ.ย.บวก 0.83 ดอลลาร์ มาปิดตลาดที่ 80.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนบวก 0.71 ดอลลาร์ มาปิดตลาดที่ 83.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นของจีน และพุ่งขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน และพุ่งขึ้นในวันศุกร์จากความหวังที่เกิดขึ้นอีกครั้งเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ โดยราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐบวก 1.5% มาที่ 2,412.83 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเคลื่อนตัวใกล้ทำสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ 2,431.29 ดอลลาร์ต่อออนซ์ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ขณะที่เทรดเดอร์คาดว่า จะมีการลดดอกเบี้ย 0.25% สองครั้งจากเฟดในปีนี้ โดยเดือนพ.ย.เป็นจุดเริ่มต้นที่เป็นไปได้มากที่สุด Eikon source text
--จบ--
กรุงเทพฯ--17 พ.ค.--รอยเตอร์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากสำนักงานสถิติแรงงาน (BLS) ในกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ราคานำเข้าสหรัฐพุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนเม.ย. ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2022 หลังจากราคานำเข้าปรับขึ้น 0.6% ในเดือนมี.ค. และตัวเลขเดือนเม.ย.อยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ +0.3% โดยตัวเลขราคานำเข้านี้ทำให้นักลงทุนกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงต้องดำเนินมาตรการควบคุมภาวะเงินเฟ้อต่อไป และเฟดอาจจะต้องเลื่อนเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไป โดยครั้งสุดท้ายที่ราคานำเข้าเคยปรับลดลงแบบเทียบรายเดือนเกิดขึ้นในเดือนธ.ค. 2023 ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีอีกด้วยว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐดิ่งลง 10,000 ราย สู่ 222,000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 พ.ค. แต่อยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 220,000 ราย โดยยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่งพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 8 เดือนในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น และการดิ่งลงของตัวเลขในครั้งนี้ก็บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 104.50 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยแข็งค่าขึ้นจาก 104.20 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ หลังจากดัชนีดอลลาร์เพิ่งดิ่งลง 0.75% ในวันพุธ
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 155.38 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดวันพุธที่ 154.87 เยน หลังจากดอลลาร์/เยนเพิ่งดิ่งลง 1% ในวันพุธ และดอลลาร์ได้รูดลงแตะ 153.57 เยนในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพฤหัสบดีด้วย อย่างไรก็ดี ดอลลาร์/เยนพุ่งขึ้นมาแล้วราว 9.5% จากช่วงต้นปีนี้
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0865 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี โดยอ่อนค่าลงจาก 1.0882 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 2 เดือนที่ 1.0895 ดอลลาร์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพฤหัสบดี
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับลงในวันพฤหัสบดี ในขณะที่นักลงทุนยังคงปรับการคาดการณ์ที่มีต่อแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และปรับตัวรับผลประกอบการของบริษัทสหรัฐ โดยนักลงทุนคาดว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในปีนี้ และคาดว่ามีโอกาส 70% ที่เฟดอาจจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. ทางด้านนายโธมัส เฮย์ส ประธานกรรมการบริษัทเกรท ฮิลล์ แคปิตัลกล่าวว่า "ตลาดหุ้นเพิ่งพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ในวันพุธ และนักลงทุนก็พิจารณาค่าพีอีเรโช และก็พบว่าค่าพีอีเรโชยังคงอยู่ที่ระดับ 21 หรือ 22 เท่าของคาดการณ์ผลกำไรล่วงหน้า ถึงแม้ผลกำไรของภาคเอกชนสหรัฐอาจจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีนี้และปีหน้า นอกจากนี้ ตลาดหุ้นก็ได้ปรับตัวรับข่าวดีไปมากแล้วด้วย" ทั้งนี้ หุ้น 10 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดวันพฤหัสบดีในแดนลบ โดยมีเพียงแค่หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นที่ปิดตลาดในแดนบวก ทางด้านหุ้นบริษัทวอลมาร์ทซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่พุ่งขึ้น 7% หลังจากวอลมาร์ทปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ยอดขายและผลกำไรประจำปีงบดุลบัญชี 2025 เนื่องจากวอลมาร์ทคาดว่า การชะลอตัวลงของอัตราเงินเฟ้อจะช่วยหนุนอุปสงค์ในสินค้าจำเป็น อย่างไรก็ดี หุ้นบริษัทเดียร์ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการเกษตรดิ่งลง 4.8% หลังจากเดียร์ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรประจำปีลงเป็นครั้งที่สอง Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับลง 0.10% สู่ 39,869.38 ในวันพฤหัสบดี หลังจากดัชนีพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่เหนือ 40,000 ได้เป็นครั้งแรกในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพฤหัสบดี
ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.21% สู่ 5,297.10
ดัชนี Nasdaq ปิดปรับลง 0.26% สู่ 16,698.32
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปรับขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐดิ่งลง 10,000 ราย สู่ 222,000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 พ.ค. แต่อยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 220,000 ราย โดยยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่งพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 8 เดือนในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น และการดิ่งลงของตัวเลขในครั้งนี้ก็บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และปัจจัยดังกล่าวอาจจะช่วยหนุนอุปสงค์น้ำมันเบนซิน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐและอุปสงค์น้ำมันด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ อุปสงค์น้ำมันเบนซินในสหรัฐยังคงอยู่ต่ำกว่า 9 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน ซึ่งต่ำกว่าระดับอุปสงค์ตามปกติในช่วงก่อนถึงฤดูร้อน ในขณะที่ฤดูร้อนในสหรัฐกำลังจะเริ่มต้นในช่วงสุดสัปดาห์วันเมโมเรียล เดย์ ซึ่งตรงกับวันจันทร์ที่ 27 พ.ค.ในปีนี้ Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนมิ.ย.ปรับขึ้น 60 เซนต์ หรือ 0.8% มาปิดตลาดที่ 79.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับขึ้น 52 เซนต์ หรือ 0.6% มาปิดตลาดที่ 83.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันพฤหัสบดี หลังจากเบรนท์เพิ่งดิ่งลงแตะ 81.05 ดอลลาร์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพุธ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดของราคาสัญญาเดือนใกล้นับตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ.เป็นต้นมา
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐร่วงลง 9.60 ดอลลาร์ สู่ 2,376.44 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 2,397.32 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย. หรือจุดสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน โดยราคาทองได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐในวันพฤหัสบดี อย่างไรก็ดี ราคาทองได้รับแรงหนุนเข้ามาบ้างจากสัญญาณบ่งชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐชะลอตัวลง และปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ ทั้งนี้ นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์คกล่าวว่า ข่าวดีเกี่ยวกับการชะลอตัวลงของอัตราเงินเฟ้อ ยังไม่ใช่ปัจจัยที่มากพอที่จะทำให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ในเร็ว ๆ นี้ ทางด้านบริษัท BMI ที่อยู่ในเครือบริษัทฟิทช์ โซลูชันส์ระบุว่า "ราคาทองได้รับแรงหนุนในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาจากการอ่อนค่าของดอลลาร์, จากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ และเราก็คาดว่า ราคาทองจะยังคงเคลื่อนตัวอยู่เหนือ 2,250 ดอลลาร์ได้ต่อไปในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า" Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
กรุงเทพฯ--16 พ.ค.--รอยเตอร์
ดอลลาร์สหรัฐดิ่งลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญในวันพุธ หลังจากสำนักงานสถิติแรงงาน (BLS) ในกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพุธว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐปรับขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.4% ในเดือนมี.ค. ส่วนดัชนี CPI ทั่วไปแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 3.4% ในเดือนเม.ย. หลังจากปรับขึ้น 3.5% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายปี ทางด้านดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่มีความผันผวนสูง ปรับขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.4% มานาน 3 เดือนติดต่อกัน ในขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐานแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 3.6% ในเดือนเม.ย. ซึ่งถือเป็นอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2021 หรือต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี และชะลอตัวลงจาก +3.8% ในเดือนมี.ค. ทั้งนี้ รายงานนี้แสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐกลับมามีแนวโน้มชะลอตัวลงอีกครั้งในไตรมาสสอง และปัจจัยนี้ช่วยกระตุ้นความคาดหวังที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. โดยในตอนนี้เทรดเดอร์คาดว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันราว 0.51% ในปี 2024 Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 104.20 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยดิ่งลงจาก 105.05 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยระดับ 104.20 นี้ถือเป็นจุดต่ำสุดรอบ 1 เดือน
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 154.87 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยรูดลง 0.99% จากระดับปิดตลาดวันอังคารที่ 156.42 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0882 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 1.0818 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร
ดัชนีสำคัญทั้ง 3 ดัชนีของตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นมาทำสถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ได้ในวันพุธ หลังจากสหรัฐรายงานว่าอัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคสหรัฐปรับขึ้นน้อยเกินคาดในเดือนเม.ย. และรายงานตัวเลขดังกล่าวช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนตั้งความหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. และในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มใหญ่ที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในวันพุธคือดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้น 2.3% และดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ทะยานขึ้น 1.7% เนื่องจากหุ้นทั้งสองกลุ่มนี้มักได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ย ส่วนหุ้นกลุ่มที่ปรับตัวอ่อนแอที่สุดในวันพุธคือหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่ปิดทรงตัวในวันพุธ ทางด้านหุ้นที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในดัชนี S&P 500 ในวันพุธคือหุ้นบริษัทซูเปอร์ ไมโคร คอมพิวเตอร์ อิงค์ ที่ทะยานขึ้น 15.8% เนื่องจากหุ้นบริษัทนี้ได้รับแรงหนุนจากกระแสความนิยมในปัญญาประดิษฐ์ (AI) นอกจากนี้ หุ้นบริษัทขนาดยักษ์ก็พุ่งขึ้นด้วยเช่นกัน โดยหุ้นบริษัทเอ็นวิเดียพุ่งขึ้น 3.6%, หุ้นไมโครซอฟท์ทะยานขึ้น 1.7% และหุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 1.2% Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.88% สู่ 39,908.00 ซึ่งถือเป็นสถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ และสามารถทำลายสถิติสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ในวันที่ 28 มี.ค.
ดัชนี S&P 500 ปิดพุ่งขึ้น 1.17% สู่ 5,308.15 ในวันพุธ ซึ่งถือเป็นสถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ และสามารถทำลายสถิติสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ในวันที่ 28 มี.ค.
ดัชนี Nasdaq ปิดทะยานขึ้น 1.40% สู่ 16,742.39 ซึ่งถือเป็นการทำสถิติระดับปิดสูงสุดใหม่เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปรับขึ้นในวันพุธ โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ระดับต่ำเกินคาดในสหรัฐ เพราะตัวเลขดังกล่าวช่วยกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย. ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและต่ออุปสงค์น้ำมัน ทางด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 5 สัปดาห์ในวันพุธ และการดิ่งลงของดอลลาร์ก็ส่งผลบวกต่อราคาน้ำมันด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันรูดลงในช่วงแรก โดยได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันประจำปี 2024 ลงในวันพุธ ซึ่งยิ่งส่งผลให้ตัวเลขคาดการณ์ของ IEA กับตัวเลขคาดการณ์ของกลุ่มโอเปกพลัสมีความแตกต่างจากกันมากยิ่งขึ้น โดย IEA คาดว่าอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกอาจเพิ่มขึ้นเพียง 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ โดยปรับลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมราว 140,000 บาร์เรลต่อวัน โดยเป็นผลจากอุปสงค์น้ำมันที่ระดับต่ำในประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) ซึ่งเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ทั้งนี้ ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมในวันพุธจากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐที่ดิ่งลงอย่างรุนแรงเกินคาด โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานในวันพุธว่า สต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐรูดลง 2.5 ล้านบาร์เรล สู่ 457 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 10 พ.ค. ในขณะที่โพลล์รอยเตอร์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจปรับลดลงเพียง 543,000 บาร์เรล โดยการดิ่งลงนี้เป็นเพราะว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันในสหรัฐพุ่งขึ้น 1.9% สู่ 90.4% นอกจากนี้ EIA ยังรายงานอีกด้วยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินในคลังสหรัฐลดลง 235,000 บาร์เรล สู่ 227.8 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมัน Distillate ในคลังสหรัฐ ซึ่งครอบคลุมน้ำมันดีเซลและน้ำมัน heating oil ลดลง 45,000 บาร์เรล สู่ 116.4 ล้านบาร์เรล Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนมิ.ย.ปรับขึ้น 61 เซนต์ หรือ 0.8% มาปิดตลาดที่ 78.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากดิ่งลงแตะ 76.70 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ. หรือจุดต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือน
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับขึ้น 37 เซนต์ หรือ 0.5% มาปิดตลาดที่ 82.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากดิ่งลงแตะ 81.05 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ. หรือจุดต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือน ทางด้านค่าพรีเมียมของน้ำมันดิบเบรนท์เหนือน้ำมันดิบสหรัฐได้ดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. โดยค่าพรีเมียมที่หดแคบลงส่งผลให้การส่งออกน้ำมันจากสหรัฐทำผลกำไรได้น้อยลง
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐพุ่งขึ้น 28.07 ดอลลาร์ หรือ 1.19% สู่ 2,386.04 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ หลังจากทะยานขึ้นแตะ 2,390.16 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย. หรือจุดสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน โดยราคาทองได้รับแรงหนุนจากการดิ่งลงของดอลลาร์ และจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับขึ้นน้อยเกินคาดในเดือนเม.ย. และปัจจัยดังกล่าวช่วยเพิ่มโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีดิ่งลงจาก 4.445% ในช่วงท้ายวันอังคาร สู่ 4.356% ในช่วงท้ายวันพุธ Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน