ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อสินค้าคงทนนอกกระทรวงกลาโหมที่ได้แก้ไข MoM (ไม่รวมเครื่องบิน)(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นการขนส่ง) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นภาคกลาโหม) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงสต็อกก๊าซธรรมชาติประจำสัปดาห์ของ EIAค:--
ค: --
ค: --
ซาอุดิอาระเบีย การผลิตน้ำมันดิบค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การถือครองธนารักษ์สหรัฐฯของธนาคารกลางต่างประเทศรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย ดอกเบี้ยอ้างอิงค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราเงินสดสำรองค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น อินดิเคเตอร์ชั้นนำเบื้องต้น (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax YoY (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax MoM (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้าYoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การส่งออก (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ค่าจ้าง MoM (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ดุลการค้า (ต.ค.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล
15 ม.ค.--รอยเตอร์
นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐระบุว่า การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาได้ช่วยหนุนหุ้นทุกกลุ่มในตลาดหุ้นสหรัฐให้พุ่งขึ้น ยกเว้นหุ้นกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ดี นักลงทุนคาดการณ์กันว่า หุ้นกลุ่มพลังงานอาจจะดีดตัวขึ้นได้ในเร็ว ๆ นี้ โดยได้รับแรงหนุนจากฤดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทสหรัฐ และจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ในขณะที่มีเรือขนส่งน้ำมันจำนวนมากยิ่งขึ้นที่หลีกเลี่ยงเส้นทางเดินเรือในทะเลแดง หลังจากสหรัฐกับอังกฤษดำเนินการโจมตีทางอากาศและทางทะเลต่อกลุ่มฮูตีในเยเมนในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อตอบโต้ต่อการที่กลุ่มฮูตีโจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดง โดยบริษัทสเตนา บัลค์, บริษัทฮาฟเนีย และบริษัททอร์ม ซึ่งเป็นสามบริษัทเรือขนส่งน้ำมันประกาศว่า ทางบริษ้ทได้ตัดสินใจระงับเรือทุกลำไม่ให้แล่นไปสู่ทะเลแดง ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานของสหรัฐดิ่งลงมาแล้วเกือบ 3% นับตั้งแต่ปลายเดือนต.ค. ถึงแม้ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้น 16% ในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานของสหรัฐก็ปิดตลาดปี 2023 ด้วยการดิ่งลง 4.8% จากปี 2022 และส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานถือเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มใหญ่ของสหรัฐที่ดิ่งลงมากเป็นอันดับสองในปี 2023 โดยรองจากดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถือเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มใหญ่ที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในสหรัฐในปี 2023 ทางด้านดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 24% ในปี 2023
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานยังคงปรับตัวอย่างอ่อนแอในช่วงนี้ ถึงแม้ว่าดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารและดัชนีหุ้นบริษัทขนาดเล็ก ซึ่งถือเป็นหุ้น 2 กลุ่มที่มักปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจเหมือนกับหุ้นกลุ่มพลังงาน ได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของนักลงทุนในช่วงที่ผ่านมา โดยนักลงทุนคาดการณ์กันว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำ ทั้งนี้ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กดดันหุ้นกลุ่มพลังงานของสหรัฐคือการดิ่งลงอย่างรุนแรงของราคาน้ำมัน โดยราคาน้ำมันดิบสหรัฐรูดลงมาแล้วกว่า 20% นับตั้งแต่ปลายเดือนก.ย. และอยู่ที่ระดับ 72.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปัจจุบัน ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากปริมาณอุปทานน้ำมันที่ระดับสูง โดยเฉพาะในสหรัฐ และจากความกังวลเรื่องอุปสงค์ที่อ่อนแอในจีนและยุโรป
นักยุทธศาสตร์การลงทุนของสถาบันการลงทุนเวลส์ ฟาร์โก (WFII) ปรับขึ้นอันดับความน่าลงทุนของหุ้นกลุ่มพลังงานในสัปดาห์ที่แล้ว โดยปรับขึ้นจาก "neutral" สู่ "favorable" และให้เหตุผลว่า "ราคาน้ำมันจะดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดของวัฏจักรพร้อมกับเศรษฐกิจโลกในปีนี้ และหลังจากนั้นราคาน้ำมันก็จะปิดตลาดสิ้นปีนี้ในแดนบวก" ทั้งนี้ ราคาน้ำมันในระยะใกล้อาจจะได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง และจากมาตรการของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ด้วย ถ้าหากกลุ่มโอเปกตัดสินใจดำเนินมาตรการใด ๆ ก็ตามในอนาคต
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานเพิ่งพุ่งขึ้น 1.3% ในวันศุกร์ ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนก.พ.ปรับขึ้น 66 เซนต์ หรือ 0.9% มาปิดตลาดวันศุกร์ที่ 72.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 75.25 ดอลลาร์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดของปีนี้ ในขณะที่มีเรือขนส่งน้ำมันจำนวนมากยิ่งขึ้นที่หลีกเลี่ยงเส้นทางเดินเรือในทะเลแดง ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานอาจจะได้รับผลกระทบจากฤดูการรายงานผลประกอบการด้วย ในขณะที่บริษัท SLB ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการน้ำมันของสหรัฐที่มีชื่อเดิมว่าบริษัทชลัมเบอร์เกอร์ มีกำหนดจะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ส่วนบริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์กับบริษัทมาราธอน ปิโตรเลียมของสหรัฐจะรายงานผลประกอบการในช่วงต่อไปในเดือนนี้
นักวิเคราะห์คาดว่า ผลกำไรของบริษัทในกลุ่มพลังงานของสหรัฐอาจดิ่งลงเกือบ 26% ในปี 2023 ซึ่งจะส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานครองตำแหน่งกลุ่มที่มีผลกำไรดิ่งลงมากที่สุดในสหรัฐในปีที่แล้ว แต่มีแนวโน้มว่าบริษัทกลุ่มพลังงานอาจจะมีผลกำไรปรับขึ้น 1.6% ในปี 2024 ในขณะที่บริษัทโดยรวมในดัชนี S&P 500 อาจจะมีผลกำไรพุ่งขึ้น 11.1% ในปี 2024 ทั้งนี้ นักยุทธศาสตร์การลงทุนของ WFII ระบุว่า หุ้นกลุ่มพลังงานมีมูลค่าถูกมากในตอนนี้ โดยค่าพีอีเรโชของหุ้นกลุ่มพลังงานอยู่ที่ระดับราว 10 เท่าของผลกำไร ในขณะที่ค่าพีอีเรโชของดัชนี S&P 500 อยู่ที่ 22 เท่าของผลกำไร--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดทำการในวันจันทร์ที่ 29 พ.ค.เนื่องในวันเมโมเรียล เดย์ของสหรัฐ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดบวกท่ามกลางภาวะซื้อขายผันผวน เนื่องจากตลาดได้พิจารณาข้อตกลงเพดานหนี้ชั่วคราวของสหรัฐ ซึ่งจะหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้ กับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งอาจจะจำกัดความต้องการใช้พลังงาน
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปิดบวก 0.12 ดอลลาร์ มาที่ 77.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดกำลังปรับตัวรับโอกาส 50-50 ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมในวันที่ 13-14 มิ.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากโอกาส 8.3% เมื่อเดือนที่แล้ว
นายโทนี่ ไซคามอร์ นักวิเคราะห์จากไอจีกล่าวว่า "อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นของสหรัฐเป็นอุปสรรคขวางความต้องการใช้น้ำมัน"
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรที่มีรัสเซียด้วย หรือโอเปก+ จะประชุมกันในวันที่ 4 มิ.ย.นี้--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย เสาวณีย์ เอกปัญญาชัย แปลและเรียบเรียง)
ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น 2% ในวันศุกร์ แต่ร่วงลงเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกันในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากประเทศต่างๆได้ประกาศแผนการระบายสต็อกน้ำมันดิบจากคลังสำรองยุทธศาสตร์
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดพุ่งขึ้น 2.23 ดอลลาร์ มาที่ 98.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปิดพุ่งขึ้น 2.20 ดอลลาร์ หรือ 2.19% มาที่ 102.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ในสัปดาห์ที่แล้ว ราคาน้ำมันดิบสหรัฐร่วงลงรวม 1% และราคน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลง 1.5%
ประเทศสมาชิกของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) จะระบายสต็อกน้ำมัน 60 ล้านบาร์เรลในช่วง 6 เดือนข้างหน้า โดยสหรัฐจะระบาย 60 ล้านบาร์เรลตามแผนการระบายสต็อก 180 ล้านบาร์เรลที่ประกาศออกไปในเดือนที่แล้ว
นักวิเคราะห์จากเอเอ็นแซดระบุว่า การระบายสต็อกน้ำมันอาจยับยั้งผู้ผลิต ซึ่งรวมถึงกลุ่มโอเปก และผู้ผลิตน้ำมันจากหินน้ำมันของสหรัฐจากการเร่งเพิ่มการผลิต แม้ราคาน้ำมันอยู่ที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลก็ตาม
นายสตีเฟน เบรนน็อค นักวิเคราะห์จากพีวีเอ็มกล่าวว่า ยังคงมีความไม่แน่ใจว่า สต็อกน้ำมันจากการระบายสต็อกฉุกเฉินจะจัดการกับการขาดแคลนน้ำมันดิบของรัสเซียได้หรือไม่--จบ--
(รอยเตอร์ โดย เสาวณีย์ เอกปัญญาชัย แปลและเรียบเรียง)
ราคาน้ำมันปิดร่วงลงในวันศุกร์ หลังจากที่พุ่งขึ้นมากในช่วงแรกจากความวิตกเกี่ยวกับปัญหาขัดข้องด้านอุปทานน้ำมันโลกที่อาจจะเกิดขึ้นจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดร่วงลง 1.15 ดอลลาร์ หรือ 1.2% มาที่ 97.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากพุ่งแตะจุดสูงสุดที่ 101.99 ดอลลาร์ ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปิดร่วงลง 1.22 ดอลลาร์ หรือ 1.3% มาที่ 95.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว การบุกยูเครนของรัสเซียทำให้ราคาน้ำมันพุ่งทะลุ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2014 โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์แตะ 104 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนที่จะลดช่วงบวกลงก่อนปิดตลาด
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเปิดเผยว่า สหรัฐกำลังทำงานร่วมกับประเทศอื่นเพื่อระบายสต็อกน้ำมันเพิ่มเติมจากคลังสำรองน้ำมันดิบเชิงยุทธศาสตร์ร่วมกัน--จบ--
(รอยเตอร์ โดย เสาวณีย์ เอกปัญญาชัย แปลและเรียบเรียง)
นิวยอร์ค--16 พ.ย.--รอยเตอร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปรับขึ้นในวันจันทร์ แต่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลง ในขณะที่นักลงทุนตั้งข้อสงสัยว่า อุปทานน้ำมันดิบจะพุ่งสูงขึ้นหรือไม่ และอุปสงค์น้ำมันจะได้รับแรงกดดันจากปัจจัยหลายประการหรือไม่ โดยปัจจัยเหล่านี้รวมถึงการพุ่งขึ้นของต้นทุนพลังงาน, การแข็งค่าของดอลลาร์ และการพุ่งขึ้นของยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 95.530 ในช่วงท้ายวันจันทร์ โดยปรับขึ้นจาก 95.071 ในช่วงท้ายวันศุกร์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 95.595 ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2020 หรือจุดสูงสุดรอบ 16 เดือน โดยการแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้น้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนธ.ค.ขยับขึ้น 8 เซนต์ หรือ 0.1% มาปิดตลาดที่ 80.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนร่วงลง 12 เซนต์ หรือ 0.2% มาปิดตลาดที่ 82.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นายจอห์น คิลดัฟ หุ้นส่วนของบริษัทอะเกน แคปิตัลกล่าวว่า ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันในช่วงแรกจากการคาดการณ์ที่ว่า รัฐบาลสหรัฐอาจจะดำเนินมาตรการสกัดกั้นการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน โดยใช้วิธีระบายน้ำมันดิบออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) อย่างไรก็ดี นักลงทุนไม่แน่ใจในการคาดการณ์ดังกล่าว และปัจจัยนี้ก็ช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบสหรัฐให้ปรับขึ้นในเวลาต่อมา โดยนายคิลดัฟกล่าวเสริมว่า "ตลาดดูเหมือนจะคาดการณ์มากเกินไปในช่วงก่อนหน้านี้ในเรื่องนี้ที่ว่า จะมีการระบายน้ำมันออกจาก SPR"
บริษัทไรสตัด เอ็นเนอร์จีคาดว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันหินเชลในสหรัฐอาจพุ่งขึ้นสู่ 8.68 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนธ.ค. ซึ่งจะเท่ากับระดับในช่วงก่อนเกิดวิกฤติโรคระบาด อย่างไรก็ดี มีสัญญาณบ่งชี้ว่า อุปสงค์น้ำมันอาจจะชะลอตัวลง โดยได้รับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อและการพุ่งขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ทั้งนี้ นางหลุยส์ ดิคสัน นักวิเคราะห์ตลาดของบริษัทไรสตัดกล่าวว่า "นักลงทุนลดความกังวลที่มีต่อภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัวในช่วงนี้ โดยคาดว่าอุปทานอาจตึงตัวเพียงเวลาสั้น ๆ" และเธอกล่าวเสริมว่า "เทรดเดอร์หันมามุ่งความสนใจไปยังปัจจัยลบ 2 ประการ ซึ่งได้แก่ความเป็นไปได้ที่การผลิตน้ำมันจะเพิ่มขึ้น และการพุ่งขึ้นของยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19"
นายซูเฮล อัล-มาซรูอี รมว.พลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) กล่าวว่า สัญญาณหลายอันบ่งชี้ว่าจะเกิดภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 ในขณะที่นายเคร็ก เออร์แลม นักวิเคราะห์ตลาดของบริษัท OANDA กล่าวว่า "มีความเป็นไปได้น้อยมากที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) จะเร่งความเร็วในการปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน โดยเฉพาะถ้าหากทางกลุ่มคาดการณ์ว่า ตลาดจะกลับเข้าสู่ภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022" ทั้งนี้ กลุ่มโอเปกเพิ่งปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกประจำไตรมาส 4 ลงในสัปดาห์ที่แล้ว โดยปรับลดลง 330,000 บาร์เรลต่อวันจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนต.ค. โดยให้เหตุผลว่าราคาพลังงานที่ระดับสูงเป็นอุปสรรคขัดขวางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--2 พ.ย.--รอยเตอร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปรับขึ้นในวันจันทร์ ในขณะที่นักลงทุนคาดว่าอุปสงค์น้ำมันจะอยู่ในภาวะแข็งแกร่ง และนักลงทุนคาดว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) จะไม่ปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันอย่างรวดเร็วจนเกินไป โดยปัจจัยบวกเหล่านี้ช่วยให้ราคาน้ำมันดีดกลับขึ้นมาได้ หลังจากราคาน้ำมันดิ่งลงในช่วงแรกเมื่อมีข่าวว่า จีนซึ่งเป็นประเทศผู้ใช้พลังงานรายใหญ่ที่สุดในโลกตัดสินใจระบายเชื้อเพลิงออกจากคลังสำรอง ทั้งนี้ สำนักงานคลังสำรองอาหารและยุทธภัณฑ์แห่งชาติของจีนระบุในวันอาทิตย์ว่า จีนได้ระบายน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลในคลังสำรองออกมาเพื่อช่วยเพิ่มอุปทานเชื้อเพลิงในตลาด และเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาในบางภูมิภาค
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับขึ้น 48 เซนต์ หรือ 0.6% มาปิดตลาดที่ 84.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดของวันที่ 82.74 ดอลลาร์ในช่วงแรก ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 99 เซนต์ หรือ 1.18% มาปิดตลาดที่ 84.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดของวันที่ 83.03 ดอลลาร์ในช่วงแรก ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่งพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 7 ปีที่ 85.41 ดอลลาร์ในวันที่ 25 ต.ค. ส่วนราคาสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์เดือนใกล้เพิ่งทะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 3 ปีที่ 86.70 ดอลลาร์ในวันที่ 25 ต.ค. โดยราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนในสัปดาห์ที่แล้วจากการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมันหลังผ่านพ้นวิกฤติโรคระบาด และจากการที่กลุ่มโอเปกพลัสยังคงปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเพียงเดือนละ 400,000 บาร์เรลต่อวันต่อไป
โพลล์รอยเตอร์คาดว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะยังคงเคลื่อนตัวอยู่ใกล้ 80 ดอลลาร์ในช่วงปลายปี โดยได้รับแรงหนุนจากอุปทานน้ำมันที่ตึงตัว และจากการพุ่งขึ้นของราคาก๊าซธรรมชาติ เพราะปัจจัยดังกล่าวกระตุ้นให้บริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าหันไปใช้น้ำมันดิบแทนก๊าซธรรมชาติในการผลิตกระแสไฟฟ้า ทั้งนี้ โพลล์คาดว่า ราคาน้ำมันดิบสหรัฐอาจจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 78.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในไตรมาสสี่ และราคาน้ำมันดิบเบรนท์อาจจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 80.92 ดอลลาร์ในไตรมาสสี่
รอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจในวันจันทร์ระบุว่า กลุ่มโอเปกผลิตน้ำมันดิบเพียง 27.50 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนต.ค. โดยปรับขึ้นเพียง 190,000 บาร์เรลต่อวันจากเดือนก.ย. ซึ่งต่ำกว่าปริมาณการปรับเพิ่มการผลิตที่ 254,000 บาร์เรลต่อวันตามที่ระบุไว้ในข้อตกลงกับชาติพันธมิตร โดยการผลิตน้ำมันต่ำกว่าข้อตกลงนี้เป็นผลมาจากการที่บางประเทศในกลุ่มโอเปกประสบเหตุขัดข้องทางการผลิตน้ำมัน ถึงแม้ซาอุดิอาระเบียและอิรักปรับเพิ่มปริมาณการผลิตขึ้นจากเดิม ทั้งนี้ ไนจีเรียปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบลง 70,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนต.ค. ในขณะที่บริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์ในไนจีเรียประกาศภาวะเหตุสุดวิสัยต่อการขนถ่ายน้ำมันดิบบอนนี ไลท์ หลังจากมีการปิดท่อส่งน้ำมัน ส่วนลิเบียปรับลดการผลิตเนื่องจากเกิดเหตุท่อส่งน้ำมันรั่วไหล ทางด้านสาธารณรัฐคองโก, กินีศูนย์สูตร และกาบองปรับลดการผลิตหรือคงปริมาณการผลิตไว้ที่ระดับเดิม เนื่องจากทั้งสามประเทศนี้ขาดความสามารถในการปรับเพิ่มการผลิต
นักวิเคราะห์คาดว่า กลุ่มโอเปกพลัสจะตัดสินใจปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเพียงเดือนละ 400,000 บาร์เรลต่อวันต่อไปในการประชุมวันที่ 4 พ.ย. ในขณะที่คูเวตและอิรักประกาศสนับสนุนเรื่องนี้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยระบุว่าการปรับเพิ่มในระดับ 400,000 บาร์เรลต่อวันถือเป็นระดับที่มากพอแล้ว ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐกล่าวในวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า ประเทศผู้ผลิตพลังงานในกลุ่มจี-20 ที่มีกำลังการผลิตส่วนเกิน ควรจะปรับเพิ่มการผลิตพลังงานให้สูงขึ้นเพื่อจะได้ช่วยให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยถ้อยแถลงของเขาถือเป็นการกดดันกลุ่มโอเปกพลัสให้ปรับเพิ่มการผลิตน้ำมัน--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--1 พ.ย.--รอยเตอร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดปรับขึ้นในวันศุกร์หลังจากร่วงลงในช่วงแรก โดยราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรจะคงปริมาณการผลิตน้ำมันไว้ตามแผนเดิมต่อไป ทั้งนี้ กลุ่มโอเปกพลัสจะจัดการประชุมกันในวันที่ 4 พ.ย. ในขณะที่แอลจีเรียระบุในวันพฤหัสบดีที่ 28 ต.ค.ว่า กลุ่มโอเปกพลัสไม่ควรจะปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในอัตราที่สูงกว่า 400,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนธ.ค. เพราะว่าตลาดยังคงเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ และความไม่แน่นอน
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับขึ้น 76 เซนต์ หรือ 0.9% มาปิดตลาดที่ 83.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ หลังจากเพิ่งพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ 85.41 ดอลลาร์ในวันจันทร์ที่ 25 ต.ค. ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนขยับขึ้น 6 เซนต์ มาปิดตลาดที่ 84.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ หลังจากเพิ่งทะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 3 ปีที่ 86.70 ดอลลาร์ในวันจันทร์ที่ 25 ต.ค. ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการร่วงลง 11 เซนต์ จากระดับ 83.76 ดอลลาร์ในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลง 1.15 ดอลลาร์จากระดับ 85.53 ดอลลาร์ในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนลบเป็นครั้งแรกในรอบราว 2 เดือนสำหรับเบรนท์
นายจอห์น คิลดัฟ หุ้นส่วนของบริษัทอะเกน แคปิตัลกล่าวว่า "ถึงแม้ว่าอิหร่านอาจจะส่งออกน้ำมันได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต กลุ่มโอเปกพลัสก็ไม่มีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันในอัตราที่สูงกว่าเดิม และปัจจัยนี้ก็ช่วยหนุนราคาน้ำมันในวันศุกร์" ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันนับตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐพุ่งขึ้น 4.3 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 ต.ค. นอกจากนี้ อิหร่านก็ระบุว่า การเจรจาระหว่างอิหร่านกับชาติมหาอำนาจเพื่อฟื้นฟูข้อตกลงนิวเคลียร์จะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งก่อนสิ้นเดือนพ.ย. และสิ่งนี้อาจจะเปิดโอกาสให้อิหร่านส่งออกน้ำมันได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต
บริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์สรายงานในวันศุกร์ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในสหรัฐปรับขึ้น 2 แท่น สู่ 544 แท่นในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 29 ต.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2020 เป็นต้นมา นอกจากนี้ จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซก็พุ่งขึ้นรวมกัน 23 แท่นสำหรับช่วงตลอดทั้งเดือนต.ค.ด้วย ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นรายเดือนเป็นเดือนที่ 15 ติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบสหรัฐที่ทะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 7 ปีในวันที่ 25 ต.ค. ทั้งนี้ บริษัทเอ็กซอนและบริษัทเชฟรอนระบุในวันศุกร์ว่า ทั้งสองบริษัทเตรียมที่จะปรับเพิ่มจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในแอ่งเพอร์เมียน หลังจากที่เคยปรับลดจำนวนคนงานและปริมาณการผลิตน้ำมันในแอ่งดังกล่าวในปีที่แล้ว โดยเชฟรอนจะปรับเพิ่มจำนวนแท่นขุดเจาะขึ้น 2 แท่นในไตรมาสนี้
ราคาก๊าซธรรมชาติในอังกฤษและยุโรปยังคงดิ่งลงต่อไปในวันศุกร์ หลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียอาจจะเริ่มต้นจัดส่งก๊าซธรรมชาติเข้าสู่คลังเก็บในยุโรป--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน