ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



สหรัฐอเมริกา การเลิกจ้างพนักงานบริษัทชาเลนเจอร์ เกรย์ และคริสต์มาส MoM (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าเฉลี่ยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก4 สัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (Not SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อสินค้าคงทนนอกกระทรวงกลาโหมที่ได้แก้ไข MoM (ไม่รวมเครื่องบิน)(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นการขนส่ง) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นภาคกลาโหม) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงสต็อกก๊าซธรรมชาติประจำสัปดาห์ของ EIAค:--
ค: --
ค: --
ซาอุดิอาระเบีย การผลิตน้ำมันดิบค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การถือครองธนารักษ์สหรัฐฯของธนาคารกลางต่างประเทศรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย ดอกเบี้ยอ้างอิงค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราเงินสดสำรองค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น อินดิเคเตอร์ชั้นนำเบื้องต้น (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax YoY (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax MoM (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้าYoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การส่งออก (พ.ย.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล
วอชิงตัน/ลอนดอน/สิงคโปร์--20 มี.ค.--รอยเตอร์
บิทคอยน์รูดลง 5.39% เมื่อวานนี้ และดิ่งลงอีก 3.2% สู่ 61,701 ดอลลาร์สหรัฐในวันนี้ หลังจากรูดลงแตะ 60,760 ดอลลาร์สหรัฐในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค. หรือจุดต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ โดยบิทคอยน์เพิ่งพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ที่ 73,803.25 ในวันที่ 14 มี.ค. และปัจจัยดังกล่าวกระตุ้นให้มีแรงเทขายทำกำไรเข้ามาในตลาด ทางด้านอีเธอร์ดิ่งลง 6.55% จาก 3,507.89 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์ สู่ 3,278 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร และรูดลงต่อไปสู่ 3,058.60 ดอลลาร์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันนี้ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ. หรือจุดต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ และออกห่างจากระดับ 4,093.70 ดอลลาร์ที่ทำไว้ในวันที่ 12 มี.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2021 ทั้งนี้ บิทคอยน์ยังคงพุ่งขึ้นมาแล้ว 47% จากช่วงต้นปีนี้ ในขณะที่นักลงทุนแห่เข้าซื้อกองทุนสปอตบิทคอยน์ ETF ในปีนี้ อย่างไรก็ดี บิทคอยน์ได้รับแรงกดดันในช่วงนี้จากคำสั่งเทขายทำกำไร และจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ในระดับที่น้อยกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้
บิทคอยน์เพิ่งดิ่งลงเกือบ 9% ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2023 ในขณะที่อีเธอร์รูดลง 13% ในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากมีการปรับปรุงเครือข่ายอีเธอเรียม อย่างไรก็ดี ตลาดสกุลเงินคริปโตไม่ได้อยู่ในภาวะอ่อนแอในวงกว้าง ทั้งนี้ บริษัทกาแลกซี แอสเซท แมเนจเมนท์ ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลรายงานในวันจันทร์ว่า สินทรัพย์ภายใต้การบริหารของบริษัทอยู่ที่ 1.01 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนก.พ. โดยพุ่งขึ้น 24.8% จากเดือนม.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของตลาด
เหรียญทางเลือก (altcoin) ดึงดูดเงินลงทุนไหลเข้าได้ในช่วงนี้ โดยเหรียญ sol ของเครือข่ายโซลานาพุ่งขึ้น 19% ในสัปดาห์ล่าสุด ส่วนเหรียญ avax ของเครือข่าย avalanche พุ่งขึ้น 17% ในสัปดาห์ล่าสุด ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของตลาดบิทไฟเน็กซ์ระบุว่า "หลังจากบิทคอยน์พุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่และปรับฐานลงในเวลาต่อมา เราก็คาดว่าตลาดจะปรับหาจุดสมดุลใหม่เป็นเวลาระยะหนึ่ง ในขณะที่นักลงทุนพยายามหาจุดสมดุล หลังจากที่มีกระแสเงินลงทุนจำนวนมากไหลเข้าสู่กองทุนสปอตบิทคอยน์ ETF"
สกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับโครงการคริปโตปัญญาประดิษฐ์ (AI) พุ่งขึ้นพร้อมกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในช่วงนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากกระแสความนิยมของนักลงทุนที่มีต่อ AI
การดิ่งลงของบิทคอยน์เมื่อวานนี้ส่งผลให้หุ้นบริษัทต่าง ๆ ที่ทำธุรกิจสกุลเงินคริปโตดิ่งลงตามไปด้วย โดยหุ้นคอยน์เบส โกลบัล ซึ่งเป็นผู้ประกอบการตลาดคริปโตรูดลง 3.96% ในวันอังคาร, หุ้นบริษัทไรออท แพลตฟอร์มส์ที่ทำเหมืองคริปโตดิ่งลง 2.97% และหุ้นมาราธอน ดิจิทัลที่ทำเหมืองคริปโตปรับลง 0.46% ทั้งนี้ หุ้นบริษัทไมโครสเตรเทจีดิ่งลง 5.67% ในวันอังคาร หลังจากทางบริษัทประกาศว่า ทางบริษัทเสร็จสิ้นจากการเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 603.75 ล้านดอลลาร์ เพื่อนำเงินมาใช้ในการซื้อบิทคอยน์ นอกจากนี้ ไมโครสเตรเทจียังระบุอีกด้วยว่า ทางบริษัทได้เข้าซื้อบิทคอยน์ 9,245 บิทคอยน์ในวันจันทร์ในราคา 623 ล้านดอลลาร์--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
กรุงเทพฯ--29 ก.พ.--รอยเตอร์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยนและยูโรในวันพุธ ในขณะที่นักลงทุนรอดูตัวเลขดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันพฤหัสบดีนี้ โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มักจะใช้ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดภาวะเงินเฟ้อ โดยนักลงทุนคาดว่า ดัชนี PCE ทั่วไปในเดือนม.ค.อาจปรับขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน และอาจปรับขึ้น 2.4% เมื่อเทียบรายปี ส่วนดัชนี PCE พื้นฐานในเดือนม.ค.อาจปรับขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน และอาจปรับขึ้น 2.8% เมื่อเทียบรายปี โดยนักลงทุนจะใช้รายงาน PCE นี้ในการประเมินว่า เฟดมีแนวโน้มจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด นอกจากนี้ นักลงทุนก็จะรอดูตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนี, ฝรั่งเศส และสเปนที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพฤหัสบดี และรอดูตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันศุกร์ด้วย ทั้งนี้ นายโมฮัมหมัด อัล-ซาราฟ นักยุทธศาสตร์การลงทุนสกุลเงินของธนาคารดันสเกอกล่าวว่า "มีโอกาสที่อัตราเงินเฟ้อจะยังคงชะลอตัวลงต่อไปในยูโรโซน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ในเร็ว ๆ นี้ และเราก็คาดว่า ถ้าหากอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐลดลงได้ยากกว่าในยูโรโซน ปัจจัยนี้ก็จะหนุนดอลลาร์ให้อยู่ในระดับแข็งแกร่ง" Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 103.93 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 103.84 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 150.67 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยปรับขึ้นจากระดับปิดตลาดวันอังคารที่ 150.50 เยน หลังจากขึ้นไปแตะ 150.84 เยนในระหว่างวัน และเข้าใกล้จุดสูงสุดรอบ 3 เดือนที่ 150.88 เยนที่เคยทำไว้ในวันที่ 13 ก.พ.
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0836 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยอ่อนค่าลงจาก 1.0844 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร
ตลาดหุ้นสหรัฐขยับลงเล็กน้อยในวันพุธ ในขณะที่นักลงทุนรอดูตัวเลขดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนม.ค.ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักลงทุนจะใช้ตัวเลขดังกล่าวในการประเมินว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเมื่อใด หลังจากตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI), ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และตัวเลขเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่แข็งแกร่งในสหรัฐทำให้นักลงทุนคาดการณ์กันในตอนนี้ว่า เฟดอาจจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 11-12 มิ.ย. แทนที่จะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค.เหมือนอย่างที่เคยคาดการณ์กันไว้ในช่วงก่อนการรายงานตัวเลขเหล่านี้ ทางด้านซูซาน คอลลินส์ ประธานเฟดสาขาบอสตันกล่าวในวันพุธว่า เฟดควรจะใช้เวลาในการประเมินตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจปรับเปลี่ยนนโยบายใด ๆ เพื่อจะได้เป็นการสร้างความมั่นใจว่า เฟดจะสามารถบรรลุเป้าหมายทั้งสองประการของเฟด ซึ่งได้แก่เป้าหมายในการสร้างภาวะการจ้างงานเต็มที่และการสร้างเสถียรภาพของราคา ทั้งนี้ หุ้นบริษัทยูไนเต็ดเฮลธ์ที่ทำธุรกิจประกันสุขภาพดิ่งลง 2.95% ในวันพุธ และถือเป็นหุ้นที่ถ่วงดัชนีดาวโจนส์ลงมากที่สุด หลังจากมีข่าวออกมาในวันอังคารว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐเริ่มเปิดการสอบสวนยูไนเต็ดเฮลธ์ในคดีต่อต้านการผูกขาด ทางด้านหุ้นบริษัทแอพพลายด์ แมทีเรียลส์ ซึ่งเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์รูดลง 2.62% ในวันพุธ หลังจากทางบริษัทได้รับหมายเรียกจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ในเดือนก.พ. เพื่อให้ทางบริษัทมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการส่งออกสินค้าให้แก่ลูกค้าบางรายในจีน Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับลง 0.06% สู่ 38,949.02
ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.17% สู่ 5,069.76
ดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 0.55% สู่ 15,947.74
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปรับลงในวันพุธ หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในอนาคตอันใกล้นี้ โดยนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์คกล่าวว่า ถึงแม้แรงกดดันเงินเฟ้อลดลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงที่ผ่านมา เขาก็ยังไม่พร้อมที่จะประกาศว่า เฟดได้ทำทุกอย่างที่จำเป็นต้องทำแล้วในการทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับคืนสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ทางด้านมิเชลล์ โบว์แมน หนึ่งในผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณในวันอังคารว่า เธอจะไม่รีบร้อนปรับลดอัตราดอกเบี้ยสหรัฐลง เนื่องจากมีความเสี่ยงด้านสูงต่อภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคขัดขวางความคืบหน้าในการควบคุมภาวะเงินเฟ้อ และความเสี่ยงดังกล่าวอาจจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นได้อีกด้วย ทั้งนี้ ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากการพุ่งขึ้นของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานในวันพุธว่า สต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐพุ่งขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน โดยพุ่งขึ้น 4.2 ล้านบาร์เรล สู่ 447.2 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 23 ก.พ. ในขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจปรับขึ้นเพียง 2.7 ล้านบาร์เรล ทางด้านสต็อกน้ำมันเบนซินในคลังสหรัฐร่วงลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน โดยดิ่งลง 2.8 ล้านบาร์เรล สู่ 244.2 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมัน Distillate ในคลังสหรัฐ ซึ่งครอบคลุมน้ำมันดีเซลและน้ำมัน heating oil ปรับลดลง 510,000 บาร์เรล สู่ 121.1 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ EIA ยังรายงานอีกด้วยว่า อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันในสหรัฐพุ่งขึ้น 0.9% สู่ 81.5% แต่อัตราดังกล่าวยังคงอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีสำหรับช่วงนี้ของปี โดยอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอยู่ต่ำกว่า 83% ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนเม.ย.ปรับลง 33 เซนต์ หรือ 0.42% มาปิดตลาดที่ 78.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนขยับขึ้น 3 เซนต์ หรือ 0.04% มาปิดตลาดที่ 83.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 4.98 ดอลลาร์ สู่ 2,034.62 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ ในขณะที่เทรดเดอร์รอดูตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่จะได้รับการรายงานออกมาในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันพฤหัสบดี และเทรดเดอร์รอฟังถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจบ่งชี้ถึงกำหนดเวลาที่เฟดจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยด้วย ทั้งนี้ นายบ็อบ ฮาเบอร์คอร์น นักยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดของบริษัทอาร์เจโอ ฟิวเจอร์สกล่าวว่า "บรรยากาศการซื้อขายทองอยู่ในภาวะสงบเงียบในวันพุธ ก่อนที่จะมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจออกมาในวันพฤหัสบดี และเราก็คาดว่าราคาทองจะพุ่งขึ้นเหนือระดับ 2,050 ดอลลาร์ได้ก็ต่อเมื่อ มีการรายงานว่าอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง" Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
กรุงเทพฯ--19 ก.พ.--รอยเตอร์
ดอลลาร์สหรัฐทรงตัวในวันศุกร์ หลังจากสำนักงานสถิติแรงงาน (BLS) ในกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) สำหรับอุปสงค์ขั้นสุดท้ายในสหรัฐปรับขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2023 หรือครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 5 เดือน หลังจากดัชนี PPI ปรับลง 0.1% ในเดือนธ.ค. โดยตัวเลขของเดือนม.ค.อยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ +0.1% ทั้งนี้ รายงานดัชนี PPI ที่สูงเกินคาดนี้ช่วยกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.25-5.50% ตามเดิมจนถึงช่วงกลางปีนี้ โดยในตอนนี้นักลงทุนในตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดว่า มีโอกาสเพียง 10.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. โดยปรับลดลงจากโอกาส 79% ที่เคยคาดไว้ในช่วงต้นปีนี้ และนักลงทุนยังคาดการณ์อีกด้วยว่า มีโอกาสเพียง 33.7% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 30 เม.ย.-1 พ.ค. Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 104.28 ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ 104.26 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 150.21 เยนในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดวันพฤหัสบดีที่ 149.91 เยน โดยดอลลาร์/เยนพุ่งขึ้นมาแล้วราว 6.5% จากช่วงต้นปีนี้
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0774 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันศุกร์ ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ 1.0771 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี
ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงในวันศุกร์ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเกินคาดในเดือนม.ค. และตัวเลขดังกล่าวช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็ว ๆ นี้ โดยรายงานตัวเลขดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดการณ์กันว่า มีโอกาสสูงกว่า 50% เล็กน้อยที่เฟดจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 11-12 มิ.ย. โดยปรับลดลงจากโอกาสราว 75% ที่เคยคาดไว้ก่อนที่สหรัฐจะรายงานตัวเลข PPI ออกมา นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดสองคนก็แสดงความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อด้วย โดยนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวว่า เขาต้องการจะเห็นหลักฐานมากกว่านี้ว่า แรงกดดันเงินเฟ้อกำลังปรับลดลง แต่เขาเปิดโอกาสสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงฤดูร้อน ทางด้านแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโกกล่าวว่า ยังคงมีงานที่ต้องทำต่อไปในการรับประกันว่าราคาจะมีเสถียรภาพ ถึงแม้มีความคืบหน้าในการปรับลดภาวะเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ หุ้นบริษัทขนาดยักษ์ส่วนใหญ่ร่วงลงในวันศุกร์ โดยหุ้นบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ดิ่งลง 2.2% และมีส่วนกดดันดัชนีหุ้นกลุ่มบริการการสื่อสารของสหรัฐให้ดิ่งลง 1.56% อย่างไรก็ดี หุ้นบริษัทวัลแคน แมทีเรียลส์พุ่งขึ้น 5.2% หลังจากทางบริษัทคาดว่าผลกำไรตลอดทั้งปีจะปรับสูงขึ้น และการพุ่งขึ้นของหุ้นวัลแคนก็มีส่วนช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุให้ปรับขึ้นด้วย Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับลง 0.37% สู่ 38,627.99
ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.48% สู่ 5,005.57 แต่สามารถปิดตลาดเหนือระดับ 5,000 ได้เป็นครั้งที่ 4 ของปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง และจากการคาดการณ์ในทางบวกต่อธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 0.83% สู่ 15,775.65 โดยดัชนีสำคัญทั้ง 3 ดัชนีของตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนลบ หลังจากปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนบวกมานาน 5 สัปดาห์ติดต่อกัน
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากความขัดแย้งทางการเมืองในภูมิภาคตะวันออกกลาง ในขณะที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ประกาศในวันพฤหัสบดีว่า ทางกลุ่มได้ยิงจรวดหลายสิบลูกเข้าใส่เมืองแห่งหนึ่งในภาคเหนือของอิสราเอล เพื่อตอบโต้ต่อการสังหารพลเรือน 10 คนในภาคใต้ของเลบานอน ทางด้านอิสราเอลได้ส่งเครื่องบินรบไปโจมตีเมืองราฟาห์ในเขตฉนวนกาซา ซึ่งถือเป็นแหล่งหลบภัยสุดท้ายสำหรับชาวปาเลสไตน์ในเขตกาซา นอกจากนี้ ก็มีผู้ยิงขีปนาวุธออกจากเยเมนเพื่อโจมตีเรือขนส่งน้ำมันดิบในทะเลแดงที่มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่อินเดียด้วย ทั้งนี้ ปัจจัยบวกที่ราคาน้ำมันได้รับจากความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางช่วยบดบังแรงกดดันที่ราคาน้ำมันได้รับจากรายงานขององค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) หลังจาก IEA คาดการณ์ในวันพฤหัสบดีว่า อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้นเพียง 1.22 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2024 โดยปรับลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ +1.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทางด้านบริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์รายงานในวันศุกร์ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซที่ใช้งานในสหรัฐลดลง 2 แท่น สู่ 621 แท่นในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 ก.พ. Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 1.16 ดอลลาร์ หรือ 1.49% มาปิดตลาดที่ 79.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่สัญญาเดือนมี.ค.จะครบกำหนดส่งมอบในวันอังคารที่ 20 ก.พ. ส่วนราคาสัญญาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนเม.ย.ทะยานขึ้น 87 เซนต์ มาปิดตลาดที่ 78.46 ดอลลาร์ในวันศุกร์ ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐเดือนใกล้ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้นราว 3% จากสัปดาห์ที่แล้ว
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับขึ้น 61 เซนต์ หรือ 0.74%มาปิดตลาดที่ 83.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้นกว่า 1% จากสัปดาห์ที่แล้ว
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 9.01 ดอลลาร์ สู่ 2,013.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ แต่ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการปรับลง 0.55% จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนลบเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูงในสหรัฐส่งผลให้นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ นายเอฟเวอเรทท์ มิลแมน หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดของบริษัทเกนส์วิลล์กล่าวว่า เนื่องจากเฟดไม่มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนมี.ค. ดังนั้นราคาทองจึงอาจจะประสบความยากลำบากในการพุ่งสูงเหนือระดับ 2,000 ดอลลาร์ และเขากล่าวเสริมว่า "ผมคาดว่าราคาทองจะดิ่งลงสู่ระดับราว 1,960 ดอลลาร์" Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
มูลค่ารวมทั้งหมดที่มีการลงทุนในบิทคอยน์ทะลุระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์แล้วเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนพ.ย.2021 ขณะที่คำสั่งซื้อกองทุน ETF บิทคอยน์ในตลาดสปอตของสหรัฐยังคงหนุนราคาบิทคอยน์
ราคาบิทคอยน์พุ่งสูงสุดที่ 52,079 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 25 เดือน และล่าสุดพุ่งขึ้น 4.29% มาที่ 51,690 ดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าตามราคาตลาดของบิทคอยน์พุ่งสู่ระดับ 1.013 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว และบิทคอยน์ทะยานขึ้นราว 22% แล้วนับตั้งแต่ต้นเดือนนี้ ซึ่งจะทำให้เป็นการพุ่งขึ้นรายเดือนมากที่สุดตั้งแต่เดือนต.ค.
นักวิเคราะห์กล่าวว่า คำสั่งซื้อหนาแน่นในกองทุน ETF ที่เพิ่งจดทะเบียนของสหรัฐทำให้ราคามีการเคลื่อนไหวในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และเงินทุนไหลเข้ากองทุน ETF บิทคอยน์ในตลาดสปอตของสหรัฐ 11 กองเพิ่มขึ้นเป็น 1.64 พันล้านดอลลาร์ในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันพุธ และในรอบ 5 วันทำการที่ผ่านมามีเงินทุนไหลเข้า 409 ล้านดอลลาร์แล้ว
ข้อมูลจาก Coingecko พบว่า มูลค่าตามราคาตลาดของบิทคอยน์เคยพุ่งแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 1.28 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย.2021 ขณะที่การลงทุนในบิทคอยน์มีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของตลาดสกุลเงินคริปโตโดยรวมที่มีมูลค่า 2.01 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมีอีเธอร์ และเงินดิจิทัลอื่นๆรวมอยู่ด้วย
บิทคอยน์เคยพุ่งทำสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ 69,000 ดอลลาร์ในเดือนพ.ย.2021 ก่อนที่จะปรับตัวย่ำแย่เกือบตลอดทั้งปี 2022 และช่วงแรกของปี 2023 เนื่องจากการคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก และการล้มละลายของบริษัทคริปโตหลายแห่ง รวมทั้งเอฟทีเอ็กซ์--จบ--
Eikon source text
กรุงเทพฯ--11 ม.ค.--รอยเตอร์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยนและยูโรในวันพฤหัสบดี ถึงแม้สหรัฐรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินคาด และตัวเลขดังกล่าวทำให้นักลงทุนบางรายไม่แน่ใจว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค.เหมือนอย่างที่เทรดเดอร์เคยคาดการณ์กันไว้หรือไม่ ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแรงงาน (BLS) ในกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากขยับขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย. โดยค่าที่พัก ซึ่งครอบคลุมค่าเช่าและค่าเข้าพักในโรงแรม ครองสัดส่วนสูงกว่าครึ่งหนึ่งของการปรับขึ้นของดัชนี CPI ในครั้งนี้ ส่วนดัชนี CPI ทั่วไปแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 3.4% ในเดือนธ.ค. โดยเร่งตัวขึ้นจาก 3.1% ในเดือนพ.ย. ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI ทั่วไปอาจปรับขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายเดือน และอาจปรับขึ้นเพียง 3.2% เมื่อเทียบรายปี นอกจากนี้ BLS ยังรายงานอีกด้วยว่า ดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานปรับขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ย. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 3.9% ในเดือนธ.ค. ซึ่งถือเป็นอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2021 หลังจากปรับขึ้น 4.0% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบรายปี Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 102.21 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยอ่อนค่าลงจาก 102.34 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ แต่ดัชนีดอลลาร์ยังคงอยู่ห่างจากจุดต่ำสุดรอบ 5 เดือนที่ 100.61 ที่เคยทำไว้ในวันที่ 28 ธ.ค.
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 145.28 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยร่วงลงจากระดับปิดตลาดวันพุธที่ 145.73 เยน หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 146.41 เยนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0970 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ 1.0971 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐขยับขึ้น แต่ดัชนี S&P 500 ขยับลง และดัชนี Nasdaq ทรงตัวในวันพฤหัสบดี ในขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินคาด และรายงานว่ายอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐร่วงลง 1,000 ราย สู่ 202,000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 ม.ค. ซึ่งถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐอยู่ในภาวะแข็งแกร่ง โดยรายงานตัวเลขเหล่านี้ทำให้นักลงทุนคาดการณ์กันว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐได้รับแรงหนุนเข้ามาบ้างจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีปรับลงจาก 4.030% ในช่วงท้ายวันพุธ สู่ 3.975% ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี หลังจากมีการเปิดประมูลพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปีขนาด 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์ และการเปิดประมูลดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน ทั้งนี้ ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐนั้น มีหุ้นเพียง 2 กลุ่มที่ปิดตลาดวันพฤหัสบดีในแดนบวก ซึ่งได้แก่หุ้นกลุ่มพลังงานที่ปิดบวกขึ้น 0.16% และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปิดปรับขึ้น 0.44% ทางด้านหุ้นธนาคารหลายแห่งร่วงลงก่อนที่ภาคธนาคารจะเริ่มต้นรายงานผลประกอบการรายไตรมาสในวันศุกร์นี้ โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ปดิ่งลง 1.77%, หุ้นเจพีมอร์แกน เชสปรับลง 0.42%, หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริการูดลง 1.33% และหุ้นเวลส์ ฟาร์โกขยับลง 0.08% Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับขึ้น 0.04% สู่ 37,711.02
ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 0.07% สู่ 4,780.24 ในวันพฤหัสบดี โดยดัชนีบวกขึ้นเพียง 0.21% จากช่วงต้นปีนี้ แต่ยังคงอยู่ใกล้สถิติระดับปิดสูงสุดที่ 4,796.56 ที่เคยทำไว้ในเดือนม.ค. 2022
ดัชนี Nasdaq ปิดขยับขึ้น 0.54 จุด หรือ 0% สู่ 14,970.19
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากอิหร่านเข้ายึดเรือเซนต์ นิโคลัส ซึ่งเป็นเรือขนส่งน้ำมันที่ติดธงของหมู่เกาะมาร์แชล และเป็นเรือที่ใช้ในการขนส่งน้ำมันดิบอิรักไปยังตุรกี โดยการเข้ายึดเรือนี้เกิดขึ้นนอกชายฝั่งประเทศโอมาน และถือเป็นการตอบโต้ต่อการที่สหรัฐเคยยึดเรือขนส่งและน้ำมันอิหร่านในปีที่แล้ว โดยเหตุการณ์ล่าสุดนี้ทำให้นักลงทุนกังวลกันว่า ความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางอาจจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐและรัฐบาลอังกฤษยังส่งสัญญาณอีกด้วยว่า ทั้งสองประเทศนี้อาจจะดำเนินมาตรการเพิ่มเติม ถ้าหากกลุ่มฮูตีในเยเมน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ยังคงดำเนินการโจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดงต่อไป ในขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้ผ่านมติในวันพุธที่เรียกร้องให้กลุ่มฮูตียุติการโจมตีเรือในทะเลแดงในทันที ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดีเซลในสหรัฐพุ่งขึ้นราว 3% สู่ระดับปิดสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์ โดยได้รับแรงหนุนจากพยากรณ์อากาศที่ระบุว่า พื้นที่หลายแห่งในสหรัฐจะเผชิญกับภาวะอากาศหนาวจัดในสัปดาห์หน้า Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนก.พ.ปรับขึ้น 65 เซนต์ หรือ 0.9% มาปิดตลาดที่ 72.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับขึ้น 61 เซนต์ หรือ 0.8% มาปิดตลาดที่ 77.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 4.69 ดอลลาร์ สู่ 2,028.09 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี หลังจากดิ่งลงแตะ 2,013.14 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดรอบ 1 เดือน โดยราคาทองได้รับแรงกดดันในช่วงแรกจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่อยู่สูงเกินคาด และจากถ้อยแถลงแบบสายเหยี่ยวของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพราะปัจจัยเหล่านี้ทำให้นักลงทุนคาดการณ์กันว่า เฟดอาจจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงต่อไปตามเดิมในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. อย่างไรก็ดี ดอลลาร์อ่อนค่าลงในวันพฤหัสบดี และการอ่อนค่าของดอลลาร์ก็ช่วยให้ทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ทั้งนี้ ลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์กล่าวในวันพฤหัสบดีว่า ตัวเลข CPI ล่าสุดบ่งชี้ว่า อาจจะเป็นการเร็วเกินไปที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนมี.ค. ทางด้านนายโธมัส บาร์คิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์กล่าวว่า ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ออกมาในครั้งนี้แทบไม่ได้บ่งชี้ถึงแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่มีความชัดเจน Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
กรุงเทพฯ--11 ม.ค.--รอยเตอร์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรในวันพุธ ในขณะที่นักลงทุนรอดูรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐในช่วงต่อไปในสัปดาห์นี้ และรายงานตัวเลขดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไปของสหรัฐอาจปรับขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายเดือน และอาจปรับขึ้น 3.2% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายปี ในขณะที่เทรดเดอร์คาดว่า เฟดอาจจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อกำลังชะลอตัวลงเข้าใกล้ระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 102.34 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยอ่อนค่าลงจาก 102.50 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยดัชนีดอลลาร์ยังคงอยู่ห่างจากจุดต่ำสุดรอบ 5 เดือนที่ 100.61 ที่เคยทำไว้ในวันที่ 28 ธ.ค.
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 145.73 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยพุ่งขึ้นจากระดับปิดตลาดวันอังคารที่ 144.47 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0971 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 1.0931 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นในวันพุธตามหุ้นบริษัทขนาดยักษ์ ซึ่งรวมถึงหุ้นบริษัทเอ็นวิเดียที่พุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ในระหว่างวัน และปิดบวกขึ้น 2.28% หลังจากบริษัท TSMC ของไต้หวัน ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปเหมือนกับเอ็นวิเดีย รายงานตัวเลขรายได้ไตรมาส 4 ที่สูงเกินคาด ทางด้านหุ้นบริษัทไมโครซอฟท์พุ่งขึ้น 1.86% และหุ้นบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ทะยานขึ้น 3.65% มาปิดตลาดที่ 370.47 ดอลลาร์ หลังจากหุ้นเมตาทะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2021 ในระหว่างวัน โดยได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า บริษัทมิสุโฮปรับขึ้นราคาเป้าหมายของหุ้นเมตาสู่ 470 ดอลลาร์ จากเดิมที่เคยตั้งไว้ที่ 400 ดอลลาร์ โดยการพุ่งขึ้นของหุ้นเมตามีส่วนช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มบริการการสื่อสารของสหรัฐให้พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันพุธด้วย โดยดัชนีหุ้นกลุ่มบริการการสื่อสารถือเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มใหญ่ที่ทะยานขึ้นมากที่สุดในวันพุธในบรรดาดัชนีหุ้นกลุ่มใหญ่ทั้ง 11 กลุ่มในตลาดหุ้นสหรัฐ อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นเพียงในวงจำกัดในวันพุธ เนื่องจากนักลงทุนรอดูรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพฤหัสบดี และรอดูดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันศุกร์ และนักลงทุนก็รอดูผลประกอบการของธนาคารขนาดยักษ์ของสหรัฐที่จะเริ่มได้รับการรายงานออกมาในสัปดาห์นี้ด้วย เมื่อธนาคารเจพีมอร์แกน เชส, แบงก์ ออฟ อเมริกา และซิตี้กรุ๊ป เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสสี่และผลประกอบการตลอดทั้งปีในวันศุกร์ที่ 12 ม.ค. Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.45% สู่ 37,695.73
ดัชนี S&P 500 ปิดปรับขึ้น 0.57 % สู่ 4,783.45 ในวันพุธ ซึ่งส่งผลให้ดัชนีอยู่ห่างเพียงแค่ 0.27% จากสถิติระดับปิดสูงสุดที่ 4,796.56 ที่เคยทำไว้ในวันที่ 3 ม.ค. 2022
ดัชนี Nasdaq ปิดบวกขึ้น 0.75 % สู่ 14,969.65
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ดิ่งลงในวันพุธ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างพลิกความคาดหมาย และรายงานตัวเลขดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลกับอุปสงค์ในตลาดสหรัฐ ทั้งนี้ EIA รายงานในวันพุธว่า สต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐพุ่งขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล สู่ 432.4 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ม.ค. ซึ่งสวนทางกับโพลล์รอยเตอร์ที่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจร่วงลง 700,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินในคลังสหรัฐทะยานขึ้น 8 ล้านบาร์เรล สู่ 245 ล้านบาร์เรล ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2022 ทางด้านสต็อกน้ำมัน Distillate ในคลังสหรัฐ ซึ่งครอบคลุมน้ำมันดีเซลและน้ำมัน heating oil พุ่งขึ้น 6.5 ล้านบาร์เรล สู่ 132.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2021 ในขณะที่อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันในสหรัฐปรับลดลง 0.6% สู่ 92.9% Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนก.พ.ดิ่งลง 87 เซนต์ หรือ 1.2% มาปิดตลาดที่ 71.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนรูดลง 79 เซนต์ หรือ 1% มาปิดตลาดที่ 76.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐร่วงลง 6.19 ดอลลาร์ สู่ 2,023.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ ในขณะที่นักลงทุนรอดูรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพฤหัสบดี และรอดูดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันศุกร์ อย่างไรก็ดี ราคาทองได้รับแรงหนุนเข้ามาบ้างในวันพุธจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไปของสหรัฐอาจปรับขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายเดือน และอาจปรับขึ้น 3.2% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายปี ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐอาจชะลอตัวลงสู่ 3.8% ในเดือนธ.ค. ซึ่งจะถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่กลางปี 2021 Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--4 ธ.ค.--รอยเตอร์
นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐระบุว่า นักลงทุนกำลังจับตาดูปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นสหรัฐในเดือนธ.ค. ซึ่งรวมถึงการขายหุ้นเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี และแนวโน้มที่ตลาดหุ้นมักจะพุ่งขึ้นในช่วงคริสต์มาส หรือที่เรียกกันว่า Santa Claus rally ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้ว 19.6% จากช่วงต้นปีนี้ และเพิ่งปิดตลาดวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 4,594.63 ซึ่งถือเป็นระดับปิดสูงสุดใหม่ของปี 2023 โดยตลาดหุ้นได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 ในขณะที่มีหลักฐานบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐชะลอการเติบโตลงในช่วงนี้
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวตามปัจจัยด้านฤดูกาลอย่างแข็งแกร่งในปีนี้ โดยดัชนี S&P 500 เพิ่งดิ่งลงเกือบ 5% ในเดือนก.ย. ในขณะที่เดือนก.ย.ถือเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นมักจะดิ่งลงมากที่สุดในแต่ละปี และหลังจากนั้นตลาดหุ้นสหรัฐก็แกว่งตัวผันผวนมากในเดือนต.ค.ปีนี้ ซึ่งเป็นเดือนที่ตลาดมักจะแกว่งตัวผันผวนมากอยู่แล้วในแต่ละปี และหลังจากนั้นดัชนี S&P 500 ก็พุ่งขึ้นเกือบ 9% ในเดือนพ.ย.ปีนี้ด้วย ซึ่งถือเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นมักจะพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน ทั้งนี้ สถิติข้อมูลจากในอดีตบ่งชี้ว่า เดือนธ.ค.ถือเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นสหรัฐมักจะพุ่งขึ้นมากเป็นอันดับสองของปี โดยดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นเฉลี่ย 1.54% ในเดือนธ.ค.ของแต่ละปีนับตั้งแต่ปี 1945 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ดัชนีก็มักจะปิดตลาดเดือนธ.ค.ในแดนบวกด้วย โดยดัชนีเคยปิดตลาดเดือนธ.ค.ในแดนบวกราว 77% ของเดือนธ.ค.ทั้งหมดนับตั้งแต่ปี 1945 เป็นต้นมา และสัดส่วน 77% นี้ถือว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับเดือนอื่น ๆ ของปี
ข้อมูลจากบริษัทแอลพีแอล ไฟแนนเชียลแสดงให้เห็นว่า ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐมักจะพุ่งขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเดือนธ.ค.ในอัตราที่แข็งแกร่งกว่าช่วงครึ่งแรก โดยดัชนี S&P 500 ปรับขึ้นเฉลี่ย 0.1% ในช่วงครึ่งแรกของเดือนธ.ค.หากวัดจากสถิติข้อมูลนับตั้งแต่ปี 1950 เป็นต้นมา และดัชนีพุ่งขึ้นเฉลี่ย 1.4% ในช่วงครึ่งหลังของเดือนธ.ค.
นักวิเคราะห์ระบุว่า หุ้นที่มีราคาดิ่งลงอย่างรุนแรงในปีนี้ อาจจะเผชิญกับแรงกดดันเพิ่มเติมในเดือนธ.ค.จากการขายหุ้นเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี เพราะว่านักลงทุนมักจะเทขายหุ้นดังกล่าวออกไปเพื่อตัดบัญชีก่อนสิ้นปี และสถิติข้อมูลจากในอดีตก็บ่งชี้ว่า หุ้นบางตัวในกลุ่มนี้อาจจะดีดขึ้นในช่วงปลายเดือนธ.ค.และในเดือนม.ค. เพราะว่านักลงทุนจะกลับเข้าซื้อหุ้นที่มีมูลค่าต่ำเกินไป ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 1986 เป็นต้นมา หุ้นที่เคยดิ่งลง 10% หรือมากกว่านั้นในเดือนม.ค.-ต.ค.ของแต่ละปี มักจะพุ่งขึ้นในเดือนพ.ย.-ม.ค.ในอัตราที่แข็งแกร่งกว่าดัชนี S&P 500 ราว 1.9% โดยแบงก์ ออฟ อเมริกา โกลบัล รีเสิร์ชระบุในรายงานที่ออกมาในช่วงปลายเดือนต.ค.ว่า ทางธนาคารแนะนำให้เข้าซื้อหุ้นบริษัทเพย์แพล โฮลดิงส์, ซีวีเอส เฮลธ์ และคราฟท์ ไฮนซ์ เพราะหุ้นเหล่านี้อาจจะดีดขึ้นตามปัจจัยด้านภาษี
ถึงแม้ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งมากในปีนี้ การพุ่งขึ้นเกือบ 72% ของดัชนี S&P 500 ในปีนี้ก็ได้รับแรงหนุนมาจากหุ้นบริษัทขนาดยักษ์เพียงไม่กี่แห่ง โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเติบโต ซึ่งรวมถึงหุ้นบริษัทแอปเปิล, เทสลา และเอ็นวิเดีย แต่หุ้นบริษัทอีกหลายแห่งไม่ได้ทะยานขึ้นมากนัก โดยดัชนี S&P 500 ในแบบที่ให้หุ้นแต่ละตัวในดัชนีมีน้ำหนักเท่ากัน ปรับขึ้นเพียงราว 6% จากช่วงต้นปี 2023--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน