ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



สหรัฐอเมริกา ค่าเฉลี่ยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก4 สัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อรายสัปดาห์ (SA)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา Ivey PMI (Not SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อสินค้าคงทนนอกกระทรวงกลาโหมที่ได้แก้ไข MoM (ไม่รวมเครื่องบิน)(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นการขนส่ง) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา คำสั่งซื้อโรงงาน MoM(ยกเว้นภาคกลาโหม) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงสต็อกก๊าซธรรมชาติประจำสัปดาห์ของ EIAค:--
ค: --
ค: --
ซาอุดิอาระเบีย การผลิตน้ำมันดิบค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การถือครองธนารักษ์สหรัฐฯของธนาคารกลางต่างประเทศรายสัปดาห์ค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย ดอกเบี้ยอ้างอิงค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราขายคืนค:--
ค: --
ค: --
อินเดีย อัตราเงินสดสำรองค:--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น อินดิเคเตอร์ชั้นนำเบื้องต้น (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax YoY (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหราชอาณาจักร ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax MoM (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้าYoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การส่งออก (พ.ย.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล
กรุงเทพฯ--28 พ.ย.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอ่อนค่าลงในวันจันทร์ โดยได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า วัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สิ้นสุดลงแล้ว และเฟดอาจจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า โดยในตอนนี้นักลงทุนในตลาดสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐคาดว่า มีโอกาสราว 23% ที่เฟดจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.ปีหน้า และมีโอกาสราว 50% ที่เฟดจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค.ปีหน้า ทั้งนี้ นักลงทุนรอดูตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวที่จะได้รับการรายงานออกมาในสัปดาห์นี้ เพื่อใช้ในการประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต โดยตัวเลขที่นักลงทุนรอดูรวมถึงดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานของสหรัฐ ซึ่งถือเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐนิยมใช้, ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซน, อัตราเงินเฟ้อของออสเตรเลีย และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PM) ของจีน นอกจากนี้ นักลงทุนก็จะจับตาดูผลการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ในวันพุธ และการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) ในวันพฤหัสบดีที่ 30 พ.ย.ด้วย Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 103.14 ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ โดยอ่อนค่าลง จาก 103.41 ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ และมีแนวโน้มว่าอาจจะปิดตลาดเดือนพ.ย.ด้วยการดิ่งลงกว่า 3% จากเดือนต.ค. ซึ่งจะถือเป็นการดิ่งลงรายเดือนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2022
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 148.67 เยนในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ โดยร่วงลงจากระดับปิดตลาดวันศุกร์ที่ 149.44 เยน โดยดอลลาร์/เยนดิ่งลงมาแล้วราว 2% จากช่วงต้นเดือนพ.ย. และอาจจะปิดตลาดเดือนพ.ย.ด้วยการรูดลงรายเดือนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0953 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 1.0939 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันศุกร์ โดยยูโรพุ่งขึ้นมาแล้วราว 3.6% จากช่วงต้นเดือนพ.ย. และอาจจะปิดตลาดเดือนพ.ย.ด้วยการพุ่งขึ้นรายเดือนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 1 ปี
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลงเล็กน้อยในวันจันทร์ ในขณะที่นักลงทุนชะลอการลงทุนหลังวันขอบคุณพระเจ้า และฤดูการช้อปปิ้งในสหรัฐเริ่มต้นขึ้น โดยบริษัทอะโดบี อะนาลิทิกส์คาดการณ์ว่า ยอดขายสินค้าออนไลน์ในสหรัฐในวัน Cyber Monday หรือวันจันทร์หลังวันขอบคุณพระเจ้า อาจจะพุ่งขึ้นสู่สถิติสูงสุดใหม่ที่ 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ จาก 1.13 หมื่นล้านดอลลาร์ในวัน Cyber Monday ของปี 2022 อย่างไรก็ดี ความแข็งแกร่งของผู้บริโภคสหรัฐและภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานทำให้นักลงทุนหลายรายกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงต่อไปเป็นเวลานาน ทั้งนี้ ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐนั้น หุ้นกลุ่มการแพทย์และหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมถือเป็นหุ้น 2 กลุ่มที่ดิ่งลงอย่างรุนแรงที่สุดในวันจันทร์ ส่วนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยถือเป็นหุ้น 2 กลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด ทางด้านหุ้นบริษัทแอฟเฟิร์ม โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการชำระเงินแบบ "ซื้อก่อน, จ่ายทีหลัง" ปิดพุ่งขึ้น 12.0% ในวันจันทร์ และขึ้นไปแตะสถิติสูงสุดใหม่ในระหว่างวัน Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับลง 0.16% สู่ 35,333.47
ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.20% สู่ 4,550.43
ดัชนี Nasdaq ปิดขยับลง 0.07% สู่ 14,241.02
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ร่วงลงในวันจันทร์ ในขณะที่นักลงทุนรอดูการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) ในวันที่ 30 พ.ย. และคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกพลัสอาจจะดำเนินมาตรการจำกัดการผลิตน้ำมันต่อไปในปี 2024 ทางด้านแหล่งข่าวกล่าวต่อรอยเตอร์ในวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า กลุ่มโอเปกพลัสใกล้ที่จะประนีประนอมกับประเทศผู้ผลิตน้ำมันในทวีปแอฟริกาในเรื่องปริมาณการผลิตน้ำมันสำหรับปี 2024 หลังจากทั้งสองฝ่ายมีความเห็นขัดแย้งกันในเรื่องเป้าหมายปริมาณการผลิตน้ำมัน และความขัดแย้งดังกล่าวส่งผลให้กลุ่มโอเปกพลัสเลื่อนกำหนดการจัดประชุมออกไปสู่วันที่ 30 พ.ย. จากเดิมที่เคยกำหนดไว้ในวันที่ 26 พ.ย. ทั้งนี้ แหล่งข่าวกล่าวในวันจันทร์ว่า กลุ่มโอเปกพลัสกำลังพิจารณาเรื่องการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงอย่างรุนแรงกว่าเดิม ในขณะที่นักวิเคราะห์ของบริษัท ING คาดว่า ซาอุดิอาระเบียจะต่ออายุมาตรการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจในอัตรา 1 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไปในปีหน้า และคาดว่ารัสเซียจะต่ออายุมาตรการปรับลดอุปทานน้ำมันของตนเองเช่นกัน ทางด้านนักวิเคราะห์ของธนาคารโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ยอดส่งออกน้ำมันของกลุ่มโอเปกปรับลดลงมาแล้ว 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อเทียบกับระดับในเดือนเม.ย. ซึ่งตรงตามเป้าหมายที่กลุ่มโอเปกกำหนดไว้ Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนม.ค.ปรับลดลง 68 เซนต์ หรือ 0.9% มาปิดตลาดที่ 74.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับลดลง 60 เซนต์ หรือ 0.7% มาปิดตลาดที่ 79.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 11.67 ดอลลาร์ สู่ 2,013.64 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 2,017.82 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. หรือจุดสูงสุดรอบ 6 เดือน ในขณะที่การอ่อนค่าของดอลลาร์และการคาดการณ์ที่ว่า วัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้สิ้นสุดลงแล้ว ถือเป็นสองปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ราคาทองสร้างฐานเหนือระดับ 2,000 ดอลลาร์ ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 103.14 ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 3 เดือน และการอ่อนค่าของดอลลาร์ก็ช่วยให้ทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ทางด้านนายไคล์ ร็อดดา นักวิเคราะห์ตลาดการเงินของบริษัทแคปิตัลดอทคอมกล่าวว่า ตัวเลขจีดีพีสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพุธ และตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่จะออกมาในวันพฤหัสบดี จะเป็นปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวกำหนดว่า ราคาทองจะยังคงเคลื่อนตัวอยู่เหนือ 2,000 ดอลลาร์ได้ต่อไปหรือไม่ Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
บริษัทสหรัฐนับตั้งแต่ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี อาทิ อัลฟาเบ็ท และไมโครซอฟท์ไปจนถึงจีอี และแมทเทลได้รายงานอัตราการขยายตัวที่ชะลอตัวลงมาก และเตือนว่า สถานการณ์จะเลวร้ายลง ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะถดถอย และทำให้หุ้นดิ่งลง
ผลประกอบการที่น่าผิดหวังดังกล่าบ่งชี้ถึงปัญหาต่างๆที่กำลังถาโถมใส่เศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่ดอลลาร์ที่แข็งค่าก็กระทบผลกำไรในต่างประเทศของบริษัทขนาดใหญ่ และอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นมากกระตุ้นให้มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และบริษัทต้องขึ้นราคาสินค้า แม้ผู้บริโภคถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องลดการใช้จ่ายก็ตาม
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐลดลงในเดือนต.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2 เดือนติดต่อกันท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อมากขึ้น และความกังวลว่าอาจจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า
บริษัทไมโครซอฟท์ได้รายงานยอดขายที่ชะลอตัวที่สุดในรอบ 5 ปี และอัลฟาเบ็ทขยายตัวเพียง 6% ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดตั้งแต่เดือนก.ย.2013 ยกเว้นการลดลงเล็กน้อยในปี 2020 ส่วนกูเกิล ซึ่งหลายคนคาดว่าจะฟื้นตัวมากกว่าเนื่องจากการเป็นแพลตฟอร์มโฆษณาดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อดูจากส่วนแบ่งตลาด สร้างความประหลาดใจให้แก่ตลาดด้วยรายได้จากโฆษณาที่แย่กว่าที่คาดไว้ ขณะที่ผู้บริโภคในธุรกิจประกัน, สินเชื่อจำนอง และสกุลเงินคริปโต ได้ลดงบประมาณด้านโฆษณา
นายเจสส์ โคเฮน นักวิเคราะห์อาวุโสจากอินเวสติง.คอมกล่าวว่า "แม้จะถูกมองว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่ปลอดภัยที่สุดในวงการโฆษณาเมื่อเทียบกับบริษัทในกลุ่มเดียวกัน แต่ผลประกอบการที่ย่ำแย่ของกูเกิลก็เป็นสัญญาณล่าสุดที่แสดงว่า ปัจจัยพื้นฐานที่เลวร้ายลงและสภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ยากลำบากกำลังกระตุ้นให้บริษัทโฆษณาลดงบรายจ่ายลง"--จบ--
บริษัท cg42 ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการเปิดเผยรายงานระบุว่า คาดว่าหนี้ค้างชำระของลูกค้าประเภทซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (BNPL) ของสหรัฐจะแตะ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2025
ธุรกิจนี้ได้รับมาตรการส่งเสริมอย่างยิ่งในช่วงโรคโควิด-19 แพร่ระบาด เนื่องจากผู้บริโภคเลือกที่จะซื้อสินค้าทางออนไลน์ ซึ่งเป็นแนวโน้มที่กระตุ้นให้บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการชำระเงินผ่านระบบดิจิทัล อาทิ บล็อก อิงค์ และเพย์พาล โฮลดิงส์ อิงค์ขยายออกไปอีกในส่วนนี้
คาดว่าฐานลูกค้ากลุ่ม BNPL ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 27% ระหว่างปี 2022-2025
ธุรกิจ BNPL ยังคงเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่น เนื่องจากผู้บริโภคจำนวนมากประสบความยากลำบากในการประหยัด และบรรลุเป้าหมายทางการเงินของตนเอง และยังไม่มีกฎระเบียบควบคุมในสหรัฐ--จบ--
การเสนอขายหุ้นให้สาธารณชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ทั่วโลกระดมทุนได้สูงเป็นประวัติการณ์ 5.94 แสนล้านดอลลาร์ในปีนี้ เนื่องจากตลาดหุ้นพุ่งขึ้นมาก แต่ก็มักจะทำให้นักลงทุนผิดหวังกับผลการเคลื่อนไหวของหุ้น โดยบริษัทนับตั้งแต่สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีไปจนถึงบริษัทที่ซื้อกิจการได้พากันออกหุ้น IPO โดยฉวยประโยชน์จากความตั้งใจของนักลงทุนที่จะลงทุนแบบเก็งกำไร เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยต่ำและการเปิดประเทศอีกครั้งจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 นั้นได้กระตุ้นความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง
การลงทุนในหุ้นบางบริษัทก็ให้ผลตอบแทนดี โดยผู้ที่ซื้อหุ้น IPO มูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์ของ Affirm Holdings สตาร์ทอัพด้านการให้สินเชื่อที่ได้รับการสนับสนุนจาก PayPal Holdings ในเดือนม.ค.นั้น ได้ผลตอบแทนพุ่งขึ้นกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับดัชนี S&P 500 ที่ให้ผลตอบแทน 25% แต่หุ้น IPO หลายบริษัทก็ย่ำแย่ โดยหุ้น Oatly Group AB ผู้ผลิตนมวีแกนจากสวีเดนที่ขายหุ้น IPO ในตลาดหุ้นนิวยอร์คในเดือนพ.ค. ดิ่งลง 53% ขณะที่หุ้น Deliveroo แอปส่งอาหารของอังกฤษ ดิ่งลง 46%
นักการธนาคารหลายคนเตือนว่า หุ้นของหลายบริษัทที่ขายหุ้นให้สาธารณชนทั่วไปในปี 2021 ยังคงมีการซื้อขายที่ระดับสูงตามประวัติการณ์ แม้ได้รับผลกระทบหลังการขายหุ้น IPO นั่นเป็นเพราะว่านักลงทุนจำนวนมากเต็มใจจ่ายแพงเพื่อซื้อหุ้นบริษัทเหล่านี้ในรอบการระดมทุนส่วนบุคคลก่อน IPO
ข้อมูลจาก Refinitiv พบว่า มีบริษัทที่ขายหุ้น IPO จำนวนทั้งสิ้น 2,097 บริษัท ซึ่งระดมทุน 4.02 แสนล้านดอลลาร์ในปีนี้ทั่วโลก โดยจำนวนเงินทุนที่ระดับได้พุ่งขึ้น 81% และจำนวนหุ้น IPO พุ่งขึ้น 51% จากปี 2020
หุ้น IPO ที่เตรียมเสนอขายให้นักลงทุนในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าอยู่ในระดับแข็งแกร่งเช่นกัน โดย Reddit แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย, Via สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการขนส่ง, Cohesity ผู้ผลิตซอฟท์แวร์ และ TPG บริษัททุนส่วนบุคคลได้ยื่นกับทางการเพื่อขอเสนอขายหุ้นให้สาธารณชนทั่วไปแล้ว
แต่วาณิชธนกิจระบุว่า ผลการดำเนินงานทางการเงินที่ซบเซาของหุ้น IPO หลายบริษัทบ่งชี้ว่า กำไรที่พุ่งขึ้นอย่างมากในปีนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นอีกครั้งในปีหน้า โดยเฉพาะถ้าหากตลาดหุ้นชะลอตัวลงไปบ้างเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและความวิตกทางเศรษฐกิจอื่นๆ
--จบ--
นิวยอร์ค--1 พ.ย.--รอยเตอร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดปรับขึ้นในวันศุกร์หลังจากร่วงลงในช่วงแรก โดยราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรจะคงปริมาณการผลิตน้ำมันไว้ตามแผนเดิมต่อไป ทั้งนี้ กลุ่มโอเปกพลัสจะจัดการประชุมกันในวันที่ 4 พ.ย. ในขณะที่แอลจีเรียระบุในวันพฤหัสบดีที่ 28 ต.ค.ว่า กลุ่มโอเปกพลัสไม่ควรจะปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในอัตราที่สูงกว่า 400,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนธ.ค. เพราะว่าตลาดยังคงเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ และความไม่แน่นอน
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับขึ้น 76 เซนต์ หรือ 0.9% มาปิดตลาดที่ 83.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ หลังจากเพิ่งพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ 85.41 ดอลลาร์ในวันจันทร์ที่ 25 ต.ค. ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนขยับขึ้น 6 เซนต์ มาปิดตลาดที่ 84.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ หลังจากเพิ่งทะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 3 ปีที่ 86.70 ดอลลาร์ในวันจันทร์ที่ 25 ต.ค. ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการร่วงลง 11 เซนต์ จากระดับ 83.76 ดอลลาร์ในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลง 1.15 ดอลลาร์จากระดับ 85.53 ดอลลาร์ในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนลบเป็นครั้งแรกในรอบราว 2 เดือนสำหรับเบรนท์
นายจอห์น คิลดัฟ หุ้นส่วนของบริษัทอะเกน แคปิตัลกล่าวว่า "ถึงแม้ว่าอิหร่านอาจจะส่งออกน้ำมันได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต กลุ่มโอเปกพลัสก็ไม่มีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันในอัตราที่สูงกว่าเดิม และปัจจัยนี้ก็ช่วยหนุนราคาน้ำมันในวันศุกร์" ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันนับตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐพุ่งขึ้น 4.3 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 ต.ค. นอกจากนี้ อิหร่านก็ระบุว่า การเจรจาระหว่างอิหร่านกับชาติมหาอำนาจเพื่อฟื้นฟูข้อตกลงนิวเคลียร์จะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งก่อนสิ้นเดือนพ.ย. และสิ่งนี้อาจจะเปิดโอกาสให้อิหร่านส่งออกน้ำมันได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต
บริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์สรายงานในวันศุกร์ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในสหรัฐปรับขึ้น 2 แท่น สู่ 544 แท่นในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 29 ต.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2020 เป็นต้นมา นอกจากนี้ จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซก็พุ่งขึ้นรวมกัน 23 แท่นสำหรับช่วงตลอดทั้งเดือนต.ค.ด้วย ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นรายเดือนเป็นเดือนที่ 15 ติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบสหรัฐที่ทะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 7 ปีในวันที่ 25 ต.ค. ทั้งนี้ บริษัทเอ็กซอนและบริษัทเชฟรอนระบุในวันศุกร์ว่า ทั้งสองบริษัทเตรียมที่จะปรับเพิ่มจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในแอ่งเพอร์เมียน หลังจากที่เคยปรับลดจำนวนคนงานและปริมาณการผลิตน้ำมันในแอ่งดังกล่าวในปีที่แล้ว โดยเชฟรอนจะปรับเพิ่มจำนวนแท่นขุดเจาะขึ้น 2 แท่นในไตรมาสนี้
ราคาก๊าซธรรมชาติในอังกฤษและยุโรปยังคงดิ่งลงต่อไปในวันศุกร์ หลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียอาจจะเริ่มต้นจัดส่งก๊าซธรรมชาติเข้าสู่คลังเก็บในยุโรป--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--18 ต.ค.--รอยเตอร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปีในระหว่างช่วงการซื้อขายวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า อาจจะเกิดภาวะขาดแคลนอุปทานน้ำมันในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ในขณะที่การผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางกระตุ้นให้อุปสงค์น้ำมันพุ่งขึ้น ทั้งนี้ ทำเนียบขาวระบุว่า ทำเนียบขาวจะยกเลิกมาตรการจำกัดการเดินทางสำหรับชาวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนโรคโควิด-19 ครบโดสแล้วตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.เป็นต้นไป และการยกเลิกมาตรการดังกล่าวน่าจะช่วยหนุนให้ความต้องการใช้น้ำมันอากาศยานพุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ อุปสงค์น้ำมันยังได้รับแรงหนุนในช่วงที่ผ่านมาจากการที่บริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าหันมาใช้น้ำมันแทนก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่มีราคาแพงด้วย
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนพ.ย.ทะยานขึ้น 97 เซนต์ หรือ 1.2% มาปิดตลาดที่ 82.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 82.66 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2014 โดยราคาน้ำมันดิบสหรัฐปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้น 3.5% จากสัปดาห์ที่แล้ว และถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1% มาปิดตลาดที่ 84.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 85.10 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2018 หรือจุดสูงสุดรอบ 3 ปี โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้น 3% จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน
การดิ่งลงอย่างรุนแรงของตัวเลขสต็อกน้ำมันในคลังในสหรัฐและประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) มีแนวโน้มที่จะส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกอยู่ในภาวะตึงตัวต่อไป ทั้งนี้ นายเอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์ตลาดของบริษัท OANDA กล่าวว่า "การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในช่วงนี้จะหยุดชะงักลงได้ก็ต่อเมื่อเกิดเหตุการณ์ 3 อย่างดังต่อไปนี้ โดยเหตุการณ์แรกคือการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) ปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันให้สูงขึ้นไปอีก, เหตุการณ์ที่สองคือการที่ซีกโลกเหนือเผชิญกับภาวะอากาศอบอุ่น และเหตุการณ์ที่สามคือการที่รัฐบาลสหรัฐปล่อยน้ำมันออกจากคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ (SPR)"
บริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์สรายงานว่า บริษัทพลังงานสหรัฐปรับเพิ่มจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน ในขณะที่การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบกระตุ้นให้บริษัทบางแห่งเปิดใช้แท่นขุดเจาะน้ำมันอีกครั้ง ทั้งนี้ จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ใช้งานในสหรัฐพุ่งขึ้น 10 แท่น สู่ 543 แท่นในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 ต.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2020
องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ระบุในวันพฤหัสบดีที่ 14 ต.ค.ว่า ภาวะขาดแคลนพลังงานทั่วโลกจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะส่งผลให้กลุ่มโอเปกพลัสผลิตน้ำมันดิบต่ำกว่าความต้องการ 700,000 บาร์เรลต่อวันในไตรมาส 4 ปีนี้ จนกว่ากลุ่มโอเปกพลัสจะปรับเพิ่มปริมาณการผลิตในเดือนม.ค.ปีหน้า--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--11 ส.ค.--รอยเตอร์
นักลงทุนกำลังมองหาหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากการที่รัฐบาลสหรัฐปรับเพิ่มงบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานขนาด 1 ล้านล้านดอลลาร์ในวันอังคารด้วยคะแนนโหวต 69-30 เสียง และร่างกฎหมายดังกล่าวจะเข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในขั้นตอนต่อไป โดยร่างกฎหมายนี้จะส่งผลให้สหรัฐลงทุนเป็นเงินจำนวนมากที่สุดในรอบหลายสิบปีในโครงการด้านถนน, สะพาน, ท่าอากาศยาน และการขนส่งทางน้ำ ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนได้เข้าซื้อหุ้นบริษัทต่าง ๆ ที่จะได้รับประโยชน์จากงบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานในช่วงที่ผ่านมา และปัจจัยนี้ก็มีส่วนช่วยหนุนให้หุ้นกลุ่มวัสดุกับหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้วราว 18% จากช่วงต้นปีนี้ ซึ่งใกล้เคียงกับการทะยานขึ้นของดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐ อย่างไรก็ดี ผู้จัดการกองทุนบางรายพยายามมองหาหุ้นตัวอื่น ๆ ที่มีมูลค่าต่ำเกินไป และมุ่งความสนใจไปยังทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) บางแห่งด้วย
นักลงทุนกำลังกระจายพอร์ตการลงทุนในช่วงนี้ ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และดัชนี S&P 500 เพิ่งพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ในวันอังคาร ถึงแม้ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันจากปัจจัยหลายประการด้วยกันในช่วงนี้ โดยปัจจัยลบเหล่านี้รวมถึงมูลค่าหุ้นที่ระดับสูง, การพุ่งขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา และการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะปรับลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลงในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นมาแล้วราว 2 เท่าจากจุดต่ำสุดของเดือนมี.ค. 2020 โดยพุ่งขึ้นจากระดับ 2,191.86 ในเดือนมี.ค.2020 สู่สถิติสูงสุดใหม่ที่ 4,445.21 ในวันอังคาร ในขณะที่ค่าพีอีเรโชของดัชนี S&P 500 อยู่ที่ 21.3 เท่าของคาดการณ์ผลกำไรช่วง 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 15.4 เท่าเป็นอย่างมาก
นายสก็อตต์ เฮลฟ์สไตน์ หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตามแนวโน้มในบริษัทโพรแชร์สกล่าวว่า บริษัทของเขาได้เพิ่มการลงทุนใน REIT ที่เป็นเจ้าของท่าเรือและหอส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือ อย่างเช่น บริษัทคราวน์ คาสเซิล อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ป เพราะเขาเชื่อว่าบริษัทกลุ่มนี้จะได้รับประโยชน์จากกฎหมายโครงสร้างพื้นฐาน โดยหุ้นคราวน์ คาสเซิลพุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 20% จากช่วงต้นปีนี้ ในขณะที่ดัชนี S&P U.S. Real Estate REIT ทะยานขึ้นมาแล้วราว 25% จากช่วงต้นปีนี้ นอกจากนี้ นายเฮฟสไตน์ได้ซื้อหุ้นในบริษัทก๊าซธรรมชาติด้วย ซึ่งรวมถึงบริษัทวิลเลียมส์ คอมปานีส์ อิงค์
นายจอห์น โมว์รีย์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทเอ็นเอฟเจ อินเวสท์เมนท์ กรุ๊ปได้ปรับเพิ่มการถือหุ้นในบริษัทนอร์โฟล์ค เซาเธิร์น คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ประกอบการทางรถไฟ เนื่องจากเขาคาดว่ารายได้ของนอร์โฟล์คจะได้รับแรงหนุนเป็นอย่างมาก เมื่อมีการขนส่งวัสดุก่อสร้างทั่วสหรัฐในอนาคต โดยหุ้นนอร์โฟล์คปรับขึ้นราว 9% จากช่วงต้นปีนี้ ส่วนค่าพีอีเรโชของหุ้นนอร์โฟล์คเคลื่อนตัวอยู่ใกล้จุดต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ นอกจากนี้ นายโมว์รีย์ก็ได้เข้าซื้อหุ้นบริษัทอเมริกัน วอเตอร์ เวิร์คส์ คอมปานี อิงค์ในกลุ่มสาธารณูปโภคด้วย เนื่องจากเขาคาดว่าบริษัทนี้จะได้รับประโยชน์จากร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ เขากล่าวว่า "บริษัทเหล่านี้มีโอกาสที่จะปรับปรุงระบบของตนเองให้ดีขึ้นโดยใช้เงินจากภาครัฐบาล แทนที่จะต้องใช้เงินจากภายในบริษัทเอง"
นักลงทุนได้เข้าซื้อกองทุน ETF ที่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้วย โดยกองทุน iShares U.S. Infrastructure Exchange Traded Fund มีเงินลงทุนไหลเข้าเป็นจำนวน 5 สัปดาห์ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา และมีเงินไหลเข้าสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 51 ล้านดอลลาร์ในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 ก.ค. ทั้งนี้ นายแบร์รี เจมส์ ผู้จัดการกองทุนเจมส์ แอดเวนเทจ ฟันด์ระบุว่า เขาได้ปรับเพิ่มสถานะการลงทุนในบริษัทเฟดเอ็กซ์ คอร์ป และในบริษัทกลุ่มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ อย่างเช่นอะเมซอนดอทคอม เนื่องจากเขาคาดว่าร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยลดเวลาในการขนส่งสินค้าทางถนนลงได้--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน