ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน












สัญญาณ VIP
ทั้งหมด
ทั้งหมด



ฝรั่งเศส บัญชีเดินสะพัด (Not SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส ดุลการค้า (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ฝรั่งเศส การผลิตภาคอุตสาหกรรม MoM(SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
อิตาลี ดัชนียอดค้าปลีก MoM (SA) (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน YoY (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final YoY (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน GDP Final QoQ (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงาน QoQ (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
ค: --
ยูโรโซน การจ้างงานสุดท้าย (SA) (ไตรมาส 3)ค:--
ค: --
บราซิล PPI MoM (ต.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
เม็กซิโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการว่างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา อัตราการมีส่วนร่วมในการจ้างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงาน (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานนอกเวลา (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
แคนาดา การจ้างงานเต็มเวลา (SA) (พ.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายได้ส่วนบุคคล MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE YoY (SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาธนาคารกลางรัฐดัลลาส สหรัฐอเมริกา PCE YoY (ก.ย.)--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคา PCE MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา รายจ่ายส่วนบุคคล MoM(SA) (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักMoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาPCEหลักYoY (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา เงินเฟ้อเบื้องต้น UMich 5-YearYoY (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลที่จริง MoM (ก.ย.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์เงินเฟ้อ 5-10 ปี (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีสถานภาพเบื้องต้น UMich ปัจจุบัน (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้น UMich (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปี UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ดัชนีความคาดหวังผู้บริโภค UMich (เบื้องต้น) (ธ.ค.)ค:--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา ปริมาณเครื่องเจาะน้ำมันทั้งหมดรายสัปดาห์--
ค: --
ค: --
สหรัฐอเมริกา สินเชื่ออุปโภคบริโภค (SA) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ เงินตราที่ใช้เป็นทุนสำรอง (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า YoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้าYoY (USD) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การนำเข้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ดุลการค้า (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ การส่งออก (พ.ย.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ค่าจ้าง MoM (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ดุลการค้า (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น GDPที่แท้จริง QoQ (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น GDP Nominal แก้ไขQoQ (ไตรมาส 3)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น ดุลการค้า (SA)(ข้อมูลศุลกากร) (ต.ค.)--
ค: --
ค: --
ญี่ปุ่น GDP ประจำปี (แก้ไข) QoQ (ไตรมาส 3)--
ค: --
จีนแผ่นดินใหญ่ ปริมาณการส่งออก YoY (CNH) (พ.ย.)--
ค: --
ค: --


ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
อัปเดตล่าสุด
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด

ไม่มีข้อมูล
บริษัทสหรัฐนับตั้งแต่ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี อาทิ อัลฟาเบ็ท และไมโครซอฟท์ไปจนถึงจีอี และแมทเทลได้รายงานอัตราการขยายตัวที่ชะลอตัวลงมาก และเตือนว่า สถานการณ์จะเลวร้ายลง ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะถดถอย และทำให้หุ้นดิ่งลง
ผลประกอบการที่น่าผิดหวังดังกล่าบ่งชี้ถึงปัญหาต่างๆที่กำลังถาโถมใส่เศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่ดอลลาร์ที่แข็งค่าก็กระทบผลกำไรในต่างประเทศของบริษัทขนาดใหญ่ และอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นมากกระตุ้นให้มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และบริษัทต้องขึ้นราคาสินค้า แม้ผู้บริโภคถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องลดการใช้จ่ายก็ตาม
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐลดลงในเดือนต.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2 เดือนติดต่อกันท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อมากขึ้น และความกังวลว่าอาจจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า
บริษัทไมโครซอฟท์ได้รายงานยอดขายที่ชะลอตัวที่สุดในรอบ 5 ปี และอัลฟาเบ็ทขยายตัวเพียง 6% ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดตั้งแต่เดือนก.ย.2013 ยกเว้นการลดลงเล็กน้อยในปี 2020 ส่วนกูเกิล ซึ่งหลายคนคาดว่าจะฟื้นตัวมากกว่าเนื่องจากการเป็นแพลตฟอร์มโฆษณาดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อดูจากส่วนแบ่งตลาด สร้างความประหลาดใจให้แก่ตลาดด้วยรายได้จากโฆษณาที่แย่กว่าที่คาดไว้ ขณะที่ผู้บริโภคในธุรกิจประกัน, สินเชื่อจำนอง และสกุลเงินคริปโต ได้ลดงบประมาณด้านโฆษณา
นายเจสส์ โคเฮน นักวิเคราะห์อาวุโสจากอินเวสติง.คอมกล่าวว่า "แม้จะถูกมองว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่ปลอดภัยที่สุดในวงการโฆษณาเมื่อเทียบกับบริษัทในกลุ่มเดียวกัน แต่ผลประกอบการที่ย่ำแย่ของกูเกิลก็เป็นสัญญาณล่าสุดที่แสดงว่า ปัจจัยพื้นฐานที่เลวร้ายลงและสภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ยากลำบากกำลังกระตุ้นให้บริษัทโฆษณาลดงบรายจ่ายลง"--จบ--
นิวยอร์ค--6 ก.ค.--รอยเตอร์
ความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยส่งผลให้ผู้จัดการกองทุนบางรายโยกย้ายเงินลงทุนเข้าสู่หุ้นบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มเติบโตและกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มที่เคยพุ่งสูงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้จัดการกองทุนกลุ่มนี้คาดว่า หุ้นเหล่านี้อาจจะปรับตัวได้ดีกว่าหุ้นกลุ่มอื่น ๆ ในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย ทั้งนี้ หุ้นบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่ง ซึ่งรวมถึงหุ้นบริษัทไมโครซอฟท์, แอปเปิล และแอลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ดิ่งลงในระดับที่มากกว่าหรือเท่ากับดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากหุ้นเหล่านี้เคยพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งกว่าดัชนีตลาดหุ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี หุ้นเติบโตมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจน้อยกว่าหุ้นกลุ่มอื่น ๆ และด้วยเหตุนี้นักลงทุนบางรายจึงเชื่อว่า บริษัทในกลุ่มเติบโตที่มีอัตราผลกำไรสูงมาก อาจจะมีราคาหุ้นทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งกว่าดัชนีตลาดหุ้นโดยรวมได้ด้วย ถ้าหากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยในอนาคต ทั้งนี้ นางไซรา มาลิค หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทนูวีนกล่าวว่า "เริ่มมีสัญญาณบ่งชี้ถึงความเปราะบางในการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ดังนั้นคุณจึงควรจะเลือกลงทุนในบริษัทที่อยู่ในสถานะที่ดีมากในภาคเทคโนโลยี" โดยนางมาลิคได้ปรับเพิ่มสถานะการลงทุนในบริษัทอะเมซอนดอทคอม และบริษัทเซลส์ฟอร์ซดอทคอมในช่วงที่ผ่านมา และเธอกล่าวเสริมว่า บริษัทที่ไม่มีประสิทธิภาพในการทำกำไรจะยังคงได้รับแรงกดดัน
กระแสการลงทุนในหุ้นเหล่านี้ยังคงอยู่ในขั้นเริ่มต้น โดยผลสำรวจล่าสุดของแบงก์ ออฟ อเมริกา โกลบัล รีเสิร์ชระบุว่า ผู้จัดการกองทุนทั่วโลกปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขึ้นเพียง 0.07% และยังคงคาดการณ์ในทางลบต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีโดยรวม อย่างไรก็ดี บริษัทแวนดา รีเสิร์ชระบุว่า นักลงทุนรายย่อยได้เข้าช้อนซื้อหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีในช่วงที่ราคาดิ่งลงก่อนหน้านี้ ซึ่งรวมถึงหุ้นแอปเปิล ทั้งนี้ ดัชนี Russell 1000 สำหรับหุ้นเติบโตของสหรัฐดิ่งลง 28.4% ในช่วงครึ่งปีแรก ในขณะที่ดัชนี Russell 1000 สำหรับหุ้นคุณค่าของสหรัฐรูดลงเพียง 13.9% ในช่วงครึ่งปีแรก โดยหุ้นคุณค่านี้ครอบคลุมหุ้นกลุ่มพลังงานที่มักจะปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจด้วย ทางด้านดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลง 20.7% ในครึ่งปีแรก ซึ่งถือเป็นอัตราการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดสำหรับช่วงครึ่งปีแรกนับตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา
กองทุน ARK Innovation ETF ของนางแคธี วูด ดิ่งลงราว 57.7% ในช่วงครึ่งปีแรก โดยกองทุนแห่งนี้ถือครองหุ้นบริษัทใหม่ในภาคเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงหุ้นบริษัทซูม วิดีโอ คอมมูนิเคชันส์ และหุ้นบริษัทเทลาดอคที่ทำธุรกิจโทรเวชกรรม ทั้งนี้ นักลงทุนกังวลกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากยิ่งขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยธนาคารดอยช์ แบงก์เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักลงทุนในเดือนมิ.ย.ระบุว่า นักลงทุน 90% คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยก่อนสิ้นปี 2023 โดยพุ่งขึ้นจาก 78% ในผลสำรวจเดือนพ.ค.
นายแจ็ค จานาซีวิคส์ นักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทแนติซิส อินเวสท์เมนท์ แมเนเจอร์ส โซลูชันส์ระบุว่า ความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยถือเป็นเหตุผลอันดีสำหรับการปรับเพิ่มสถานะการลงทุนในบริษัทแอลฟาเบท และบริษัทต่าง ๆ ที่เคยมีราคาหุ้นดิ่งลงในช่วงที่ผ่านมาจนส่งผลให้มูลค่าหุ้นมีความน่าดึงดูด โดยขณะนี้ค่าพีอีเรโชล่วงหน้าของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐดิ่งลงสู่ 19.1 เท่าของคาดการณ์ผลกำไร ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2020 ทั้งนี้ นายลินด์เซย์ ฮอทัน ผู้จัดการพอร์ตลงทุนในบริษัทฮาร์เบอร์ แคปิตัลระบุว่า มีสัญญาณบ่งชี้ว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาจจะผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว และปัจจัยดังกล่าวอาจจะเปิดโอกาสให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. โดยบริษัทของเขาได้ขายหุ้นบางตัวในกลุ่มพลังงานออกมาในช่วงนี้ และโยกย้ายเงินลงทุนเข้าสู่หุ้นบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยี เพราะเขาเชื่อว่าหุ้นกลุ่มนี้อาจจะพุ่งขึ้นอย่างน้อย 20% ต่อปีในช่วงหลายปีข้างหน้า เนื่องจากมูลค่าหุ้นกลุ่มนี้อยู่ในระดับต่ำมาก และบริษัทในกลุ่มนี้น่าจะครองส่วนแบ่งตลาดได้มากขึ้น--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ดัชนี S&P 500 ปิดลบเล็กน้อยในวันพุธ ขณะที่นักลงทุนเผชิญกับช่วงปลายเดือน, ปลายไตรมาสที่ย่ำแย่ และช่วงครึ่งปีแรกที่เลวร้ายที่สุดสำหรับดัชนีของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทนับตั้งแต่การดำรงตำแหน่งในสมัยแรกของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน โดยดัชนีหุ้นทั้งสามตัวในตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัวผันผวนระหว่างแดนบวกและลบเกือบตลอดวัน ซึ่งดัชนี Nasdaq ปิดลดลงเล็กน้อย ส่วนดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกเล็กน้อย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 82.32 จุด หรือ 0.27% ที่ 31,029.31, ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 2.72 จุด หรือ 0.07% สู่ระดับ 3,813.83 และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 3.65 จุด หรือ 0.03% สู่ 11,177.89
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงมากที่สุดในดัชนี S&P 500 ขณะที่หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์พุ่งขึ้นมากที่สุด
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นกว่า 1.606% แล้วในปีนี้ ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดในช่วงครึ่งปีแรกนับตั้งแต่ปี 1984 และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่หุ้นกลุ่มเติบโตที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยร่วงลงกว่า 26% แล้วในปีนี้
กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า จีดีพีหดตัวมากกว่าที่ระบุไว้เล็กน้อยในไตรมาสแรกของปีนี้ ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคมีส่วนสนับสนุนจีดีพีน้อยกว่าที่รายงานไปเบื้องต้น--จบ--
(รอยเตอร์ โดย เสาวณีย์ เอกปัญญาชัย แปลและเรียบเรียง)
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นในวันนี้ ขณะที่การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร และการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีช่วยหนุนการพุ่งขึ้นของตลาดโดยรวม หลังจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีททำสถิติร่วงติดต่อกันนานที่สุดนับตั้งแต่ยุคดอทคอมดิ่งลงเมื่อกว่า 20 ปีก่อน และดัชนีหลักทั้งสามตัวพุ่งขึ้น 1.6-2.0% ขณะที่ปัจจัยหนุนใหญ่สุดมาจากการดีดตัวขึ้นอย่างมากของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อาทิ หุ้นแอปเปิล และหุ้นไมโครซอฟท์ คอร์ป ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น 5.1% หลังจากเจพีมอร์แกน เชสได้ปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้จากดอกเบี้ยในปีปัจจุบัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 618.34 จุด หรือ 1.98% ที่ 31,880.24, ดัชนี S&P 500 ปิดพุ่งขึ้น 72.39 จุด หรือ 1.85% สู่ระดับ 3,973.75 และดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 180.65 จุด หรือ 1.59% สู่ 11,535.27
นายชัค คาร์ลสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจากฮอไรซัน อินเวสเมนต์ เซอร์วิสเซสกล่าวว่า "ดูเหมือนว่า ตลาดคลายกังวลเรื่องเงินเฟ้อ และเฟดจะสามารถทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างนุ่มนวลได้ แต่แนวโน้มก็ยังคงอยู่ในช่วงขาลง"
เฟดจะเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายครั้งล่าสุดในวันพุธนี้ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้อาจจะหนุนแนวคิดที่ว่า อัตราเงินเฟ้อแตะจุดสูงสุดแล้วในเดือนมี.ค. และจะแสดงให้เห็นว่า ราคาที่ระดับสูงส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคแล้วหรือไม่
ฤดูแถลงผลประกอบการประจำไตรมาสแรกเกือบจะเสร็จสิ้นแล้ว โดยบริษัท 474 แห่งในดัชนี S&P 500 แถลงผลประกอบการแล้ว ซึ่ง 78% ในจำนวนดังกล่าวมีผลประกอบการดีเกินคาด--จบ--
(รอยเตอร์ โดย เสาวณีย์ เอกปัญญาชัย แปลและเรียบเรียง)
นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกนเตือนว่า หุ้นกลุ่มเติบโตที่มีกลุ่มเทคโนโลยีเป็นหลักยังคงมีราคาไม่ถูก แม้ดิ่งลงอย่างมากในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาก็ตาม โดยหุ้นกลุ่ม FAANG ลดช่วงบวกลงไปในปีนี้ หลังจากที่พุ่งขึ้นอย่างมาก ซึ่งหุ้นเฟซบุ๊คดิ่งลง 38%, หุ้นแอปเปิลร่วงลง 5.7%, หุ้นอะเมซอนร่วงลง 8.5% และหุ้นเน็ทฟลิกซ์ และกูเกิลดิ่งลง 35% และ 10% ตามลำดับ
พวกเขาคาดว่า โดยเฉลี่ยแล้ว บริษัทกลุ่มเทคโนโลยีที่ยังไม่ทำกำไร ร่วงลง 30% แล้วนับตั้งแต่พุ่งแตะระดับสูงสุดในเดือนก.ย.ปีที่แล้ว ขณะที่หุ้นกลุ่มฟินเทคที่เน้นแอปและเครื่องมือด้านการธนาคาร ร่วงลง 40%
มีโอกาสที่กำไรของหุ้นกลุ่มเติบโตอาจจะไม่พิเศษอีกต่อไป แม้ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญยังคงเป็นต้นทุนการกู้ในตลาดพันธบัตรก็ตาม ซึ่งต้นทุนพุ่งขึ้นมากในปีนี้ เนื่องจากธนาคารกลางชั้นนำได้วางกรอบสำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว
อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเป็นประวัติการณ์มาหลายปีทำให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นมาก แต่เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยจะปรับขึ้นอีกครั้ง ความน่าสนใจของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจึงลดลงสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะถ้าทิศทางการเติบโตไม่ชัดเจน
พวกเขากล่าวว่า "เราเชื่อว่า ผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับขึ้นอีกตลอดทั้งปีนี้ ขณะที่นักกลยุทธ์ด้านตราสารหนี้ของเราคาดว่า ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐจะแตะ 2.35% ภายในสิ้นปีนี้ และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของเยอรมนีจะแตะ 0.5%" เทียบกับ 1.92% และ 0.2% ตามลำดับในขณะนี้--จบ--
กองทุนหุ้นโลกได้รับคำสั่งซื้อเป็นจำนวนมากในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 2 ก.พ.จากมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับผลกำไรที่แข็งแกร่งของบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐ และจากความหวังว่า อัตราเงินเฟ้อจะลดลงในปีนี้
ข้อมูลจาก Refinitiv พบว่า นักลงทุนเข้าซื้อกองทุนหุ้นโลก 1.434 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อมากที่สุดเมื่อเทียบรายสัปดาห์นับตั้งแต่วันที่ 12 ม.ค.
นักลงทุนเข้าซื้อกองทุนหุ้นยุโรป 1.544 หมื่นล้านดอลลาร์ และกองทุนหุ้นเอเชีย 3.16 พันล้านดอลลาร์
กองทุนตลาดเงินโลกได้รับคำสั่งขาย 2.172 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากที่ได้รับคำสั่งซื้อเล็กน้อยในสัปดาห์ก่อน
กองทุนตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ได้รับคำสั่งซื้อสุทธิ 360 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่มีแรงขาย 3 สัปดาห์ติดต่อกัน ส่วนกองทุนหุ้นตลาดเกิดใหม่ได้รับคำสั่งซื้อ 2.31 พันล้านดอลลาร์--จบ--
รายงานโดยบริษัทกูเกิล, เทมาเส็ก โฮลดิงส์ และเบน แอนด์ คอมพะนีระบุว่า คาดว่าเศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ขณะที่ประชากรนับสิบล้านคนเริ่มยอมรับการซื้อของออนไลน์ และการส่งอาหาร และภูมิภาคนี้มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตรายใหม่เพิ่มขึ้น 60 ล้านคนนับตั้งแต่เชื้อโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาด ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเป็น 440 ล้านคน
ภูมิภาคเอเชีย ซึ่งประกอบด้วย 11 ประเทศนับเป็นหนึ่งในตลาดอินเทอร์เน็ตที่มีการเติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เนื่องจากมีประชากรกลุ่มเยาวชน, การใช้สมาร์ทโฟนอย่างรวดเร็ว และการขยายตัวของความเป็นเมือง และชนชั้นกลางที่ขยายตัว
คาดว่าอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะขยายตัวจาก 1.74 แสนล้านดอลลาร์ในด้านยอดขายสินค้า (GMV) ภายในสิ้นปี 2021 เป็น 3.60 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2025 และ 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการขยายตัวของอีคอมเมิร์ซ และการส่งอาหาร ขณะที่ผู้บริโภคที่อยู่ติดบ้านหันไปพึ่งพาอินเทอร์เน็ต
รายงานฉบับนี้ครอบคลุมอินโดนีเซีย, ไทย, เวียดนาม, สิงคโปร์, มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ และพบว่ายอดขายทางอีคอมเมิร์ซจะพุ่งขึ้นเกือบ 2 เท่าสู่ระดับ 1.20 แสนล้านดอลลาร์ภายในปีนี้ และแตะ 2.34 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2025
ทุกประเทศในรายงานฉบับนี้มีการขยายตัวในอัตราเลขสองหลักในปีนี้ โดยแค่อินโดนีเซียประเทศเดียวก็มี GMV ในสัดส่วน 40% จาก GMV ทั้งหมดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีมูลค่า 7.0 หมื่นล้านดอลลาร์--จบ--
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน