
กลุ่ม LMAX ได้ขยายการเข้าถึงผลิตภัณฑ์สัญญาซื้อขายล่วงหน้าแบบไม่จำกัดระยะเวลา (perpetual futures) โดยการผนวกรวมกิจการกับผู้ให้บริการเทคโนโลยี Gold-i ทำให้ลูกค้าของ Gold-i สามารถซื้อขายสัญญาของ LMAX ได้โดยตรงในตลาดซื้อขายที่มีการกำกับดูแลของกลุ่ม การพัฒนานี้ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในความพยายามของ LMAX ที่จะเพิ่มการมีส่วนร่วมของสถาบันในตลาดอนุพันธ์สินทรัพย์ดิจิทัล
บริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ฟิวเจอร์สแบบไม่จำกัดระยะเวลาชุดแรกในเดือนกันยายน โดยเริ่มแรกมีสัญญา BTC/USD และ ETH/USD ซึ่งทั้งสองสัญญาชำระด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ตามข้อมูลของ LMAX จะมีการเพิ่มรายการสัญญาอื่นๆ ตามมาเมื่อการยอมรับจากสถาบันการเงินเติบโตขึ้น ปัจจุบันกลุ่มบริษัทเสนออัตราส่วนเลเวอเรจสูงสุดถึง 1:100 สำหรับสัญญาเหล่านี้
เดวิด เมอร์เซอร์ ซีอีโอของ LMAX Group กล่าวว่า การขยายธุรกิจครั้งนี้สะท้อนถึงกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัทเกี่ยวกับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการกำกับดูแล “การเปิดตัวครั้งนี้ช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถทำการซื้อขายอนุพันธ์สินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานระดับสถาบันเดียวกันกับที่รองรับปริมาณการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและสินทรัพย์ดิจิทัลแบบทันทีมากกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อวัน” เขากล่าว เขายังเสริมว่า สัญญาซื้อขายล่วงหน้าแบบไม่จำกัดระยะเวลาจะช่วยขยายประเภทผลิตภัณฑ์และทำให้กลุ่มบริษัทเข้าใกล้การเป็นตลาดซื้อขายสินทรัพย์หลากหลายประเภทที่ครอบคลุมมากขึ้น
ข้อมูลจากอุตสาหกรรมชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในโครงสร้างตลาด ภายในกลางเดือนมิถุนายน สัญญาซื้อขายล่วงหน้าแบบไม่จำกัดระยะเวลา (perpetual futures) คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 68% ของปริมาณการซื้อขาย Bitcoin ทั้งหมด โดยอ้างอิงจากตัวเลขของ Kaiko เดิมทีเครื่องมือเหล่านี้กระจุกตัวอยู่เฉพาะในตลาดแลกเปลี่ยนนอกประเทศ แต่ปัจจุบันกำลังปรากฏให้เห็นมากขึ้นบนแพลตฟอร์มที่มีการกำกับดูแลในเขตอำนาจทางการเงินหลัก ๆ เนื่องจากความสนใจจากสถาบันการเงินเพิ่มสูงขึ้น
เจนน่า ไรท์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายสินทรัพย์ดิจิทัลของ LMAX Group กล่าวว่า การเปิดตัวครั้งนี้เป็น "ส่วนขยายที่เป็นธรรมชาติ" ของความพยายามของ LMAX ในการนำเสนอชุดผลิตภัณฑ์การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ครบวงจร เธอกล่าวว่า การเพิ่มสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแบบไม่จำกัดระยะเวลา "เป็นการตอกย้ำตำแหน่งของเราในฐานะพันธมิตรที่น่าเชื่อถือในด้านนี้"
คาดว่าการผนวกรวมเข้ากับ Gold-i จะช่วยให้บริษัทต่างๆ ที่ต้องการเข้าถึงตลาดอนุพันธ์คริปโตที่มีการกำกับดูแลโดยตรง สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ในขณะที่ความต้องการสภาพแวดล้อมการซื้อขายที่เป็นไปตามกฎระเบียบยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง